ตอนที่ 248 : ต่างฝ่ายต่างรอ
เมื่อทั้งสองฝ่ายทราบพิกัดของเอกสารต้นแบบฮัลโมซีน เรื่องราวทั้งหมดคงจบลงภายในค่ำคืนนี้…ขณะเดียวกันก็ยังหมายความว่า เบเคอร์ลันมีเวลาว่างพอจะสั่งเก็บเรา…คงเป็นสาเหตุของลางสังหรณ์ประหลาดในช่วงบ่ายวันนี้…ไคลน์เริ่มเข้าใจเรื่องราวและความหมายของอาการเจ็บหัวใจกะทันหัน
หากมันไม่มียันต์ถ้อยคำกัดกร่อนและคนคุ้มกันแข็งแกร่งราคา หนึ่งพันปอนด์ต่อสามวัน ป่านนี้คงบากหน้าไปขอหลบในสถานีตำรวจอย่างไม่ละอายใจ หรือไม่ก็สำนักงานใหญ่ของโบสถ์จักรกลไอน้ำประจำกรุงเบ็คลันด์ วิหารนักบุญฮิลลัน ด้วยวิธีนี้ ไคลน์จะปลอดภัยชั่วคราวและรอจนกว่าผลการลอบสังหารราชทูตเบเคอร์ลันจะได้ข้อสรุป ว่ากันตามตรง ชายหนุ่มไม่มั่นใจนักว่ามิสเตอร์ A จะทำภารกิจสำเร็จ จึงเตรียมแผนสำรองไว้แล้วในกรณีเบเคอร์ลันยังไม่ตาย
แต่ด้วยมาตรการป้องกันสองชั้นในปัจจุบัน ไคลน์ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนกับทางการแล้ว เพียงนั่งรออยู่บ้านและแสร้งทำตัวไร้เดียงสาให้อีกฝ่ายเข้ามาหาโดยประมาทก็พอ
ลึกๆ ในใจ ชายหนุ่มกำลังรอให้ผู้บุกรุกมาเคาะประตูบ้านสักที
ในเมื่อลำดับเก้า นักล่าอย่างเมอซอลเคยถูกเราจัดการ ฉะนั้นถ้าพวกมันคิดส่งใครมาเพิ่ม ลำดับต้องไม่ต่ำกว่าเจ็ดแน่ และอาจสูงถึงลำดับห้า… มีโอกาสมาเป็นกลุ่ม อย่างไรก็ตาม หากเราฆ่าพวกมันได้หมดและชิงตะกอนพลังมาครอบครอง คงได้เงินก้อนใหญ่มากพอสำหรับชดเชยความเสียหาย…ใช่แล้ว เราต้องพูดกำกวมให้มิสบอร์ดี้การ์ดเข้าใจว่า ตัวเรายอมเสี่ยงดวงกับ ‘ใบหูสีดำ’ และโชคดีได้รับประโยชน์จากมัน ส่งผลให้กลายเป็นผู้วิเศษในภายหลัง…เรื่องนี้คงปิดบังไปตลอดไม่ได้ เพราะหากการต่อสู้เกิดตึงมือ เราต้องช่วยสนับสนุนเธอทางอ้อม…เราไม่ได้พูดโกหกแม้แต่คำเดียว เพราะใบหูสีดำมอบผลประโยชน์เชิงบวกให้จริง…หลังจากชายหนุ่มมั่นใจว่าตนควรกระทำสิ่ง มันเกือบเผลอตัววาดสัญลักษณ์จันทร์แดงกลางหน้าอก
ท่านเทพธิดารัตติกาล ได้โปรดดลบันดาลให้ผู้บุกรุกในค่ำคืนนี้มาจากเส้นทางนักทำนายด้วยเถิด! ไคลน์สวดภาวนาจากก้นบึ้ง
เมื่อได้ข้อสรุปกับตัวเอง ไคลน์พยายามกวาดสายตารอบตัวเพื่อมองหามิสบอร์ดี้การ์ด มันกังวลว่าเธออาจเผ่นหนีไปแล้วหลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากปากเอียน
แสงไฟในห้องกินข้าวสาดส่องอย่างอบอุ่น ฉายปกคลุมรอบบริเวณบ้าน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะกาแฟ เก้าอี้นวม หรือเก้าอี้ไม้ แต่ไคลน์กลับไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากตน
ขณะชายหนุ่มเริ่มเกิดความประหม่า มันเหลือบเห็นใบหน้าหญิงสาวปรากฏบนกระจกครอบตะเกียงแก๊สในห้องนั่งเล่น ใบหน้าของเธอซีดเซียวผิดมนุษย์ แต่รูปโฉมงดงามเหนือคำบรรยาย เส้นผมสีทองอ่อนรวบเกล้ามวยสูงยิ่งส่งเสริมให้ทรงเสน่ห์
คงมั่นใจในฝีมือตัวเองมาก…ไคลน์เริ่มสงบสติลง ตามด้วยการพึมพำเสียงค่อย
“ผมเองก็เป็นผู้วิเศษ ในชุมนุมลับตามคำแนะนำของคาสปาส ผมตัดสินใจซื้อของเสี่ยงดวงมาหนึ่งชิ้น และโชคดีได้รับผลประโยชน์จากมัน ถือเป็นประโยชน์ต่อคนอย่างผมมาก”
ทุกคำพูดล้วนเป็นความจริง ไม่ว่าจะใช้พลังทำนายประเภทใด แต่ผลลัพธ์ก็จะระบุว่าไคลน์พูดความจริงโดยไม่บิดเบือน
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากนำสองประโยคดังกล่าวมาคิดรวมกัน คนทั่วไปคงเกิดความเข้าใจผิดว่า ‘ผลประโยชน์’ คือการเปลี่ยนให้ตนเป็นผู้วิเศษ
ใบหน้าหญิงสาวบนกระจกตะเกียงแก๊สผงกศีรษะรับอย่างเย็นชา ก่อนจะเลือนหายไปโดยไม่ได้กล่าวสิ่งใดตอบสนอง
สีหน้าไคลน์ภายนอกอาจไม่เปลี่ยน แต่ภายในใจกำลังผ่อนคลาย
ชายหนุ่มกลับไปนั่งบนเก้าอี้นวมและอ่านหนังสือพิมพ์ต่อโดยไม่ถอดโค้ทออก เพราะมันบรรจุอุปกรณ์ต่อสู้ไว้เต็มพิกัด
จนกระทั่งผ่านไปสักพัก เสียงระฆังดังกังวานอีกหน ใครบางคนกำลังยืนดึงกริ่งเชือกหน้าประตูบ้าน
ใครกัน? จิตใจไคลน์เริ่มปั่นป่วน สองมือรีบล้วงกระเป๋าเพื่อควานหาไพ่ทาโรต์และยันต์ถ้อยคำกัดกร่อน
ชายหนุ่มเดินอย่างไม่รีบร้อนไปทางประตู รอให้พลังพิเศษของตัวตลกทำงาน เผยภาพของบุคคลผู้มาเยือนในยามวิกาล
จันทร์แดงด้านหลังยังคงฉายแสงสลัว รวมถึงโคมตะเกียงบนถนนยังเป็นสภาพเดียวกับขณะเอียนปรากฏตัว แต่ผู้มาเยือนคราวนี้เป็นจ่าตำรวจสวมเครื่องแบบลายตารางหมากรุกสีขาวสลับดำ อินทรธนูบนไหล่มีแถบสามบั้ง สีหน้าแววตากำลังเผยความหงุดหงิด
ลักษณะเด่นคือเคราสีน้ำตาลไม่ยาวนัก ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจ่าตำรวจผู้ดูแลคดีป้องกันตัวเองอย่างชอบธรรมของนักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้
ถ้าจำไม่ผิด เยอร์เก้นเคยเรียกชื่อชายคนนี้ให้เราฟังว่า…จ่าฟาซิน? จริงสิ เราต้องไปรับเงินค่าประกันตัว สิบปอนด์คืนในวันพรุ่งนี้หรือไม่ก็สองวันถัดไป…แล้วเขามาทำอะไร? ทาง MI9 ส่งมาตามหาเอียน? หรือมาแจ้งให้เราทราบว่าช่วงนี้ควรระวังตัวเป็นพิเศษ? ชายหนุ่มใช้มือจับลูกบิดประตูพร้อมกับผุดคำถามมากมาย
…
ณ เขตตะวันตก ภายในสถานทูตอินทิสประจำกรุงเบ็คลันด์ ท่ามกลางกลิ่นน้ำหอมและแอลกอฮอล์คละคลุ้งทั่วทุกมุม เสียงดนตรีกำลังบรรเลงอย่างไพเราะคลอเป็นฉากหลัง
งานเลี้ยงลีลาศ
ในระหว่างการดำรงตำแหน่งเป็นเอกอัครราชทูต เบเคอร์ลันมักจัดงานลีลาศบ่อยครั้งภายในสถานทูตตัวเอง แขกส่วนมากประกอบด้วยนายธนาคารหลวง เจ้าของโรงงานใหญ่ มหาเศรษฐีใจบุญ นักกฎหมาย บุคคลมีชื่อเสียง รวมถึงบุคคลทรงอำนาจและมั่งคั่งอีกมาก ในบางโอกาสจะเชิญพ่อค้าระดับกลางถึงล่างเข้าร่วมเป็นกรณีพิเศษ
ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ เบเคอร์มักอวดโอ่เกี่ยวกับความรุ่งเรืองและเปิดกว้างของกรุงทรีอาร์ เมืองหลวงแห่งสาธารณรัฐอินทิส รวมถึงอธิบายว่า อินทิสไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยระบบขุนนางอีกแล้ว หากแต่เป็นนายธนาคาร เจ้าของโรงงาน และนักกฎหมาย กลุ่มสามัญชนเหล่านี้แทรกซึมเข้าไปในตำแหน่งสมาชิกสภาทั้งทางตรงและทางอ้อม กำหนดนโยบายของประเทศ เสพสุขไปกับความอิสระและอำนาจมหาศาลในมือ
และวันนี้ก็ไม่ต่าง เบเคอร์ลันถือแก้วไวน์พลางเดินเข้าไปทักทายแขกคนใหญ่คนโตอย่างทั่วถึง ราวกับไม่ต้องการให้ใครหลงลืมว่าตัวมันอยู่ในงานเลี้ยงลีลาศด้วย
ป่านนี้เจ้าพวกนั้นคงได้เอกสารต้นแบบมาแล้วกระมัง…นับตั้งแต่ได้ข่าวจาก ‘นักสืบปอดแหก’ ว่าเอียนแอบส่งโทรเลขบนสำนักงานถนนรัมขาว เราก็สั่งให้หน่วยสายลับอินทิสเริ่มปฏิบัติการอย่างเต็มกำลังทันที และตอนนี้คงถึงเวลาเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว…ราชทูตเบเคอร์ลันจิบไวน์แดงเออร์เมียร์สีปานโลหิตในมือด้วยแววตาผ่อนคลาย ใบหน้าเรียวยาวแต่ภูมิฐานของมันกำลังจ้องมองออกไปนอกระเบียงโถงงานเลี้ยง ประหนึ่งมีความสุขกับการสูดอากาศเย็นเฉียบยามราตรี
หลังจากทราบว่าเอียนแอบส่งโทรเลขหาใครสักคน ‘นักวางแผน’ มากประสบการณ์และสายลับมืออาชีพอย่างเบเคอร์ลันจึงฉุกคิดได้ทันทีว่า เอียนคงกำลังส่งข้อความถึง ‘หัวหน้าสายลับฟุซัค’ จึงรีบออกคำสั่งให้สายลับอินทิสในหน่วยข่าวกรองฟุซัคสืบหาเวลาและพิกัดการนัดหมายอย่างละเอียด
หลังจากนั้น เบเคอร์ลันแสร้งตีหน้าซื่อ ออกคำสั่งให้ลูกน้องคอยเฝ้าถนนรัมขาวไว้ ทำตัวประหนึ่งไม่มีข้อมูลอีกฝ่ายในมือ เพียงไม่นานก็พบตัวเอียนและเกิดการต่อสู้กับ MI9 ขึ้น
ทุกสิ่งเป็นไปตามแผน สายลับอินทิสจงใจปล่อยให้เอียนหนีรอดไปได้ ทาง MI9 จะได้คิดว่าทั้งสองฝ่ายมีข้อมูลในมือเท่ากัน
หลังจากตรึงเป้าหมายหลักไว้ในถนนรัมขาวสำเร็จ เบเคอร์ลันสั่งให้อีกหนึ่งหน่วยสายลับลอบจู่โจมการนัดหมายระหว่างเอียนและ ‘หัวหน้าสายลับฟุซัค’ เป้าหมายของสาธารณรัฐอินทิสคือการขโมยเอกสารต้นแบบออกจากอาณาจักรโลเอ็นโดยไม่ให้ MI9 รู้ตัว
เหตุการณ์เป็นไปอย่างราบรื่น แต่ข่าวร้ายเมื่อยามบ่ายของวันนี้ทำให้หัวใจเบเคอร์ลันเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย
MI9 ส่งคนมายังจุดนัดพบ!
พวกมันไหวตัวทันแม้จะตกหลุมพราง!
เรามีโรซาโก้อยู่ พวกมันไม่น่าจะหาพบได้ด้วยการทำนาย ยิ่งไปกว่านั้น หน่วย MI9 ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านแกะรอยเลยสักนิด…เป็นไปได้ว่ามีสายลับในหมู่ลูกน้องเรา…ได้แต่หวังให้โรซาโก้ชิงเอกสารต้นแบบได้ก่อนใคร และรีบส่งให้ ‘เงา’ ลักลอบนำออกจากอาณาจักรโลเอ็นโดยเร็ว…เบเคอร์ลันจัดงานลีลาศเพราะหวังรอดพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้มันมิอาจจัดการเรื่องราวได้เอง ต้องคอยภาวนาให้ลูกน้องทำงานสำเร็จ
ตามแผนเดิมของเบเคอร์ลัน เมื่อโรซาโก้บรรลุภารกิจชิงเอกสารต้นแบบ มันจะนำไปส่งต่อให้ ‘เงา’ สายลับผู้ไม่เคยถูกสั่งให้ทำภารกิจแม้แต่ครั้งเดียว หลังจากนั้น โรซาโก้จะรับบทบาทดึงดูดความสนใจจาก MI9 และคอยถ่วงเวลาให้ ‘เงา’ หลบหนีออกจากโลเอ็นอย่างสวัสดิภาพ โดยระหว่างนี้ เบเคอร์ลันได้กำชับให้โรซาโก้แวะฆ่า ‘นักสืบปอดแหก’ เพื่อเป็นการแก้แค้น
หากไม่ใช่เพราะมัน พวก MI9 คงไม่มีทางทราบเรื่องเอียนและเอกสารต้นแบบ แผนการของเราจะราบรื่นไร้จุดบอด… ความเชื่อมโยงระหว่างเรากับกลุ่มซีมังเกอก็จะไม่ถูกเปิดเผยไปถึงรัฐบาล…ถ้าไม่มีมัน เราคงไม่ถูกส่งตัวกลับสาธารณรัฐอินทิสก่อนกำหนด…แต่ค่อนข้างน่าแปลกใจ นักสืบปอดแหกอย่างมันกลับไม่คิดหนี เลือกซุกหัวภายในบ้านโดยหวังให้ MI9 คอยคุ้มกะลาหัวสินะ…ช่างโง่เขลา…เบเคอร์ลันครุ่นคิดพลางใช้ฝ่ามือลูบหน้า
ปัจจุบัน เบเคอร์ลันถูกเบื้องบนกำชับมาว่า หลังจากจบปฏิบัติการแย่งชิงเอกสารต้นแบบ มันต้องกระจายงานสายลับทั้งหมดในโลเอ็นให้กับสายลับระดับรองลงมา และรอจนกว่าราชทูตอินทิสคนใหม่ดำรงตำแหน่งแทน
เบเคอร์ลันไม่อยากจากเบ็คลันด์สักเท่าไร แม้สภาพอากาศและมลพิษจะเข้าขั้นเลวร้าย แต่นครหลวงแห่งนี้ก็ยังเป็นเหมือนแดนสวรรค์สำหรับผู้ต้องการเสพสุข
ยิ่งไปกว่านั้น หญิงงามของเบ็คลันด์ส่วนมากเป็นพวกหัวโบราณและรักนวลสงวนตัว ไม่เหมือนกับพวกนังร่านในกรุงทรีอาร์ การบรรจงปลดพันธนาการและความเหนียมอายทีละนิดจะมอบความรู้สึกซาบซ่านให้เราได้มากกว่า! น่าเสียดาย เราคงต้องจากพวกเธอในอีกไม่ช้า…เบเคอร์ลันตรึกตรองอย่างนึกเสียดาย อารมณ์เคียดแค้นต่อนักสืบปอดแหกพลันปะทุยิ่งกว่าเก่า
ในด้านความปลอดภัยของโรซาโก้ เบเคอร์ลันเคยเป็นกังวลเลยสักนิด เพราะหากชายคนนั้นต้องการหนี ถ้าไม่ถูกไล่ล่าโดยผู้วิเศษลำดับสูงเป็นกลุ่มใหญ่ ยากจะมีใครเอาชีวิตโรซาโก้ไปได้ เบเคอร์ลันมั่นใจในพลังสุดพิเศษของลูกน้องตัวเองมาก
ขณะกำลังใช้ความคิด มุมสายตาของมันเหลือบเห็นหญิงงามในชุดเดรสสีแดงเข้ม อีกฝ่ายกำลังถือแก้วไวน์จิบพลางเกาะขอบระเบียงชมวิว
ใบหน้างดงาม แฝงกลิ่นอายความอ่อนโยน เส้นผมดำขลับยาวสลาย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเจืออารมณ์เศร้าราวกับต้องการพรั่งพรูความทุกข์ให้ใครสักคน
เบเคอร์เดินเข้าไปใกล้และเริ่มบทสนทนา มันได้ทราบว่าเธอชื่อไอรีน เป็นบุตรสาวของพ่อค้าไม้ซุงฐานะปานกลาง กำลังพยายามไต่เต้าขึ้นมาเป็นพ่อค้ารายใหญ่
ด้วยฐานะของราชทูตอินทิส เบเคอร์ลันได้รับความสนใจจากไอรีนภายในเวลาอันสั้น
หลังจากเต้นรำด้วยกันสองเพลง ร่างกายของกันและกันเริ่มทำความคุ้นเคย
“คนสวย ผมต้องการเชื้อเชิญคุณขึ้นไปลิ้มรสไวน์เออร์เมียปี 1286 ภายในห้อง” เบเคอร์ลันส่งสัญญาณ
ไอรีนตอบกลับโดยไม่ลังเล
“ค่ะ”
ทั้งสองเดินออกจากโถงงานเลี้ยงและแอบขึ้นไปบนชั้นสองของคฤหาสน์โดยไม่มีใครเห็น จนกระทั่งถึงห้องเบเคอร์ลัน มันสั่งให้องครักษ์ออกไปและห้ามรบกวนชั่วคราว
แต่ยังไม่ทันจะได้เห็นไวน์เออร์เมียร์ปี 1286 เบเคอร์ลันรีบพาไอรีนไปนอนบนเตียงด้วยสีหน้าหื่นกระหาย
ระหว่างชายหนึ่งหญิงหนึ่งกำลังกลิ้งนัวเนียบนเตียงนอนขนาดใหญ่ ชุดเดรสสีแดงของไอรีนถูกถอดออกอย่างง่ายดาย ท่อนแขนขาวนวลกอดรัดร่างเบเคอร์ลันไว้แนบแน่น
ขณะฝ่ามือข้างหนึ่งกำลังจับหัวไหล่ เล็บของหญิงสาวเริ่มยืดยาวและแปรเปลี่ยนเป็นวัสถุแข็งสีดำลักษณะคล้ายขาแมงมุม
เปรี้ยง!
ดวงตาไอรีนพลันถลึง มุมปากผุดฟองสีขาวออกมาเป็นคราบ
เบเคอร์ลันดึงหมัดออกจากท้องไอรีนพร้อมกับลุกยืนบนเตียง สีหน้าปราศจากอารมณ์หื่นกามเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง เหลือเพียงสายตาเย็นชากำลังจ้องมองอีกฝ่าย
“ใครส่งแกมา” เบเคอร์ลันถามเสียงเข้ม
ไอรีนพยายามลุกยืน แต่ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างกว่าจะทนไหว แววตาปรากฏอาการหวาดผวาชัดเจน
เมื่อได้เห็นอากัปกิริยาอีกฝ่าย เบเคอร์ยกโค้งมุมปากอย่างเหยียดหยัน
“ฉันหลงใหลหญิงงามก็จริง แต่ก็ทราบดีว่าสิ่งนี้คือจุดอ่อนตัวเอง ฉะนั้นความระแวงจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าเมื่อต้องเผชิญหญิงงาม ตอบมา แกทำให้งานใคร อย่าได้คิดขัดขืน ไฟของฉันร้อนมาก”
………………….