Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1496

Cover Renegade Immortal 1

1496. ผู้คนพวกนั้น

อำนาจความแข็งแกร่งของแต่ละคนทำให้ความต้องการต่อสู้ของปรมาจารย์ลั่วฟู่ต้องพังทลาย! เขาไม่ดิ้นรนอีกและเหลือไว้เพียงความตกตะลึงอันน่าเหลือเชื่อ!

แม้ด้วยระดับบ่มเพาะของปรมาจารย์ลั่วฟู่ เขายังรู้สึกขมขื่นที่ทำได้แค่เพียงจ้องมองทุกอย่างเบื้องหน้าอย่างโง่งม

เขารู้ว่าตนเองได้ทำผิดพลาดใหญ่หลวง! ความผิดของเขาร้ายแรงยิ่ง เขาประเมินระดับบ่มเพาะของหวังหลินผิดพลาดเกินไป! ตอนที่หวังหลินกลับมายังดาราจักร ทุกชั้นฟ้า ปรมาจารย์ลั่วฟู่คิดว่าหวังหลินมีพลังอำนาจจะต่อสู้กับเขาและเขาก็ไม่ควรไปล่วงเกินหวังหลินง่ายๆ

การตัดสินนี้เปลี่ยนไปตอนที่เห็นกระบี่สายฝนบนดาวฉิงหลิง ปรมาจารย์ลั่วฟู่คิดว่าเขามองระดับบ่มเพาะของหวังหลินออกและผ่อนคลายเล็กน้อย

ทว่าตอนที่หวังหลินทะลวงค่ายกลได้ในแปดลมหายใจบนดาวตงหลิน เขาตระหนักได้ว่าตัดสินผิดพลาด เขายกสถานะหวังหลินให้เท่าเทียมแต่ก็ยังเชื่อว่าด้วยสมบัติที่ตนเองมีมากมาย หวังหลินคงยากจะสู้กับเขาได้!

จนกระทั่งหวังหลินส่งเสียงคำรามด้านนอกค่ายกล ปรมาจารย์ลั่วฟู่จึงถือว่า หวังหลินอยู่เหนือขึ้นไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามถึงจุดนั้นเขาก็ยังไม่เชื่อว่าหวังหลินจะมีความสามารถพอทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส!

ด้วยสมบัติหลายอย่างของเขา อย่างมากก็พอจะเทียบเคียง! ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ!

เมื่อการประลองปัญญาถูกขัดขวาง ความสงบนิ่งของหวังหลินได้นำแรงกดดันมหาศาลเข้ามาใส่ปรมาจารย์ลั่วฟู่ หลังจากตัดสินใจต่อสู้ได้ไม่นาน เขาจึงนำภาพเงาแดนสวรรค์วายุและกระตุ้นค่ายกลดวงดาวขึ้นมาด้วย!

เดิมทีคิดว่าถึงแม้หวังหลินจะเหนือกว่าเล็กน้อย ก็แค่ยังบังคับให้ล่าถอย แต่เมื่อ หลิงตงปรากฏขึ้นมา ปรมาจารย์ลั่วฟู่จึงหวาดกลัวว่าเขาจะคาดผิดอีกครั้ง

ความสงบนิ่งของหวังหลินมาจากเรื่องที่เขามีทาสรับใช้เป็นเซียนขั้นที่สาม!

นี่มันเหนือความคาดหมายของปรมาจารย์ลั่วฟู่ แม้จะตกตะลึงแต่ก็ยังจุดปะทุความมุ่งมั่นต่อสู้ เขาเชื่อว่านี่คือไพ่ตายสุดท้ายของหวังหลิน ขณะที่เขายังมีค่ายกลดวงดาวซึ่งสามารถฝืนต้านให้เสมอกันได้!

กระนั้นการปรากฏตัวของโจวจินกลับเป็นพลังสุดท้ายที่ทำลายความคิดเขา ความมั่นใจของปรมาจารย์ลั่วฟู่พังทลายไปอย่างสิ้นเชิงและรู้สึกตกตะลึงอย่างน่าเหลือเชื่อ!

เขาไม่เคยคิดว่าหวังหลินไม่ได้มีขั้นที่สามเพียงแค่หนึ่ง แต่…มีถึงสองคน!! คนที่สองแทบจะบรรลุขั้นสูงสุดของสวรรค์ดับสูญระดับต้นและห่างจากระดับกลางไม่ไกล!!

ปรมาจารย์ลั่วฟู่มีสีหน้าขมขื่น ความคิดอื้ออึง

สมบัติทั้งสิบแปดชิ้นที่ปรากฏอยู่ในค่ายกลดวงดาวพลันถูกกลิ่นอายของเซียน ขั้นที่สามจำนวนสองคนผลักออกไป

ค่ายกลนี้ไม่สมบูรณ์ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถเผชิญหน้ากับกลุ่มของหวังหลินได้!

การปรากฏตัวของโจวจินทำให้เกิดคลื่นมหึมา หมาป่าโลหิตด้านหลังส่งเสียงคำรามเข้าไปในหูของเซียนหลายหมื่นคนที่เพิ่งรวบรวมความกล้าหาญ ราวกับพวกเขาถูกกุมลำคอและวิญญาณดั้งเดิมเอาไว้ จากนั้นเกิดความหวาดกลัวท่วมท้นสุดขีด!

ความมั่นใจที่ได้จากคำพูดของปรมาจารย์ลั่วฟู่ถึงกับพังทลายไปแล้วเรียบร้อย!

“ขั้นที่สาม…ขั้นที่สาม…มีเซียนขั้นที่สามอีกคนจริงๆด้วยหรือนี่!!!”

“เป็นไปไม่ได้ เซียนขั้นที่สามพบเจอได้ยากยิ่ง นี่…ทาสรับใช้ระดับขั้นที่สามปรากฏขึ้นมาได้อย่างไรถึงสองคน?!”

“เซียนขั้นที่สามที่พบเจอได้ยากในรอบหลายหมื่นปี วันนี้ที่นี่…กลับมีตั้งหลายคน…”

“เซียนขั้นที่สามเป็นทาสรับใช้ถึงสองคน หวังหลินผู้นี้…เป็นใครกันแน่? เขาทำแบบนี้ได้อย่างไร…”

ปรมาจารย์จงเฉินแทบจะสิ้นความคิด เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆแต่กลับทำให้เขาตกตะลึงจนด้านชา แม้กระนั้นการปรากฏตัวของ โจวจินยังทำให้ความคิดเขาเจ็บปวดจนเสียววาบ

“สอง…สอง…บางทีอาจจะมีถึงสาม…สี่…” ปรมาจารย์จงเฉินพึมพำกับตัวเอง

ลี่หยุนจื่อมีแววตาสับสนไปด้วย เขาเพิ่งจ้องไปข้างหน้า ความคิดทั้งหมดพังทลายและคิดไม่ออกอีกต่อไป

เซียนขั้นที่สองคนใดก็ตามในดินแดนชั้นในคงหวาดกลัวจนสิ้นคิดเมื่อได้เห็นแบบนี้ เซียนขั้นที่สามสองคนเป็นทาสรับใช้ แค่นี้ก็น่าหวาดกลัวพอแล้ว!

จิตใจของเทพโลหิตเต้นระรัวและเกิดแววตาสิ้นหวัง เขาไม่เคยนึกไม่เคยฝันว่า จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แม้กระทั่งปรมาจารย์ลั่วฟู่ยังถูกบังคับให้ล่าถอย โลกแห่งนี้กว้างใหญ่แต่ในตอนนี้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในกรงขัง!

พริบตาที่โจวจินและหลิงตงปรากฏ กลิ่นอายเซียนขั้นที่สามของพวกเขาจึงกวาดผ่านทุกชั้นฟ้าและพุ่งเข้าสู่ดาราจักรอีกสามแห่ง!

ณ ดาราจักรทะเลเมฆา ในห้องลับของสำนักเทพเจ้า

ฉุยต้าวกำลังบ่มเพาะอย่างสงบนิ่ง อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นฟูขึ้นมาได้แล้ว แต่ทว่าตอนนี้พลันลืมตาขึ้นด้วยความตกตะลึง เขายืนขึ้นโดยไม่รู้ตัวและมองออกไปไกล

สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปในพริบตาและเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ!

รวมไปถึงข้างในสำนักเทพเจ้า สตรีงดงามผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ในค่ายกลผนึกขนาดใหญ่ นางนั่งอยู่ที่นี่ด้วยเรือนผมยาวสลวย เปล่งสัมผัสงดงามจนทำให้จิตใจทุกคนเต้นรัว

นางบ่มเพาะเงียบๆราวกับไม่ได้สังเกตกลิ่นอายที่ฉุยต้าวหวาดกลัวเลย

ในเขตระดับหนึ่งแห่งดาราจักรทะเลเมฆา มีแผ่นดินเล็กๆอยู่แห่งหนึ่ง ที่นี่ไร้อสูร ดุร้ายหรือมนุษย์อยู่อาศัย มันเป็นที่รกร้างอย่างสิ้นเชิง

ลึกเข้าไปในแผ่นดินมีหุบเขาที่มีชายวัยกลางคนสวมชุดสีแดงนั่งอยู่เงียบๆ

เบื้องหน้าเป็นจ้าวสำนักของสำนักมารและมีผู้อาวุโสหลายคนคุกเข่าอย่างเคารพราวกับกำลังรอคำตอบจากชายชุดแดง

ชายชุดแดงพลันลืมตาขึ้นทันที กลิ่นอายน่าตกตะลึงซึ่งปะทุออกมาจากร่างพลันถอนกลับไปทันทีและถูกข่มเอาไว้จนไม่มีเหลือ

จากนั้นเขามองออกไปไกล หลังจากผ่านไปสักพักจึงเอ่ยปาก “เด็กนั่นเป็นคนที่จ้าวแห่งดินแดนปิดผนึกในหินหยกค้นพบ…สหายน้อยทำได้ดีเยี่ยม…”

ในดาราจักรพันธมิตรเซียน ในแดนสวรรค์พิรุณที่ปิดผนึก ฉิงหลินฟื้นฟูมาได้หลายร้อยปีแล้ว เขาพลันลืมตาขึ้นมาแฝงความสงสัยและมองออกไปด้วยความ ตกตะลึง

เบื้องหน้าเขามีซือถูหนานนั่งอยู่อย่างน่าเกรงขาม ตอนนี้เขาเองก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน ดวงตาส่องสว่างและเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง

ในแดนสวรรค์พิรุณมีรูปปั้นหินอยู่หนึ่งแห่ง รูปปั้นนี้อยู่ที่ยอดเขาที่สูงที่สุดใน แดนสวรรค์พิรุณ มีหนึ่งคนนั่งอยู่ใต้ภูเขามาหลายร้อยปีแล้ว เขาเป็นชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีดำและมีเรือนผมยาวสีดำเช่นกัน รอบกายห่อหุ้มด้วยกลิ่นอาย หนาวเย็นและจิตสังหาร

สีหน้าท่าทางของชายวัยกลางคนแทบจะเหมือนกันกับหวังหลิน!

เขาได้สร้างพื้นที่ต้องห้ามขึ้นมาเองเป็นการส่วนตัว แม้กระทั่งซือถูหนานก็ยังไม่อนุญาตให้มาที่นี่ กระทั่งลูกสาวของฉิงหลิน ฉิงชุ่ยและโจวซื่อก็ยังไม่อนุญาตให้มาที่นี่!

ถึงแม้ฉิงหลินจะมาเอง ชายชุดดำคนนี้คงกล้าโจมตีแน่!

ทั้งหมดเป็นเพราะสิ่งที่หวังหลินกล่าวเอาไว้ก่อนที่เขาจะจากไป!

“เฝ้าดูรูปปั้นหินนี้ไว้ให้ดี ห้ามใครไปสัมผัสมัน!”

ตอนนี้ในแววตาเขากะพริบเย็นเยียบ ร่างกายสั่นเทา เผยสัมผัสความตื่นเต้น เขามองขึ้นไปไกลและถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่ก็สัมผัสสายสัมพันธ์อันเบาบางได้… “อาจารย์!!”

ในแดนสวรรค์พิรุณ สตรีชุดขาวกำลังนั่งอยู่ในพื้นที่แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วย หญ้าสวรรค์และกลิ่นหอมของดอกไม้ มีพยัคฆ์ตัวใหญ่ดูขี้เกียจกำลังนอนอยู่ข้างหน้า บางครั้งมันก็มองมาทางหญิงสาว

กระทั่งห่างออกไปไกล บนภูเขาแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนถูกแช่แข็ง มีสตรีนางหนึ่งที่มีสีหน้าเยือกเย็น นางนั่งเผชิญความหนาวเย็นอยู่ที่นี่พลางมองออกไปไกลและมีท่าทีเยือกเย็น

ตรงตีนเขามีบ้านหลังหนึ่งและชายชุดเขียวยืนอยู่ในสวน ร่างกายเปล่งกลิ่นอายเก่าแก่ ซึ่งบอกได้ว่าตอนเขายังเยาว์วัยจะหล่อเหลาเพียงใด

แม้จะมีร่างกายอยู่แต่มันดูเหมือนร่างจิตวิญญาณ ไม่ใช่รูปร่างจริง

เขายืนอยู่ในสวน มองขึ้นไปบนยอดเขา เผยความหลงใหลและไม่มีแววตาเสียใจ…

ณ พันธมิตรเซียนสาขาหลักที่ปิดผนึกของดาราจักรพันธมิตรเซียน มีเสียงโกรธเกรี้ยวและคร่ำครวญพ่นออกมาแล้วหลายร้อยปี… “ฆ่า ฆ่า ฆ่า!!! ฆ่าจะออกไปฆ่าทุกอย่างในโลกนี้ ข้าจะทำลายโลกนี้ซะ!!”

ณ ดาราจักรพันธมิตรเซียนที่ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตั้งของสำนักซากศพที่พังทลาย สายตาหนึ่งจ้องเขม็งไปที่ดาราจักรทุกชั้นฟ้า

“สัญญาณจากจ้าวแห่งดินแดนปิดผนึก ใช่เขาหรือไม่…”

ณ ดาราจักรทุกชั้นฟ้า ในค่ายกลดวงดาวอันงดงาม หวังหลินมองปรมาจารย์ลั่วฟู่อย่างสงบนิ่ง เขาไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายอับอายแต่ค่อยๆผ่านปรมาจารย์ลั่วฟู่ไปหา เทพโลหิตที่ยังตกตะลึง

ปรมาจารย์ลั่วฟู่หน้าซีดและยอมให้หวังหลินเดินผ่านไป เขาไม่คิดจะหยุดหวังหลิน อีกต่อไป ท่าทีอันซับซ้อนของเขาเผยถึงความขมขื่น

ครั้งหนึ่งปรมาจารย์ลั่วฟู่ได้ช่วยหวังหลินเอาไว้ในดินแดนเทพโบราณ แม้จะคิดว่าปรมาจารย์ลั่วฟู่ที่ช่วยเขาไปเหมือนคนธรรมดาช่วยมดข้ามแม่น้ำ แต่หวังหลินก็ ไม่มีวันลืม

ดังนั้นหวังหลินจึงตกลงรับประลองปัญญาและไม่มีเจตนาจะทำเสียหน้า ผลลัพธ์ที่ได้เขายังไว้หน้าอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นหวังหลินคงทำลายไปแล้วราบคาบ

เดิมทีเขามีเจตนาจะใช้การประลองปัญญาเพื่อให้โอกาสปรมาจารย์ลั่วฟู่ถอนตัว แต่ปรมาจารย์ลั่วฟู่กลับดื้อดึงและหวังหลินเกิดใจร้อน ดังนั้นจึงเรียกหลิงตงและ โจวจินออกมาให้ปรมาจารย์ลั่วฟู่ตกตะลึง!

หวังหลินเดินผ่านปรมาจารย์ลั่วฟู่และค่อยๆก้าวเข้าไปในวังวน มาถึงเบื้องหน้าเทพโลหิต

เทพโลหิตหน้าซีด พอหวังหลินมาถึงจึงกรีดร้อง สองแขนสร้างผนึกและกำลังจะดิ้นรนก่อนตาย เขาถอยร่นอย่างรวดเร็วและสะบัดแขนเสื้อ ร่างเงามารตัวยักษ์ปรากฏขึ้นด้านหลัง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!