Chapter 7
วางแผนออกจากบ้าน
“เจ้าคิดจะไปไหนหรือเฟิ่งหวง?” หมอหลวงถาม จ้องวงหน้าจิ้มลิ้ม
“ไปหาแม่เฒ่าร้อยพิษ อาจารย์ข้าเอง ข้ายังเรียนกับนางไม่จบ”
หมอหลวงสำลักน้ำชาพรวด! “อะไรนะ!” เขารีบล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดปาก จ้องเด็กน้อยเขม็ง “นี่เจ้าไปเป็นศิษย์เฒ่าร้อยพิษตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ก่อนข้าจะโดนข้อหากบฏ ข้าออกไปเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่ที่บ้าน แล้วเผอิญช่วยเฒ่าร้อยพิษเอาไว้ นางจึงอยากตอบแทนบุญคุณข้าด้วยการรับข้าเป็นศิษย์” ไป๋เฟิ่งหวงเล่าตามตรง
“นางสอนให้ข้ารู้จักพิษมาบ้าง ไหนๆข้าก็ผ่านความตายมาแล้วข้าจึงคิดว่าข้าควรจะไปสืบทอดเจตนารมณ์ของนางเสียหน่อย”
“แล้วถ้าข้าไม่ยอมช่วยพูดกับท่านไป๋กับฮูหยินให้เจ้าล่ะ?” หมอหลวงหยั่งเชิง
“ข้าก็จะแอบหนีไป แล้วทิ้งจดหมายเอาไว้” ไป๋เฟิ่งหวงบอก
หมอหลวงนวดขมับ “เฮ้อ…รู้สึกว่าเจ้าจะวางแผนไว้แล้วซินะ มีทั้งแผนหนึ่งแผนสองแบบนี้น่ะ”
“เจ้านี่รู้ใจข้าที่สุด” ไป๋เฟิ่งหวงเอื้อมมือไปตบต้นแขนสหายรัก
“เอาเถอะๆข้าจะช่วยพูดกับท่านไป๋กับฮูหยินให้เอง อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องอนุญาตอยู่แล้วเพราะพวกเขาอยากให้เจ้าแข็งแรง” หมอหลวงรับปากอย่างจนหนทาง นี่ซินะเหตุผลที่นางไม่ยอมให้คนอื่นรับรู้ว่าร่างกายนางแข็งแรงแล้ว แข็งแรงกว่าจอมยุทธ์บางคนเสียอีก นางจะได้ใช้ข้ออ้างเหล่านี้ออกไปข้างนอกได้
เขาลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไปพูดกับฮูหยินไป๋ว่า “ฮูหยินไป๋”
“เจ้าค่ะ” ฮูหยินคารวะหมอหลวง
“ข้ามีทางที่จะรักษาคุณหนู”
ฮูหยินดวงตาเป็นประกายด้วยความหวังทันที
“ข้าอยากพานางไปพบอาจารย์ข้าซึ่งเร้นกายอยู่ในหุบเขา ข้าจึงมาขอให้ท่านอนุญาต”
ฮูหยินมองหมอหลวงแล้วก็บอกว่า “เรื่องนี้คงต้องขออนุญาตจากท่านไป๋เจ้าค่ะ ข้าคนเดียวไม่อาจตัดสินใจได้”
หมอหลวงพยักหน้าเข้าใจ “เช่นนั้นข้าจะไปพูดกับท่านไป๋เอง”
“เจ้าค่ะ”
หมอหลวงก้าวยาวๆไปที่เรือนใหญ่ ฮูหยินรีบตามไป
พอถึงเรือนใหญ่หมอหลวงก็ยืนรออยู่หน้าเรือน
ฮูหยินค้อมกายเดินผ่านเขาไปด้านใน “ท่านพี่เจ้าคะ ท่านหมอหลวงต้องการจะพูดกับท่านเรื่องการรักษาเฟิ่งหวงเจ้าค่ะ”
“เรื่องอะไรหรือ?” ไป๋จื่อฮัววางหนังสือลง
“เขาอยากพาเฟิ่งหวงไปพบอาจารย์ของเขาเจ้าค่ะ เขาบอกว่าอาจมีทางรักษาให้หายได้เจ้าค่ะ”
ดวงตาไป๋จื่อฮัวสว่างวาบด้วยความหวังทันที “จริงหรือ?”
“เจ้าค่ะ”
“รีบให้เขาเข้ามา”
“เจ้าค่ะ” ฮูหยินพยักหน้าแล้วก็เดินออกไปเชิญท่านหมอหลวง “ท่านหมอหลวงเจ้าคะ เชิญเจ้าค่ะ”
หมอหลวงก้าวเข้าไปในห้องรับแขกของเรือนใหญ่
ไป๋จื่อฮัวลุกขึ้นยืนต้อนรับ “เชิญท่านหมอหลวง ลูกข้ามีทางรักษาหายจริงหรือ?”
“มี” หมอหลวงพยักหน้าแล้วนั่งลงตรงข้าม
ฮูหยินรีบรินชาให้ “น้ำชาเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณฮูหยินไป๋” หมอหลวงยกชาจิบแล้วก็บอกว่า “ข้าอยากให้ท่านอนุญาตให้ข้าพาคุณหนูไปพบอาจารย์ข้าสักหน่อย อาจจะพอมีทางรักษานางให้หายได้”
“เชิญอาจารย์ท่านมาที่นี่ไม่ได้หรือ?” ไป๋จื่อฮัวถาม ไม่อยากให้ลูกไปไหนไกลตา
“อาจารย์ข้าไม่ชอบพบปะผู้คน เร้นกายอยู่ในขุนเขา” หมอหลวงไม่ได้โกหกสักคำเพราะอาจารย์เขาเป็นเช่นที่กล่าวจริงๆ “หากพาคุณหนูไปพบท่านอาจารย์สักครั้งอาจมีมีทางรักษาได้”
ไป๋จื่อฮัวครุ่นคิดหนัก แล้วก็ตัดสินใจ “ตกลง เช่นนั้นข้าจะจัดเตรียมรถม้าและผู้คนไว้ให้พร้อมเดินทาง ว่าแต่ท่านจะพานางไปเมื่อไหร่หรือ?”
“อาจารย์ข้าไม่ชอบพบปะผู้คน หากพาคนติดตามไปด้วยเกรงว่าท่านอาจารย์คงไม่พอใจ แล้วก็คงไม่ยอมรักษาให้แน่” หมอหลวงรีบพูดดักทาง เรื่องที่จะไปเป็นศิษย์เฒ่าร้อยพิษนางอยากปิดเป็นความลับก็ย่อมไม่ต้องการให้ผู้ใดติดตามไปด้วยแน่
ไป๋จื่อฮัวคิดหนัก ไม่ให้พาคนติดตามไปด้วย ล่อแหลมต่อชื่อเสียงของลูกสาวนัก แต่ครั้นจะไม่ให้ไปก็เป็นการปิดโอกาสในการรักษาของนางอีก หากลูกหายป่วยได้คนเป็นพ่อหรือจะไม่ยินดีทำทุกอย่าง
หมอหลวงยกชาขึ้นจิบ รอฟังการตัดสินใจจากไป๋จื่อฮัว
“ท่านรับรองกับข้าได้หรือไม่ว่านางจะปลอดภัย” ไป๋จื่อฮัวจ้องตาหมอหลวง
“ข้ารับปากด้วยชีวิตของข้าเอง ข้าจะดูแลนางไม่ให้ได้รับอันตรายใดๆทั้งสิ้น” หมอหลวงพูดหนักแน่น
ไป๋จื่อฮัวพยักหน้าตัดสินใจ “ตกลง”
“เช่นนั้นพรุ่งนี้เช้าข้าจะมารับคุณหนู” หมอหลวงบอก ไหนๆก็อนุญาตแล้วก็ต้องเร่งเดินทางให้เร็วที่สุด หากอีกฝ่ายเปลี่ยนใจ มีหวังหลิวหลิวได้แอบหนีไปจริงๆแน่ แล้วคนอย่างนางตั้งใจทำอะไรแล้วใครก็ขวางนางไม่ได้เสียด้วย
“พรุ่งนี้เลยหรือ?” ไป๋จื่อฮัวคิดหนักอีกรอบ
“พรุ่งนี้เลย เพราะหลังจากนี้ข้าคงมีงานล้นมือไม่อาจปลีกตัวไปไหนได้อีก” หมอหลวงบอก
“ข้าจะให้นางเตรียมตัว” ไป๋จื่อฮัวตัดสินใจอย่างลำบากใจ
“เช่นนั้นข้าก็ขอลาไปเตรียมการเดินทาง พบกันพรุ่งนี้” หมอหลวงคารวะเจ้าบ้าน
ไป๋จื่อฮัวคารวะตอบ
หมอหลวงรีบลุกออกจากห้องไป นี่ถ้านางรู้ว่าไป๋จื่อฮัวอนุญาตแล้วนางคงอย่างไปวันนี้เสียเลยด้วยซ้ำ หลิวหลิว นิสัยเจ้าเป็นเช่นไรข้านั้นรู้ดีที่สุด หึๆๆๆ
ฮูหยินมองตามหมอหลวงไปแล้วก็หันไปมองสามีนั่งลงข้างๆเขา “ท่านพี่จะดีหรือเจ้าคะ ให้ลูกไปตามลำพังกับท่านหมอหลวงแบบนี้น่ะ”
“ข้าก็ไม่อยากให้นางไป แต่ในเมื่อมีทางรักษาใยจะไม่ลองดูล่ะ เจ้ากับข้าเพียรทุ่มเทตามหาหมอที่จะรักษานางเสียเงินเสียทองไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ครั้งนี้มีโอกาสก็ต้องคว้าเอาไว้ก่อน ข้าไม่อยากเห็นนางสิ้นลมหายใจอีกแล้วเหมยฮวา”
ฮูหยินพูดอะไรไม่ออก แค่เห็นลูกสิ้นลมไปต่อหน้าต่อตาหัวใจก็แหลกสลายเป็นผุยผง แม้ชีวิตก็ยอมแลกได้ขอเพียงให้ลูกได้หายใจต่อ
ไป๋จื่อฮัวจับมือฮูหยิน “เจ้าไปจัดข้าวของให้นางเตรียมตัวเดินทางเถอะ”
“เจ้าค่ะ” ฮูหยินพยักหน้าแล้วก็ลุกไปหาลูกสาว
ไป๋เฟิ่งหวงเห็นฮูหยินเดินมาด้วยสีหน้าอมทุกข์ก็รู้ว่ากู่เล่อเจรจาสำเร็จ แสร้งตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่องราว “ท่านแม่”
ฮูหยินไป๋มองลูกสาวแล้วก็หันไปสั่งบ่าวประจำตัวนางว่า “เซี่ยวซิน จัดเสื้อผ้าให้คุณหนูด้วย พรุ่งนี้นางต้องเดินทางไปพบอาจารย์ของท่านหมอหลวง”
“เจ้าค่ะ” เซี่ยวซินรับคำสั่งแล้วก็เดินไปเปิดหีบเสื้อผ้าเจ้านาย
“ข้าต้องไปพบอาจารย์ของท่านหมอหลวงหรือ?” ไป๋เฟิ่งหวงแกล้งถาม
“ใช่ ท่านหมอหลวงบอกว่าหากพาเจ้าไปพบอาจารย์ของเขา อาจรักษาโรคของเจ้าได้” ฮูหยินดึงตัวลูกสาวมากอดน้ำตารื้น “แม่ไม่อยากให้เจ้าห่างหูห่างตาเลยสักนิด”
ไป๋เฟิ่งหวงกอดตอบพลางลูบหลังปลอบใจ “ข้าไปไม่นานหรอก ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี”
“เฟิ่งหวง แม่ไม่อยากให้เจ้าไปเลย” ฮูหยินน้ำตาหยด
ไป๋เฟิ่งหวงลูบหลังพลางบอกน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ข้าไปไม่นานแล้วก็จะกลับมา ท่านวางใจเถอะ”
ฮูหยินรู้สึกสะดุดใจ ควรจะเป็นลูกที่จะร่ำไห้ไม่อยากจากไปมากกว่า แต่นี่กลับรู้สึกว่าลูกสาวตัวน้อยยินดีที่จะไปยิ่งนัก
หลังจากฮูหยินกลับเรือนใหญ่ไปแล้ว ไป๋เฟิ่งหวงก็สั่งเซี่ยวซินให้ไปหาซื้อชุดบุรุษให้นาง
เซี่ยวซินได้แต่รับเงินแล้วไปทำตามคำสั่ง ไม่ว่าคุณหนูจะให้ทำอะไรนางก็ทำตามไปหมด ก็คุณหนูน่ะเวลาดีก็ดีใจหายแต่เวลาร้ายขึ้นมาน่ากลัวยิ่งกว่านายท่านอีก
ตกค่ำไป๋จงกลับมาบ้าน รู้เรื่องราวก็เป็นกังวลเช่นกัน แต่ในเมื่อนี่เป็นหนทางที่จะรักษาน้องสาวได้เขาก็จำใจยอม
เช้าตรู่ ไป๋เฟิ่งหวงอาบน้ำแต่งตัวสวมใส่ชุดบุรุษอย่างคุ้นชิน แล้วก็เดินไปกินข้าวร่วมกับครอบครัว
ไป๋จงมองน้องสาวอย่างประหลาดใจ “นี่อะไรกันเฟิ่งหวง?”
ไป๋จื่อฮัวกับฮูหยินก็ประหลาดใจไม่แพ้ลูกชาย
“นั่นซิเฟิ่งหวง ทำไมแต่งตัวเช่นนี้เล่า?” ฮูหยินถาม
“ก็วันนี้ข้าจะเดินทางไปกับท่านหมอหลวงนี่น่า ขืนแต่งชุดสตรีขึ้นเขาลงห้วยข้าคงสะดุดชายกระโปรงหกล้มตายก่อน” ไป๋เฟิ่งหวงบอกสีหน้าเฉย
“แล้วเจ้าไปเอาเสื้อผ้าบุรุษมาจากไหนรึ? จะว่าเป็นของเก่าของข้าก็ไม่ใช่แน่เพราะข้าให้คนยากไร้ไปหมดแล้ว” ไป๋จงถาม
“ก็ให้บ่าวไปซื้อมาใหม่ซิ” ไป๋เฟิ่งหวงบอกแล้วก็นั่งลงข้างพี่ชาย
“อ่อ” ไป๋จงพยักหน้ารับรู้
“กินข้าวเถอะ” ไป๋จื่อฮัวบอกแล้วก็คีบกับข้าว สมองก็ครุ่นคิด ดูเหมือนว่าลูกสาวเขาจะเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางครั้งนี้เป็นอย่างดี
เริ่มสายหมอหลวงก็มารับคุณหนูไป๋
ไป๋เฟิ่งหวงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าผู้ชายเตรียมพร้อมรอเดินทางอยู่แล้ว จากคุณหนูหน้าตาจิ้มลิ้มก็กลายเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาพริ้มเพรา นางร่ำลาทุกคนแล้วก็สวมหมวกมีผ้าบางคลุมรอบหมวกเพราะต้องการปกปิดตัวตน
ไป๋จื่อฮัว ฮูหยินไป๋ ไป๋จงยืนส่งด้วยความกังวลใจ นับแต่เกิดมาไป๋เฟิ่งหวงไม่เคยห่างพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
แล้วรถม้าก็เคลื่อนตัวออกไป
ระหว่างทางไป๋เฟิ่งหวงก็สั่งสหายรักว่า “ข้าอยากให้เจ้าช่วยข้าหลายเรื่องทีเดียว”
“จะให้ข้าทำอะไรล่ะ?” หมอหลวงมองตอบ
“เรื่องแรก ข้าอยากให้เจ้าตามหาคนของข้าอย่างลับๆ” ไป๋เฟิ่งหวงบอก “จับตาดูเอาไว้เฉยๆก็พอยังไม่ต้องทำอะไร”
“ได้” หมอหลวงรับปาก
“เรื่องที่สอง ม้าข้าในคอกหลวง ข้าอยากให้เจ้าขอจากหลงถังไปเลี้ยงให้หน่อย ขืนปล่อยไว้มันคงตายแน่ เพราะมันไม่ยอมให้ใครขี่นอกจากข้า นิสัยอย่างหลงถังข้ารู้ดี ในเมื่อเขาขี่มันไม่ได้ เขาก็ไม่เก็บมันไว้ให้เปลืองหญ้าหรอก”
หมอหลวงทำหน้าย่น “ให้ข้าขอม้าจากฮ่องเต้ กลัวว่าหัวข้าคงหลุดก่อนมั้ง”
“ไม่หลุดหรอก เขารู้ว่าเจ้าเป็นสหายข้า ประทานของของข้าให้เจ้าเก็บไว้เป็นที่ระลึก ถือเป็นบุญคุณที่จะผูกใจเจ้าให้ภักดีกับเขา และถึงเขาจะไม่พอใจแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรอกเพราะเขายังเสียดายวิชาของเจ้าอยู่” ไป๋เฟิ่งหวงบอกอย่างมั่นใจ
“ได้ ข้าจะทำ” หมอหลวงรับปากอีก
“เรื่องที่สาม รักษาชีวิตของเจ้าให้ดี โอนอ่อนผ่อนตามหลงถังไปก่อน ข้ายังมีเรื่องให้เจ้าช่วยข้าอีกมาก” ไป๋เฟิ่งหวงยิ้มให้สหายรัก
“ได้” หมอหลวงรับปาก
“ขอบใจ” ไป๋เฟิ่งหวงยิ้มให้แล้วก็เอนตัวพิงข้างฝา อีกไกลกว่าจะถึงหุบเขาร้อยพิษ หลับสักหน่อยก็คงดี
ยังไม่ทันจะพิง มือใหญ่ก็โอบตัวนางดึงให้ไปพิงร่างเขาแทน
“หลับซะ หนทางยังอีกยาวไกลนัก” หมอหลวงบอก
“ขอบใจ” ไป๋เฟิ่งหวงยิ้มแล้วก็เอนตัวพิงเขาหลับตาลง
ณ หุบเขาร้อยพิษ
รถม้าไม่อาจจะไปต่อได้เพราะเส้นทางข้างหน้าไม่มีอีกแล้ว มีเพียงทางเดินเล็กๆที่มีร่องรอยว่ามีคนเดินผ่านเท่านั้น
“คุณชายขอรับ ถึงแล้วขอรับ” คนขับรถม้าหันไปบอก
ไป๋เฟิ่งหวงลืมตาตื่น คว้าห่อผ้ากับหยิบกระบี่ของสหายรักลงจากรถม้า “เจ้ากลับไปได้แล้ว”
หมอหลวงก้าวลงจากรถม้า
“เจ้าแน่ใจนะว่าจะไปคนเดียว ให้ข้าไปเป็นเพื่อนเถอะ” เขามองไปตามทางเดินเล็กๆคดเคี้ยวหายลับไปตามแนวป่า
“ไม่ได้ หากเจ้าไปด้วย นางก็ไม่ยอมสอนข้าน่ะซิ” ไป๋เฟิ่งหวงยืนยันหนักแน่น “แล้วเจ้าต้องกลับไปจัดการเรื่องที่ข้าสั่งไว้ให้เรียบร้อย”
คนฟังได้แต่สงสัยว่า นางคิดจะทำอะไรกันแน่? แต่เอาเถอะ หากนางประสงค์สิ่งใดเขาจะทำให้นางทันที เขาจะไม่ยอมให้นางตายก่อนเขาอีกแล้ว “ได้ แต่เจ้าต้องสัญญานะว่าจะรีบกลับไป”
“อืม” ไป๋เฟิ่งหวงพยักหน้ารับ แล้วก็หมุนตัวเดินขึ้นเขา
“หลิวหลิว ข้ารักเจ้า” หมอหลวงพึมพำกับตัวเอง ตามองตามร่างบางที่เดินไปไกลค่อยๆหายลับไปในหมู่แมกไม้ แล้วเขาก็ขึ้นรถม้ากลับจวน
ไป๋เฟิ่งหวงเดินไปตามเส้นทางขึ้นเขา พอเดินไปได้หน่อยนางก็เดินออกนอกเส้นทาง ซึ่งบนเส้นทางที่เห็นนั้นเฒ่าร้อยพิษได้วางกับดักเอาไว้ป้องกันคนขึ้นเขาไปรบกวนนาง กับดักมีอยู่มากมายเต็มไปหมด หากเดินไม่ระวังคงถูกกับดักเล่นงานเข้าจนไม่อาจจะไปต่อได้ เฒ่าร้อยพิษ จริงๆแล้วน่าจะได้ฉายาว่าเฒ่าหมื่นพิษเสียมากกว่าเพราะนางเป็นผู้ชำนาญการใช้พิษอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ นางไม่เคยรับใครเป็นศิษย์ แต่แล้วจู่ๆก็ถูกชะตากับฮองเฮาอายุสั้นจึงออกปากอยากรับไว้เป็นศิษย์ซะงั้น
ไป๋เฟิ่งหวงเดินไปเกือบครึ่งวันก็เห็นบ้านเล็กๆกลางหุบเขา มีพรรณไม้นานาพันธุ์ออกดอกบานชูช่อเต็มไปหมด ดูแล้วเหมือนสรวงสวรรค์
เฒ่าร้อยพิษนั่งอยู่หน้าบ้านพอเห็นเด็กสาวเดินเข้ามาก็มองด้วยแววตาเรียบเฉย
ไป๋เฟิ่งหวงโบกมือให้ “อาจารย์”
เฒ่าร้อยพิษวางถ้วยชาลงตวาดว่า “ใครเป็นอาจารย์เจ้าห๊ะเจ้าหนู?”
“ในเมื่อท่านไม่รับข้าเป็นศิษย์ งั้นข้ากลับก็ได้” ไป๋เฟิ่งหวงบอกแล้วก็หมุนตัวกลับ
“หา?” เฒ่าร้อยพิษหน้าเหวอรีบเรียก “เดี๋ยวซิเจ้าหนู”
“มีไรอีกล่ะอาจารย์?” ไป๋เฟิ่งหวงหันไปถามอย่างหงุดหงิด
“เจ้าจะมาเป็นศิษย์ข้าไม่ใช่เหรอ? ทำไมถอดใจง่ายๆเช่นนี้ล่ะ?” เฒ่าร้อยพิษถาม
“ก็ข้าไม่ชอบบังคับใจใคร หากท่านไม่อยากรับข้าเป็นศิษย์ ข้าก็กลับ” ไป๋เฟิ่งหวงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม ปลดห่อผ้าลงวางกระบี่ไว้บนห่อผ้าแล้วก็จัดแจงรินชาใส่ถ้วยให้ตัวเอง พลางรินให้อาจารย์ด้วย