Skip to content

Outside Of Time 895


บทที่ 895 แสงอรุณเปิดผนึก

ดวงตะวันแห่งแสงอรุณของเผ่ามนุษย์ ปรากฏต่อสายตานับหมื่นเผ่าบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ครั้งแรกในศึกบุกรุกยกเผ่าของเผ่าฟ้าทมิฬเมื่อหลายปีก่อน

ศึกนั้นเผ่าฟ้าทมิฬร่วมกับเผ่าอื่นล้อมโจมตีเผ่ามนุษย์ ไฟสงครามลุกลาม ขยายไปถึงในดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิ

เผ่ามนุษย์ใกล้ล่มสลาย

ในความเห็นแต่ละฝ่าย ศึกตอนนั้นเผ่ามนุษย์แทบไม่มีความหวังใด แม้ไม่ถึงกับถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่ภาพรวมดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิจะเสียหายมากกว่าครึ่ง

ส่วน 7 เขตปกครองและดินแดนปิดล้อมต่างปล่อยไปตามชะตากรรม

เป็นใครก็นึกไม่ถึงว่าในช่วงชี้เป็นชี้ตาย ดวงตะวันแห่งแสงอรุณจะปรากฏบนสนามรบด้วยอานุภาพน่าหวาดกลัวที่แหวกฟ้าดินสะเทือนดินแดนต้องประสงค์

ตอนนั้นทุกเผ่าที่มองล้วนนิ่งเงียบ ฟ้าทมิฬพ่ายแพ้ถอยร่น เผ่าอื่นที่ล้อมโจมตีเผ่ามนุษย์ล้วนตื่นกลัว

และเป็นศึกนั้นเอง ชื่อของดวงตะวันแห่งแสงอรุณเลื่องลือทั่วแผ่นดินต้องประสงค์ แม้แต่เผ่าแข็งแกร่งอย่างนภาคิมหันต์ยังเกิดความสนใจในดวงตะวันแห่งแสงอรุณไม่น้อย

การศึกษาเกี่ยวกับดวงตะวันแห่งแสงอรุณก็กลายเป็นความสำคัญของแต่ละเผ่าอย่างเลี่ยงไม่ได้

เหยียนเสวียนจื่อเป็นถึงยอดอัจฉริยะฟ้าประทานอันดับหนึ่งของเผ่านภาคิมหันต์ ย่อมมีความเห็นเรื่องดวงตะวันแห่งแสงอรุณเป็นของตัวเองเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเห็นของในมือเอ้อร์หนิวนางจึงจำได้ทันที สีหน้าเปลี่ยนอย่างห้ามไม่อยู่

ม่านตานางหดพลัน เกิดฟ้าผ่าในจิตใจ อันตรายถึงชีวิตที่เด่นชัดทำให้นางถอยหลังโดยไม่ลังเล

เมื่อสมบัติแดนสงครามระดับนี้ระเบิด มันจะกินบริเวณกว้างใหญ่นัก และวังจักรพรรดิในที่นี้ แม้ดูเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่โดษๆ แต่ความจริงยังคงมีเขตจำกัด

เมื่อดวงตะวันแห่งแสงอรุณปลดปล่อยในที่นี้ พายุจะปกคลุมทุกสิ่งในพริบตา

แม้ลักษณะในวังจักรพรรดิรวมถึงพลังกดดันในที่นี้จะน่าสะพรึงกลัวหาใดเปรียบ ทั้งเปี่ยมด้วยความยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน อาจถึงขั้นสามารถรับดวงตะวันแห่งแสงอรุณไว้ได้ แต่กายเนื้อที่อยู่ในนั้นจะตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน

พวกเขาต่างขนลุกชัน เลือดเนื้อทุกชุ่น กระดูกทุกชิ้นทั่วกายล้วนกำลังสั่นเทา ส่งความรู้สึกอันตรายหาใดเปรียบ ทำให้ทั้ง 3 จิตใจปั่นป่วนถึงขีดสุด

อันตราย อันตราย!

พวกเขาจึงไม่ลังเลสักน้อยนิด แม้การเลื่อนขั้นถูกขัดจังหวะก็ต่างลุกขึ้นทันที แต่ละคนใช้พลังป้องกันเต็มที่พร้อมรีบถอยหลังไปด้วย พยายามออกไปจากที่นี่ด้วยวิธีต่างกัน

ชั่วขณะหนึ่ง สถานการณ์ทั้งวังจักรพรรดิแปรเปลี่ยนทันใด

มีเพียงดวงตะวันแห่งแสงอรุณนั้นที่เคลื่อนลงมาไม่หยุด ทะลุผ่านช่องว่างที่มังกรดาราถูกคลื่นกัมปนาทม้วนไป และตกลงไปจากพื้นที่ว่างซึ่งเกิดจากร่มตาข่ายถูกคลื่นกัมปนาทเคลื่อนย้าย

ด้วยการปรากฏของคลื่นกัมปนาทก่อนหน้านี้ ทำให้แท่นบูชาเบื้องล่างเผยแก่สายตาชัดเจน ไม่มีสิ่งกีดขวางใดอีกต่อไป

ดวงตะวันแห่งแสงอรุณจึงตกลงบนโลงศพทองม่วงเหนือแท่นบูชานั้น!

เปล่งรัศมีบาดตา

ดวงตะวันแห่งแสงอรุณที่ก่อเกิดจากดวงอาทิตย์โบราณมีพลังกว่าปกติ โดยเฉพาะตอนแรกสวี่ชิงยังเพิ่มเลือดเนื้อชื่อหมู่เข้าไปในนั้น

นี่ทำให้สิ่งนี้แฝงพลังน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ มากพอให้เป็นไม้ตายของสวี่ชิงกับนายกอง

เพียงแต่ใช้ได้ครั้งเดียว ดังนั้นมันมีความหมายในเชิงเอาไว้ข่มขวัญมากกว่า

จนกระทั่งตอนนี้ มันไม่ได้มีไว้ข่มขวัญอีกต่อไป หากแต่ใช้งานได้จริง!

พลังน่าสะพรึงกลัวอันยิ่งใหญ่ยากอธิบายปรากฏขึ้นในนั้น และเริ่มระเบิดออก

พริบตาเดียวแสงของมันก็ส่องออกมา ความร้อนของมันเริ่มบ้าคลั่ง บนสะท้อนเอกภพ ล่างครอบคลุมฟ้าดิน!

นภาเป็นสีแดงทั้งผืน

ฟ้าดินสะเทือนรุนแรง

ใบหน้าดวงดาว 108 ดวงบนฟ้าถูกขัดจังหวะร้องโอดครวญเป็นครั้งแรก แต่ละดวงสีหน้าเจ็บปวด ถึงกับดับสลายทันทีเมื่อแสงกับความร้อนนั้นกวาดเข้ามา ถูกคลื่นความร้อนระเหิดจนมลายหายไป

ที่สลายไปด้วยยังมีตัวดาว 108 ดวงนั้น พวกมันก็ยืนหยัดได้ไม่นาน ด้วยแสงและความร้อนนั้น พวกมันจึงไม่มีอยู่อีกต่อไป!

แต่การระเบิดพลังของดวงตะวันแห่งแสงอรุณเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อทะเลแสงปกคลุมท้องฟ้า มันก็แผ่คลุมทุกสิ่งไปด้วย

ระฆังแถว กลองบูชา ร่มตาข่ายและมังกรดารามหึมาล้วนถูกมันปกคลุมไว้ข้างใน

ยังมีแท่นบูชาที่ประสบเคราะห์เป็นอย่างแรก รวมถึงขุนเขาสายธาร รูปปั้นกองทัพทหารและหนังมากมายนับไม่ถ้วนเบื้องล่างแท่นบูชา

มองทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นสีแดงฉาน คลื่นความร้อนกับทะเลแสงหมายทำลายทุกสิ่ง

นึกภาพออกว่าหากไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมาย ไม่นานวังจักรพรรดินี้จะกลายเป็นเถ้าถ่าน ทั้งสุสานจักรพรรดิรวมถึงดวงดาวที่อยู่ตอนนี้จะถูกดวงตะวันแห่งแสงอรุณปกคลุมไปด้วย

ส่วนคนที่นี่ ตอนนี้ก็ยืนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย เหยียนเสวียนจื่อผมเผ้ายุ่งเหยิง กระอักเลือดสดรุนแรง ในปากส่งเสียงคำราม หวดหมัดแล้วหมัดเล่า ร่างกายยิ่งม้วนกลับต้านแสงกับความร้อน

แต่ชัดว่าถึงเป็นนางก็ไม่อาจยืนหยัดได้นาน ความตายกำลังใกล้เข้ามา

ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงพวกฝานซื่อซวง ยามนี้สามคนนั้นเหมือนบาดเจ็บอย่างหนัก ต่างคนจิตใจล้วนกำลังแหลกสลาย เริ่มมีอาการคลุ้มคลั่ง ใช้วิธีนับไม่ถ้วนหมายจะช่วยตัวเอง แต่ชัดว่าไม่มีประโยชน์

จำต้องบอกว่าอุบายของนายกองโหดร้ายเกินไปโดยแท้

เพราะเขาไม่เพียงโหดร้ายกับคนอื่น กับตัวเอง…ก็โหดร้ายเช่นกัน

เขากับสวี่ชิงก็อยู่ในพื้นที่ของดวงตะวันแห่งแสงอรุณ

ความเป็นความตายครอบพวกเขาไว้เช่นเดียวกัน

เพียงแต่การเตรียมตัวล่วงหน้าทำให้เขายืนหยัดได้นานกว่าหน่อย พริบตาที่ดวงตะวันแห่งแสงอรุณระเบิดพลัง เขารีบเบิ่งตาโต มองสวี่ชิงเพียงผาดเดียว

ถึงกับไม่ต้องเอ่ยคำสวี่ชิงก็เข้าใจ กลายร่างเป็นลำแสงมุดเข้าไปในนั้นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

หลังจากเข้าไปในตัวนายกอง พลังบำเพ็ญของสวี่ชิงระเบิดทุกด้าน พลังป้องกันแผ่กว้าง พลังแห่งดวงจันทร์ปรากฏ วิธีการและพลังวิเศษทั้งหมดที่เอาไว้ป้องกันถูกใช้รวดเดียวในยามคับขันนี้

ด้านนายกองก็เช่นเดียวกัน รูม่านตาปรากฏใบหน้า ทรวงอกกลายเป็นเกลียวคลื่น มีแขนสีฟ้า 4 ข้างฉีกเลือดเนื้อออกมาทำมุทราอย่างรวดเร็ว ผสานกับพลังของสวี่ชิงจนเกิดเป็นก้อนน้ำแข็ง

ขณะเดียวกัน นัยน์ตาเขาฉายแววบ้าคลั่ง ดึงเอาหนังมนุษย์จำนวนมากออกมา นั่นล้วนเป็นหนังของตัวเขาเอง เอามาห่มคลุมบนกาย สุดท้ายหยิบแผ่นหยกสีครามมากำไว้ในมือแน่น

พลังแห่งเวลาถึงกับกระจายออกจากแผ่นหยก

“ศิษย์น้อง!”

หลังนายกองตะโกน สวี่ชิงในกายเขาใช้นาฬิกาแดดทันที ขณะหมุนวนเลื่อนลั่นยังเสริมกำลังให้พลังแห่งเวลาของแผ่นหยกนั้นเพื่อเพิ่มการป้องกันให้ทั้ง 2

แต่ถึงกระนั้น ก้อนน้ำแข็งยังคงทลายด้วยแรงระเบิดของดวงตะวันแห่งแสงอรุณ พลังแห่งเวลาบิดเบี้ยว ผิวหนังของเอ้อร์หนิวลุกไหม้ เลือดเนื้อในกายกำลังฉีกขาด แขนสีฟ้าทั้ง 4 เริ่มสลาย

สวี่ชิงก็เช่นเดียวกัน นาฬิกาแดดเกิดรอยร้าว พลังบำเพ็ญกำลังสั่นสะเทือน การป้องกันทั้งหลายดูเหมือนไม่อาจแก้ปัญหาสำคัญได้ อย่างมากแค่ยืดเวลาตายเท่านั้น

แต่เขาเชื่อในตัวนายกอง

แม้ความบ้าคลั่งของนายกองรนหาที่หลายครั้ง แต่ทุกครั้ง…สุดท้ายยังคงมีโอกาสรอด ไม่ได้อยากตายจริงๆ

และก็เป็นเช่นนั้นจริง!

ตอนแรงระเบิดของดวงตะวันแห่งแสงอรุณจะทำลายวังจักรพรรดิ หมายทำให้ฟ้าดินสว่างไสว ชั่วขณะที่ทำให้พิภพกลายเป็นความว่างเปล่า การต่อต้านจากตัววังจักรพรรดิปรากฏขึ้นแล้ว!

นี่คือหลุมศพของจักรพรรดิเซียน นี่คือวังจักรพรรดิของจักรพรรดิบรรพชน แม้ดินแดนนี้ห่างชั้นกับดินแดนต้องประสงค์มากนัก แต่ดูจากฐานะ คนที่ฝังอยู่ที่นี่สูงส่งอย่างยิ่ง

ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าที่นี่ยังจัดวางโดยเทพเจ้า

ดังนั้นพริบตาต่อมา ระฆังแถวสีแดงฉานเริ่มเคาะกังวานตามลำดับ

กลองบูชาที่ถูกเปลวไฟแผดเผาเริ่มตีสนั่น ค่อยๆ ผสานเข้ากับระฆังแถว

มังกรดาราส่งเสียงคำรามแสบแก้วหู พุ่งตรงเข้าไป

มองจากไกลๆ เหมือนนิ้ว 8 นิ้ว!

ระฆังแถวเป็นเล็บ กลองบูชาเป็นจันทร์ครึ่งดวงบนเล็บ ตัวมังกรเป็นภาพแทนนิ้วมือ

เหนือผืนดิน ดวงตาที่ปิดสนิทบนหนังที่ลุกไหม้ลืมขึ้นพร้อมเพรียง สายตามีพลัง ปะทุขึ้นในพริบตา

ทำให้นิ้วมือลวงตานั้นมีผิวหนัง!

รูปปั้นกองทัพนับไม่ถ้วนที่ถูกเผาล้วนเคลื่อนไหว พวกมันต่างระเบิดลมปราณในพริบตา ฟื้นคืนชีพพร้อมเพรียง เอาความชั่วร้ายและความตายพุ่งขึ้นฟ้า กลายร่างเป็นฝ่ามือ

หนึ่งฝ่ามือ 8 นิ้ว!

ขุนเขาสายธารเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ กลายเป็นลายนิ้วมือของฝ่ามือนี้!

ที่น่าตื่นตะลึงยิ่งกว่าคือตัวแท่นบูชา มันเปล่งแสงสีดำอันเป็นตัวแทนของการทำลาย อาบย้อมแสงกับความร้อนในที่นี้ ทั้งส่งแสงสีดำนี้เข้าไปในฝ่ามือ ทำให้ฝ่ามือดำมืดหาใดเปรียบ

ที่มาพร้อมกันคือในโลงศพบนแท่นบูชามีเสียงหัวใจเต้นทอดมาอีกครั้ง

ตึกตึก ตึกตึก!

การปรากฏเสียงหัวใจเต้นทำให้ฝ่ามือใหญ่ยักษ์ที่บดบังท้องฟ้าได้นั้นมีพลัง คว้าไปยังดวงตะวันแห่งแสงอรุณที่กำลังระเบิดพลัง!

แสงถูกบดบังในยามนี้

ความร้อนถูกตัดขาดในพริบตานั้น

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกฝ่ามือสีดำครอบไว้ภายใน

แต่ดวงตะวันแห่งแสงอรุณเป็นสมบัติแดนสงคราม โดยเฉพาะดวงนี้ยิ่งไม่ธรรมดา ดังนั้นแม้เป็นการตอบโต้จากฐานะเช่นวังจักรพรรดิก็ไม่อาจทำลายมันโดยสิ้นเชิง

ดังนั้นพริบตาต่อมา ฝ่ามือสีดำกับแสงความร้อนของดวงตะวันแห่งแสงอรุณต้านกันอย่างดุเดือด กระทั่งเสียงเลื่อนลั่นสะเทือนหลุมศพดังสนั่นหวั่นไหวดุจสายฟ้านับไม่ถ้วนผ่าลงมา

ฝ่ามือสีดำหายไป ดวงตะวันแห่งแสงอรุณก็สลายไปด้วย

ความน่าสะพรึงกลัวจากดวงตะวันแห่งแสงอรุณถูกทำให้สิ้นไปในที่สุด

บนท้องฟ้า เหยียนเสวียนจื่อสภาพแย่ถึงขีดสุด ทั้งตัวมีเลือดสดกระจายอยู่ทั่ว

พวกเทียนโม่จื่อที่อยู่ไกลออกไปร่างกายล้วนไม่สมบูรณ์ ความอ่อนแอเด่นชัดยิ่ง ความรู้สึกหวาดกลัวยิ่งสูงเทียมฟ้า

เพราะอีกนิดเดียวพวกเขาก็จะตายที่นี่

ที่สภาพแย่ไม่ต่างกันยังมีนายกอง เขาใช้ทุกวิถีทาง ทั่วกายล้วนเป็นรอยแยก คล้ายจะแหลกสลายได้ทุกเวลา เห็นว่าเหยียนเสวียนจื่อและคนอื่นไม่เป็นไร เขาเหมือนรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

แต่พริบตาต่อมาเขาก็มองลงไปด้วยสายตาเป็นประกาย

เงาร่างของสวี่ชิงลอยออกมาจากกายเขา มีความอ่อนแรง มีความเหนื่อยล้า ข่มอาการบาดเจ็บมองลงไปเช่นกัน

วังจักรพรรดิด้านล่างลักษณะเปลี่ยนไปมาก

ระฆังแถว กลองบูชา รูปปั้นกองทัพทหาร ขุนเขาสายธาร…ทั้งหมดล้วนกลายเป็นความว่างเปล่า แม้แต่แท่นบูชานั้นก็เกิดรอยแยกใหญ่ทะลุโลงศพ

โลงศพแยกเป็น 2 ส่วน ลื่นไหลลงไป 2 ฝั่ง

เผยให้เห็นศพแห้งสวมชุดหยกเย็บด้ายทองในนั้น!

ทั้งกายแห้งเหี่ยว สวมกวานจักรพรรดิ ภายใต้ชุดหยกเย็บด้ายทองคือชุดจักรพรรดิ

แม้พอจะเห็นอำนาจบารมีผ่านเครื่องแต่งกาย แต่ไม่มีรูปลักษณ์ตอนมีชีวิตแล้ว ด้วยบนหน้าเขามีแมงมุมตัวหนึ่งนอนอยู่

รวมเป็นหนึ่งกับศพของเขา ไม่แยกจากกัน

หน้าของแมงมุมจึงกลายเป็นหน้าของเขา

“คลื่นกัมปนาทขจัดอุปสรรค แสงอรุณเปิดผนึก ในที่สุด…ก็เปิดโลงศพจักรพรรดิบรรพชนในพิภพนี้!”

“ศิษย์น้อง เราไปกัน!”

ความบ้าคลั่งฉายขึ้นในตานายกองอีกครั้ง กายพลันเคลื่อนบุกไปยังศพด้านล่าง ด้านสวี่ชิงกัดฟันรุนแรง มาถึงขั้นนี้แล้วเขาย่อมไม่มีทางล้มเลิก พุ่งไปหาศพนั้นด้วยแววตาบ้าคลั่งเช่นกัน

พวกเทียนโม่จื่อบนฟ้ายามนี้ไม่มีเรี่ยวแรงไปทำสิ่งใด เห็นพวกสวี่ชิงยังเคลื่อนไหว ใจพวกเขากระตุกวูบ รีบถอยหลังตามสัญชาตญาณ

ทั้งกลัวและเหนื่อยล้า

มีเพียงเหยียนเสวียนจื่อที่ความโกรธแค้นทั้งหมดในใจปะทุขึ้นในยามนี้ ก้าวเท้าห้อตะบึงมุ่งไปหาเอ้อร์หนิว

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร สิ่งที่นางจะทำนั้นเรียบง่ายยิ่ง คือสังหารโจรผู้นี้แล้วทำลายทุกสิ่งของมัน!

และพริบตาที่เงาร่างทั้ง 3 เข้าใกล้ศพบนแท่นบูชาอย่างรวดเร็ว หน้าแมงมุมที่ผสานกับหน้าศพนั้นพลันลืมตา!

นั่นเป็นดวงตาสีทอง 2 ดวง

นั่นคือดวงตาของเทพเจ้า!

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version