Skip to content

King of Gods 957

King Of Gods

บทที่ 957 ประลองสายเลือด

กลิ่นอายน่ากลัวที่กำลังลุกโชนรุนแรงกระจายออกไปด้านนอกดุจคลื่นการโจมตี

ทะเลทรายสีเหลืองเข้มพลันถูกเคลือบด้วยเพลิงแดงฉาน อากาศที่ร้อนระอุบิดเบี้ยวไปมาประหนึ่งนรกภูมิ มองดูจากไกลๆ คนทั้งสองเหมือนดวงอาทิตย์แรงกล้าในสถานที่แห่งนี้ เปล่งแสงเพลิงโลหิตที่เจิดจ้าออกมา

วูบ! เลือดในร่างเถี่ยหลิงอวิ๋นสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ไฟวาววับบนร่างเหมือนโดนสะกดไว้จนอ่อนกำลังไปหลายส่วนภายใต้เพลิงอาทิตย์ของจ้าวเฟิง แต่ความรู้สึกดดันประเภทนี้ยิ่งทำให้เขาฮึกเหิมกว่าเดิม

ด้านหลังเถี่ยหลิงอวิ๋น เลือดในตัวเถี่ยอวิ๋นหั่วก็สั่นไหวน้อยๆ จากนั้นจึงเต้นระเร่าเหมือนจะลุกโชนขึ้นมาเช่นกัน

“นี่คือเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ!”

ดวงตาเถี่ยอวิ๋นหั่วมีไฟวูบวาบ จ้องร่างกายที่เปล่งแสงสีแดงเจิดจ้าอย่างสมบูรณ์แบบของจ้าวเฟิง เพลิงโลหิตที่ช่างงดงามราวเผาผลาญชีวิตมาเพื่อใช้ต่อสู้ ทำให้ใจเกิดความตื่นกลัวยำเกรงขึ้น

นี่คือสายเลือดสมบูรณ์แบบของตระกูลเถี่ย เขาเองก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

สายเลือดที่แข็งแกร่งเช่นนี้ หากกลับคืนสู่ตระกูลเถี่ย…

“นี่คือเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ!”

คนสองคนข้างกายเถี่ยอวิ๋นหั่วก็ย่อมรู้เรื่องนี้ ทว่าเมื่อเห็นพลานุภาพมหาศาลของเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์ด้วยตนเอง ในใจก็ยังสั่นสะท้าน!

เลือดในร่างของพวกเขาต่างรู้สึกได้ถึงการเผาไหม้ จึงรีบโคจรปราณที่แท้จริงต้านทานเศษเสี้ยวพลังที่หลงเหลือทันที่

เพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์ เป็นสายเลือดประเภทต่อสู้น่าสะพรึงกลัวที่อยู่ในสิบลำดับต้นของรายชื่อสายเลือดวิถีราชาได้

ไกลออกไปด้านหลังจ้าวเฟิง ตาเฒ่าอิงและคนอื่นๆ ถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว

พวกที่ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ ขอบเขตพลังค่อนข้างต่ำส่วนหนึ่ง

อย่างเช่นโจวซู่เอ๋อร์หรือซูชิงหลิง ต่างรู้สึกว่าทั่วร่างกายลุกไหม้ดังกองเพลิง แรงกดดันที่ทำเอาหายใจไม่ออกถาโถมเข้ามา

‘เป็นไปได้อย่างไร สายเลือดของจ้าวเฟิงกลับแข็งแกร่งกว่าของเถี่ยหลิงอวิ๋น!’

สืออวี่เหลยมีสีหน้าตื่นตะลึง ใจเต้นโครมคราม

เถี่ยหลิงอวิ๋นเป็นที่ยอมรับว่ามีสายเลือดแข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนรุ่นใหม่ของตระกูลเถี่ย และคนผู้นี้เก่งกาจเกินกว่าใครในตระกูล

พลังแข็งแกร่งที่ระเบิดออกมาของเถี่ยหลิงอวิ๋น ขนาดเขาที่ชำนาญในการป้องกันยังทนไม่ค่อยไหว แต่สายเลือดเพลิงมารโลหิตบนร่างของจ้าวเฟิง กลับพอข่มสายเลือดของเถี่ยหลิงอวิ๋นเอาไว้ได้

ความเป็นไปได้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น…

“ถูกต้อง เพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ!”

จิตใจของตาเฒ่าอิงสั่นสะท้าน เขาเองก็เพิ่งจะเคยเห็นสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ หรือสายเลือดวิถีราชาอันน่าพรั่นพรึงที่เกือบจะหายสาบสูญไปแล้ว

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

สีหน้าซูชิงหลิงหวาดกลัว นางนึกถึงคำพูดที่จ้าวเฟิงเคยพูดทั้งหมดในตอนช่วงชิงตำแหน่งรายชื่อ

คิดไม่ถึงว่าเป็นเรื่องจริง!

จ้าวเฟิงครอบครองสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์ ถึงได้ดึงดูดความสนใจจากผู้อาวุโสของตระกูลเถี่ยจนมาโน้มน้าวด้วยตนเอง แต่ในเวลานี้ จ้าวเฟิงที่ถูกพวกเขามองข้ามอีกครั้งกลับมีฝีมือสูสีกับอัจฉริยะชั้นเลิศของตระกูลเถี่ยผู้เป็นบริวารขององค์ชายสี่!

“ไม่เสียทีที่เป็นจ้าวเฟิง!”

องค์ชายเก้ามีสีหน้าตื่นเต้น ใจเต้นระรัว

พลังในตอนนี้ของจ้าวเฟิงอยู่เหนือกว่าสมาชิกในกลุ่ม ถึงขั้นเทียบเท่ากับสมาชิกที่เป็นกำลังรบหลักขององค์ชายห้าลำดับต้น และนอกจากนี้ จ้าวเฟิงยังรับหน้าที่ในตำแหน่งปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ กลายเป็นเสาหลักของกลุ่ม ทั้งหมดนี้อยู่เหนือจากการคาดเดาในตอนแรกสุดขององค์ชายเก้า

โครม… เถี่ยหลิงอวิ๋นที่สายเลือดถูกกดดัน เพลิงเจิดจ้าบนร่างแผ่พวยพุ่งออกมา พลานุภาพยิ่งใหญ่ที่ปะทุของเขาอยู่ในระดับเดียวกับจ้าวเฟิง

“ฮ่าๆ ให้ข้าลองสัมผัสรสชาติเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบหน่อย!”

จิตต่อสู้ทั่วร่างของเถี่ยหลิงอวิ๋นเหมือนเพลิงเผาผลาญบ้าคลั่ง

มารโลหิตโจมตี!

เถี่ยหลิงอวิ๋นสำแดงกระบวนท่านั้นอีกครั้ง ดูเหมือนมวลหินหลอมเหลวสีแดงสดสาดซัดพลังที่ทั้งภูติผีเทพเซียนต้องยำเกรงออกมา

“ฮึ!”

เพลิงมารโลหิตสมบูรณ์ มีแรงยับยั้งขั้นสูงต่อสายเลือดที่มีความบริสุทธิ์ค่อนข้างต่ำ จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าขอบเขตพลังฝึกตนของเขาและเถี่ยหลิงอวิ๋นที่แตกต่างกันมากถูกทดแทนไปส่วนหนึ่ง

พรึ่บ แซ่ด!

ปีกแสงอัสนีสีชาดของจ้าวเฟิงอยู่ในเพลิงแดงเป็นประกาย ประหนึ่งปีกนกอมตะพร้อมแสงสายฟ้า

โครม ตูม!

จากการระเบิดพลังครั้งใหญ่ของสายเลือด วิชาปีกอัสนีโบยบินสำแดงเสวียนอ้าวที่อยู่เหนือกว่าขีดจำกัดออกมา ดูเหมือนเพลิงแดงที่ปะทุออกกลุ่มหนึ่ง ลอยวูบวาบอยู่กลางอากาศ สาดประกายไฟสีแดงออกมาหลายดวง

บึ้ม บึ้ม เปรี้ยง!

คนทั้งสองปะทะเข้าหากันราวอุกกาบาต คลื่นเพลิงโลหิตร้อนแรงดุจคลื่นมหาสมุทรหมุนไปทั่วบริเวณ

ฟึ่บ! เงาทั้งสองร่างถอยหลังอย่างรวดเร็ว พลังต้องห้ามร้อนระอุกลุ่มหนึ่งระเบิดออกที่ใจกลาง

“ผลในการเผาผลาญถูกจำกัดเอาไว้แล้ว!”

ในขณะที่ต่อสู้กัน จ้าวเฟิงสัมผัสได้

สายเลือดของทั้งคู่เหมือนกัน การเผาผลาญของสายเลือดจ้าวเฟิงยากจะสำแดงบนร่างของเถี่ยหลิงอวิ๋น ก็เหมือนที่ต้องเผชิญหน้ากับกายจิตมารยักษ์ของ ‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’ ในตอนนั้น

ไอเพลิงโลหิตที่เกิดขึ้นจากการโจมตีของจ้าวเฟิง ในขณะที่กำลังจะเผาไหม้ไปทั่วร่างเถี่ยหลิงอวิ๋น ก็จะถูกเพลิงบนร่างเถี่ยหลิงอวิ๋นกลืนกินไป

การเผาผลาญของสายเลือดทั้งสองฝ่ายไม่อาจเกิดขึ้นได้

อีกอย่าง จุดเด่นของเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบอย่างดูดเลือดคืนปราณก็ลดลงไปเป็นจำนวนมาก

แต่ปราณและเลือดลมที่ดูดซึมมาเหมาะสมกับจ้าวเฟิงอย่างยิ่ง

มีผลฟื้นฟูไอสวรรค์และรักษาอาการบาดเจ็บได้โดยตรง และผลลัพธ์จะดีกว่ามาก

โครม! หมัดโลหิตแสงอัสนีของจ้าวเฟิงปะทะกับหอกเพลิงสีแดงของเถี่ยหลิงอวิ๋นอีกครั้ง พลานุภาพโจมตีรุนแรงทั้งสองชนิด ทุกครั้งที่ปะทะกัน ฟ้าดินจะเกิดเสียงฟ้าลั่นโครมคราม

“ฝีมือกลับไม่ต่างกันเลย!”

ปฐมเซียนสองคนในฟากของเถี่ยอวิ๋นหั่วอึ้งงันไป

จ้าวเฟิงที่มีพลังอยู่เพียงขอบเขตราชัน แต่กลับระเบิดกำลังรบออกมาได้เทียบเท่ากับเถี่ยหลิงอวิ๋น ถึงจะเป็นเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ ก็ไม่น่าจะมีความสามารถที่แปลกประหลาดเช่นนี้

“จ้าวเฟิงไม่ธรรมดาเลย ปราณที่แท้จริงหนาแน่นบริสุทธิ์ พลานุภาพมหาศาลสอดคล้องกับสายเลือดเพลิงมารโลหิตมาก!”

เถี่ยอวิ๋นหั่วจ้องจ้าวเฟิงโดยไม่กระพริบตาเสีย

คุณภาพปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงอยู่เหนือจักรพรรดิชั้นยอดทั่วไป และพลานุภาพยังไม่ธรรมดาด้วย

ตู้ม! พลังและการป้องกันของกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิง บวกกับผลลัพธ์จากการดูดเลือดคืนปราณของเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ สามารถทดแทนความต่างของขอบเขตพลัง รวมทั้งจำนวนปราณที่แท้จริงระหว่างเขาและเถี่ยหลิงอวิ๋นได้

หนำซ้ำสายเลือดเพลิงมารโลหิตของจ้าวเฟิงยังถูกพัฒนาเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นจากสถานการณ์ที่บีบคั้นนี้ ทำให้พลังกระเทือนทุกสรรพสิ่ง ยิ่งสู้รบก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นทุกที

วูบ! ดวงตาสองข้างของเถี่ยหลิงอวิ๋นเป็นประกายแวววับ จิตต่อสู้ทะลวงฟ้า

สำหรับความพิเศษของเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ ในฐานะที่เป็นคนของตระกูลเถี่ย เขาย่อมเข้าใจลึกซึ้งราวพลิกฝ่ามือ

ด้วยเหตุนี้ เถี่ยหลิงอวิ๋นจึงเผาผลาญปราณที่แท้จริงอย่างไม่เสียดายเพื่อเพิ่มพลังสายเลือด ต้านทานสิ่งพิเศษที่จะเกิดขึ้นจากเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ

“เหอะ ให้เจ้าได้ลิ้มลองวิชาฝึกฝนกายพร้อมกับเพลิงมารโลหิต รอให้ข้าเอาชนะเจ้าได้แล้ว ข้าจะช่วยโน้มน้าวผู้อาวุโสหงหนาน คนที่ไม่สามารถใช้สายเลือดได้ ต่อให้ครอบครองสายเลือดที่แกร่งมากขึ้นก็ไร้ซึ่งประโยชน์ใด!”

พลานุภาพของเถี่ยหลิงอวิ๋นกระเทือนเลือนลั่น ร่างกายเป็นลูกไฟเจิดจ้า ปลดปล่อยระลอกแสงสีแดงสุกสกาวออกมา ประหนึ่งถือกำเนิดใหม่จากกองเพลิง พลังแก่นแท้ร่างกายที่ลุกไหม้ร้อนแรงพลันถือกำเนิดขึ้น

โครม พู่ว!

จ้าวเฟิงลอยตัวอยู่กลางอากาศ แก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ถูกร่างกายที่ร้อนระอุโจมตี

พู่ว โครม! ท่ามกลางการประลองที่ไร้รูปร่างของพลังกายทั้งสอง เสียงระเบิดโครมครามดังขึ้นกลางอากาศว่างเปล่า

ตุ้บ! จ้าวเฟิงถอยร่นไปหลายก้าว ใจสั่นรัว

เถี่ยหลิงอวิ๋นกระตุ้นแก่นแท้ร่างกายที่พิเศษขึ้นมา เมื่อบวกกับสายเลือดเพลิงมารโลหิต พลังจึงไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย

ระหว่างที่คนทั้งสองต่างก็รุกคืบเข้าหากัน คาดคิดไม่ถึงว่าจะกดข่มกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์และเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบของเขาลงไป ไม่ควรจะมองข้ามศักยภาพของแปดตระกูลใหญ่ที่สามารถวิเคราะห์สายเลือดของตนเองได้ปรุโปร่งเกินจะเปรียบ

‘คิดไม่ถึงเลยว่าหลิงอวิ๋นจะใช้ ‘กายหยกสีชาด’ รวดเร็วเช่นนี้ แต่หากเป็นเช่นนี้ก็จำเป็นต้องให้การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว!’

ในใจเถี่ยอวิ๋นหั่วสั่นไหวอย่างรุนแรง

จะรับมือกับเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ จำเป็นต้องรีบต่อสู้และรีบให้จบลงโดยเร็ว

อีกทั้งวิชาฝึกฝนร่างกายของจ้าวเฟิงอยู่เหนือการคาดเดาของเถี่ยอวิ๋นหั่ ไม่เช่นนั้น เถี่ยหลิงอวิ๋นเองคงจะไม่ปลดปล่อยกายหยกสีชาด!

กายหยกสีชาดเป็นวิชาฝึกฝนร่างกายสูงสุดที่บรรพบุรุษต้นตระกูลตระกูลเถี่ยศึกษาค้นคว้าเอาไว้ เมื่อใช้พร้อมกับสายเลือดเพลิงมารโลหิตจะสามารถระเบิดพลังที่ทำลายล้างออกมาในฉับพลัน และเช่นเดียวกัน วิชาที่ฝืนฟ้าดินเช่นนี้เองก็มีผลข้างเคียงอย่างรุนแรง เมื่อใช้มันในระยะเวลาที่ยาวนานมากๆ อาจจะถึงขั้นทำร้ายแหล่งกำเนิดสายเลือดได้

‘แย่ล่ะ เป็นกายผลึกหยกสีชาดวิชาฝึกฝนร่างกายที่สูงส่งที่สุดของตระกูลเถี่ย!’

ใจตาเฒ่าอิงสั่นระรัว

เมื่อใช้วิชาดังกล่าวกับสายเลือดเพลิงมารโลหิตแล้วและรวมเอาพลังของปราณที่แท้จริง สายเลือดและแก่นแท้ร่างกาย จึงมากพอที่จะระเบิดพลังออกมาเป็นจำนวนหลายเท่าตัวกว่าปกติ

จ้าวเฟิงมีสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ แต่กลยุทธ์ที่ใช้ไม่ดีนัก และมากกว่านั้นไม่มีเคล็ดวิชาที่ใช้ควบคู่กัน

แต่ที่ตาเฒ่าอิงสงสัยก็คือ เหตุใดจ้าวเฟิงจึงไม่ยอมใช้วิชาดวงตาที่เป็นวิชาที่เขาชำนาญที่สุด!

“วายุอัสนีคุ้มกาย!”

จ้าวเฟิงผสานแก่นแท้พลังอัสนีศักดิ์สิทธิ์และวายุอัสนีธาตุไฟ บนผิวกายจึงปรากฏลายสายฟ้าเก่าแก่ที่สมจริงชั้นหนึ่งออกมาปกคุมร่างกาย

ในเวลาเดียวกัน พลังสายเลือดกลุ่มหนึ่งก็หลอมรวมเข้าไปภายใน

เกราะริ้วแสงอัสนีที่เก่าแก่เปล่งประกาย ผลึกแก้วสีแดงสุกสกาวก็โชติช่วงลุกโชน!

“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!”

พู่ว! จ้าวเฟิงปรากฏกายขึ้นบนเมฆสูง ปีกเพลิงอัสนีสีชาดพ่นแสงสีทองเพลิงโลหิตกลุ่มหนึ่งออกมา โดยหอบพลังที่ไร้ขอบเขตตรงดิ่งไปหาอีกฝ่าย

กลุ่มพลังยังมาไม่ถึงกลุ่มเพลิงสีชาดก็ระเบิดออกเสียก่อน แก่นแท้ร่างกายอันไร้ขอบเขตกดดันทำให้ร่างกายและจิตใจของผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ไกลๆ รู้สึกกดดันอย่างรุนแรง

“มาเลย!”

แสงสว่างใสสีชาดทั่วร่างของเถี่ยหลิงอวิ๋นเป็นประกายแวววับ เพลิงไฟลุกโชน พลางแหงนศีรษะมองจ้าวเฟิง จิตต่อสู้ในดวงตาสองข้างสว่างโชติช่วง

เขาไม่ได้หวาดกลัวพลังที่จ้าวเฟิงระเบิดออกมากลางอากาศ

พู่ว! เถี่ยหลิงอวิ๋นระเบิดพลังออกมาในฉับพลัน เป็นประหนึ่งมังกรสีชาดที่เปล่งแสงเจิดจ้าออกมา ในทุกที่ที่มันผ่านไปนั้นขนาดอากาศที่ว่างเปล่ายังโดนเผาไหม้ด้วย

โครม! เพลิงสีแดงโลหิตที่เจิดจ้ากลุ่มหนึ่งระเบิดออกมา กลายเป็นลมพายุเพลิงกลุ่มหนึ่งปกคลุมเงาของคนทั้งสองเอาไว้

พู่ว! แสงอัสนีสีชาดกลุ่มหนึ่งลอยออกมา!

“เป็นการระเบิดพลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!”

จ้าวเฟิงถูกโจมตีจนถอยร่นไปร้อยจั้ง เกราะอัสนีคุ้มกายถูกทำลายจนแหลกละเอียด ความเจ็บปวดรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ลายสายฟ้าอัสนีบนตัวของแก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกำลังจะแตกสลายไป

‘กายหยกสีชาด’ ของเถี่ยหลิงอวิ๋น เมื่อกระตุ้นเพลิงมารโลหิต จึงอยู่เหนือกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขา ยังดีที่ดูดเลือดคืนปราณของเพลิงมารโลหิต ยังพอจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ทันเวลา

ตุ้บ! เถี่ยหลิงอวิ๋นเองก็ถูกกระแทกจนล้มลงไปบนพื้น ทั่วร่างชาวาบและร้อนระอุ

ในขณะที่เกราะอัสนีคุ้มกายถูกทำลายลงไปนั้นเอง ก่อให้เกิดการทำลายล้างโต้กลับอย่างรุนแรง ต่อให้กายผลึกหยกสีชาดของเขายังทำอะไรไม่ได้

“ดีนี่จ้าวเฟิง ใช้กลวิชาโบยบินและเคล็ดวิชาป้องกันกาย ยังรับการโจมตีของ

เถี่ยหลิงอวิ๋น!”

เถี่ยอวิ๋นหั่วมองไปที่จ้าวเฟิงพลางผงกศีรษะ

การรบของชายผู้นี้โดดเด่นอย่างยิ่ง แทบจะไม่ด้อยไปกว่าลูกศิษย์ส่วนหนึ่งของตระกูลเถี่ยเลยแม้แต่น้อย

แต่ในวินาทีต่อไปเถี่ยอวิ๋นหั่วชะงักค้างไป

“นั่นคือ การโจมตีของโลหิตมาร เคล็ดวิชาสายเลือดตระกูลเถี่ย เขาเป็นวิชานี้ได้อย่างไรกัน?”

ในเวลาเดียวกันยังมีเถี่ยหลิงอวิ๋นที่ตกใจ ด้วยนี่คือการโจมตีโลหิตมารที่เขาเคยสำแดงไปในตอนแรกเริ่มสุด แล้วจึงเห็นว่าเพลิงโลหิตสีสว่างระเบิดรุนแรงทั่วร่างของจ้าวเฟิง เผาไหม้ปั่นป่วน เกิดเสียงปะทุระเบิดออกมา แล้วเบื้องหลังของเขาจึงเกิดเงาสีแดงปรากฏขึ้นช้าๆ น้ำวนภายในเงานั้นหมุนวนไปมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version