Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1197

Cover Renegade Immortal 1

1197. ราชันย์

หวังหลินกำหินหยกและใช้สัมผัสวิญญาณกวาดผ่านไปอย่างระมัดระวัง

“สามปีมาแล้ว…พี่สองตายและพี่สามก็ยังตายอีก…พวกเขากลายเป็นผู้หลงทางและเร่ร่อนอยู่ที่นี่…ข้าเห็นเมื่อสี่วันก่อนแต่ไม่มีใครจำข้าได้และแค่เดินผ่านข้าไป…ข้าไม่สามารถปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ ข้าต้องหาทาง”

“นี่มันก็หกปีมาแล้วตั้งแต่ที่ข้ามาอยู่ที่นี่ ข้าพบหินหยกก้อนหนึ่งมันมีเขตอาคมที่เรียกกันว่า ‘เขตอาคมแห่งเวลา’ ข้าต้องเรียนรู้มัน…”

“อาจารย์ลุงจากไปแล้ว เขาเข้าไปในส่วนลึก บอกกับข้าว่ามีเสียงเรียกหาเขา…นี่มันก็สิบเอ็ดปีมาแล้วที่ข้าอยู่ที่นี่…ข้าศึกษาเขตอาคมแห่งเวลาได้เล็กน้อยเท่านั้น”

“เวลาผ่านไปอีกเท่าไหร่กัน? อย่างน้อยก็สามสิบปีแล้ว เหล่าผู้รู้แจ้งโจมตีอีกครั้งแล้ว ข้าได้เห็นอาจารย์ลุงอยู่ในนั้นด้วย…พวกเขานำพี่ห้าและพี่หกไปด้วย…”

“ในที่สุดข้าก็เชี่ยวชาญเขตอาคมแห่งเวลา ข้าและพรรคพวกที่เหลือของสำนักได้วางเขตอาคมแห่งเวลาขนาดยักษ์ไว้ในหุบเขา พี่เก้าสังเวยชีวิตตัวเองเพื่อเสริมกำลังเขตอาคมแห่งเวลาด้วย ก่อนเขาจะตายได้สัญญากับข้าว่าจะพาคนที่เหลือกลับไปยังสำนักทะลวงสวรรค์…ข้าสัญญา แต่ข้าทำได้หรือ…”

“เขตอาคมแห่งเวลาปกป้องหุบเขาและหุบเขาก็กลายเป็นบ้านข้า…แต่ว่าข้าไม่เจอความอบอุ่นจากบ้านเลย ข้าเห็นแต่เพียงใบหน้าคุ้นเคยที่ค่อยๆห่างเหิน”

“ข้าไม่ยอมให้เป็นแบบนี้ได้ ข้าต้องหาทาง ข้าจะหาทางช่วยพวกเขา!”

หวังหลินขบคิดเงียบๆพลางมองไปยังโครงกระดูกเบื้องหน้า เนื้อหาในหินหยกจบลง เขามองดูหินหยกที่สองและหยิบมันขึ้นมาใส่สัมผัสวิญญาณลงไป

“ผ่านมาแล้วร้อยปี ที่นี่ไม่มีกลางวันหรือกลางคืน ข้าจึงไม่สามารถคำนวณเวลาที่แน่นอนได้ แต่ด้วยการใช้เขตอาคมแห่งเวลาตัดสิน มันน่าจะผ่านมาแล้วร้อยปี แต่ทำไมข้ารู้สึกเหมือนมันผ่านไปพันปี…พี่สิบสามทำลายร่างตัวเองและตายไป…เขาไม่สามารถทนอยู่แบบนี้ได้อีกแล้ว”

“ผู้คนรอบตัวข้ากลายเป็นผู้หลงทางหรือไม่ก็ผู้รู้แจ้ง มีเพียงห้า พี่สิบหก และลุงสี่ที่เหลืออยู่ ข้ารู้ว่าเราเป็นคนบาปและบางทีนี่อาจเป็นการลงโทษ อย่างไรก็ตามข้าไม่ยอมแพ้!! ข้าจะไม่ยอมแพ้!”

“วันนี้เป็นวันที่ข้าจะไม่มีวันลืม ผ่านมาแล้วอย่างน้อย 130 ปีและเป็นครั้งแรกที่ผู้ฝืนชะตาปรากฏขึ้น ลุงสี่เปลี่ยนกลายเป็นผู้ฝืนชะตาไปด้วย…”

“ทั้งหมดนั้นหายตัวไป เหลือเพียงพี่สิบหกและข้าที่เหลืออยู่…อย่างไรก็ตามข้าคิดวิธีหนึ่งในการช่วยพวกเขา ข้าต้องลอง แม้นั่นจะหมายถึงความตายก็ตาม! ข้ากล่าวลาพี่สิบหกและออกไปจากหุบเขา”

“ข้าพาพี่สองและพี่สามกลับมา พร้อมกับทุกคนที่กลายเป็นผู้หลงทาง…ข้าเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาและพบพี่ห้าและพี่หกที่กลายเป็นผู้รู้แจ้งและนำพวกเขากลับมา จากนั้นข้าก็เข้าไปในส่วนลึก เส้นทางที่นี่ข้าคุ้นเคยมาก…”

“ข้าพบลุงสองและนำเขากลับมา”

หินหยกจบลงตรงนี้ หวังหลินจ้องมองหินหยกพลางวางลงไป ขบคิดถึงเนื้อหาเรื่องเวลาอันยาวนานและจากนั้นหยิบหยกชิ้นที่สามขึ้นมา!

“ข้าอยู่ที่นี่มาแล้วมากกว่าสามร้อยปีและไปทุกที่ที่ข้าไปได้ ข้าพบลูกปัดหนึ่งที่สามารถผนึกวิชาของผู้ฝืนชะตาได้! ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่แต่การจะช่วยลุงสี่ ข้าได้ค้นสถานที่ส่วนใหญ่ไปและค้นพบลูกปัดอีกสองสามชิ้น”

“นั่นเป็นครั้งที่สี่ที่ข้าเข้าไปในส่วนลึก ข้ารู้ว่ามันเป็นสถานที่ที่ลุงสี่เผชิญหน้ากับเหล่าผู้ฝืนชะตาพวกนั้น ข้าใช้ลูกปัดเพื่อผนึกวิชาแต่ละคนเอาไว้…ข้าค้นหาอีกสองสามปีจนในที่สุดก็พบกับลุงสี่…เพียงแต่…ข้าไม่คิดว่าเขาจะอยู่ตรงนั้น ข้าล้มเหลว….ลิ่มเจ็ดสีแทงเข้าไปในร่างกายข้า…ลิ่มนี้ประหลาดมาก มันหลอมเข้าไปในร่างกายข้าทันที”

“ในที่สุดข้าก็หนีมาได้และกลับไปยังหุบเขาด้วยอาการพร่ามัว สติข้าค่อยๆจางหายและเกิดความคิดบ้าคลั่งขึ้นมาในใจอยู่ตลอด ความคิดบ้าคลั่งนี้ต้องการให้ข้าฆ่าสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่ข้าเห็น…ซึ่งสิ่งมีชีวิตอื่นที่นี่นอกจากข้าก็คือพี่สิบหก”

“ข้าไล่พี่สิบหกให้ออกไปจากหุบเขา ข้าให้ป้ายตัวตนและกระดูกอสูรไปด้วย ข้าทำให้เขาออกไปจากหุบเขาและบอกให้กลับมาอีกสิบปี…พี่สิบหกจากไป…ข้านั่งอยู่ในหุบเขามองดูท้องฟ้าเจ็ดสี รอคอยความบ้าคลั่งที่กำลังเข้ามา”

“พี่สอง พี่สามและสหายร่วมสำนักทั้งหมด หากพวกเจ้าตื่นขึ้นเมื่อใดและเห็นหยกข้า พวกเจ้าจะได้รู้สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดหลายร้อยปีพวกนี้…”

“ข้าได้รวบรวมลูกปัดประหลาดพวกนั้นไว้จำนวนมาก ข้าค้นพบเบาะแสบางอย่างด้วย ลูกปัดหินพวกนี้ไม่ใช่ของธรรมชาติ พวกมันถูกใครสักคนหล่อหลอมขึ้นมา ทั้งขนาด น้ำหนักหรือพื้นผิวล้วนไม่ต่างกัน…ราวกับมีใครสักคนมาที่นี่และใช้วิชาพิเศษเพื่อสร้างลูกปัดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว…”

“สติข้าเริ่มพร่ามัวแต่ข้าเกิดความรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังดึงวิญญาณดั้งเดิมไป…ข้าไม่รู้ว่าทำไมแต่ในช่วงวินาทีนั้นสติก็กลับมาชัดเจนและมีความคิดบ้าคลั่งขึ้นในหัว…บางทีข้าควรทำมัน…หากสำเร็จข้าจะไม่บ้า ข้าจะ…กำเนิดใหม่!”

“สติดูเหมือนจะออกไปจากร่างกายและยืดยาวเข้าสู่ท้องฟ้า…ข้าเห็น…คนผู้หนึ่ง ชายวัยกลางคนสวมผ้าคลุมสีดำ ตรงกลางหน้าผากมีอักขระหนึ่งรอบ เขาบอกว่าตัวเองชื่อ ‘ราชันย์’…”

หวังหลินหน้าซีดและสูดลมหายใจลึกเข้าปอด ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวและจ้องมองหินหยกในมือสลับกับโครงกระดูก ไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น

‘ราชันย์…’ หวังหลินไม่เชิงว่าไม่คุ้นกับชื่อนี้! ในถ้ำของฉิงหลินเขาก็รู้มาว่านอกดินแดนปิดผนึกมีตัวตนที่ทรงพลังเรียกขานกันว่าผู้สูงสุดหรือก็คือราชันย์!

อย่างไรก็ตามตอนนั้นราชันย์เป็นตัวตนที่อยู่ไกลมาก เป็นผู้ทรงอำนาจในยุคของฉิงหลิน ตอนนั้นเวลาก็ผ่านไปนานแล้ว

อย่างไรก็ตามหวังหลินไม่คาดคิดว่าจะมาเจอหินที่มีข้อมูลเกี่ยวกับราชันย์ในดาราจักรทะเลเมฆา ในโลกเจ็ดสี ในหุบเขาแห่งนี้!

หวังหลินหลับตาและอดคิดไม่ได้ถึงตอนที่ฉิงชุ่ยต่อสู้กับอสรพิษพิฆาตจันทร์ เขาทำให้อวกาศพังทลายเป็นผลให้เซียนลึกลับสองคนเผยตัวออกมา!

สองคนนั้นอาศัยอยู่ในดินแดนภายนอก! หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า หวังหลินคงถูกจับได้แล้ว!

‘ตอนที่ชายชราเห็นลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า เขาเรียกข้า ราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึก…’ หวังหลินลืมตาและถอนหายใจยาว ความคิดดุจทะเลโหมกระหน่ำจากการเรียนรู้ข้อมูลในหินหยก ไม่อาจสงบจิตใจได้สักพัก

‘ดินแดนเจ็ดสีเกี่ยวข้องกับเทียนหยุนและราชันย์ด้วย…โดยเฉพาะลิ่มเจ็ดสีที่สามารถทำให้คนบ้าคลั่งและสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้…ศิษย์พี่ฉิงชุ่ยเคยบอกว่าก่อนที่ดินแดนสวรรค์จะล่มสลาย เขาที่ปิดด่านบ่มเพาะอยู่พลันบ้าคลั่งขึ้นมา แม้จะไม่รู้ว่าทำไม …แต่ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับอาการบ้าคลั่ง!!’

‘อีกทั้งจักรพรรดิวิหคเพลิงคนเก่าได้บอกว่าหลังจากฉิงชุ่ยเข้าไปในพันธมิตรเซียน เขาก็บ้าขึ้นอีกครั้ง…มีความลับอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี่? มันต้องเกี่ยวข้องกับราชันย์นั่นแน่!’

‘เทียนหยุน ฉิงชุ่ย ซือหม่าโม่ ราชันย์…’ หวังหลินขบคิดเงียบๆ

หลังจากผ่านไปสักพักหวังหลินก็ถอนหายใจออกมามองไปยังโครงกระดูกของซือหม่าโม่ด้วยท่าทีซับซ้อน รอบตัวซือหม่าโม่ไม่มีร่องรอยของการทำลาย นั่นหมายความว่าตอนตายไม่ได้บ้าคลั่ง!

เมื่อไม่ได้บ้าคลั่ง เช่นนั้นความคิดเขาที่เกี่ยวกับราชันย์ถือว่าสำเร็จ!

‘ข้าไม่คิดว่านี่อาจจะเป็นรอยแยกอวกาศที่สำนักทะลวงสวรรค์ค้นพบเมื่อตอนนั้น…มันยังเป็นจุดที่สูตรยากระดูกอสูรปรากฏขึ้นมาด้วย! แต่กระดูกอสูรและหินหยกจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร…หรือว่าพี่สิบหกออกไปจากที่นี่ด้วยวิธีการบางอย่างจึงทำให้หินหยกและกระดูกอสูรปรากฏในทะเลเมฆาอีกครั้ง…’

‘มีคนที่ถูกกล่าวในหินหยก…เขาคนนั้น…ตามที่ซือหม่าโม่เล่ามา สำนักทะลวงสวรรค์ไม่ได้รู้จักสถานที่แห่งนี้ พวกเขามาที่นี่เพราะคำพูดคนผู้นั้น…หลายร้อยปีต่อมาซือหม่าโม่ก็เห็นคนลึกลับนั้นอีกครั้งอย่างไม่คาดคิด!’ หวังหลินลูบคาง ยิ่งศึกษาก็ยิ่งงุนงงมากขึ้นไปอีก

พลันเงยศีรษะขึ้นมองไปยังถ้ำทั้งเก้าที่ถูกหินปิดผนึก หวังหลินเคลื่อนตัวมาที่ถ้ำแห่งแรก มองไปยังก้อนหิน ดวงตาส่องสว่างอยู่สักพักก่อนจะวางแขนขวาลงไป ส่งพลังดั้งเดิมเข้าไปในก้อนหินเบาๆ

ก้อนหินส่งเสียงพร้อมกับเคลื่อนไปด้านข้าง

กลิ่นอายแห่งกาลเวลาลอยออกมา ถ้ำแห่งนี้เล็กมาก ขนาดกว้างเพียงร้อยฟุตเท่านั้น มีแสงสีเทาและลูกปัดขนาดเท่ากำปั้นทารกอยู่สิบเม็ดลอยอยู่ในลำแสง

ลูกปัดแต่ละเม็ดแฝงอักขระเจือจางและกะพริบอยู่ ทว่าพวกมันเรืองแสงสีเทาจนยากจะมองเห็น หากไม่สังเกตคงพลาดได้ง่ายๆ

พอเห็นลูกปัดนี้ หวังหลินความคิดสั่นเทา จดจำได้ทันทีว่ามันคือสิ่งที่ปรมาจารย์คังจงซื่อใช้เพื่ออัญเชิญวิชาของเหล่าผู้ฝืนชะตา!

‘เนื้อหาของหินหยกเป็นเรื่องจริง!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างพลางยกแขนขึ้นไป ลูกปัดหนึ่งเม็ดลอยเข้าไปในกำมือ หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณออกไปตรวจสอบอย่างละเอียด สีหน้าพลันเปลี่ยนไปมหาศาล! ราวกับสายฟ้านับไม่ถ้วนระเบิดอยู่ภายในใจ!

ตอนที่ปรมาจารย์คังจงซื่อนำลูกปัดออกมา เขาเร็วมากและหวังหลินไม่สามารถมองดูมันอย่างละเอียดได้เพราะจะทำให้การต่อสู้วอกแวก หวังหลินจึงได้แค่ชำเลืองมองเท่านั้นแต่ตอนนี้เขาสามารถตรวจสอบพวกมันได้ชัดเจน

‘ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า…’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version