Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1148

Cover Renegade Immortal 1

1148. แผ่นดินป่า

คำพูดของซิ่วหยุนเป็นความจริง ในช่วงเวลาสั้นๆสามวันหวังหลินหลอมไปแล้วสิบหกครั้งและล้มเหลวทุกครั้งยกเว้นครั้งสุดท้าย ทุกครั้งที่เขาล้มเหลวจะค้นหาเหตุผลอย่างเงียบๆก่อนจะไปเก็บสมุนไพรอีก

สวนสมุนไพรที่ยังสะพรั่งเมื่อสามวันก่อนตอนนี้แทบกลายเป็นทุ่งโล่งเตียน ซิ่วหยุนอดสายตาแดงเถือกไม่ได้ สวนแห่งนี้นางดูแลดีมากแม้แต่ตอนที่นางหลอมยาด้วยตัวเองยังระมัดระวังและไม่เคยใช้สมุนไพรเยอะเกินไป

ทว่าในเวลาเพียงแค่สามวัน สมุนไพรหายไปเกือบทั้งหมด แม้การระเบิดของเม็ดยาที่นางหวาดกลัวไม่เคยเกิดขึ้น นางขอให้มันระเบิดทำลายสวนสมุนไพรไปทั้งหมดยังดีกว่ามาทุกข์ทรมานแบบนี้

นางมองบ้านที่ตนเองเกลียด ไม่มีความคิดดีๆต่อหวังหลินเหลืออีกแล้ว ซิ่วหยุนทนไม่ไหวอีกและพุ่งเข้าไปในบ้าน นางเห็นหวังหลินนั่งถือเม็ดยาที่เสร็จสมบูรณ์อยู่หนึ่งเม็ด

สิ่งที่ทำให้ซิ่วหยุนรู้สึกเกลียดยิ่งก็คือเซิ่งหนิวนั่นกำลังมองเม็ดยาอย่างยิ้มๆ พอเห็นรอยยิ้มนั่นทำให้ความโกรธนางปะทุขึ้น

“เซิ่งหนิว!” ซิ่วหยุนกัดฟันแน่นและสูดหายใจลึก พอคิดถึงระดับบ่มเพาะของเขานางจึงระงับความโกรธและบอกตัวเองไม่ให้โกรธขึ้นมา…

ซิ่วหยุนปัดเส้นผมตัวเองไปด้านหลังและเอ่ยขึ้นเบาๆ “เซิ่งหนิว ยินดีด้วยที่หลอมเม็ดยาได้ ขอข้าดูมันได้ไหม?”

หลังจากเจอความล้มเหลวสิบห้าครั้ง สมุนไพรเกือบทั้งหมดในสวนถูกใช้มาหลอมยาเม็ดนี้ วิญญาณอสูรได้ผสานเข้ากับเม็ดยามากกว่าสิบครั้ง เกิดความเจ็บปวดไปมายิ่งกว่าตาย มันอยากให้หวังหลินสำเร็จจึงอดทนจนจบ

หวังหลินมองเม็ดยาในมือและรู้สึกเสียใจ มีรายละเอียดเยอะมากที่จำเป็นต้องใส่ใจเมื่อผสานวิญญาณอสูรเข้ากับเม็ดยา สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อธิบายในหินหยกและเขาต้องพบเจอด้วยตัวเอง

นาทีนี้เมื่อหวังหลินได้ยินคำพูดของซิ่วหยุน เขาจึงลูบจมูกตัวเองโดยไม่รู้ตัว มองผ่านร่างอันสวยงามของซิ่วหยุนไปตรงสวนสมุนไพร ด้วยการฝึกเซียนมากกว่าพันปีเขากลับรู้สึกละอายใจเล็กน้อย

หวังหลินสะบัดแขน โยนเม็ดยาให้ซิ่วหยุน ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากพูดกลับถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกรีดร้อง

ซิ่วหยุนดวงตาเบิกกว้างจ้องมองเม็ดยานั้นและทนระงับความโกรธในใจไม่ไหวอีกแล้ว ทุกความคิดต่อร่างสีขาว ดัชนีอันเมตตา ผู้อาวุโสที่ทรงพลังถูกโยนออกไปจากความคิดนางทั้งหมด สามวันที่ผ่านมานางเฝ้าดูสมุนไพรที่ใช้ความพยายามไปมากมายถูกเก็บไปโดยทำอะไรไม่ได้ สมุนไพรพวกนั้นบางส่วนนางไม่อยากใช้เองด้วยยังต้องถูกดึงไปทีละต้น

ท้ายที่สุดเขาก็หลอมได้เพียงเม็ดยาระดับสามเท่านั้น เม็ดยาระดับสามนั้นล้ำค่ามากและเป็นสิ่งที่เซียนขั้นรูปธรรมหยางต้องการ ทว่าสมุนไพรทั้งหมดในสวนนี้ควรจะหลอมได้เม็ดยาระดับสี่ถึงจะเพียงพอ หากเป็นอาจารย์ลุงลี่คงมีโอกาสหลอมได้เม็ดยาระดับห้า

“เซิ่งหนิว!!! คืนสมุนไพรข้ามา!!!” ซิ่วหยุนดวงตาแดงก่ำ นางกำลังจะลงโทษหวังหลินทว่าเมื่อเงยศีรษะขึ้นนางพบว่าห้องนั้นว่างเปล่า เซิ่งหนิวจากไปแล้ว

ร่างหวังหลินปรากฏขึ้นเหนือแผ่นดินโม่หลัวและจับจมูกตัวเองอีกครั้ง เผยรอยยิ้มขมขื่น น้ำเสียงซิ่วหยุนยังคงกึกก้องในหูเขา

“ช่างมันเถอะ มันก็แค่สวนสมุนไพรแห่งเดียว…” หวังหลินส่ายศีรษะและลอยเข้าสู่ท้องฟ้าเป็นลำแสง หายตัวไปเหนือเส้นขอบฟ้า

หลังจากทะลวงผ่านม่านแสงรอบแผ่นดิน ทะเลเมฆาปรากฏขึ้นเบื้องหน้าดวงตาหวังหลิน หินหยกที่เขาได้มาจากอารามเต๋านอกจากมีเรื่องการปรุงยาและข้อมูลเกี่ยวกับวิญญาณอสูรแล้ว ยังมีแผนที่ดวงดาวของเขตระดับห้าซึ่งมีแผ่นดินโม่หลัวอยู่ด้วย หลังจากศึกษาแผนที่ดวงดาว หวังหลินพบว่านอกจากแผ่นดินที่ผู้คนอยู่อาศัย ยังมีแผ่นดินอีกแบบที่เรียกกันว่า “แผ่นดินป่า”

พวกมันคล้ายกันกับดวงดาวรกร้างในดาราจักรพันธมิตรเซียนหรือไม่ก็ทุกชั้นฟ้า ทว่าในทะเลเมฆา แผ่นดินป่าพวกนี้ไม่ได้มีหอคอยทมิฬแต่กลับถูกห่อหุ้มไว้ด้วยหมอกดวงดาว พวกมันกลายเป็นรังให้อสุรดุร้ายและมักจะเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยไปด้วย

สมุนไพรล้ำค่าบางอย่างมักจะเติบโตขึ้นบนแผ่นดินแบบนั้น

หวังหลินตามแผนที่ดวงดาวที่จำไว้ในใจ พุ่งเข้าหาหมอกดวงดาว หมอกดวงดาวเป็นเสมือนเมฆ นอกจากบดบังทัศนวิสัยแล้วมันยังป้องกันสัมผัสวิญญาณไม่ให้แพร่กระจายออกไปไกลเกินไปด้วย หวังหลินไม่คุ้นชินกับดาราจักรทะเลเมฆาดังนั้นจึงชะลอตัวลง

แผ่นดินป่าที่อยู่ใกล้แผ่นดินโม่หลัวนั้น พวกอสูรค่อยๆขาดแคลนยิ่งขึ้นเนื่องจากเป็นสถานที่ให้ศิษย์สำนักต้นกำเนิดไว้ฝึกฝน มีเพียงอสูรระดับต่ำเหลืออยู่บ้างเท่านั้นและสมุนไพรส่วนใหญ่ก็ถูกกวาดล้างออกไปหมดแล้ว

มันจึงเป็นธรรมดาที่ไม่อยู่ในตัวเลือกของหวังหลิน เขากำลังจะออกไปหาแผ่นดินป่าที่ไกลยิ่งกว่านี้ซึ่งมีอสูรดุร้ายอยู่อาศัยและไม่มีเซียนมากมายสำรวจ ที่นั่นน่าจะยังมีสมุนไพรจำนวนมากอยู่

หวังหลินเคลื่อนที่เร็วขึ้นจนกลายเป็นแสงกะพริบทะลวงผ่านหมอกออกไปไกล สัมผัสวิญญาณเซียนขั้นส่องสวรรค์สามารถครอบคลุมได้ในระยะพันฟุตเท่านั้น ส่วนของเซียนขั้นชำระสวรรค์ได้ถึงหมื่นฟุต

ระหว่างทางมีอสูรหน้าตาประหลาดหลายชนิดปรากฏภายในระยะสัมผัสวิญญาณหวังหลิน อสูรทั้งหมดพวกนี้รูปร่างหน้าตาแปลกประหลาด มีตัวหนึ่งยาวมาก มีเกล็ดปลาแต่เมื่อมันอ้าปากจะเห็นฟันแหลมนับไม่ถ้วนและส่งกลิ่นเหม็นคาว

มีอยู่ส่วนน้อยที่ดูเหมือนมังกรแต่ร่างกายยาวเพียงไม่กี่ร้อยฟุตเท่านั้น อสูรตัวแดงพวกนี้เคลื่อนไหวดุจสายฟ้าและอาศัยอยู่ในรัง มีพวกมันอยู่หลายแสนตัวเคลื่อนไปในทะเลเมฆา

มีอสูรเหมือนอสูรใต้ที่หวังหลินเคยเห็นแต่ตัวเล็กกว่ามาก ขนาดเพียงไม่กี่ร้อยฟุตเท่านั้น พวกมันเชื่องช้าแต่มีกระนั้นพวกอสูรแดงก็ยังหลีกเลี่ยงพวกมัน

มีอสูรดำคล้ายลูกอ๊อดเหมือนตัวที่ลั่วป๋อมีด้วย พวกมันซ่อนตัวอยู่ภายในสายหมอก ปลดปล่อยแรงกดดันที่มองไม่เห็น ทว่าเมื่อพวกมันสัมผัสวิญญาณหวังหลินได้จึงรีบถอยกลับไปหมด

ขณะที่เคลื่อนตัวผ่านสายหมอก ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง ยื่นแขนขวาออกไปเปิดมิติเก็บของ เจ้าอสูรยุงลอยออกมาพร้อมกับส่งเสียงหึ่งๆ

อสูรยุงหลายสิบตัวพวกนี้ลอยไปรอบๆและปลดปล่อยเสียงร้องเต็มไปด้วยความสุข โดยเฉพาะเจ้าอสูรยุงตัวสีม่วงที่บินป่ายซ้ายขวาอย่างยินดี

หวังหลินพลิกร่างนั่งลงบนหลังเจ้าอสูรยุง มันพุ่งไปข้างหน้าและลอยเข้าไปในหมอกดวงดาวพร้อมกับพรรคพวกโดยไม่รอให้หวังหลินออกคำสั่ง

วันเวลาดูเหมือนจะยาวนานในหมอกดวงดาว มันไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเพราะสังเกตได้ยากมาก เห็นแต่เพียงหมอกดวงดาวที่ล้อมรอบทุกสิ่งอย่าง

หลังจากคำนวณอยู่เล็กน้อยหวังหลินก็คำนวณได้ว่าผ่านมาสามวันแล้ว ด้วยความเร็วของเขานั้นได้ออกมาไกลจากแผ่นดินโม่หลัวและเข้าใกล้แผ่นดินป่าอันแสนอันตรายซึ่งหมุดไว้บนแผนที่

ใช้เวลาไม่นานนักเงาตะคุ่มตัวหนึ่งปรากฏขึ้นในสัมผัสวิญญาณ มันตัวใหญ่พอจะปกคลุมท้องฟ้าและได้ยินเสียงคำรามอันเลือนลางโผล่ออกมา

หวังหลินดวงตาส่องสว่าง อสูรยุงข้างใต้เขาระมัดระวังตัว ขณะที่พวกมันเข้าใกล้ เงานั้นก็ชัดเจนขึ้น นั่นคือแผ่นดินป่าขนาดใหญ่!

หวังหลินกระโจนออกไปจากอสูรยุง ทะลวงผ่านสายหมอกและร่อนลงบนผืนปฐพี สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหมอกดวงดาว หากไม่ใช่เพราะสัมผัสวิญญาณเขาและพื้นที่ยืนอยู่บนผืนดิน คงจำแนกความแตกต่างจากอวกาศได้ยากมาก

รอบด้านเงียบสนิทมาก มีเสียงคำรามดุร้ายโผล่ออกมาไกลๆ เสียงคำรามนี้แสดงให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้สงบอย่างที่เห็นด้วยตา

พื้นดินประกอบด้วยทรายสีดำ หวังหลินเดินไปข้างหน้าบนผืนทรายอย่างช้าๆและในที่สุดก็มาถึงเบื้องหน้าซากปรักหักฟัง เห็นได้ชัดว่ามันเคยเป็นเมืองมาก่อนแต่ไม่มีสัญญาณชีวิตแล้ว สิ่งก่อสร้างพังทลายและมีรอยโลหิตแห้งเกรอะกรังอยู่

วินาทีนั้นเงาสีดำพุ่งออกมาจากบ้านซากปรักหักพัง มันส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับลมหายใจเหม็นๆพุ่งเข้าหาหวังหลิน เจ้าเงานี้ยาวเพียงไม่กี่สิบฟุตเท่านั้นแต่เคลื่อนไหวปราดเปรียวมาก

หวังหลินสงบนิ่ง เขาไม่จำเป็นต้องลงมือ เจ้าอสูรยุงพุ่งตรงออกไปเข้าหาร่างเงาจนเกิดเสียงดังปัง ร่างเงานั้นสั่นเทา ปากเจ้ายุงแทงทะลุผ่านศีรษะ ดูดจนเสร็จทั้งร่างเงานั่นก็หดลง

เจ้าอสูรยุงลอยกลับมาด้วยสายตาดูถูก

หวังหลินตบศีรษะเจ้ายุงและชี้ไปข้างหน้า ราชาอสูรยุงลอยออกไปพร้อมพรรคพวกนับสิบเข้าหาซากปรักหักพัง

เงาอีกหลายตัวพุ่งออกมาจากซาก มีอย่างน้อยหลายสิบตัว ทั้งหมดร้องคำรามและพุ่งใส่อสูรยุง

ด้วยสายตาและสัมผัสวิญญาณของหวังหลินเขาเห็นทันทีว่าพวกมันคือลิงสีดำ ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่อยู่เม็ดยาที่ซิ่วหยุนกลืนกิน

“ทิ้งวิญญาณพวกมันเอาไว้!” หวังหลินเอ่ยเสียงกึกก้อง อสูรยุงและอสูรลิงไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันดังนั้นการต่อสู้จึงจบลงอย่างรวดเร็ว พวกลิงตายกันทีละตัวทิ้งไว้แต่กลิ่นคาวเลือดรุนแรง

อสูรยุงมากกว่าสิบตัวลอยกลับไปหาหวังหลิน พวกมันส่งเสียงร้องและพ่นวิญญาณอสูรออกมาด้วยซึ่งถูกหวังหลินเก็บกลับไปทีหลัง

เนื่องด้วยกลิ่นคาวเลือด จึงเกิดเสียงคำรามของอสูรดังขึ้นและพื้นดินเริ่มสั่น ปรากฏแม้กระทั่งสายลมกรรโชกผลักสายหมอกเบื้องหน้าออกไป

หวังหลินเดินเข้าไปในซากปรักหักพังด้วยใบหน้าสงบนิ่ง เขาตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณและจากไปหลังจากไม่พบสมุนไพรเลยสักต้น

หวังหลินเคลื่อนร่างผ่านสายหมอกราวกับผสานเข้ากับหมอกไปแล้วและส่งจิตสังหารรุนแรง เขาส่งกลิ่นอายน่ากลัวยิ่งกว่าอสูรดุร้ายตัวไหน พวกอสูรยุงร้องลั่นพร้อมกับบินวนเหนือเขาไปด้วย

เบื้องหน้ากลิ่นอายน่ากลัวนี้ แม้แต่เสียงคำรามไกลๆยังอ่อนลงจนหายไปในที่สุด พื้นดินหยุดสั่นไหวและสายลมหายไป

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version