188. การสืบทอดของเทพโบราณ 2
หวังหลินสามารถเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายนอกขณะที่กำลังซ่อนอยู่ในมิติของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าได้
เดิมทีก่อนที่ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าจะยอมรับเขานั้น หวังหลินไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ แต่หลังจากเขาบรรลุขั้นแกนลมปราณระดับกลาง เขาสังเกตได้อย่างหนึ่งเมื่อเข้าไปในมิติลูกปัด
ความรู้สึกนั้นปรากฎตอนที่เขาเข้าสู่ขั้นแกนลมปราณเช่นกันแต่มันไม่ชัดเจนแบบตอนนี้ หวังหลินรู้สึกได้ว่าระดับฝึกฝนของเขาเป็นเพียงหนึ่งเหตุผล ส่วนเรื่องอื่นอาจจะเป็นเพราะวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น
วิญญาณเร่ร่อนในบททดสอบที่สามได้ทำให้เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขาอยู่ภายในมิติลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือเกาะริ้วแสงเพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก
หวังหลินประหลาดใจกับภาพลักษณ์ของจ้าวปิศาจหกปรารถนา เขาไม่คิดว่ามันจะสามารถออกจากบททดสอบที่สามและเข้ามาที่ร่างกายเทพโบราณได้
อีกทั้งจากน้ำวนที่จ้าวปิศาจหกปรารถนาได้ปรากฎออกมา ดูเหมือนว่าเขาพึ่งจะเคลื่อนย้ายจากค่ายกลเคลื่อนย้ายในดินแดนที่สี่มา
หวังหลินตื่นตัวอย่างมาก เขาตัดสินใจว่าเมื่อจ้าวปิศาจหกปรารถนาจากไป เขาจะเดินทางอีกสายหนึ่ง หากทั้งสองเจอกันที่นี่จะไม่ใช่เรื่องดีต่อหวังหลิน
ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปทำให้หวังหลินประหลาดใจของจริง
สิ่งที่จ้าวปิศาจหกปรารถนาดูดซับช่างคล้ายคลึงกับเขามาก ทันใดนั้นเขานึกย้อนกลับไปที่อุโมงค์ตอนที่จ้าวปิศาจหกปรารถนาใช้วิชาหนึ่ง
หลังนึกถึงความทรงจำนั้น เขาสูดหายใจลึก ทว่าข้อสงสัยหนึ่งผุดขึ้นในใจ มันดูไม่เหมือนว่าจ้าวปิศาจหกปรารถนาจะดูดซับมันได้ง่ายไปไหม?
ดูเหมือนว่าราวกับทุกสิ่งทุกอย่างถูกเตรียมการไว้แล้ว แค่รอให้จ้าวปิศาจหกปรารถนามาถึงที่นี่และดูดซับมัน เขา เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าจ้าวปิศาจหกปรารถนากำลังแข็งแกร่งขึ้น
จ้าวปิศาจหกปรารถนารู้สึกถึงพลังที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน วิธีฝึกปิศาจฟ้าเร้นลับได้บรรลุเสร็จสิ้น หัวใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้า เป้าหมายที่เขาใฝ่หามาหลายพันปีในที่สุดก็สำเร็จ เขารู้สึกมั่นใจมาก
ความมั่นใจนี้ออกมาจากแรงปรารถนาที่เขาพึ่งดูดซับจากร่างเทพโบราณ ด้วยการรวมปรารถนาทั้งหกชนิด มันจะสร้างพลังที่พิเศษมากที่ทำให้เขาควบคุมชีวิตคนได้กระทั่งชีวิตและความตาย
ทว่าก่อนที่จ้าวปิศาจหกปรารถจะดื่มดำกับความรู้สึกนี้ หัวใจเขาจมดิ่งทันที ใบหน้าเผยความอัปลักษณ์เงาอุกาบาตหนึ่งกำลังพุ่งเข้าหาเขาจากที่ห่างไกล
“ตาแก่ นับตั้งแต่ท่านไม่สนใจความสัมพันธ์เยี่ยงศิษย์อาจารย์ อย่าดุด่าว่าข้าสังหารท่าน!” จ้าวปิศาจหกปรารถนาเยาะเย้ย เขายังไม่เคลื่อนไหวขณะที่จ้องไปที่เงาหนึ่งที่กำลังมาถึงเขา
ในพริบตา เงานั้นมาถึงด้านหน้าจ้าวปิศาจหกปรารถนาเผยร่างเป็นจอมเวทย์ปิศาจฟ้า
เขาจ้องจ้าวปิศาจหกปรารถนาด้วยสายมาที่มีความปิติยินดี พลันหัวเราะ “ดีมาก! ตามคาดศิษย์ของข้า เจ้ากล้าดูดซัดแรงปรารถนาของเทพโบราณ เย่เอ๋อร์ อาจารย์ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ”
หวังหลินตกตะลึง เขาเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น ลักษณะของจอมเวทย์ปิศาจฟ้าทำให้เขาตกใจอย่างมาก มารร้ายที่เหมือนมนุษย์คนนี้คล้ายกับเมิ่งหลังค่อมอย่างมาก
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากกว่าก็คือคนผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นอาจารย์ของจ้าวปิศาจหกปรารถนา
หวังหลินไม่รู้ว่าผู้ที่นำคณะเดินทางเข้าสู่ดินแดนเทพโบราณคือจอมเวทย์ปิศาจฟ้า แต่หลังจากวิเคราะห์จึงทำได้แต่คาดการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นคร่าวๆ
จากสิ่งที่ชายผู้นั้นพูด หวังหลินรู้ว่าจ้าวปิศาจหกปรารถนาได้ดูดซับแรงปรารถนาของเทพโบราณ แม้เขาจะไม่รู้ว่าแรงปรารถนาของเทพโบราณคืออะไร แต่เข้าใจความหมายนั้นจากสิ่งที่พึ่งเห็นได้
จ้าวปิศาจหกปรารถนาเผยใบหน้าเย็นชา เขาสร้างผนึกขึ้นบนหน้าอก จากนั้นกระซิบ “ปรารถนาวิญญาณ ปรากฎ!”
ขณะที่คำพูดนั้นเอ่ยออกมา เสาควันหลากสีปรากฎขึ้นด้านหลังจ้าวปิศาจหกปรารถนา วิญญาณร้ายปรากฎตัวจากควันเสาแต่ละต้นพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่จอมเวทย์ปิศาจฟ้า
ดวงตาจอมเวทย์ปิศาจฟ้าเต็มไปด้วยความโลภ เขาไม่ได้หยุดจ้าวปิศาจหกปรารถนาแต่กระตุ้นวิชาเดียวกันแทน ขณะที่จ้าวปิศาจหกปรารถนากระตุ้นวิชานี้ แต่จอมเวทย์ปิศาจฟ้ากระซิบขึ้นเช่นกัน “ปรารถนาวิญญาณ ปรากฎ!”
ทันทีทันใดเบื้องหลังจอมเวทย์ปิศาจฟ้า ปรากฎเสาควันแบบเดียวกันซึ่งสร้างวิญญาณดุร้ายพรอ้มกับพุ่งมาด้านหน้า
จ้าวปิศาจหกปรารถนาเผยรอยยิ้มเหยเก แม้ว่าเขาจะเรียนรู้จากจอมเวทย์ปิศาจฟ้า เขารู้ได้ว่าจอมเวทย์ปิศาจฟ้าไม่ได้สอนบทฝึกปิศาจฟ้าเร้นลับบางส่วน นับตั้งแต่นานมาแล้วเขาปรับปรุงบทฝึกปิศาจฟ้าเร้นลับด้วยตัวเองจึงเชื่อว่าบทฝึกปิศาจฟ้าเร้นลับของเขาไม่ด้อยกว่าที่จอมเวทย์ปิศาจฟ้ามี
ขณะที่วิชาทั้งสองคนเกือบปะทะกัน ทันใดนั้นจอมเวทย์ปิศาจฟ้าเผยรอยยิ้มประหลาด เขาอ้าแขนทั้งสองขึ้นและร่างกายเริ่มลอยขึ้นเบื้องบน เส้นผมปลิวไสวในอากาศโดยไม่มีแรงลม คลื่นพลังปราณเปล่งออกจากร่างกายพร้อมกับพึมพำ “ใช้กระดูกเป็นเครื่องชี้ทาง…” น้ำเสียงฟังดูเสียใจเล็กน้อย ขณะที่คำพูดนั้นเปล่งออกมา กระดูกทองในฝ่ามือจ้าวปิศาจหกปรารถนาเริ่มสั่นจนมันระเบิดออกเป็นจุดทองจำนวนมากพร้อมกับกระจายออกจากฝ่ามือเขา
จุดสีทองไหลราวกับแม่น้ำเข้าหาจอมเวทย์ปิศาจฟ้า เขาประกอบกันใหม่เป็นแขนทองเบื้องหน้า แขนส่วนใหญ่หุบลงพร้อมกับชี้นิ้วไปที่จ้าวปิศาจหกปรารถนา
หวังหลินจ้องเหตุการณ์ด้านหน้า เขารู้สึกประหลาดใจว่าจ้าวปิศาจหกปรารถนาสามารถดูดซับแรงปรารถนาของเทพโบราณได้ง่ายๆราวกับมีบางอย่างควบคุมเหตุการณ์ไว้อยู่ จังหวะที่จอมเวทย์ปิศาจฟ้าปรากฎขึ้น ทันใดนั้นหวังหลินเข้าใจได้ทันทีว่าทุกสิ่งถูกจัดวางไว้โดยอาจารย์ของเขา หากเป็นเช่นนี้ จอมเวทย์ปิศาจฟ้าต้องมีเป้าหมายยิ่งใหญ่ในใจ
ความคิดหนึ่งแล่นผ่านจิตใจจ้าวปิศาจหกปรารถนา เมินเฉยการต่อสู้กันของวิญญาณร้าย เขาเริ่มถอยหลัง แสงสีแดงหนึ่งปรากฎรอบร่างและเขาหนีทันที ขณะเดียวกันจึงเข้าใจว่าทำไมน้ำวนที่เขาสร้างโดยใช้กระดูกแขนในทางออกบททดสอบที่สามถึงทำลายไป
กระดูกแขนไม่ได้เป็นของเขาจริงๆ แต่มันยังเป็นของจอมเวทย์ปิศาจฟ้า ไม่เช่นนั้นมันจะไม่หนีเขากลับไปหาเจ้าของเดิมเพียงคำพูดเดียว
จังหวะที่กระดูกแขนออกไป การเชื่อมต่อที่เขาสร้างไว้หนึ่งพันปีถูกตัดขาดทันทีซึ่งทำให้เขาประหลาดใจและทำให้คิดได้หลายอย่าง
จอมเวทย์ปิศาจฟ้าเผยใบหน้าพึงพอใจ เขากระทั่งไม่ได้มองลูกศิษย์ตัวเองและพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “ใช้แรงปรารถนาเป็นกระบี่…”
วิญญาณร้ายทั้งหกที่กำลังสู้กับวิญญาณร้ายของจอมเวทย์ปิศาจฟ้าได้กรีดร้องทันที พวกมันกลับเป็นควันและรวมเข้าด้วยกันสร้างเป็นเงาของคนผู้หนึ่ง
ในขณะเดียวกันจ้าวปิศาจหกปรารถนาที่กำลังวิ่งหนีได้เริ่มหายไปอย่างเงียบๆ เมื่อเขาปรากฎตัวอีกครั้งพลันหวาดกลัวทันทีเพราะเขาอยู่ถัดจากจอมเวทย์ปิศาจฟ้าอีกครั้ง
เขาปรากฎตัวตำแหน่งเดียวกับร่างที่วิญญาณร้ายทั้งหกอยู่ ร่างเงากับร่างเขารวมเป็นสิ่งเดียวกัน
น้ำเสียงจอมเวทย์ปิศาจฟ้าราวกับมารร้าย “ใช้โลหิตและชีวิตเป็นเครื่องบูชา…” ขณะที่คำพูดนี้เปล่งออกมา จ้าวปิศาจหกปรารถนาสูญเสียแรงต่อต้าน ระเบิดขนาดเล็กเกิดขึ้นทุกส่วนของร่างกายทำให้โลหิตหยดออกมา
ด้วยการสะบัดแขนขวาของจอมเวทย์ปิศาจฟ้า โลฟิตทั้งหมดที่ออกมาจากบาดแผลจ้าวปิศาจหกปรารถนาเริ่มสร้างเป็นบอลโลหิตก้อนหนึ่งที่ลอยในอากาศ ระหว่างทั้งกระบวนการนี้ร่างเขาถูกควบคุมด้วยพลังที่มองไม่เห็น ตึงไม่สามารถต่อต้านได้
“ใช้ระดับฝึกฝนของเขาสร้างเป็นเส้นทาง….ใช้หกปรารถนาของเทพโบราณเป็นตัวกลาง…เปิดสถานที่ที่วิญญาณเทพโบราณพำนักอยู่…” ดวงตาจอมเวทย์ปิศาจฟ้าใบหน้าอันบ้าคลั่ง เขารอมาสี่พันปีก็เพื่อการนี้
ความจริงตอนที่เขาเข้ามาในดินแดนเทพโบราณเมื่อหนึ่งพันปีก่อน มันไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่สาม สี่พันปีก่อนเขาเข้ามาครั้งแรกโดยใช้สมบัติวิเศษชิ้นหนึ่งจึงสามารถผ่านบททดสอบที่สามและดินแดนที่สี่ได้
ซึ่งเป็นตอนที่เขาได้รับกระดูกแขน เขาตระหนักได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีแรงปรารถนาที่ผันผวนจนไม่อาจจินตนาการได้ คนอื่นเพียงรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาสัมผัสไวต่อเรื่องนี้เพราะใช้แรงปรารถนาต่างๆเป็นการโจมตี
จอมเวทย์ปิศาจฟ้านับว่าเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเปรียบ เมื่อเขาตรวจพบแรงปรารถนาประหลาด เขาไม่ได้เริ่มดูดซับมันทันที แต่ใช้กระดูกแขนเพื่ออกจากดินแดนเทพโบราณแทน
หลังจากออกไป เขาเรียนรู้แรงปรารถนาอย่างหนักจนสร้างบทฝึกฝนปิศาจฟ้าเร้นลับ เมื่อเขามาที่นี่เป็นครั้งที่สอง เขาได้มาถึงดินแดนที่สี่อีกครั้ง แต่ตระหนักได้ว่าแรงปรารถนาของเทพโบราณขนาดใหญ่มากขึ้น เขาเริ่มเห็นเซียนมารพวกนั้นด้วยเช่นกัน
เขาตกใจจึงตัดสินใจหนีหลังจากต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนแทบไม่รอด ช่วงเวลานั้นเขาพบกับความลับบางอย่างเกี่ยวกับมรดกของเทพโบราณ
หลังจากกำลังหลบหนี สิ่งล่อตาล่อใจนั้นเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้ ดังนั้นหลังจากขบคิดอย่างยากลำบาก แผนกล้าหาญสร้างขึ้นในใจเขา หลังเตรียมการมาพันปีในที่สุดก็มาถึง
จากช่วงเวลาที่เขาตายไปจนถึงตอนที่เขาได้รับมรดกสมบัติของจ้าวปิศาจหกปรารถนา ทุกสิ่งได้ถูกจอมเวทย์ปิศาจฟ้าวางแผนได้อย่างละเอียด
ในบททดสอบที่สาม แม้เมิ่งหลังค่อมจะไม่เรียกเขา เขาก็จะปรากฎตัวตอนที่จ้าวปิศาจหกปรารถนาอยู่ในอันตราย เป้าหมายคือทำให้เขาเข้าสู่ดินแดนที่สี่
สามารถพูดได้ว่านับตั้งแต่วันที่เขารับจ้าวปิศาจหกปรารถนาเป็นลูกศิษย์ ทุกสิ่งที่เขาทำก็เพื่อสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้
ในที่สุดร่างของจ้าวปิศาจหกปรารถนาระเบิดเป็นหมอกโลหิต ขณะที่วิญญาณเซียนได้ถูกคว้าไว้และกลายเป็นพลังปราณหนาแน่น
ดวงตาจอมเวทย์ปิศาจฟ้าเผยความตื่นเต้นอย่างบ้าคลั่ง เขาวางมือตัวเองเข้าด้วยกันและพ่นโลหิตออกมากลายเป็นพลังปราณ พลันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน่ากลัว “เทพโบราณ นำทางข้า…ความกลัวของเทพโบราณ ไป!”
ทันใดนั้นกระดูกแขนทองที่กำลังลอยอยู่ในอากาศระเบิดเสียงดังปัง สร้างเป็นระลอกวงกลมสีทองหลายวงจนกลายเป็นวงกลมสีทองหนึ่งวงในอากาศ
ในขณะเดียวกันมังกรดำตัวหนึ่งออกจากหมอกโลหิตของจ้าวปิศาจหกปรารถนา มังกรดำมีใบหน้าดุร้ายมาก มันหันเข้าหาพลังปราณของจ้าวปิศาจหกปรารถนาและดูดเกือบหนึ่งในหกเข้าไป ร่างกายของมันเรืองแสงขึ้น มันกระแทกร่างตัวเองไปบนวงกลมสีทอง
ขณะนั้นดูเหมือนราวกับทั่วทั้งดินแดนเทพโบราณกำลังสั่นไหว หากไม่ใช่ว่าจอมเวทย์ปิศาจฟ้าได้ตั้งกฎเกณฑ์ไว้ก่อนแล้ว เซียนมารร้ายคนอื่นทั้งหมดจะสังเกตได้ทันที
เสียงคำรามดังขึ้น มังกรดำกระแทกเข้ากับม่านพลังล่องหนอย่างต่อเนื่อง รอยแตกหลายรอยปรากฎตรงจุดที่มันกระแทก เมื่อมังกรดำกระแทกเสร็จสิ้น ทั้งร่างมันสูญสลายกลายเป็นควันสีขาวและหายไปจากเทพโบราณ
เทพโบราณได้สูญเสียแรงปรารถนาความกลัวอีกต่อไป!
หวังหลินเพ่งไปที่ฉากเบื้องหน้าภายในมิติลูกปัด ด้วยใจพองโตพร้อมกับเผยใบหน้าตื่นเต้น กระดูกทองนั้นเป็นกระดูกของเทพโบราณของจริง แม้กระดูกนั้นจะมีครึ่งนิ้วนางหายไปซึ่งนั่งอยู่ในกระเป๋าของหวังหลิน
แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจหวังหลินตื่นเต้นยิ่งนั่นก็คือตำแหน่งที่มังกรดำกระแทกเข้าไป ความคิดหนึ่งแล่นผ่านในใจขณะที่จ้องไปที่ทำตแหน่งนั้น
“ความโลภของเทพโบราณ ไป!”
ในหมอกโลหิต มังกรแดงปรากฎตัวขึ้น มันกลืนกินพลังปราหนึ่งในหกและกระแทกเข้าตำแหน่งเดียวกันอย่างเลือดเย็น
ต่อจากนั้นทั้งโทสะ ริษยา อัตตา ทั้งหมดปรากฎขึ้นเป็นมังกรหนึ่งตัวและกระแทกเข้าสู่วงกลมสีทอง เมื่อตัวสุดท้ายที่สร้างจากความโง่เขลาได้กระแทกเข้าสู่ตำแหน่งเดียวกัน พื้นที่บริเวณนั้นแตกละเอียดและเผยเป็นอุโมงค์หนึ่ง
จอมเวทย์ปิศาจฟ้าหัวเราะกว้าง ฝ่ามือเข้าไปในอุโมงค์และคว้าเอาผลึกวงกลมน้ำแข็งสีฟ้าใสออกมา ผลึกน้ำแข็งมีขนาดกว้างสิบฟุต แต่อุโมงค์มีไม่ถึงสามฟุต
หวังหลินจ้องไปที่อุโมงค์ หลังจากลังเลชั่วครู่ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้แผนเสี่ยที่จะออกไป
ฝ่ามือจอมเวทย์ปิศาจฟ้าได้สร้างผนึกหนึ่งชิ้นและส่งลำแสงพลังปราณเข้าหาผลึกน้ำแข็ง ขณะเดียวกับใบหน้าเขาเปลี่ยนทันที เขาสัมผัสได้ว่ามีคนหนึ่งทำลายกฎเกณฑ์ของเขาและกำลังตรงเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าเผยความแข็งข้อ พูดได้ว่ากฎเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้ก่อนหน้านี้เป็นกฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาสร้างขึ้นได้ เขาสามารถซ้อนกฎเกณฑ์อื่นบนยอดมันไว้ได้หลายชั้น การทำลายกฎเกณฑ์ที่แม้แต่เขาเองยังต้องใช้เวลานานมาก
ถึงแม้ว่าร่างกายเทพโบราณมีขนาดใหญ่เกินจะเปรียบ ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ที่คนจะผ่านไป เขาพยายามอย่างหนักในการวางกฎเกณฑ์ก็เพื่อแผนการนี้
แต่เฉพาะเวลานี้เท่านั้นที่คาดไม่ถึงว่าจะมีวิญญาณกลืนกินปรากฎตัว จึงทำให้ผู้ปกครองทะเลโลหิตส่งเซียนมารทั้งหมดมาที่ร่างเทพโบราณเพื่อไล่ล่าวิญญาณกลืนกิน
เป็นผลให้เขาเปลี่ยนแปลงแผนบางส่วน แต่ไม่ยอมให้โอกาสเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาค่อนข้างมั่นใจในกฎเกณฑ์ของตนเองและดำเนินการตามแผนต่อไป