1034. จบสิ้นเวรกรรม 2
หวังหลินค่อยๆเงยศีรษะขึ้นมา สายตามองไปยังปิศาจวายุที่กำลังถอยหนี
ภายนอกนางยังดูเหมือนเหยาซีเชว่ แต่หวังหลินรู้สึกว่ามันคือคนละคนแม้จะยังมีวิญญาณของเหยาซีเชว่อยู่ก็ตาม
ในแววตาหวังหลินกระพริบจิตสังหารและก้าวไปข้างหน้า
รูม่านตาปิศาจวารีพลันหรี่เล็กลงและถอยอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล
นางคือปิศาจวายุ ดังนั้นความเร็วจึงไม่ธรรมดา แม้จะเซียนปิศาจแต่ระดับความเร็วนับว่าเหนือจินตนาการ เพียงก้าวเดียวจึงหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หวังหลินสีหน้าสงบนิ่ง เตาหลอมเทพโบราณปรากฏเบื้องหน้าและชี้ออกไป เพียงแค่คิดละอองแสงพลันปรากฏไกลๆ แสงนั้นเข้าล้มอรอบปิศาจวายุที่กำลังหนี สายตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและถูกบังคับให้ดึงเ้าหาหวังหลิน
หวังหลินไม่หยุดชะงัก พุ่งเข้าไปประทับดัชนีระหว่างคิ้วของปิศาจวายุ
ปัง!
ร่างปิศาจวายุกระดอนกลับไปและกระอักโลหิต สายตาเผยความเย็นเยียบ
“ข้ารู้ว่าการที่เขตแดนแห่งเวรกรรมของข้าจะเสร็จสมบูรณ์ได้ ไม่เพียงแต่ข้าต้องชำระล้างเวรกรรมทั้งหมด ข้าต้องรวมมันเข้ากับตัวข้าเองด้วย…” หวังหลินคล้ายจะพูดกับตัวเองขณะที่พุ่งใส่ปิศาจวายุ
ปิศาจวายุร้องคำรามและสร้างผนึก พลังปิศาจหนาแน่นแพร่กระจายออกมา ท้องทะเลถูกแช่แข็งอีกครั้ง คลื่นทะเลด้านล่างปิศาจวายุพลันส่งเสียงดังก้อง แท่งน้ำแข็งนับไม่ถ้วนลอยเข้าหาหวังหลิน
“เซียนน้อย เดิมทีข้าไม่ได้อยากจะฆ่าเจ้า แต่เจ้าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!” น้ำเสียงปิศาจวายุดังสะท้อน จากนั้นแท่งน้ำแข็งจึงเข้าใกล้หวังหลินในทันที
มองไกลๆคล้ายกับทั้งโลกห่อหุ้มด้วยแท่งน้ำแข็งพุ่งใส่หวังหลิน ราวกับต้องการบดขยี้หวังหลินให้เละเป็นจุล
หวังหลินยกแขนขวาและโบกเบาๆ ทะเลเพลิงปรากฏขึ้นเบื้องหน้า แรกเริ่มไม่ได้แข็งแกร่งนักแต่เมื่อมันปะทุไปไม่นานจึงแพร่กระจายไปทุกทิศทางโดยมีหวังหลินเป็นจุดศูนย์กลาง
พริบตาเดียวท้องฟ้าก็กลายเป็นสีแดงเนื่องจากทะเลเพลิง
แท่งน้ำแข็งถูกหลอมละลายกลายเป็นน้ำในทันทีจากนั้นกลายเป็นหมอกควันลอยขึ้นสู่อากาศ พริบตาเดียวที่อยู่ในทะเลเพลิง ท้องฟ้าจึงเต็มไปด้วยควันสีขาวจากการไอน้ำ
รูม่านตาปิศาจวายุพลันหรี่แคบและสูดลมหายใจเย็นเข้าไป นางคิดไว้แล้วว่าหวังหลินแข็งแกร่งมากแต่ดูเหมือนนางก็ยังคิดผิด คนผู้นี้ไม่ได้แค่น่าหวาดกลัวแต่เป็นถึงฝันร้าย!
แม้กระทั่งตอนที่นางมีพลังอำนาจสูงสุดก็ยังไม่กล้าบอกว่าจะได้ชัยชนะ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้นางก็เป็นเพียงขั้นส่องสวรรค์ระดับปลายเท่านั้น
‘เรื่องของเหยาซีเชว่เป็นอุปสรรคต่อการบรรลุเขตแดนแห่งเวรกรรมให้สมบูรณ์ หลังผ่านมาไม่กี่ร้อยปี ข้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของเวรกรรมโดยไม่รู้ตัว มีเพียงการคิดจะหลอมมันเข้ากับตัวเอง ข้าจึงจะเข้าใจเวรกรรมได้อย่างแท้จริง เหมือนตอนที่ข้าเข้าสู่เหวนรกเพื่อเข้าใจความต้องการของมัน’
ดวงตาหวังหลินยิ่งชัดเจนขึ้น เขาถูกล้อมด้วยทะเลเพลิง เปลวเพลิงเร่าร้อนพุ่งเข้าใส่ปิศาจวายุ
ปิศาจวายุจิตใจสั่นเทา นางกัดฟันพลางชี้ใส่ท้องฟ้าโดยไม่ลังเลและร้องตะโกน “กฏแห่งวายุ!”
หลังเอ่ยคำพูด สายลมปิศาจโหมกระหน่ำภายในโลกและหมุนวนรอบปิศาจวายุ จากนั้นแตกสลายกลายเป็นสายลมแตกหักพุ่งใส่หวังหลินเพียงแค่ชี้นิ้ว
พริบตานั้นโลกพลันเปลี่ยนสีและห่อหุ้มด้วยสายลมปิศาจ แม้แต่มหาสมุทรยังส่งเสียงอึกทึก
ในท้องฟ้าเกิดรอยร้าวขึ้นราวกับกำลังแตกสลาย เมื่อสายลมปิศาจดุจคมกระบี่กวาดผ่านเข้ามา แม้แต่เปลวเพลิงก็ยังมืดมัวราวกับแตกดับ
อย่างไรก็ตามสายลมไม่สามารถทำให้หวังหลินถอยได้แม้เพียงครึ่งก้าว เขาเดินหน้าต่อไปและยอมให้สายลมตีใส่ร่างกาย
“ตอนนี้ข้าจมอยู่ในเวรกรรม ข้าต้องทำลายมันออกมาให้เป็นอิสระ จากนั้นเขตแดนเวรกรรมของข้าจึงจะสามารถบรรลุความสมบูรณ์และเต๋าแห่งจิตใจจะได้ทะลวงผ่าน!” แขนขวากำหมัดและโยนกำปั้นออกไปอย่างโหดเหี้ยมพร้อมกับเอ่ยว่า “ทะลวง”
เกิดการสั่นสะเทือนสวรรค์ และเมื่อหวังหลินโยนกำปั้นนี้ออกไป เงาเทพโบราณปรากฏด้านหลัง ศีรษะอยู่ในท้องฟ้าและฝ่าเท้ายืนอยู่บนมหาสมุทร เงาเทพโบราณโยนกำปั้นออกไปพร้อมกับหวังหลินด้วย
“เทพโบราณ!!!” ปิศาจวายุอ้าปากค้าง นางคิดว่ากลิ่นอายน่าหวาดกลัวจากหวังหลินช่างคุ้นเคย แต่กาลเวลาทำให้นางหลงลืมไปหลายอย่างและเงาที่พึ่งปรากฏตอนนี้จึงย้ำเตือนความทรงจำหลายอย่าง
“เจ้าเป็นเทพโบราณจริงๆ!!” ปิศาจวายุหนังศีรษะด้านชา นางถอยทันทีและหลบหนีอย่างรวดเร็วจนแทบจะเปลี่ยนเป็นสายลม
“ทุกอย่างที่ข้าทำลงไปก่อนหน้านี้ไม่ใช่เรื่องผิดต่อเขตแดนแห่งเวรกรรม! เหตุผลที่เขตแดนแห่งเวรรกรรมไม่สมบูรณ์เป็นเพราะภายหลังการฆ่าล้างมาเป็นพันปี จึงเกิดตำหนิในเต๋าแห่งจิตใจของข้าเหมือนกับมารภายใน!”
กำปั้นหวังหลินปะทะเข้ากับสายลมปิศาจ เสียงปะทุดังสะท้อนขึ้นมา สายลมปิศาจถูกเปิดออกและกระจัดกระจาย
หวังหลินจ้องปิศาจวายุที่หายตัวไปแล้วแต่เขาไม่ได้ตื่นตระหนก พลันตบกระเป๋านำรอยสักร่วงโรยออกมาวางใส่ตนเอง
สายลมทมิฬห่อหุ้มรอบหวังหลินและปรากฏพายุทอร์นาโดยักษ์ขึ้นในโลก ทั้งยังก่อเป็นวังวนขนาดใหญ่ในมหาสมุทรใต้ฝ่าเท้า
ทอร์นาโดที่หวังหลินอยู่ข้างในพลันเกิดเสียงคำรามสั่นสะเทือนสรรค์คล้ายจะแทงทะลุโลกได้ จากนั้นวิหคทมิฬปรากฏขึ้นภายในสายลม
ปีกวิหคพลันยืดกางออก ร่างกายสูงเพียงไม่กี่สิบฟึตเท่านั้นแต่ทันทีที่มันกางปีก กลับกว้างมากกว่าแสนฟุต!
ร่างใหญ่ยักษ์ปกคลุมท้องฟ้า!
หวังหลินก้าวเท้า รู้สึกถึงสายลมตีใส่ตัวเองราวกับกำลังวิ่งผ่านกำแพง
สิ่งกีดขวางคล้ายกำแพงจึงแตกสลายไปหมดเบื้องหน้าร่างเทพโบราณของหวังหลิน วิชาก้าวแบบนี้ไม่อาจอธิบายออกมาได้ เข้าคล้ายจะแยกตัวออกจากโลกและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไล่เลี่ยกับบิดมิติ
ปิศาจวายุใช้พลังบ่มเพาะทั้งหมดเพื่อหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง การจะป้องกันหวังหลินจากการใช้พลังประหลาดนั่นมาไล่ทัน นางไม่สนพลังปิศาจในร่างจะหมดลงจึงแพร่กระจายพลังออกมารอบตัวจำนวนมากไว้ป้องกัน
พลังปิศาจทำให้ร่างเงาปิศาจโบราณขนาดใหญ่ปรากฏด้านหลัง
ปิศาจวายุมั่นใจในความเร็วของตนเอง ขณะที่กำลังคิดหลบหนีนางพลันได้ยินเสียงดังสนั่นกึกก้องจากด้านหลัง
เมื่อนางหันมาจึงแทบตาถลนน หวังหลินเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ ระหว่างทางก่อเกิดวังวนขึ้นด้านหลัง คลื่นที่ด้วยความเร็วเต็มพิกัดจนเกิดเสียงพื้นกระจัดกระจายราวกับท้องทะเลกำลังถูกก่อกวน!
“ผลแห่งกรรมอยู่ในจิตใจแห่งเต๋าของข้า วิธีชำระมันออกไปคือการจบปัญหาระหว่างเรา!”
“เวรกรรมบัดซบอะไรกัน? ปิศาจไม่เข้าใจคำพูดเจ้าหรอก! เมื่อเจ้าไม่ยอมปล่อยข้าไป ข้าจะขอเสี่ยงทั้งหมดฆ่าเจ้า!” ปิศาจวายุไม่หนีอีกแล้ว ความเร็วที่นางมั่นใจที่สุดเป็นละครตลกเบื้องหน้าหวังหลิน แล้วนางจะหนีไปได้อย่างไร?
นางกลืนกินความเกลียดชังจากเหยาซีเชว่ไปนับไม่ถ้วนและไม่สามารถลบล้างออกไปได้ ความเกลียดทำให้แผลเป็นบนใบหน้ายิ่งดุร้ายมากขึ้น แผลเป็นก่อตัวเป็นค่ายกลและปลดปล่อยแสงกระพริบสีเขียว
“สมบัติปิศาจโบราณ ธงผนึกวิญญาณ!” ปิศาจวายุร้องตะโกนพลางอ้าแขน พลังปิศาจำนวนมากปรากฏขึ้นมาและรวมกันในฝ่ามือ
พลังปิศาจทำให้ทั้งโลกถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายเยือกเย็น ทั้งโลกเผยอาการแข็งค้างและเกิดสายลมโหยหวนพัดออกไป
แสงสีเขียวกระพริบวูบวาบภายในพลังปิสาจหนาแน่น จากนั้นมีธงสีเขียวเล็กๆสามผืนลอยออกมา
เมื่อธงสีเขียวปรากฏ ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนสีสัน มหาสมุทรด้านล่างคล้ายจะถูกแบ่งเปิดขึ้นมาด้วยพลังลึกลับ สายน้ำถูกบีบไปด้านข้างด้วยเสียงคะนอง
ธงสีเขียวปรากฏเงานับไม่ถ้วนอยู่ด้านบน ท่ามกลางพวกมันมีเทพโบราณตนหนึ่งและมารโบราณหนึ่งเขาสองตน!
สิ่งน่าหวาดกลัวยิ่งก็คือหลังจากธงสามผืนปรากฏ ไม่เพียงแต่ทะเลจะเปลี่ยนสีสัน แม้แต่โลกก็ไม่มั่นคง เมื่อมหาสมุทรแบ่งตัวออก มันจึงกระตุ้นกฏเกณฑ์ทั้งหมดที่นี่!
การกระตุ้นกฏเกณฑ์ทำให้เกิดความผันผวนมหาศาลภายในทะเล น้ำทั้งหมดเริ่มควบแน่นและพริบตาเดียวมันก็กลายเป็นลำห้วยลึกนับไม่ถ้วนไร้หยดน้ำ
ลำห้วยที่ตัดขวางผ่านกันพวกนี้ทำให้เกิดคลื่นรุนแรงยิ่งขึ้น
เรื่องน่าตกตะลึงอย่างยิ่งก็คือหากมองจากเบื้องบน ทะเลที่ควบแน่นนับไม่ถ้วนได้สร้างเป็นรูปร่างมนุษย์!