Skip to content

Outside Of Time 735

บทที่ 735 เตะโดนแผ่นเหล็ก

“เขตปกครองผนึกสมุทร”

อ๋องเทียนหลันวางแผ่นหยกลง หลับตา อนุมาน ความเป็นไปได้ของเรื่องที่ตนคิดอยู่ในใจ

ครู่ต่อมา เขาลืมตาขึ้น เผยประกายเย็นเยียบ หันหน้า ไปมองยังทิศทางของเขตปกครองผนึกสมุทร

เขาต้องการเหตุผลเพื่อปกปิดความพ่ายแพ้ของตน ขณะเดียวกันก็ต้องให้คำอธิบายแก่จักรพรรดิมนุษย์ เหตุผลดังกล่าวไม่ต้องสมบูรณ์แบบ เพราะสำหรับ จักรพรรดิมนุษย์ ต่อให้อธิบายละเอียดเพียงใดก็ถูกมองออกอยู่ดี แต่นั่นไม่สำคัญ ตนในฐานะอ๋องสวรรค์ ความจริงแล้ว

สิ่งที่ต้องใช้อธิบายในบางขั้นตอนก็คือทัศนคติอย่างหนึ่ง ดังนั้นตนต้องแสดงทัศนคติที่มีใจเอนเอียงไปหา จักรพรรดิมนุษย์ออกมา

อีกทั้งจักรพรรดิมนุษย์ยังให้ความสำคัญกับการได้รับ ชัยชนะอย่างเด็ดขาดในสงคราม เช่นนั้นขอแค่ตนกอบกู้

ความพ่ายแพ้กลับมา กำจัดความวุ่นวายให้กลับสู่สภาวะปกติได้ ปัญหายอมไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…

‘เขตปกครองผนึกสมุทรมีดวงตะวันแห่งแสงอรุณจริงๆ!

‘แต่พลังอำนาจยังห่างชั้นกับดวงตะวันแห่งแสงอรุณ ของจริงมาก แต่นี่อย่างไรก็เป็นแค่ผิวเผิน ความจริงอาจมีบาง สิ่งซุกซ่อนอยู่ก็เป็นได้’

อ๋องเทียนหลันก้มหน้า มองแผ่นหยกในมือ ดวงตาแผ่ไอ เย็นยะเยือก

‘การขาดกำลังเสริมจากเขตปกครองผนึกสมุทร เป็นสาเหตุหลักของการปราชัยในศึกครั้งนี้ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นแอบ สร้างดวงตะวันแห่งแสงอรุณขึ้นมาได้อย่างไร นี่ต่างหากคือ ความผิดที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่า!

‘ดังนั้น ไปเขตปกครองผนึกสมุทร ยึดดวงตะวันแห่ง แสงอรุณมา แล้วเปิดศึกกับเผ่าฟ้าทมิฬอีกครั้ง ก็คือทางเลือก เพียงทางเดียว’

คิดถึงตรงนี้ อ๋องเทียนหลันไม่ลังเลอีกต่อไป เร่งออกคำ สั่งเคลื่อนพลกลับไปที่แดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ มุ่งหน้าไปยัง เขตปกครองผนึกสมุทร

ส่วนเขตปกครองผนึกสมุทรจะเลือกระเบิดดวงตะวัน แสงอรุณที่เหลืออยู่และตายตกไปพร้อมกับอ๋องเทียนหลันหรือไม่ อ๋องเทียนหลันก็ย่อมไตร่ตรองถึงเรื่องนี้เช่นกัน เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ขอเพียงตนไม่บีบเขตปกครอง ผนึกสมุทรจนถึงขั้นล่มสลาย แต่ระหว่างที่สร้างแรงกดดันใน ระดับหนึ่งก็เสนอให้นำดวงตะวันแห่งแสงอรุณมาละเว้นโทษ ขณะเดียวกันก็ยอมรับการปกครองตนเองของเขตปกครอง ผนึกสมุทร

เช่นนั้นเขตปกครองผนึกสมุทรต้องยอมก้มหัวให้อย่าง แน่นอน

เว้นเสียแต่เขตปกครองผนึกสมุทรพร้อมจะทรยศ เผ่าพันธุ์มนุษย์

ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นจะเป็นเช่นไรก็ไม่เกี่ยวกับเขา

แล้ว

‘แต่ต้องกดดันมากพอถึงจะใช้ได้’

ด้วยเหตุนี้ อ๋องเทียนหลันจึงนำกองทัพใหญ่ออกเดินทาง ไปยังเขตปกครองผนึกสมุทร

มองไกลๆ กองทัพใหญ่นับล้านดูจะมีกำลังทำลายล้าง ริ้วธงเรียงรายในขบวนทัพ โบกสะบัดตามแรงลม แบ่งออกเป็น กองพันหลายสิบกอง แต่ละกองล้วนต่างกัน

บ้างขี่วิหคเหินเวหา บ้างก็นั่งขัดสมาธิบนหลังอสูรกลายพันธุ์ บ้างก็โลดโผนโจนทะยานไปตามปุยเมฆ…

ท้ายขบวนยังตามมาด้วยกองทัพนานาเผ่าพันธุ์

ในทัพนั้นมีทั้งยักษ์สูงหลายร้อยจั้ง สวมชุดเกราะหนา ยามก้าวย่าง พื้นดินครืนครัน

ส่วนหน้าสุดของขบวนทัพ เป็นมังกรสีดำยาวหมื่นจั้ง รูปร่างน่าเกรงขามของมันทำให้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่บางอย่าง

ขณะเคลื่อนที่ท่ามกลางเมฆหมอก พลานุภาพน่าตื่นตะลึง บนยอดศีรษะของมันมีใครคนหนึ่งนั่งไขว้ขาาอยู่ ซึ่งก็คือ อ๋องเทียนหลันนั่นเอง เขาหลับตาลง สีหน้าเย็นชาเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม

เมื่อกองทัพใหญ่เคลื่อนผ่าน ลมโหมเมฆทะลัก ฟ้าดิน สั่นสะเทือนพร้อมกัน ข้ามผ่านอาณาเขตของต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์ และผ่านอดีตเมืองหลวงรัฐสายลมสวรรค์ที่กลายเป็นซาก กองทัพใหญ่ก็หยุดชะงักที่นี่

อ๋องเทียนหลันบนหลังมังกรดำลืมตาขึ้นทอดมอง ซากปรักหักพัง ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง กองทัพใหญ่ จึงเคลื่อนพลต่อไป

จนกระทั่งเดินทางมาถึงชายแดนเขตปกครองผนึกสมุทร เมืองสามมณฑลที่องค์ชายเจ็ดต้องการครอบครองในทีแรก สรรพชีวิตในเมืองสามมณฑลต่างสั่นสะท้านไม่ว่าจะ เป็นคนธรรมดาหรือแม้แต่ผู้บำเพ็ญ

กองทัพขนาดใหญ่ข้ามผ่านแผ่นฟ้า รัศมีอำนาจถล่ม ภูเขาล่มมหาสมุทร กลายเป็นพายุพัดกวาดผืนดิน บดขยี้ ไปตลอดทาง ทำให้ภูเขาถล่มดินทลาย

ค่ายกลเมืองสามมณฑลแตกพ่ายในพริบตา พวกขั้ว อำนาจเผ่าต่างๆ และสำนัก หากอยู่ในเส้นทางล้วนถูกสยบ ราบคาบ

ส่วนกรมครองกระบี่ที่ประจำการ ณ เมืองสามมณฑล ยิ่งเป็นเช่นนี้

น่าเกรงขาม ทรงพลัง ไร้พ่าย

คำบรรยายเหล่านี้ซ้อนทับกันจนกลายเป็นรัศมีอำนาจ ของกองทัพกองนี้ ความน่าครั่นคร้ามปะทุ ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมพายุพัดแรงขึ้น เข้าใกล้เมืองหลวงเขตปกครอง ผนึกสมุทรมากขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้น เขตปกครองผนึกสมุทรก็ตกอยู่ในสถานการณ์ สุ่มเสี่ยง เกิดวิกฤตไปทั่ว

เมืองหลวงเขตปกครองผนึกสมุทรย่อมได้รับข่าวคราวแล้ว ความจริงแล้วเขตปกครองผนึกสมุทรไม่ได้แปลกใจกับ การมาเยือนของอ๋องเทียนหลันนัก หลังจากสยบผู้บัญชา การทหารในตอนแรก เหล่าผู้บำเพ็ญในเขตปกครองผนึก สมุทรก็รับรู้ได้ว่าวันนี้ต้องมาถึง

จึงทำการเตรียมพร้อมรับมือสงครามมาโดยตลอด บัดนี้ทันทีที่ทราบเรื่อง ของวิเศษเวทต้องห้ามของเขต ปกครองผนึกสมุทรก็ถูกเปิดใช้งาน ของวิเศษเวทของสำนักต่างๆ ก็ถูกเปิดใช้งานและมีของวิเศษเวทต้องห้ามของ เมืองหลวงเขตปกครองคอยควบคุม ก่อตัวเป็นตาข่ายยักษ์ ครอบคลุมอาณาเขตหลายร้อยลี้ในเขตปกครองผนึกสมุทร นอกจากนี้ยังมีผู้บำเพ็ญจากสามวังและสำนัก สวมชุดเกราะ เตรียมพร้อมตอบโต้ ยังมีค่ายกลกะพริบวูบวาบบน พื้นดินเป็นแห่งๆ ก่อร่างสร้างพลังวิเศษ

ขณะเดียวกันก็มีการนำอาวุธเวทสงครามจำนวนมาก ออกมาใช้ พร้อมปะทุออกมาตลอดเวลา

ยิ่งมีหุ่นเชิดขับเคลื่อนด้วยคนจำนวนมากเป็นตัวๆ พร้อม ประจันบาน

กลางท้องฟ้า เรือศึกบรรพกาลของนายท่านเจ็ด ลอยคว้าง ห้อมล้อมด้วยเรือเหาะของสำนักต่างๆ และตำหนัก ใหญ่โตหลังหนึ่งกลางท้องฟ้า นายท่านเจ็ดและโหวเหยา ตลอดจนเจ้าวังทั้งสามและหวนสู่อนัตตาจากสำนักต่างๆ ล้วน รวมตัวกันอยู่ที่นี่ สวี่ชิงและนายกองก็รวมอยู่ในนั้น พวกเขาทั้งหมดจ้องมองท้องฟ้าไกลๆ

และในเวลานี้เอง ขณะที่พวกเขาทอดสายตามองออกไป ขั้วอำนาจทั้งหลายในแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ ให้ความสนใจทางนี้เช่นกัน

หากเป็นเมื่อก่อน ขั้วอำนาจเหล่านี้คงเชื่อว่าเขตปกครอง ผนึกสมุทรต้องโดนกวาดล้างเป็นแน่ ทว่าการปรากฏของดวงตะวันแห่งแสงอรุณในเขตปกครองผนึกสมุทรก่อนหน้านี้ สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วสารทิศ

ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงเฝ้ามองการมาถึงของอ๋องเทียนหลัน ดู ว่าเขตปกครองผนึกสมุทรจะก้าวเดินไปในทิศทางใด ท่ามกลางพายุลูกนี้

ในบรรดานั้นทางด้านต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ที่สุด เขากระจางแจ้งเรื่องเขต ปกครองผนึกสมุทรโดยอาศัยจิตวิญญาณของตัวเอง สำหรับ เขาแล้ว เขาไม่อยากยุ่งกับอ๋องเทียนหลันทางนั้น แต่ดวงตะวัน แห่งแสงอรุณแหงเขตปกครองผนึกสมุทรทำให้เขาสนใจได้ไม่น้อย

เขาไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองฝ่าย สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าคือการถือโอกาสนี้คอยดูว่าทั้งสองฝ่ายต่อสู้ได้ สูสีกันมากเพียงใด

‘น่าเสียดาย ที่สุดท้ายเขตปกครองผนึกสมุทรยังอ่อนแอ เกินไป หากเขตปกครองผนึกสมุทรกล้าหาญมากกว่านี้ ระเบิด ดวงตะวันแห่งแสงอรุณที่มีทั้งหมด เช่นนั้นเรื่องราวคงจะ น่าสนใจ’

ต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์สี,หน้าผ่อนคลาย คลี่ยิ้มน้อยๆ เขาไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตัวเอง และไม่คิดว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบอะไรในอนาคต นอกเสียจาก…เขต ปกครองผนึกสมุทรจะกล้าระเบิดออกมาจริงๆ

แต่เห็นได้ชัดว่าการกระทำบ้าบิ่นเหล่านี้น่าจะไม่เกิดขึ้น

เขาจึงเสียดาย

ในบรรดาขั้วอำนาจที่ให้ความสนใจกับสงครามครั้งนี้ ตอนนี้มีด้านหนึ่งที่ตื่นเต้นที่สุด นั่นก็คือฝั่งที่องค์ชายเจ็ดซ่อนตัวอยู่

เขารู้ว่าเขตปกครองผนึกสมุทรไม่ธรรมดา แต่ก็เชื่อใน ท่านลุงของตน เพราะอย่างไร…ก็เป็นเตรียมสู่เทวะ เขาจึงคาดหวังกับฉากจบอย่างมาก ‘สวี่ชิง คราวนี้เจ้าจะตัดสินใจอย่างไร!’

ขณะที่ขั้วอำนาจต่างๆ ของแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์กำลัง ให้ความสนใจกับสงครามครั้งนี้จากมุมมองที่ต่างกัน กองทัพ ใหญ่ของอ๋องเทียนหลันก็ปรากฏตัวขึ้นด้านนอกเมืองหลวงเขต ปกครองผนึกสมุทร

การมาเยือนของพวกเขาทำให้ท้องฟ้าเหนือเขตปกครอง ผนึกสมุทรสูญสิ้นสีสัน แผ่นดินสั่นสะเทือนคล้ายกับมังกรดิน พลิกตัว

ทหารนับไม่ถ้วน แรงกดดันที่ก่อตัวขึ้น เขย่าขวัญ กำลังใจของผู้บำเพ็ญที่ให้ความสนใจทั้งหมด

ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น คือร่างเงาที่นั่งขัดสมาธิเหนือหัว มังกรดำด้านหน้าสุด

ฝั่งเขตปกครองผนึกสมุทรเงียบสงัด ไม่มีเสียงคนพูดคุย ทั้งหมดต่างมองชายกลางคนผู้น่าเกรงขามบนมังกรดำ

เมื่อสายตาทุกคู่จับจ้อง อ๋องเทียนหลันก็ลืมตาขึ้น

ราวกับเตาหลอมสองใบ ปะทุเดือดดาลมาจากดวงตาของเขา ทำให้ทั้งโลกครืนครัน ลมพายุหอบม้วนทุกสิ่งอย่าง

เสียงตื่นตระหนกดังมาจากฟากฟ้า ร่างชิงฉินถอยร่นเร็วรี่ ไม่กล้ามองแม้แต่น้อย

โลกใบใหญ่ทรงพลังปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือ

เมืองหลวงเขตปกครองผนึกสมุทร กลายเป็นผืนฟ้าของเขต ปกครองผนึกสมุทร บดบังแสงอาทิตย์ ทอดเงามืดปกคลุม เมืองหลวงเขตปกครอง

ในโลกใบใหญ่มีเพียงเปลวไฟลุกโหมไม่หยุด พร้อมกับ เสียงคำรามนับไม่ถ้วน ราวกับภูตผีปีศาจ สั่นคลอนสรรพชีวิต ทันใดนั้น เขตปกครองผนึกสมุทรก็สะท้อนอยู่บนโลกที่ ไฟลุกท่วมของอ๋องเทียนหลัน

ของวิเศษเวทต้องห้ามในเมืองหลวงเขตปกครองในระยะ หนึ่งร้อยลี้ส่งเสียงแสบหู สลายไปอย่างรวดเร็ว แล้วฝืนก่อ ตัวใหม่อีกครั้ง เหล่าผู้บำเพ็ญก็เช่นกัน

ทุกคนสัมผัสถึงความน่ากลัวของเตรียมสู่เทวะได้อย่าง ลึกซึ้ง กลิ่นอายของพวกเขาถูกกระตุ้นจากสัญชาตญาณ ร่วมมือกันต่อต้าน

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเตรียมสู่เทวะ ทุกอย่างที่ทำไปล้วน ไร้ประโยชน์

หากอ๋องเทียนหลันต้องการ เขาสามารถทำลายทุก สรรพสิ่งเบื้องหน้าได้เพียงแค่คิด

แต่เห็นได้ชัดว่าวัตถุประสงค์ในการมาครั้งนี้ของเขา ไม่ใช่การทำลายล้าง ไม่ได้บีบให้เขตปกครองผนึกสมุทร ระเบิดดวงตะวันแห่งแสงอรุณและตกตายไปพร้อมกัน

ดังนั้นถึงจะมีการกดดันกันเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้เข้าไปเยือน ในเขตปกครองผนึกสมุทรจริงๆ นี่เป็นเพียงการเตือน

ในขณะเดียวกัน เบื้องหลังอ๋องเทียนหลันยังมีขุนพลใหญ่ สวมชุดเกราะสีดำนั่งอยู่บนหัวมังกร พลังบำเพ็ญหวน สู่อนัตตาขั้นที่สี่จำแลงโลกมายาออกมารอบกายเขารางๆ

เขาเหาะมาตลอดทาง กระทั่งหยุดที่เบื้องหน้าสองกองทัพ เงยหน้าขึ้นมองเขตปกครองผนึกสมุทรด้วยสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย แต่ยังเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตํ่าทุ้ม

“เจ้าเขตปกครองผนึกสมุทรเหยาเทียนเยี่ยน ปลัดเขต ปกครองเจิ้งขายอี้ได้รับโทษทัณฑ์จากอ๋องสวรรค์”

“เขตปกครองผนึกสมุทรมีความผิด 5 ประการ หนึ่งคือ ไม่เคารพราชวงศ์”

“ประการที่สอง ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา”

“ประการที่สาม ต้องสงสัยว่าดักจับและสังหารผู้บัญชา การทหารและกองทัพเรือนหมื่นของเรา”

“ประการที่สี่ ทหารของเขตปกครองผนึกสมุทรหนีสงคราม”

“ประการที่ห้า การกระทำทั้งหมดที่เอ่ยมาข้างต้น ทำให้ สงครามล่าช้า ส่งผลกระทบใหญ่หลวง เอื้อผลประโยชน์แก่ฝั่ง ศัตรู!,,

หลังจากกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขุนพลใหญ่ ทอดสายตามองร่างในหอจวนเจ้าเขตปกครองที่อยู่ไกลๆ

“พวกเจ้า จะยอมรับโทษของพวกเจ้าหรือไม่!”

เมื่อเขากล่าวออกมา เหล่าผู้บำเพ็ญในกองทัพใหญ่ เบื้องหลังอ๋องเทียนหลันต่างกู่ร้องเป็นเสียงเดียวกัน “รับโทษ!”

เสียงนั้นดังยิ่งกว่าอัสนีบาต ฟาดฟ่าไปทั่วสารทิศ แผ่ขยายไปไกล ฟ้าดินครืนครัน โหมพายุขึ้นมา พัดผ่าน ประชาชนเขตปกครองผนึกสมุทร ทำให้เสื้อผ้าของทุกคนส่ง เสียงพึ่บพั่บ

ทำให้ในใจมีระลอกคลื่นโหมชัด แต่ไม่มีใครเอ๋ยสิ่งใด สวี่ชิงมองกองทัพใหญ่ด้วยสีหน้าปกติ

ความเงียบของพวกเขา ทำให้สายตาอ๋องเทียนหลัน มืดมนลงเล็กน้อย ขุนพลใหญ่เบื้องหน้าก็กวาดตามองเขต ปกครองผนึกสมุทรเช่นกัน ก่อนจะเอ่ยต่อว่า

“แต่อ๋องสวรรค์เห็นว่าพวกเจ้าก็เป็นเผ่ามนุษย์เช่นเดียวกัน ไม่ประสงค์เห็นเผ่ามนุษย์เข่นฆ่ากันเอง ดังนั้น จึง มีคำสั่ง 4 ประการที่พวกเจ้าต้องปฏิบัติตาม เพื่อสร้างคุณ ลบล้างโทษ

“ประการแรก ส่งตัวทหารหนีสงครามให้เราคุมขัง และ พิจารณาโทษในวันอื่น”

“สอง ปลอยผู้บัญชาการทหารหมื่นคนทันที”

“สาม เหยาเทียนเยี่ยน เจิ้งข่ายอี้จงเข้าร่วมกองทัพ พร้อมเกณฑ์ทหารจำนวนล้านนาย เพื่อรวมรบในแนวหน้า

“สี่ ถวายดวงตะวันแห่งแสงอรุณทั้งหมดมา”

ขุนพลใหญ่กล่าวจบก็กลับไปในกองทัพใหญ่ ฝั่งเขต ปกครองผนึกสมุทรยังคงเงียบนิ่งเช่นเดิม

อ๋องเทียนหลันเห็นดังนั้น จึงค่อยๆ ลุกขึ้นมองเมืองหลวง เขตปกครองจากบนมังกรดำ เสียงราวกับฟ้าร้อง ดังกึกก้อง “หากชนะศึกเผ่าฟ้าทมิฬ ข้าจะยกความผิดทั้งหมดที่เขตปกครองผนึกสมุทรก่อนขึ้น และให้เขนปกครองผนึกสมุทร

ปกครองตนเองต่อไป ในพื้นที่ศักดินาขององค์ชายเจ็ด “หาไม่…”

ความเยือกเย็นในดวงตาอ๋องเทียนหลันพวยพุ่งขึ้นมา พลังบำเพ็ญเตรียมสู่เทวะแผ่ซ่าน ส่งผลกระทบท้องฟ้า ทำให้ ลมเมฆหอบม้วน เพียงชั่วความคิด เมืองหลวงเขตปกครอง จะถูกทำลายย่อยยับ สรรพชีวิตจะล้มหายตายจาก

ณ หอจวนเจ้าเขตปกครอง นายท่านเจ็ดหันมองสวี่ชิง โหวเหยาก็มองสวี่ชิงเช่นกัน ทุกคนที่อยู่รอบๆ ทุกสายตา ต่างจับจ้องไปที่รางสวี่ชิง

ส่วนนายกองสีหน้าภาคภูมิใจเสียเต็มประดา ลำพองใจ

ภาพนี้ดึงดูดความสนใจของอ๋องเทียนหลัน เขาขมวดคิ้ว เล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาก็สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาด ของเขตปกครองผนึกสมุทร บัดนี้ความรู้สึกดังกล่าวนั้นยิ่ง ชัดแจ้งขึ้น จึงแค่นเสียงเย็นชา เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ

“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะมีที่พึ่งอื่น เช่นนั้นจงแสดงตัว ออกมาอย่ารอช้า ข้าเองก็สงสัยยิ่งนัก”

สีหน้าสวี่ชิงเป็นปกติ ไม่ได้หันไปทางอ๋องเทียนหลันที่แผ่ พลังอำนาจออกมา เขามองท้องฟ้า ประสานหมัดคารวะ

“ท่านปู่เก้า เขาเรียกหาท่านขอรับ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version