1054. อำนาจของปรมาจารย์ชีกง
“พันธมิตรเซียน…” หวังเว่ยจ้องมองปรมาจารย์ชีกงอย่างเย็นชาและส่ายศีรษะ “มีสถานะสูงส่งอันใด”
ฮู่จวนยิ้มและมองปรมาจารย์ชีกงอย่างละเอียด นางและสามีไม่เคยคิดว่าพันธมิตรเซียนมีคุณค่าอะไรนัก ไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสจงซวนหรือพันธมิตรเซียนอ่อนแอ แต่พวกเขาทั้งสองภาคภูมิใจในสถานะของตนเอง โดยเฉพาะหวังเว่ยผู้มีชื่อเสียงจนทุกคนรู้จักในแดนสวรรค์
ทว่าหลังจากผ่านการเปลี่ยนแปลงไปนานหลายหมื่นปี หวังเว่ยระงับนิสัยตัวเองเอาไว้และไม่เผยออกมาง่ายๆ อย่างไรความภาคภูมิใจอันลึกซึ้งถึงกระดูกไม่ใช่สิ่งที่กาลเวลาจะลบเลือนไปได้
หวังเว่ยและฮู่จวนเป็นศิษย์ของคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์ จักรพรรดิเทพฉิงหลิน พวกเขามีชื่อเสียงตั้งแต่ยังมีแดนสวรรค์และพันธมิตรเซียนยังไม่มีที่หยั่งเท้าอยู่เลย ซึ่งพวกมันยังเป็นแค่กลุ่มก้อนเล็กๆของเซียนฉีระดับต่ำเท่านั้น
แม้กระทั่งเป้ยหลัวยังยิ้มเยาะ แววตาเยาะเย้ย สำหรับปิศาจโบราณแล้วจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะดูถูกพันธมิตรเซียนซึ่งเป็นองค์กรใหม่ เขาเองก็มีชื่อเสียงอยู่แล้วในดินแดนด้านนอกตอนที่ดินแดนปิดผนึกยังเป็นของแดนสวรรค์
อีกทั้งแม้จะถูกขังในดินแดนวิญญาณปิศาจมานานหลายหมื่นปี เขาก็ยังรู้เรื่องพันธมิตรเซียนผ่านเหล่าเซียนที่เข้ามาที่นี่ ความจริงแล้วเขารู้รายละเอียดมากกว่าคนส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ
“พี่เจ้า ปรมาจารย์จงซวน เป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วก่อนแดนสวรรค์ล่มสลายและถือว่าเป็นหนึ่งในเซียนฉีที่แข็งแกร่งที่สุด ตอนที่แดนสวรรค์ล่มสลาย เขาเป็นคนกลุ่มแรกพร้อมกับจักรพรรดิมังกรฟ้าแห่งสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ เสียงชีวิตตัวเองเข้าปล้นแดนสวรรค์”
“ท้ายที่สุดเขาก็ใช้วิธีการบางอย่างจนได้รับมรดกส่วนใหญ่ของแดนสวรรค์พิรุณไปและนั่นจึงเกิดเป็นพันธมิตรเซียนขึ้น! ข้าเป้ยหลัว ชื่นชมคนแบบนั้น แต่กับเจ้าแล้ว…” เป้ยหลัวส่ายศีรษะและสายตาเยาะเย้ย
ปรมาจารย์ชีกงใบหน้ามืดมน สายตาแต่ละคนทำให้เขาโกรธมากแต่ก็ต้องระงับความโกรธเอาไว้ เขาชี้ไปที่หวังหลินและเอ่ยขึ้น “ข้ามีเรื่องชำระแค้นส่วนตัวกับเจ้าเด็กนี่ เมื่อเหล่าสหายเซียนก้าวเข้ามา ข้าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ ข้าสัญญาว่าจะไม่ก่อปัญหาอันใดกับเด็กคนนี้ขณะที่เราอยู่ในถ้ำ ขอสันนิษฐานว่าเหล่าสหายเซียนอยู่ที่นี่เพื่อร่วมมือกันเข้าไปในชั้นถัดไป ทำไมถึงทำลายบรรยากาศเสียเล่า? หากมันกระทบต่อโอกาสในชั้นถัดไป ไม่คุ้มค่านัก”
ขณะที่เขาพูดออกไป ความคิดหลายร้อยหลายพันแบบแล่านผ่านปรมาจารย์ชีกง คำพูดของเขาฉลาดอย่างมาก อันดับแรกคือแสร้งทำเป็นอ่อนแอและไม่ทำให้หวังหลินเกิดปัญหา จากนั้นชี้สถานการณ์โดยรวมว่ามันไม่ดีนักที่จะเริ่มสู้กันตอนนี้
การบังคับให้คนระดับบ่มเพาะแบบเขาและมีตำแหน่งใหญ่โตต้องพูดแบบนี้เป็นสิ่งที่อัปยศมากที่สุดที่เคยเจอมา ความโกรธทั้งหมดของเขาไปลงกับหวังหลินและแม้จิตสังหารจะถูกซ่อนเอาไว้มันก็ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
ชายชุดดำข้างปรมาจารย์ชีกงเดินออกมาและนั่งลง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังแสดงให้เห็นว่าจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ มีเพียงสตรีสวยที่ยืนข้างปรมาจารย์ชีกงด้วยใบหน้าซีด
หวังเว่ยถอนสายตาเย็นเยียบออกมาจากปรมาจารย์ชีกง แม้การสังหารปรมาจารย์ชีกงไม่ใช่เรื่องยากแต่มันก็ยังเป็นปัญหากับคนที่เป็นเซียนขั้นทลายสวรรค์ ถึงอีกฝ่ายจะบาดเจ็บสาหัส การเป็นน้องของจงซวนก็น่าจะครอบครองวิชาและสมบัติหลายอย่าง ตอนนี้การช่วยอาจารย์เขาถือเป็นเรื่องสำคัญ ไม่จำเป็นต้องเร่งสังหารเขาเพื่อแก้แค้นให้หวังหลิน
เมื่อเห็นว่าเรื่องกำลังผ่านไปอย่างสงบ ปรมาจารย์ชีกงผ่อนคลายในใจ ทว่าขณะนั้นหวังหลินยืนขึ้น รูม่านตาปรมาจารย์ชีกงพลันหรี่แคบจ้องมองหวังหลิน
ตอนที่เขามองหวังหลิน โจวยี่พลันปลดปล่อยกลิ่นอายเย็นเฉียบทรงพลัง เขาเปลี่ยนกลายเป็นปราณกระบี่และพุ่งตรงใส่ปรมาจารย์ชีกง
โจวยี่ลงมือ หวังหลินก็ลงมือด้วย ฝ่ามือสร้างผนึกปรากฏเปลวเพลิงในดวงตา เปลวเพลิงพุ่งออกมาจากแขนขวาและก่อตัวเป็นวิหคเพลิงเบื้องหน้า!
วิหคเพลิงเอ่ยเสียงร้องพลางพุ่งเข้าใส่ปรมาจารย์ชีกงพร้อมๆกับโจวยี่
“เจ้ารนหาที่ตาย!” แววตาปรมาจารย์ชีกงปรากฏจิตสังหาร เขาโบกแขนปรากฏวังวนสีเหลืองออกมาจากอากาศเบาบางและกวาดไปข้างหน้า
เดิมทีหวังเว่ยไม่ได้ต้องการโจมตีตอนนี้แต่เมื่อเห็นหวังหลินและโจวยี่โจมตีเขาจึงไม่อาจทำเฉยได้ โจวยี่ไม่สมควรตายและหวังหลินก็พาฉิงซวงมาที่นี่ ดังนั้นจึงไม่ควรตายไปด้วย
หวังเว่ยถอนหายใจ ชี้ไปข้างหน้าและปรากฏม่านวารีขึ้นปลดปล่อยแสงห้าสีพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนสัมผัสกับวังวนสีเหลืองที่ปรมาจารย์ชีกงสร้างขึ้น
หวังเว่ยเอ่ยเสียงสงบนิ่ง “ผนึก!”
ม่านวารีห้าสีเปลี่ยนกลายเป็นหยดน้ำและแพร่กระจายไปรอบวังวนสีเหลืองก่อนจะหดลงอย่างรวดเร็ว เสียงดังป๊อปพร้อมกับหยดน้ำผสานเข้ากับวังวนสีเหลือง
วังวนคล้ายจะหยุดนิ่งในทันทีและแตกสลายเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผงนับไม่ถ้วนแพร่ออกไปทุกทิศทาง
แผนการของปรมาจารย์ชีกงถูกการโจมตีของหวังหลินทำลายไปอย่างสิ้นเชิง ความกล้าและไหวพริบของหวังหลินทำให้ปรมาจารย์ชีกงตกตะลึง การกระทำอันแน่วแน่แบบนี้เป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ชีกงรู้ว่าเขาไม่สามารถทำได้ตอนที่อายุเท่าหวังหลิน
แม้กระทั่งผู้เยาว์ทั้งหมดที่เขาเคยเจอ มีน้อยคนแบบเดียวกับหวังหลิน
วังวนสีเหลืองแตกสลายทำให้วิหคเพลิงพุ่งผ่านเข้าไป ปลดปล่อยเปลวเพลิงมหึมาแฝงความร้อนรุนแรงตรงเข้าใส่ปรมาจารย์ชีกง
ปรมาจารย์ชีกงไม่สนการโจมตีของหวังหลินเว้นแต่จะนำกระบี่เหล็กนั่นออกมาอีกครั้ง สิ่งที่เขาสนใจคือหวังเว่ย ฮู่จวนและเป้ยหลัว
ปรมาจารย์ชีกงตบกระเป๋าเผชิญกับการโจมตีของหวังหลิน กระเป๋าเหล็กๆอีกใบปรากฏขึ้นมาและมีขี้เถ้าสีม่วงลอยออกไป
ขี้เถ้ากลายเป็นโคลนตมและส่งกลิ่นเหม็นเน่าพุ่งเข้าใส่หวังหลินและโจวยี่
เป้ยหลัวยิ้มและก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงก้าวเดียวเขาก็ปรากฏขึ้นบนขี้เถ้าและสูดหายใจรุนแรงดูดเอาโคลนตมเข้าไปในปากเป้ยหลัว
เป้ยหลัวเลียริมฝีปากพร้อมแววตาโลภมาก จากนั้นปรากฏตัวใกล้ปรมาจารย์ชีกงและยื่นมือออกไป ปรมาจารย์ชีกงเปลี่ยนสีหน้าและถอยร่นโดยไม่ลังเล ฝ่ามือสร้างผนึกและกระแทกลงไปหลายครั้งสร้างคลื่นดังสนั่นไปทั่วห้องโถง
วินาทีนั้นวิหคเพลิงของหวังหลินก็เข้ามาใกล้และนำพาความร้อนเข้ามาด้วย ปรมาจารย์ชีกงร้องคำราม ปรากฏวิญญาณดั้งเดิมรอบร่างกายชี้ใส่วิหคเพลิงของหวังหลิน
เขาใช้พลังบ่มเพาะอันแข็งแกร่งของตนเองเพื่อทำให้วิหคเพลิงแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อ ปรมาจารย์ชี้กงไม่หยุดแค่นั้น ก้าวไปด้านข้างพร้อมกับพยายามสลัดเป้ยหลัวออกไป
แต่เป้ยหลัวเร็ซกว่าและไล่ตามหลังปรมาจารย์ชีกงอย่างกระชั้นชิด เสียงปะทุดังสะท้อนในห้องโถง ทุกเสียงปะทุจะทำให้สีหน้าปรมาจารย์ชีกงซีดขึ้นเล็กน้อย
ขณะที่เป้ยหลัวไล่ตาม พลังปิศาจระเบิดออกจากร่าง ยื่นแขนขึ้นไปและปรากฏวิชามากมายโดยไม่ต้องมีผนึก วิชาพวกนั้นมากพอจะทำให้คนตาบอกจากแสงไฟได้ทีเดียว ปรมาจารย์ชีงไม่มีโอกาสตอบโต้และทำได้เพียงล่าถอยพลางต่อต้านไปเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้ปรมาจารย์ชีกงปวดหัวคือวิหคเพลิงที่แตกสลายไปกลับก่อตัวขึ้นมาใหม่อย่างไม่คาดคิด มันส่งเปลวเพลิงที่แข็งแกร่งกว่าเดิมพุ่งใส่ปรมาจารย์ชีกง
ไม่ว่าจะทำลายวิหคเพลิงไปกี่ครั้งมันก็สร้างขึ้นมาใหม่จากเปลวเพลิง ราวกับวิหคเพลิงตัวนี้เป็นวิญญาณอมตะจริงๆ!
โจวยี่เปลี่ยนเป็นลำแสงกระบี่และติดตามอย่างกระชั้นชิด เขาไม่ได้เข้าไปใกล้อย่างลวกๆแต่เมื่อเจอโอกาสก็จะพุ่งใส่ทันที
สตรีคนสวยเผยแววตาลังเลและนางกำลังจะช่วยเหลือแต่หวังหลินหนไปมองนางด้วยสายตาเย็นเฉียบ ทันใดนั้นนางคิดถึงคำพูดของหวังหลินที่ทิ้งเอาไว้ในชั้นแรกและเกิดความหวาดกลัวต่อกระบี่เหล็กในทันที
นางยกเท้าขึ้นและยั้งเอาไว้ หลีกเลี่ยงสายตาของหวังหลินโดยไม่รู้ตัว ความคิดช่วยเหลือปรมาจารย์ชีกงดับสิ้นอย่างรวดเร็ว
ปรมาจารย์ชีกงใบหน้าซีดกว่าเดิม หากเป็นแค่นี้คงไม่แย่เกินไปแต่สิ่งที่ทำให้ปรมาจารย์ชีกงร้อนรนก็คือหวังเว่ยยืนขึ้นอย่างไมคาดคิด เขาพุ่งเข้ามาโจมตีตรงกลางพร้อมกับเป้ยหลัง ผนึกปรมาจารย์ชีกงอย่างสมบูรณ์
เมื่อเห็นว่าหวังเว่ยกำลังโจมตี ปรมาจารย์ชีกงร้องคำรามอย่างกระวนกระวาย “หากพวกท่านไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าจะยอมสละทุกอย่างในถ้ำจักรพรรดิเทพและช่วยทะลวงกฏเกณฑ์ที่นี่!”
หวังเว่ยหรี่ตาแคบและแม้แต่เป้ยหลัวเองก็หยุดฝ่าเท้าไปหนึ่งจังหวะ
ขณะนั้นเกิดความผันผวนอีกหนึ่งออกมาจากนอกห้องโถง มีบางคนกำลังมาถึง เทียนหยุนเดินเข้ามาพร้อมกับหลิงเทียนโฮว ส่วนชายชราบนน้ำเต้าอยู่ด้านหลัง
เมื่อเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในห้องโถง หลิงเทียนโฮวตกตะลึง เทียนหยุนเผยสายตาคล้ายกับคาดเดาทุกอย่างเอาไว้แล้ว เขาเผยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มใส่ปรมาจารย์ชีกง
“เทียนหยุน มาช่วยข้า!” ปรมาจารย์ชีกงรีบถอย ทว่าขณะนั้นหวังหลินสร้างผนึกและควบแน่นวิหคเพลิงอีกครั้ง เขาไม่ได้มีเป้าหมายใส่ปรมาจารย์ชีกงโดยตรงแต่มันทำลายกลายเป็นทะเลเพลิงใกล้ๆกับปรมาจารย์ชีกง
ชั่ววินาทีนั้น แสงกระบี่จากโจวยี่ปลดปล่อยพลังรุนแรงที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนพร้อมกับร่องร่อยกลิ่นอายสมบัติระดับนิพพานเทียม เขาพุ่งตรงใส่ปรมาจารย์ชีกงซึ่งอยู่ข้างในทะเลเพลิง!