บทที่ 835 ทุกที่คือทอง
“จ้าวเฟิง เจ้ามีวิธีคลาย ‘ตราประทับล้างโลกา’ หรือไม่?”
ห้วงคิดเซียนของหนานเกงเซิ่งส่งเสียงไป ก็ยังหนีไม่พ้นปฏิกิริยาตอบสนองของ ‘มังกรวารีล้างโลกา’
การดำรงอยู่ของจ้าวเฟิงดึงดูดความสนใจของมังกรวารีทมิฬเข้าแล้ว
มองออกถึงพลังของ ‘ตราประทับล้างโลกา’ ได้ว่องไวเพียงนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
“จะคลายตราประทับได้หรือไม่ ไม่ใช่สิ่งสำคัญในตอนนี้อีกแล้ว”
จ้าวเฟิงโคลงศีรษะน้อยๆ ไม่ได้ตอบคำถามโดยตรง
หนานกงเซิ่งทอดถอนใจเบาๆ
จริงตามนั้น ต่อให้คลาย ‘ตราประทับล้างโลกา’ ได้ ประโยชน์ของมันก็ไม่มากนัก
มังกรวารีทมิฬด้านนอกนั่นต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวในคฤหาสน์อย่างเข้มงวดแน่นอน สิ่งสำคัญคืออำนาจที่ไม่อาจต่อกรของมังกร ตราประทับเป็นเพียงการคุกคามและจำกัดทุกคนไปอีกขั้นเท่านั้น
“หากข้าใช้ประโยชน์จาก ‘พลังอัสนีเทวะ’ ยังพอมีหวังจะขจัด ‘ตราประทับล้างโลกา’ ”
จ้าวเฟิงชั่งน้ำหนักพิจารณา
เมื่อเปรียบเทียบกัน ‘ตราประทับล้างโลกา’ ฉบับง่ายนี้ รับมือได้ง่ายดายกว่า ‘คำสาปมรณะ’ ในตอนนั้นเล็กน้อย เพราะอย่างไรราคาที่ต้องจ่ายให้คำสาปมรณะก็สูงค่ายิ่ง
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุ
สภาวะของมังกรวารีทมิฬอ่อนแอหาใดเปรียบ พลังอาจไม่ถึงหนึ่งในร้อยของตอนสมบูรณ์พร้อม อีกทั้งยังถูก ‘โซ่ผนึกวิญญาณ’ จำกัดไว้ มีความสามารถมากมายที่ทำไม่ได้ดั่งใจนึก
ทว่า จ้าวเฟิงไม่คิดจะคลายตราประทับรวดเร็วขนาดนี้ เพื่อเลี่ยงไม่ให้กระตุ้นความรู้สึกตื่นตัวขั้นสูงของมังกร
นอกคฤหาสน์เสียหยาง
“น่าสนใจทีเดียว…สติปัญญา สายเลือด และวิชาของคนเหล่านี้ไม่ธรรมดาเลย มีกระทั่งสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณกับพลังปราณเทวะช่วงสมบูรณ์”
แววนึกสนุกบนใบหน้ามังกรเพิ่มมากขึ้น
มนุษย์พวกนี้มีพลังแกร่งสุดแค่เทียบเท่าจักรพรรดิ ยังสามารถสร้างคลื่นลูกใหญ่ได้?
ในสายตามังกรวารีทมิฬ ต่อให้เป็นจักรพรรดิปราณเทวะก็เป็นเพียงมดปลวกที่ตัวใหญ่หน่อย ไม่มีค่าควรเอ่ยถึง
ภายในคฤหาสน์เสียหยาง บนพื้นที่ว่างจุดหนึ่ง
อัจฉริยะผู้เก่งกล้าทุกคนมารวมตัวกันทีละน้อย
“ข้ากับเซวียนหยวนเหวินไม่มี ‘ตราประทับล้างโลกา’ ในด้านกลยุทธ์ ไม่สู้ให้เราสองคนพิจารณาเสียก่อน”
องค์ชายเก้าเสนอแนะ
เมื่อเอ่ยดังนั้น คนที่เหลือต่างพยักหน้า ไม่พูดคุยหรือส่งเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน
เพราะทันทีที่พูดหรือส่งเสียงไป ตราประทับซึ่งผสานเข้าในกายจะรับรู้ได้โดยง่าย
คนจากวังลอยฟ้าและราชนิกูลต้าเฉียนรู้สึกดีใจอยู่บ้าง อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาเข้ามาในคฤหาสน์ก่อน จึงไม่ถูกประทับด้วยตราล้างโลกา
ผ่านไปไม่นาน
พวกขององค์ชายเก้าและเซวียนหยวนเหวินหารือจนได้กลยุทธ์ ก่อนได้รับการผงกศีรษะยอมรับจากทุกคน
“แผนของเราเตรียมรับมือได้สองทาง”
องค์ชายเก้าชะงักไป
สิ่งที่เรียกว่าเตรียมรับมือสองทางคือ คิดวิธีตามหากุญแจ ‘โซ่ผนึกวิญญาณ’ เวลาเดียวกันก็ต้องหาหนทางรับมือมังกรวารีทมิฬ และหลุดออกจากการควบคุมของมัน
“ถ้าพวกเราได้กุญแจโซ่ผนึกวิญญาณมาก่อน อาจใช้มันขู่บังคับมังกรนั่นได้”
องค์ชายเก้ายิ้มบาง กดเสียงลงจนต่ำมาก
ดวงตาทุกคนเป็นประกาย
จ้าวเฟิงก็พยักหน้าเงียบๆ แสดงออกว่าเห็นด้วย
หลังจากกำหนดกลยุทธ์ขั้นพื้นฐานกันเรียบร้อย กองกำลังยอดฝีมือเริ่มกระจายตัวหาโอกาสในคฤหาสน์ รวมทั้งกุญแจของโซ่ผนึกวิญญาณ
พรึ่บ! ภายใต้การปกคลุมของชั้นแสงสีเงินม่วง จ้าวเฟิงกับหนานกงเซิ่งก้าวไปยังส่วนลึกของคฤหาสน์
“เพิ่มความแข็งแกร่งของพลังก่อนถึงเป็นหนทางที่ถูกต้อง คฤหาสน์หลังนี้เป็นของเทพบรรพกาล โอกาสด้านในน่าจะเหนือกว่าโลกภายนอกมาก”
นัยน์ตาจ้าวเฟิงมีแววคาดหวังรอคอย
สิ่งปลูกสร้างในคฤหาสน์เสียหยางอยู่ใต้การปกปักของค่ายกลเทพคุ้มกัน เพียงแต่ความเป็นศัตรูและการคุกคามไม่รุนแรงเหมือนค่ายกลด้านนอก
อิฐทุกก้อนและกระเบื้องทุกแผ่นในนี้ เมื่อทรุดโทรมลงก็สามารถฟื้นคืนสภาพเดิมด้วยผลจากค่ายกลเทพคุ้มกัน ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเป็นคฤหาสน์ของเทพบรรพกาล วัสดุก่อสร้างย่อมเกินกว่าหลักการทั่วไป การโจมตีปกติยากจะสร้างความเสียหายแม้เพียงนิด
พรึ่บ! วินาทีหนึ่ง แสงสีเงินม่วงหยุดลงหน้าผืนป่าไม้ผล
“เอ๊ะ”
“ไอสวรรค์ฟ้าดินแก่กล้ามาก อยู่เหนือทรัพยากรสมบัติบางส่วนในเวลานี้ไปมากทีเดียว”
ใบหน้าของจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งเผยอาการตื่นตะลึง
ไอสวรรค์ในฟ้าดินที่ทรงพลังกลุ่มนั้นมาจากป่าไม้ผลใกล้เคียง
ครั้นเพ่งสายตามอง บนต้นไม้โบราณในป่ามีผลไม้จิตวิญญาณจำนวนหนึ่ง มันแผ่ไอสวรรค์ออกมาเบาบาง ยังผลให้รู้สึกกดดัน คนทั้งสองอดไม่ได้ เดินเข้าไปใกล้
“ไม่มีความคุ้มครองของค่ายกลเทพคุ้มกัน?”
ทั้งสองคนมองประเมิน สีหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ
ผลไม้เหล่านั้นในป่า หากอยู่ที่โลกภายนอกล้วนเป็นผลไม้จิตวิญญาณชั้นยอด ใช้หลอมโอสถหรือกินโดยตรงได้ สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจที่สุดคือ ป่าไม้ผลผืนนี้ไม่อยู่ในการปกปักรักษาของค่ายกล
เมี้ยว เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยพลันทะยานออกมา กระโดดขึ้นบนต้นไม้ ก่อนคว้าผลไม้มาผลหนึ่งแล้วกัดกินทันที
“สาลี่เมฆา…องุ่นมวลมังกร…พุทราอาทิตย์เลือด…”
จ้าวเฟิงรู้ที่มาของผลไม้พวกนี้จากแผนภาพความทรงจำมหาศาลในหัว
วูบ! วูบ! จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งบินเข้าไปร่วมเด็ดผลไม้เช่นกัน
ระหว่างนั้นราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีพลังจากภายนอกมารบกวน
“บางทีผลไม้เหล่านี้อาจเป็นเพียงของธรรมดาสามัญในคฤหาสน์นี้กระมัง”
จ้าวเฟิงได้ข้อสรุปขณะเก็บผลไม้
จากข้อมูลภาพประกอบ เขาพบว่าพวกมันเป็นผลไม้ล้ำค่าที่กินได้จากสมัยโบราณ ทว่าแฝงไอสวรรค์ทรงพลังไว้มากมาย ภายใต้สภาพแวดล้อมเฉพาะของคฤหาสน์เสียหยาง
ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดกินผลไม้จิตวิญญาณพวกนี้ จะมีผลหล่อเลี้ยงเลือดเนื้อร่างกายอย่างดีเยี่ยม และพัฒนาพลังฝึกตนได้
ถึงแม้เป็นขอบเขตปราณเทวะ กินไปสักหลายลูกก็มีประโยชน์ในระดับหนึ่ง
“ผลไม้ล้ำค่าพวกนี้โดยพื้นฐานสูญพันธุ์ไปแล้วที่โลกภายนอก”
หนานกงเซิ่งตื่นเต้นเล็กน้อย หากสามารถนำพวกมันออกไปโลกด้านนอก เรียกได้ว่าจะมีราคาแพงและหาซื้อได้ยาก อีกทั้งจำนวนผลไม้จิตวิญญาณของที่นี่ก็ไม่น้อยเลยจริงๆ
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
ตอนนั้นเอง กำลังคนสามกลุ่มแถวนั้นบินเข้ามาใกล้ป่าไม้ผลแห่งนี้
“ผลไม้จิตวิญญาณเยอะนัก! ไร้คนเฝ้ายาม และไม่มีการคุ้มกันจากค่ายกลด้วย?”
พวกเขาตื่นตะลึงกันยกใหญ่
ไม่นาน คนสามกลุ่มนี้ก็เข้ามาเก็บผลไม้จิตวิญญาณเช่นเดียวกัน
ผลไม้จิตวิญญาณมีจำนวนอย่างน้อยหลายพันลูก พวกเขาจึงไม่ต้องแย่งชิง
“มารคู่ผมม่วง!”
ฝั่งหนึ่งในกลุ่มกำลังคนนี้คือวังเก้านิรย
‘จิวอู๋จี้’ ชุดนักรบสีดำหรี่ตาลง มองประเมินพวกจ้าวเฟิงสองสามครา
ทว่า ความร้ายกาจและต่อกรยากของมารคู่ผมม่วง ทุกคนล้วนรู้กันทั่ว
ถึงแม้พวกเขามีเพียงสองคน แต่กองกำลังขั้วอำนาจสามดาวที่เหลือต่างไม่คิด หรือกระทั่งไม่กล้าจะเข้าไปยั่วยุอารมณ์ ทำเพียงลงแรงครู่หนึ่ง เด็ดผลไม้จิตวิญญาณในป่าไปจนเกลี้ยง
ช่างน่าแปลกใจนัก ระหว่างเก็บผลไม้ กำลังคนสามสำนักไม่มีเหตุกระทบกระทั่งเกิดขึ้น
ไม่มีเหตุผลอื่นใด ผลไม้จิตวิญญาณของที่นี่เยอะอย่างยิ่ง ทุกสำนักเก็บไปได้หลายร้อยหรือมากกว่าพันลูก
ทุกคนเผยอาการดีใจ ถึงแม้ผลไม้พวกนี้ไม่ใช่ของล้ำค่าพิเศษเฉพาะ แต่แทบไม่ต้องใช้กำลังอะไรก็เก็บเกี่ยวมาได้ พวกเขาจึงยังเบิกบานใจกันมาก
ครั้นเก็บผลไม้จิตวิญญาณเสร็จ คนทั้งหมดบินไปยังส่วนลึกของคฤหาสน์เสียหยาง
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งกัดเนื้อผลไม้ ไม่ยอมอยู่รั้งท้าย ถึงขั้นนำหน้ากำลังคนมากมายไป
ยามนี้ ข้อได้เปรียบของกลุ่มที่มีสองคนปรากฏให้เห็นแล้ว
ความจริงแล้ว กองกำลังอื่นๆ บางส่วนมีจำนวนคนมากมาย ทว่าสมาชิกทั่วไปล้วนไม่ถึงขอบเขตปราณเทวะ
พลังเฉลี่ยของหนานกงเซิ่งและจ้าวเฟิง ก็เกินกว่าอัจฉริยะยอดฝีมือหลายคนนัก
เพิ่งเข้าไปได้สิบกว่าลี้ ร่างของทั้งคู่พลันหยุดชะงัก
เคร้ง เคร้ง! ฉัวะ!
ป่าไผ่ด้านหน้ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังตัดต้นไผ่ เสียงโลหะกระทบกันลอยมา
ไผ่เขียวพวกนั้นโปร่งใสแวววาว ส่วนมากสูงสองสามจั้งถึงสิบจั้ง ขับกลิ่นอายรัศมีที่เขียวขจีบริสุทธิ์ออกมา
“ไผ่เสียงสวรรค์!”
เพียงเห็นจ้าวเฟิงจำไผ่ชนิดนี้ได้ทันที สีหน้าแปลกไปเล็กน้อย
ไผ่เสียงสวรรค์เป็นถึงไผ่โบราณสูงค่าที่ใช้หลอมสร้างอาวุธชั้นพิภพแขนงพฤกษา ซ้ำยังทำเป็นของวิเศษส่วนหนึ่งได้ด้วย โลกด้านนอก ไผ่จำพวกนี้เบื้องต้นสูญพันธุ์แล้ว จึงได้มาครอบครองยาก
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้างนอกพบเห็น ‘ไผ่เสียงสวรรค์’ ประเภทนี้ได้ยากนัก คุณสมบัติของพวกมันเกรงว่าหลอมสร้างอาวุธชั้นพิภพระดับสูงได้”
“รีบตัดเร็วเข้า! ออกจากมิติเทพลวงตาเมื่อใด พวกเราก็เป็นเศรษฐีแล้ว”
คนกลุ่มนั้นมาจากสำนักสามดาวแห่งหนึ่ง
พรึ่บ! แสงสีเงินม่วงพุ่งมาจากที่ไกลๆ ก่อนร่อนลงหน้าป่าไผ่เสียงสวรรค์
“ตัด! ไผ่คุณภาพดีเช่นนี้ ไม่ตัดไปสักหน่อยก็น่าเสียดายเกินไปแล้ว”
จ้าวเฟิงกับหนานกงเซิ่งเข้าไปร่วมขบวนตัดต้นไผ่ด้วย
วูบ! หนานกงเซิ่งมีพรสวรรค์ด้านมิติ แสงสีเงินม่วงที่บางเบายิ่งก่อตัวขึ้นกลางฝ่ามือ ทุกครั้งที่กวัดแกว่งจะฟันไผ่เสียงสวรรค์ขาดได้ต้นหนึ่ง
เมี้ยว เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยตวัดกริชมืดมิดดั่งเงา ก็สามารถตัดไผ่ต้นหนึ่งได้ง่ายดาย สบายมือกว่าหนานกงเซิ่งเสียอีก
จ้าวเฟิงไม่มีกลวิธีหรืออาวุธที่เป็นประโยชน์นัก จึงเพียงทะยานไปยังยอดไผ่สูงชะลูด แล้วมองสถานการณ์แถวนั้นจากเบื้องบน
มองคราวนี้เขาอดตะลึงไม่ได้ สีหน้าดูพิลึก ภายใต้การมองสำรวจของดวงตาเทพเจ้า เหล่าอัจฉริยะยอดฝีมือที่เข้ามาในคฤหาสน์ แต่ละคนเหมือนกระหายในบางสิ่ง ช่วงชิงต้นไม้ใบหญ้าภายในนี้อย่างบ้าคลั่ง
ในสายตา ทุกที่ในคฤหาสน์เสียหยางล้วนคือทองคำ
“อิฐกระเบื้อง ดอกไม้ใบหญ้า พวกที่สามัญที่สุดในคฤหาสน์ ก็ยังเป็นสมบัติล้ำค่าหายากสำหรับคนจากภายนอก”
จ้าวเฟิงอดทอดถอนใจไม่ได้
ต้องกล่าวเลยว่า ความห่างชั้นระหว่างเทพกับมนุษย์ไม่ใช่แค่มากเพียงธรรมดา
จากการสำรวจสอดส่องของเขา พันธุ์ไม้และสิ่งก่อสร้างที่ค่อนข้างสำคัญล้วนอยู่ใต้การปกปักของ ‘ค่ายกลเทพคุ้มกัน’
ส่วนของที่ทุกคนเอาไปได้ ทั้งหมดคือสิ่งไร้ค่าในสายตาของเจ้านายหรือกระทั่งข้ารับใช้ในคฤหาสน์ ไม่มีค่าควรให้เอ่ยถึง
อธิบายอย่างง่ายๆ คือ สำหรับคนในคฤหาสน์ พันธุ์ไม้เหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับอากาศและผืนดิน
บนเนินเขาฝั่งตรงข้าม
คนกลุ่มหนึ่งกำลังขุดเอาหินแร่ในดินอย่างบ้าระห่ำ
ข้างริมฝั่งน้ำอีกด้าน อัจฉริยะยอดฝีมือมากมายกระตือรือร้นผิดปกติ กระโดดลงแม่น้ำเพื่อจับปลาหรือเก็บหญ้าวารี
สายเลือดดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงกวาดมองโดยเร็ว ใบหน้ากระตุกเล็กน้อย
ที่แท้ ยอดฝีมืออัจฉริยะจากโลกภายนอกเหล่านี้ พอมาถึงที่นี่ก็ไม่ต่างจากพวกบ้านนอกที่เข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ไร้ผู้ดูแล สองตาเป็นประกายอย่างโจร ทั้งยังปล้นชิงไปทั่ว และจ้าวเฟิงก็เป็นหนึ่งในนั้น
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ แม้จะเป็นเขาก็ยังรู้สึกอับอายอยู่บ้าง
“พวกมนุษย์โง่เง่า! ต่อให้พวกเจ้าชิงเศษขยะผุผังมาอีกมากเท่าไหร่ หากทำภารกิจไม่สำเร็จภายในหนึ่งเดือน พวกเจ้าก็จะตายตกกันสิ้น!”
เสียงเย้ยหยันเย็นชาดังขึ้นข้างหูพวกเขา
ทุกคนที่มี ‘ตราประทับล้างโลกา’ บนร่างล้วนได้ยินเสียงนี้
ฉากนี้ในคฤหาสน์เสียหยาง ทำให้มังกรล้างโลกาทั้งรื่นรมย์ทั้งขบขัน เจือความไม่สบอารมณ์ต่อพวกไม่เอาถ่านไว้เล็กน้อย
มนุษย์พวกนี้กลับถูกดึงดูดจากของไร้ค่ารอบคฤหาสน์เสียหยาง หนำซ้ำยังทุ่มเทแรงทั้งหมดช่วงชิงมาอีก