Skip to content

Outside Of Time 872


บทที่ 872 หวดอีกทีก็ตาย

แสงโลหิตสะท้อนนภา ทำให้ม่านฟ้าเป็นสีแดงฉาน รอยเลือดนั้นขยายขอบเขตรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ปกคลุมความว่างเปล่าราวกับม้วนผ้าม่านสีแดง

ผืนดินก็เป็นเช่นนั้น ประหนึ่งคุกโลหิต และแหล่งกำเนิดทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเม็ดโลหิตที่บีบอัดทะเลโลหิตไว้ทั้งผืนซึ่งถูกสวี่ชิงควบคุม

ความป่วนปั่นในนั้นเปี่ยมด้วยความบ้าคลั่งและความน่าสะพรึงกลัว ยังแฝงด้วยการทำลายล้างสรรพสิ่ง

ผู้บำเพ็ญนภาคิมหันต์ทั้งหมดที่เห็นฉากนี้พากันถอยหลังเร็วรี่ หัวใจเต้นเร็วกว่าเดิม โลหิตทั่วกายถึงกับเกิดความรู้สึกใกล้ควบคุมไม่อยู่

ด้านฝานซื่อซวงม่านตาหด การต่อสู้ระหว่างสวี่ชิงกับจี้ตงจื่ออยู่ในระดับลงมือขั้นเด็ดขาดโดยแท้ ไม่ว่าการหักนิ้วหรือควบคุมเลือดย้อนกลับ ล้วนทำให้เขาตระหนักดีกว่าตัวเอง…ไม่ใช่คู่ต่อสู้แน่นอน

‘เขาถึงกับยังไม่ได้ใช้พลังวิเศษจู่โจมแต่อย่างใด…’

ฝานซื่อซวงคิดถึงตรงนี้ยิ่งรีบถอยหลังเร็วพลัน

ส่วนคนในเหตุการณ์อย่างจี้ตงจื่อ เขาที่อยู่กลางอากาศยามนี้สีหน้าเปลี่ยนไม่น้อย เขารู้จักพลังวิเศษของตัวเอง ทั้งยังรู้อานุภาพของมัน จึงรับรู้ในพริบตาว่าในเม็ดโลหิตที่มาเยือนมีพลังทำลายล้างยิ่งกว่าก่อนหน้านี้

ฟ้าดินถึงกับเหมือนกรงขังในยามนี้ กรงนั้นปกคลุมสีแดงทั่วทิศ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกไม่อาจหลีกหนีและไม่อาจต่อต้าน

เห็นอันตรายตรงหน้า ในช่วงเวลาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย สัญชาตญาณรวมถึงประสบการณ์การต่อสู้หลายปีทำให้จี้ตงจื่อไม่ลังเลแม้เพียงนิด ถึงกับอ้าปากพ่นใส่เม็ดโลหิตที่มาเยือน

ฉับพลันรัศมีสีทองสายหนึ่งลอยออกจากปากเขา พุ่งตรงไปหาเม็ดโลหิต

ขณะเดียวกัน จี้ตงจื่อก็ฉวยจังหวะนี้ตัดสินใจแยกร่างตนเอง ชั่วพริบตากลายเป็นเงาโลหิตนับไม่ถ้วนพุ่งตัวออก 8 ทิศ

และรัศมีสีทองที่ถูกเขาพ่นออกมานั้นก็แวววามขึ้นมาในชั่วลมปราณ กลายเป็นแสงบาดตา

ใจกลางแสงนั้นเป็นแหวนวงหนึ่ง

แหวนทำจากกระดูกสีทอง บนนั้นแทบไม่มีเลือดเนื้อ คล้ายถูกขูดออก เหลือไว้เพียงใบหน้าหนึ่ง

ยามนี้ใบหน้านั้นฉายแววหวาดกลัว ส่งเสียงโอดครวญ

“นายท่าน ข้าเอง ข้าคือปลาน้อย คนกันเองทั้งนั้น…ข้าคิดถึงนายท่าน ต้องโทษจี้ตงจื่อที่ควรถูกสับเป็นพันครั้ง…”

แหวนวงนี้คือนิ้วมือเทพเจ้าที่ถูกจับหลังจี้ตงจื่อบุกออกไปตอนเขตติงหนึ่งสามสองผนึกเขาไว้

ต่อมาอยู่ข้างกายจี้ตงจื่อ ถูกเขาหลอมเป็นสมบัติแหวนอย่างโหดเหี้ยม วันนี้ถูกเอาออกมาใช้ขัดขวางเม็ดโลหิต

อาจเป็นสวี่ชิงนึกถึงวันวาน หรืออาจเป็นคำพูดของนิ้วมือเทพเจ้าทำให้เขาสั่นคลอน ดังนั้นพริบตาต่อมา แม้เม็ดโลหิตยังคงปะทะและทะลวงผ่านแหวน แต่ไม่ได้ทำให้มันบาดเจ็บสักน้อยนิด

ยังถึงกับทำลายตรานาบของจี้ตงจื่อบนแหวนในพริบตาที่ปะทะ

โชคดีรอดมาได้ นิ้วมือเทพเจ้าลอยเข้าใกล้สวี่ชิงด้วยความสั่นเทา อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พริบตาต่อมาเงาร่างบรรพจารย์สำนักวัชระก็ปรากฏตรงหน้าองค์ท่าน

“หยุดก่อน!”

บรรพจารย์สำนักวัชระเอ่ยคำราบเรียบ มองกวาดลงมา เขารู้สึกนี่เป็นช่วงเวลาเบ่งบานในชีวิตของตน อย่างไรการตะโกน 2 คำนี้ใส่เทพเจ้าก็ไม่ใช่สิ่งที่วิญญาณศาสตราใดจะทำได้

แม้นิ้วมือเทพเจ้าจิตใจปั่นป่วนเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามในยามนี้ ได้เพียงแสดงความประจบเอาใจ

สวี่ชิงไม่ได้สนใจความรู้สึกของทั้ง 2 สายตาของเขาตกอยู่บนม่านฟ้า

ด้วยความเชื่องช้าของนิ้วมือเทพเจ้า ขณะเงาโลหิตที่แบ่งออกของจี้ตงจื่อกระจายทั่วทิศ ยามนี้มีกว่าครึ่งหนีไปถึงขอบฟ้า แต่ยังไม่พุ่งออกจากม่านโลหิตเสียทีเดียว กลับต่างกลายเป็นเงาร่างของจี้ตงจื่ออยู่ตรงปลายทาง

เงาแน่นขนัดจำนวนกว่าพันสายล้วนเป็นจี้ตงจื่อ

จี้ตงจื่อทุกคนล้วนสีหน้าเคร่งขรึม จิตสังหารในดวงตาฉายความบ้าคลั่ง ขึงตาจ้องสวี่ชิงจากทั่วทิศ พวกเขาอ้าปากเอ่ยคำเป็นเสียงเดียวกัน

“สังเวย!”

“สังเวย!”

“สังเวย!”

2 คำนี้ดังก้องฟ้าดิน ขณะความว่างเปล่าสะเทือนเลื่อนลั่น ถึงกับมีสมบัติลับสีเลือด 5 คลังปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ส่งเสียงสนั่นหวั่นไหวประหนึ่งภูเขาไฟมหึมา 5 ลูก

นี่คือสมบัติลับที่จี้ตงจื่อเคยสร้างไว้ตอนอยู่ขั้นสมบัติวิญญาณ

แม้บัดนี้พลังบำเพ็ญเขาคือหวนสู่อนัตตา แต่สมบัติลับ 5 คลังนี้ยังคงประคองพื้นฐานขั้นหวนสู่อนัตตาของเขา ยามนี้ชัดว่าเขาถูกบีบจนถึงขีดสุด แสดงมันออกมาโดยไม่คิดเสียดาย

เสียงคำรามของวิถีสวรรค์ยังพุ่งขึ้นฟ้าจากสมบัติลับสีเลือดมหึมา 5 คลังนี้ขณะคำว่าสังเวยดังกึกก้อง เงาร่าง 5 สายปรากฏออกจากสมบัติลับ

มารโลหิต 8 แขน เทาเที่ย[1]เกล็ดแดง หนังสีเลือด ลูกตาสีโลหิต แสงสีแดงฉาน

นี่คือวิถีสวรรค์ที่จี้ตงจื่อหลอมปราบตอนอยู่ขั้นสมบัติวิญญาณ

ยามนี้ปรากฏออกมาแล้วไม่ได้เข้าใกล้สวี่ชิง กลับแสดงความเฉียบขาดอยู่ในเสียงคำรนของพวกมัน ถึงกับขึ้นฟ้าทลายม่านโลหิตอย่างรวดเร็ว มาถึงสุดขอบฟ้าและพุ่งชนอย่างรุนแรง

นภาทั้งผืนเริ่มสั่นคลอน เกิดเป็นเกลียวคลื่นซัดสาดรอบด้าน สายฟ้าสีโลหิตที่หลบซ่อนปรากฏอีกครั้ง แหวกว่ายในนั้นด้วยอานุภาพน่าตื่นตะลึง

ที่ใจกลางเกลียวคลื่นยังปรากฏภาพฉากหนึ่ง

ในภาพเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ในนั้นถึงกับมีพญามัจฉาคุนเผิงถูกมัดไว้ด้วยโซ่เหล็กนับไม่ถ้วน!

กลิ่นอายวิถีสวรรค์เข้มข้นแผ่ออกจากตัวมัน

เป็นวิถีสวรรค์โบราณบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ที่ถูกเผ่านภาคิมหันต์จับมานั่นเอง!

มองอย่างถ้วนถี่จะเห็นได้ว่าโซ่เหล็กเหล่านั้นแทงลึกเข้าไปในตัวมันทุกเส้น ยังมีแส้มหึมาโบกเฆี่ยนบนตัวมันไม่หยุด

แทบไม่เห็นเลือดเนื้อ

บนแส้นั้นเต็มไปด้วยตรามากมาย แต่ละอันล้วนกำลังเปล่งแสง และทุกครั้งที่ลงแส้จะตามด้วยเสียงฟ้าผ่า ยังมีเสียงร้องโอดครวญของวิถีสวรรค์โบราณที่ดังก้องทั่วโลกา

เสียงโหยหวนนั้นมีความเจ็บปวดถึงขีดสุด เปี่ยมด้วยการร้องขอความตาย กึกก้องอยู่ในโลก เกิดเป็นเสียงเหนือกฏเกณฑ์ทั้งปวงทั่วสารทิศ ทำให้เม็ดโลหิตของสวี่ชิงแข็งทื่ออยู่กลางอากาศไปด้วย

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สวี่ชิงเห็นวิถีสวรรค์โบราณตัวนี้ แต่มันไม่เหมือนกับที่เขาเจอก่อนหน้านี้ จี้ตงจื่อไม่ได้ยืมแค่เสียงของวิถีสวรรค์มาสร้างแรงกดดัน

เขากำลัง…สังเวยวิถีสวรรค์ของตน!

ชั่วพริบตา วิถีสวรรค์ทั้ง 5 ของเขาพุ่งไปหาความว่างเปล่า ถึงกับแยกกันไปผสานเข้ากับแส้ที่อยู่ในนั้น ทำให้แส้นั้นมีตราประทับเพิ่มอีก 5 ตรา พลังก็เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่ง

การแยกเช่นนี้ไม่อาจหวนคืน หมายถึงจี้ตงจื่อจะสูญเสียวิถีสวรรค์ทั้ง 5 ตลอดกาล นี่ส่งผลต่อพลังบำเพ็ญของเขาอย่างมหาศาล หากคิดจะฟื้นฟูต้องจ่ายด้วยสิ่งที่น่าตกใจ

นี่ก็คือเหตุผลที่เขาไม่ได้เผยอุบายนี้ตอนสู้กับสวี่ชิงก่อนหน้านี้

และการสังเวยเช่นนี้ย่อมแลกมาซึ่งพลังน่าสะพรึงกลัว ชั่วลมปราณ โซ่เหล็กที่มัดวิถีสวรรค์โบราณถึงกับมีเส้นหนึ่งคลายออก ห้อยลงมาตามช่องว่างบนม่านฟ้าเร็วรี่ ร่วงลงพร้อมเสียงกึกก้อง และตกลงในฟ้าดินป่าเร้นลับที่มีรถผี

โบกสะบัดมาทางสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว หวดเข้ามาฉับพลันด้วยกฎเกณฑ์ที่ไม่อาจต่อต้านและไม่อาจหลบเลี่ยง

เสียงดังสนั่น

ด้านสวี่ชิงสั่นสะท้านทั้งกาย โซ่เหล็กหวดผ่านตัวเขาเต็มๆ ทำให้ร่างกายเขาถอยห่างไปพันจั้ง

พลังในนั้นกลายเป็นสายฟ้าสีแดงนับไม่ถ้วนว่ายวนทั่วกาย เกราะเวทจิ่วหลีต่อต้านสุดกำลัง สั่นสะเทือนรุนแรงภายใต้สายฟ้าสีแดงฉาน 9 เศียรกลายร่างส่งเสียงคำราม ปรากฏเป็นรอยแยก

จิตวิญญาณสวี่ชิงสั่นคลอน นัยน์ตาฉายแววสั่นไหว เพียงแต่ส่วนลึกของภาพที่แสดงออกมากลับซ่อนความตื่นตกใจเอาไว้

เขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวจากพลังโซ่เหล็กนี้ เป็นการป้องกันของเกราะเวทที่ช่วยเขาทานรับทั้งหมดนี้ไว้

แต่หลังจากเกราะเวทจิ่วหลีแบกรับทุกสิ่งก็ดูเหมือนจะแตกร้าว กระนั้นความจริงสวี่ชิงรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าจิ่วหลีถึงกับมีทีท่าจะหลอมรวม

ราวกับในโซ่เหล็กนี้มีต้นกำเนิดบางอย่างที่เป็นของบรรพจารย์ผู้ใช้เวท อาศัยการหวดครั้งนี้ผสานเข้าไป

แต่ในความคิดของสวี่ชิงก่อนหน้านี้ จิ่วหลี 9 เศียรไม่ใช่สภาวะบรรพจารย์ผู้ใช้เวทนภามหาเวทอย่างแท้จริง เขาจำต้องบำเพ็ญทะลวงถึงขั้นหวนสู่อนัตตาถึงจะมีโอกาสทำให้ 9 เศียรรวมเป็นหนึ่ง และเผยสภาวะบรรพจารย์ผู้ใช้เวทที่แท้จริง

‘โซ่เหล็กที่มัดวิถีสวรรค์โบราณนั่นถึงกับมีผลปานนี้…’

สวี่ชิงใจเต้น มองพื้นที่ว่างเปล่าที่กักขังวิถีสวรรค์ไว้ เขาพลันเกิดความคาดเดาอย่างหนึ่งในหัว

‘ค่ายกลสังหารเทพในตอนนั้น…’

สวี่ชิงหรี่ตา ไม่ได้คิดต่อ

สังเกตเห็นว่าโซ่เหล็กที่ห้อยลงมาหวดเข้ามาแล้วจะหายไป เขารีบกัดปลายลิ้นพ่นเลือดสด

ร่างกายยิ่งสั่นสะเทือน สภาวะเทพเจ้าที่เตรียมไว้ก็มีทีท่าจะพังทลาย เกิดเป็นสภาพฝืนรับและไม่อาจต่อต้านการหวดครั้งที่ 2

บนท้องฟ้า ด้วยเหตุที่ว่าไม่มีข้อมูล ไม่ว่าอย่างไรจี้ตงจื่อก็ไม่อาจคาดเดาผลของโซ่เหล็กที่มีต่อจิ่วหลี เมื่อเห็นสภาพทางด้านสวี่ชิง เขาจึงขี่เสือลงยาก ใบหน้าของเงาร่างทุกสายล้วนฉายความบ้าคลั่ง

“สังเวย!!”

ครั้งนี้ เขาสังเวยพลังชีวิตของตัวเอง

พริบตาต่อมา ทุกร่างของจี้ตงจื่อล้วนแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว จากสภาพวัยหนุ่มกลายเป็นคนชรา สุดท้ายเงาร่างกว่าครึ่งถึงกับกลายเป็นขี้เถ้า

และเมื่อพลังชีวิตเข้มข้นเช่นนี้พุ่งสู่ความว่างเปล่าก็นำมาซึ่งโซ่เหล็กเส้นที่ 2 ในท้ายที่สุด

ชั่วพริบตา โซ่เหล็กเส้นที่ 2 ตกลงมา ซัดพลังเทียมฟ้าหวดมาทางสวี่ชิงที่ดูรับการโจมตีไม่ไหวอย่างรุนแรง

ตูม!

สวี่ชิงพ่นเลือดสด 3 คำ สภาวะเทพเจ้าแหลกสลาย เลือดเนื้อไม่มีชิ้นดี กระดูกทั้งกายถึงกับโผล่ออกมาบางส่วน และเกราะเวทจิ่วหลีของเขายังแตกร้าวกว่าครึ่ง แต่ยังฝืนกำบังกาย

เขาอยู่ในสภาพเจ็บหนัก ราวกับถ้ารับการหวดครั้งที่ 3 จะดับดิ้น

พยายามหนีออกไปให้ไกล

ขณะเดียวกันก็มีความอันตรายแผ่ออกมาจากตัวเขา ท่าทางเหมือนยังมีไม้ตาย

นี่ทำให้จี้ตงจื่อที่มีนิสัยระวังตัวไม่กล้าเข้าใกล้ เพียงแต่สู้มาถึงจุดนี้ เขาทุ่มเทไปมากมายเหลือเกิน หากไม่ฆ่าสวี่ชิงให้เด็ดขาด ปัญหาที่ตามมาคงไม่สิ้นสุด

จี้ตงจื่อจึงกัดฟันแน่น ชีวิตมีแค่ครั้งเดียว เขาไม่ยอมเอาไปเสี่ยง แต่พลังชีวิตกับวิถีสวรรค์ ตราบใดที่เขายังไม่ตายก็ไปเอามาใหม่ได้

นัยน์ตาเขาจึงมีความแน่วแน่ เอ่ยคำอีกครั้ง

“สังเวย!”

ครั้งนี้ เขาสังเวยพลังบำเพ็ญ!

พลังบำเพ็ญหวนสู่อนัตตาระเบิดจากกายเขาในพริบตานั้น วิถีทั้งหมดที่เขาหลอม กฎเกณฑ์ทั้งหมดที่เขาตื่นรู้ล้วนกลายเป็นดาวตกพุ่งไปยังวิถีสวรรค์ในยามนี้

เมื่อแยกตัวในนั้น โซ่เหล็กเส้นที่ 3 มาเยือนตามที่เขาปรารถนา

“ตายซะ!”

จี้ตงจื่อคำรามต่ำ โซ่เหล็กหวีดแหลมหวดมาบนตัวสวี่ชิง

ก่อนหวด สวี่ชิงอยู่ในสภาพเจ็บหนัก บัดนี้หวดแล้ว แม้เขาพ่นเลือดสดออกมาอีกหลายคำ กระดูกก็โผล่ออกมามากกว่าเดิม เกราะเวทที่แตกร้าวก็เป็นเช่นนั้น

ทว่ายังคงเจ็บสาหัส ยังอยู่ในสภาพที่ว่าหากรับการหวดครั้งที่ 4 ก็จะตาย

กายจี้ตงจื่อพลันสั่นสะท้าน สีหน้าฉายแววเจ็บแค้น เขาไม่รู้ว่าทำไมสวี่ชิงถึงไม่ตาย…แต่มาถึงตอนนี้ แม้ไม่รู้สาเหตุ เขายังคงเห็นเงื่อนงำ

เงาร่างที่เหลือของเขาจึงผสานกันในพริบตา เมื่อกลายเป็นหนึ่งเดียว เขาข่มอารมณ์ในใจและหลีกหนีออกไปให้ไกลทันที

แต่ในพริบตาที่เขาห่างออกไป สวี่ชิงที่สภาพน่าเวทนาหาใดเปรียบกลับเงยหน้าขมวดคิ้ว

สภาวะจิ่วหลีของเขาหลอมรวมกันได้ครึ่งหนึ่งแล้วด้วยความช่วยเหลือจากจี้ตงจื่อ อีกครึ่งเดียวก็สามารถรวมกันโดยสมบูรณ์และเผยสภาวะบรรพจารย์ผู้ใช้เวทออกมาได้

แต่อีกฝ่ายไม่หวดโซ่แล้ว

“เศษสวะ”

สวี่ชิงสายตาเย็นเยียบ อาการบาดเจ็บทั้งหมดบนร่างกายฟื้นสภาพในชั่วพริบตา ด้วยจิ่วหลีผสานกันครึ่งหนึ่ง กลิ่นอายจึงยิ่งน่ากลัวกว่าก่อนหน้านี้ ก้าวเท้าเดินไปทางจี้ตงจื่อ

“เช่นนั้นอีกครึ่งหนึ่ง ก็จัดการด้วยการสังหารเจ้าแล้วกัน”

เมื่อจี้ตงจื่อที่อยู่ไกลออกไปสัมผัสทั้งหมดนี้ได้ ความรู้สึกต่างๆ ในใจพลันระเบิด กระอักเลือดสดคำใหญ่

…………………………………….

[1] เทาเที่ย สัตว์ปีศาจแห่งความตะกละ

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version