1050. ชั้นที่หก
*เปลี่ยนชื่อ สมบัติสวรรค์ดับสูญ(Pseudo Nirvana Void treasures) ไปเป็น สมบัติขั้นนิพพานเทียม*
แม้สมบัติดับสูญจะหายากมันก็ยังพอมีอยู่บ้าง เซียนเฒ่าขั้นทลายสวรรค์มีสมบัติดับสูญถือว่าดีมากแล้ว นอกจากนี้วิธีการสร้างมันก็หายสาบสูญและไม่อาจซ่อมแซมได้ เมื่อพังทลายก็จะเสียพลังอำนาจไปมาก
ตามจริงแล้วสมบัตินิพพานเทียมก็ไม่ใช่ขั้นนิพพานจริงๆ มันเป็นแค่ขั้นดับสูญเท่านั้นแต่แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย และ “นิพพานเทียม” เป็นแค่ชื่อเท่านั้น
สำหรับเซียนเฒ่าขั้นทลายสวรรค์ธรรมดา สมบัติดับสูญคือสูงสุดแล้วและคงไม่มีอะไรอื่น เพียงแค่นั้นพวกเขาก็ยืนอยู่บนจุดสูงสุด ถึงแม้สมบัติดับสูญจะยังล้ำค่า พวกเขาก็ไม่ได้ขาดแคลน
ความจริงแล้วไม่มีสมบัติใดในโลกจะทำให้พวกเขาสนใจ สิ่งที่ไล่ล่าคือการเปลี่ยนผ่านจากขั้นสองไปขั้นที่สามในตำนานซึ่งทั้งหมดใฝ่ฝัน
อย่างไรก็ตามขั้นที่สามนี้ดุจอากาศธาตุ เส้นทางเลอะเลือนเกินไป และรอให้การทลายสวรรค์ทั้งห้าครั้งมาถึงเท่านั้น จนในที่สุดก็จะกลายเป็นเมล็ดทรายท่ามกลางคลื่นและตายลงไป
สำหรับเหล่าเซียนเฒ่าที่อาศัยอยู่มานาน คงไม่ฝันหรือหวังจะบรรลุขั้นที่สามอีกแล้ว แต่คงปรารถนาจะรอดชีวิตต่อไปได้อีก มีเพียงพลังอำนาจของขั้นที่สามเท่านั้นจึงจะอดทนต่อห้าทลายสวรรค์ได้ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็คือความตาย
ณ ตอนนี้เซียนคนหนึ่งจากดาราจักรใต้แดนสวรรค์วายุพลันมาถึงดาราจักรพันธมิตรเซียน แม้เขาจะไม่ได้บรรลุขั้นที่สาม แต่ผ่านทลายสวรรค์มาแล้วถึงสี่ครั้ง!
ห้าทลายสวรรค์เป็นสิ่งที่เซียนขั้นทลายสวรรค์ทั้งหมดต้องเผชิญ ทุกครั้งที่ผ่านมาได้หนึ่งทลายสวรรค์ ความแข็งแกร่งจะเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล อย่างไรก็ตามมันก็ยากเกินไป การล้มเหลวหมายถึงความตายทันที!
เหตุผลที่เขาสามารถผ่านทลายสวรรค์ครั้งที่สี่มาได้เป็นเพราะเขามีสมบัติวิเศษอันล้ำค่า สมบัตินี้คือสมบัติขั้นนิพพาน! หลังการค้นคว้าอยู่นาน สมบัติขั้นนิพพานนี้ดูเหมือนจะมาจากยุคแรกเริ่มและมีจำนวนเหลืออยู่เพียงน้อยนิด
แม้จะเป็นเช่นนั้นเหล่าเซียนเฒ่าขั้นทลายสวรรค์ก็ยังพบบันทึกว่ามีสมบัติขั้นดับสูญแต่ก็ยังเป็นรองขั้นนิพานอยู่ด้วย
ซึ่งก็คือสมบัติขั้นนิพพานเทียม!
แม้สมมบัติขั้นนิพพานเทียมนี้จะไม่ได้หายากเหมือนขั้นนิพพานแต่ก็ยังพอมีจำนวนหลงเหลืออยู่บ้าง ส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือเซียนขั้นทลายสวรรค์ขั้นสูงสุด
การจะเข้าร่วมสภาผู้อาวุโสของพันธมิตรเซียนได้ต้องมีสมบัติขั้นนิพพานเทียม!
นอกจากสมบัติพวกนี้จะแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง มันยังมีส่วนช่วยเหลือเซียนในการต่อต้านทลายสวรรค์ทั้งห้าอีกด้วย
สมบัตินิพพานเทียมยังถูกแบ่งออกเป็นระดับที่แตกต่างกันซึ่งก็คือระดับต่ำ กลาง สูงและชั้นยอดเหมือนสมบัติทั่วไป อีกทั้งสมบัติพวกนี้ยังถูกเหล่าบรรพชนทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง ลูกหลานจึงไม่รู้แม้แต่วิธีการจัดหมวดหมู่พวกมันเลย
‘มันสามารถดูดซับจิตสังหารของเซียนได้ สร้างภาพมายาและมีพลังขนาดนั้น…สมบัติในมือหวังหลินอาจจะเป็นขั้นนิพพานเทียมระดับสูงหรือกระทั่งชั้นยอด!’ นางอ้าปากค้างและหวาดกลัวอยู่ในใจ
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังครุ่นคิด เสียงคำรามดังออกมาจากภายนอก ชายชุดดำกระโดดเข้าไประหว่างรูปปั้นทันทีและเลียนแบบหวังหลินเพื่ออกไปจากที่นี่ ปรมาจารย์ชีกงและสตรีสาวลอยเข้ามาด้วยเช่นเดียวกัน
ณ ตอนนี้ในชั้นที่สองของถ้ำจักรพรรดิเทพ แสงสีม่วงกระพริบวาบในตำหนักแห่งหนึ่งใกล้ใจกลางชั้นที่สอง หวังหลินเหินร่างออกมาจากลำแสง
‘เซียนขั้นทลายสวรรค์สังหารได้ยากมากอย่างคาดไม่ถึง ปรมาจารย์ชีกงบาดเจ็บสาหัสแต่ยังไม่ตาย! ตอนนี้ยังมีสตรีคนนั้นอีก…’ หวังหลินปรากฏขึ้นพลันกระอักโลหิต แสดงท่าทีเหนื่อยล้า
‘อย่างไรเสียกระบี่เหล็กนี่กลับมีพลังเหนือจินตนาการ ข้าไม่คิดว่ามันจะมีพลังแบบนี้ หากข้าได้กระบี่เหล็กครบห้าเล่มใส่ฝักกระบี่และใช้มัน…’ หวังหลินสูดหายใจลึกและส่ายศีรษะ หากเขาใช้มันในเวลาเดียวกัน มันคงสูบเขาจนแห้งในพริบตา!
หวังหลินวางกระบี่เหล็กกลับเข้าไปในฝักและเก็บกลับใส่กระเป๋า จากนั้นหยิบเม็ดยาออกมากลืนกินเข้าไป ไม่รอให้มันย่อยสลาย หวังหลินกัดฟันแน่นและเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
หวังหลินวางมาดและใช้จังหวะที่ปรมาจารย์ชีกงบาดเจ็บสาหัสเพื่อทำให้อีกสองคนตกตะลึง หากไม่เช่นนั้นถ้าทั้งสองคนโจมตีเขา หวังหลินคงตายโดยไม่ต้องสงสัย
ตอนนี้เขาไม่มีเวลามานั่งลงฟื้นฟู เขาต้องใช้ประโยชน์ในการรู้โครงสร้างของถ้ำเพื่อสร้างระยะห่างระหว่างคนอื่นๆ
หลังสูดหายใจลึก หวังหลินเคลื่อนผ่านกฏเกณฑ์มากมายและมาถึงดวงตากฏเกณฑ์ที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ หลังสำรวจอยู่สักพักหวังหลินยืนยันได้ทันทีว่ามีคนอื่นมาที่นี่ก่อนและทำลายดวงตากฏเกณฑ์ไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าพวกเขาบรรลุไปถึงชั้นอะไร
หวังหลินลากร่างกายอ่อนแรงเข้าหาปราสาทใจกลางที่ห่อหุ้มด้วยหมอกสีดำ หกชั้นแรกของถ้ำจักรพรรดิเทพแทบมีโครงสร้างแบบเดียวกัน ด้วยความคุ้นเคยของหวังหลินถึงแม้จะช้าลงกว่าปกติเขาก็ยังเคลื่อนหาใจกลางชั้นที่สองได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งตรงนั้นมีทางเข้าสู่ชั้นที่สามอยู่ด้วย
ณ ตอนนี้ชายชุดดำ สตรีคนสวยและปรมาจารย์ชีกงผู้บาดเจ็บสาหัสพลันมาถึงชั้นที่สอง
ปรมาจารย์ชีกงไม่โอหังอีกแล้วเหมือนตอนที่อยู่ชั้นแรก เขาเดินช้าลง ด้วยเหตุนี้หวังหลินจึงมีเวลาอยู่ในปราสาทชั้นที่สองนานขึ้น ที่นี่ไม่มีรูปปั้น มีแต่เพียงหินเชิงเทียนอยู่เก้าก้อน หวังหลินสงบจิตใจลง หลังจากสำตรวจอย่างละเอียดอยู่สักพัก พลันขมวดคิ้ว
ทว่าสายตาพลันร่อนลงบนเชิงเทียนบนโต๊ะ เขาสังเกตเห็นร่องรอยการเคลื่อนไหวเจือจาง มันเป็นร่องรอยลึกและตื้นซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวมากกว่าหนึ่งครั้งจนทำให้ผู้คนสับสนได้
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง เขานั่งย่อเข่าลงและค่อยๆสังเกตอย่างละเอียด ดวงตาค่อยๆส่องสว่าง สัมผัสถึงเศษเสี้ยวปราณกระบี่จากเทียนพวกนี้ได้
ปราณกระบี่นี้ธรรมดามาก ถึงแม้คนอื่นจะรู้สึกได้ก็คงคิดว่าเป็นพลังตกค้างจากคนที่พยายามทำลายเทียนไขด้วยกำลัง แต่กลับหวังหลินนั้นความหมายแตกต่างกัน
‘ปราณกระบี่ของผู้อาวุโสโจวยี่…หากเขาทิ้งปราณกระบี่ไว้ที่นี่นั่นหมายความว่าเขาไปชั้นที่สามแล้ว แต่ทำไมถึงทิ้งมันไว้ตรงนี้…เป็นไปได้ว่า…’ หวังหลินขมวดสายตา ระหว่างทางพอจะฟื้นฟูพลังดั้งเดิมขึ้นมาได้บ้าง ตอนนี้จึงสะบัดแขน เชิงเทียนทั้งเก้าพลันส่องสว่างขึ้น
เมื่อเทียนส่องสว่าง แสงจากเปลวเพลิงเข้าล้อมรอบหวังหลินและหายวับเข้าสู่ชั้นที่สาม
การเคลื่อนไหวของเทียนไขแค่ทำให้คนอื่นสับสน แม้จะมีร่องรอยการขยับแต่ก็แค่ทำให้คนกวนใจเท่านั้น แต่ความจริงเทียนไขจำเป็นต้องจุดมันขึ้นมา
เวลาค่อยๆผ่านไปและในพริบตาหวังหลินก็ใช้เวลาอยู่ในถ้ำจักรพรรดิเทพอยู่สองเดือน ในสองเดือนนี้เขาใช้เวลาสั้นๆฟื้นฟูตัวเองเท่านั้น ใช้เวลาที่เหลือไปกับการท่องผ่านในแต่ละชั้น
ยิ่งเข้าไปลึกก็ยิ่งมีกฏเกณฑ์แข็งแกร่งมากขึ้น แม้หวังหลินจะมีความรู้ด้านกฏเกณฑ์และมีคำแนะนำของแผนที่ เขาก็ยังต้องใช้เวลาอยู่บ้างเพื่อผ่านมันไป
ส่งที่เสียเวลามากที่สุดคือปราสาทใจกลางแต่ละชั้น พวกมันเป็นเหมือนก้อนลึกลับที่จำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อหาทางเข้าสู่ชั้นถัดไป
หากแค่นั้นคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่หลังจากชั้นที่สี่ไปแผนที่ก็เริ่มแสดงมิติเก็บของจำนวนมากไปด้วย เป็นธรรมดาที่หวังหลินไม่ยอมปล่อยไปดังเข้าตรวจสอบ ส่วนใหญ่ถูกคนอื่นเปิดไปแล้วแต่ยังพอมีอยู่ไม่กี่แห่งที่ถูกค้นพบ หวังหลินเก็บทุกอย่างที่เขาพบเจอไว้ในกระเป๋า เพียงแค่คิดเรื่องการเก็บเกี่ยวในระยะเวลาสองเดือนนี้ก็ยิ่งทำให้หวังหลินตื่นเต้นแล้ว
หวังหลินตกตะลึงอย่างยิ่งกับสิ่งของในมิติเก็บของ เมื่อคิดถึงของบางอย่างเช่นหินหยกสวรรค์ หวังหลินมีพอจะเจือจุนสำนักหนึ่งไปได้เป็นพันปี
อย่างอื่นก็มีอีกหลายอย่างเช่นกัน จากมุมมองของหวังหลิน มิติเก็บของพวกนี้คือจุดเก็บของที่จักรพรรดิฉิงหลินวางเอาไว้ เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นเป้าหมายของพวกเขาที่เข้ามาที่นี่
หวังหลินไม่รู้ว่าฉิงหลินมีจุดประสงค์อะไรแต่สิ่งที่เขาได้ตอนนี้กลับทำให้หวังหลินตื่นเต้นไปอีกสองสามวัน เรื่องน่าตื่นเต้นอีกก็คือตามบันทึกในหินหยก ในชั้นที่หกมีค่ายกลเคลื่อนย้ายอีกสองแห่งนำทางไปสู่มิติเก็บของ
หนึ่งในนั้นมีน้ำทิพย์และเม็ดยาสวรรค์จำนวนมากก่อนแดนสวรรค์ล่มสลาย ซึ่งน้ำทิพย์และเม็ดยาพวกนั้นสำคัญยิ่งกว่าสมบัติใดๆ
ระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมานี้ หวังหลินยังไม่ฟื้นฟลังได้เต็มที่ กายหยาบไม่เป็นปัญหาเนื่องจากการฟื้นฟูอันแข็งแกร่งของร่างเทพโบราณ ปัญหาก็คือการสูญเสียพลังดั้งเดิมและวิญญาณดั้งเดิมอ่อนแอจากการใช้กระบี่เหล็ก หากเขาไม่มีเม็ดยาคงยากมากที่จะฟื้นฟูขึ้นมาได้ในช่วงเวลาอันสั้น หวังหลินแทบใช้เม็ดยาจนหมดและเพิ่มเติมอันตรายที่พบเจออยู่ทุกที่ หวังหลินจึงต้องการได้มิติเก็บของที่มีเม็ดยาพวกนั้นแน่นอน
ณ วันนี้เกิดแสงกระพริบวาบตรงขอบของชั้นที่หก หวังหลินเดินออกมาจากแสง จุดที่เขาปรากฏถูกล้อมรอบด้วยตำหนักราวกับอยู่ในสวนหลังบ้าน รอบพื้นที่เป็นภูเขาและมีแม่น้ำไหลผ่านไม่ไกล เสียงสายน้ำไหลเอื่อยดังเข้ามาและไหลลื่น
‘ที่นี่คือชั้นที่หก!’ หวังหลินสูดหายใจลึกและมองไปรอบๆ หลังจากเทียบตำแหน่งกับแผนที่เขาจึงรู้จุดที่ตัวเองอยู่ในทันที
หวังหลินพุ่งออกไปทางขวาด้วยสายตามุ่งมั่น
‘ข้าต้องได้เม็ดยาพวกนั้น!’ หวังหลินเคลื่อนผ่านกฏเกณฑ์อย่างรวดเร็วแต่ในไม่นานก็หยุดลงมองตรงไปข้างหน้า
‘มีคนอยู่ที่นี่!’ หวังหลินสังเกตร่องรอยผู้คนที่เขาผ่านจากชั้นสองมาถึงชั้นที่ห้า แต่ไม่พบเจอใครเลย ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเจอคนอื่น!
‘น้องชายจะมาถึงที่นี่ได้คงไม่ง่ายนัก!’ น้ำเสียงประหลาดใจเล็กน้อยดังออกมาจากตรงหน้า