195. ข้อสงสัยเกี่ยวกับทะเลมรณะ
ขณะที่ม่านพลังห้าสีแตกสลาย เศษดินเศษหินของเสาหินเริ่มมีประกายแสงสีแดงขึ้น ไม่มีเศษวิญญาณรอบชายผมแดงอีกต่อไป ผนึกบนวิญญาณเขาได้หายไป
พูดได้ว่าตอนนี้เขาทำลายผนึกได้ชั่วคราว ดวงตาเรืองแสงอันดุร้ายพลันรีบยกมือขึ้นและตบลงอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นรอยแยกขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นเหนือร่าง รอยแยกนี้มีขนาดใหญ่มากพร้อมกับชั้นหมอกหมอกสีเทาล้นทะลักออกมา
หวังหลินคุ้นเคยอย่างมากกับหมอกเทา เขาจดจำได้ทันทีว่ามันเป็นหมอกที่อยู่ด้านนอกทะเลวิญญาณมรณะ
ขณะเดียวกัยภายในฝุ่นผงสีแดง แสงสีแดงนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้น ฝุ่นเล็กๆหลายจุดควบแน่นกลายเป็นเศษเสี้ยววิญญาณและพุ่งไปทางชายผมแดง หากเศษเสี้ยววิญญาณเหล่านี้มาถึงตัวเขาเมื่อนั้นทุกสิ่งเกิดขึ้นนั้นจะถึงคราวเสียเปล่า
ดวงตาชายผมแดงมีความเย็นชา เขาไม่ยอมให้เศษเสี้ยววิญญาณพวกนั้นผนึกเขาไว้อีกครั้ง หลังจากเปิดรอยแยกอย่างเร่งรีบ จึงยืดแขนขวาออกมาและคำรามเสียงต่ำ “ตู่ซือตายมานานแล้ว ข้าขอใช้ชื่อ ต้าเสิน เรียกขานอาวุธช่วยชีวิตของข้า หอกผลาญดารา!”
เมื่อเขาเปล่งคำพูดจบ หอกยาวที่ดูราวกับมังกรดำระเบิดออกมาจากหมอกเทาและปรากฎเบื้องหน้าเขาทันที หอกเล่มนี้หยุดกึกชั่วขณะแต่วางในมือชายผมแดงทันที
ชั่วขณะที่ชายผมแดงจับด้ามหอก เสียงดังสนั่นกึกก้องผ่านไปทั่วบริเวณ ไม่นานนักเสาหินที่เขายืนอยู่พลันแตกสลายกลายเป็นกองขยะ
ชายผมแดงยังลอยในอากาศ ดวงตาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ส่วนเศษวิญญาณนั้นดูเหมือนเขาไม่ได้สนใจอีก พลันกวาดหอกออกไปและเศษเสี้ยววิญญาณทั้งหมดหยุดกลางอากาศและลอยห่างจากเขาไปสิบฟุต
ขณะเดียวกันชายผมแดงเคลื่อนร่างและพุ่งตรงไปในรอยแยก เวลาเดียวกันกับที่ทุกคนในกลุ่มตั่วมู่โดยเฉพาะชายชราที่ตกลงกับหวังหลินได้เผยใบหน้ากังวลใจ พวกเขายืนขึ้นอย่างรวดเร้วและติดตามต้าเสินเข้าไปในรอยแยก
ขณะที่พวกเขาผ่านหวังหลินไป ชายชรามองหวังหลินและพยักหน้าเบาๆ ดวงวิญญาณของหวังหลินกลับเข้าสู่ร่างกายและขยับร่างเข้าไปในรอยแยก
เหล่าเซียนที่เหลือรอดชีวิตทั้งหมดติดตามเข้าไปโดยไม่ลังเล หลังจากเข้าไปในรอยแยก หวังหลินตระหนักได้ทันทีว่าพวกเขาพึ่งมาถึงด้านนอกทะเลวิญญาณมรณะ ตอนนี้ด้านล่างพวกเขาคือทะเลวิญญาณมรณะที่หวังหลินพยายามจะผ่านเข้าไปครั้งก่อน
ทะเลวิญญาณถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน หนึ่งคือทะเลโลหิตและอีกหนึ่งเป็นทะเลวิญญาณมรณะ
ความคิดหนึ่งแล่นผ่านในใจหวังหลิน จังหวะที่เขาเข้ามาในรอยแยกจึงระมัดระวังตนอย่างมาก หวังหลินมองอย่างสุขุมไปรอบๆและเห็นกลุ่มของตั่วมู่ได้จัดวางตำแหน่งตนเองที่ล้อมรอบเขาและชายผมแดง
ตำแหน่งนี้สลับซับซ้อนอย่างมาก หากคนผู้หนึ่งไม่ได้สังเกตอย่างละเอียดคงไม่สามารถหาสัญญาณอะไรได้ แต่หวังหลินผ่านการขบคิดอย่างถี่ถ้วนจึงสามารถเห็นได้เพียงชำเลืองมองครั้งเดียว
ใบหน้าหวังหลินเป็นเช่นปกติ เขาเยาะเย้ยในใจและสงสัยกลุ่มของตั่วมู่อย่างมาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่เคยแสดงพิรุธหรือไม่ทำให้ต้าเสินสังเกตได้ว่าพวกเขาวางแผนต่อต้านมาตลอดงั้นหรือ? มันน่าสงสัยเล็กน้อยกับคนที่วางแผนอย่างลับๆมาหลายปีจนเห็นได้ชัดขนาดนี้ในเบื้องหน้าต้าเสิน
แต่ว่าแม้ต้าเสินจะคิดได้ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหวังหลินอยู่ดี เขาเพียงต้องการใช้ช่วงเวลาที่ทะเลวิญญาณมรณะถูกเปิดขึ้นจึงสามารถเข้าไปได้และใช้ชิ้นส่วนมรดกแห่งภูมิปัญญาของเขาเพื่อออกจากสถานที่อึดอัดแห่งนี้
ชายผมแดงยืนเหนือทะเลวิญญาณมรณะและเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาตะโกนขึ้น “ตู่ซือ เจ้าไม่สามารถขังข้าไว้ได้อีกต่อไป! แม้ข้าจะเป็นเพียงเสี้ยวจิตมารของเจ้า การสืบทอดนี้ควรจะเป็นของข้า” ขณะที่กำลังพูดพลันใบหน้าเคร่งขรึมและหอกในมือกระแทกลงไป
ทันใดนั้นกำแพงหมอกยุบตัวลงและหลุมลึกเข้าสู่ทะเลวิญญาณมรณะปรากฎขึ้นในไม่ช้า หมอกทั่วบริเวณถูกผลักออกเป็นทางอย่างรวดเร็ว
หลุมลึกจนไม่อาจเห็นก้นหลุมได้ เสียงคำรามในลำคอได้ยินขึ้นราวกับมีบางสิ่งอยู่ในอุโมงค์
“ตู่ซือแม้กระทั่งหอกผลาญดาราของเจ้าก็ต้องยอมจำนนต่อข้า มีเพียงข้าคนเดียวที่มีคุณสมบัติพอที่จะสืบทอดมรดกของเจ้าสำเร็จ!” ต้าเสินพูดขึ้นขณะที่หอกในมือโยนออกไปอีกครั้ง
ครั้งนี้ตัดเป็นแนวตั้ง มันสร้างรอยฟันขวางกับครั้งก่อนจนกลายเป็นรอยขวางขนาดใหญ่ ใจกลางเป็นหลุมกว้างหลายสิบฟุต ต้าเสินเข้าไปข้างใน
หลังชายผมแดงเข้าไป กลุ่มของตั่วมู่มีความกังวลใจมากกว่าเดิมแต่พวกเขาติดตามไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ขณะที่หวังหลินนั้นสายตาสว่างขึ้นและติดตามเข้าไปเช่นกัน พร้อมกับที่เซียนทั้งหมดที่เหลือรอดได้เผยใบหน้าตื่นเต้นและร้องตะโกนอย่างมีความสุข
ชายผมแดงอยู่เบื้องหน้า เขาหันไปรอบๆและมองมาด้านหลัง ริมฝีปากโค้งจนกลายเป็นรอยยิ้มเย็นชา ในไม่ช้าเขาก็มาถึงด้านล่างของหมอกเทา เส้นทางถูกป้องกันไว้ด้วยชั้นเมฆหนึ่งพร้อมกับสายฟ้าม่วงเป็นประกายต่อเนื่อง
ชายผมแดงไม่ได้เอ่ยคำใด เขาโยนหอกเข้าหา มันเปลี่ยนร่างกลายเป็นมังกรดำตัวหนึ่ง
มันพุ่งเข้าหาก้อนเมฆในขณะเดียวกับสายฟ้าม่วงร่อนลงเข้าใส่มัน ชายผมแดงไม่ได้หยุดชะงัก เขาตามหอกเข้าไปในก้อนเมฆอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นสายฟ้าม่วงนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากก้อนเมฆและร่อนลงบนร่างเขา
ภายใต้การกระหน่ำของสายฟ้าม่วง ทรงกลมสายฟ้าลูกหนึ่งสร้างขึ้นรอบร่างต้าเสิน แต่เขาไม่ได้รับอันตรายและเริ่มหัวเราะ
รูม่านตาหวังหลินเชื่อมกันขณะจ้องชายผมแดง เขาจำได้ว่าสายฟ้าม่วงที่ปรากฎขึ้นในบททดสอบภูเขากฎเกณฑ์เป็นสายฟ้าม่วงแบบเดียวกันนี้
หวังหลินกระพริบตาและชะลอตัวลง ตำแหน่งไหนสักที่ด้านหลังเขาพลันได้ยินน้ำเสียงของชายชรา “สหายน้อย ทำไมเจ้าถึงยังไม่เคลื่อนร่างเข้าหา?”
หวังหลินไม่ได้หันศีรษะ จากจุดที่พวกเขาจากทะเลโลหิตมา เซียนทั้งสิบคนจับตาดูเขาตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้เขาเปลี่ยนใจ
หวังหลินเพียงชะลอตัวลงเล็กน้อยแต่ชายชราถามเขาเสียแล้ว จากจุดนี้ทำให้หวังหลินบอกได้ว่าเรื่องนี้สำคัญต่อพวกเขามากแค่ไหน
หวังหลินไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงมั่นใจมากว่าจะสามารถเมินการคงอยู่ของต้าเสินได้ แต่หวังหลินคิดขึ้นในใจไว้แล้วว่าเป้าหมายหลักของเขาคือการออกจากที่นี่
ภายในบอลสายฟ้า ชายผมแดงสรส้างสัญลักษณ์แขนอันแปลกประหลาดและพูดออกมา “ตู่ซือตายไปนานแล้ว ข้าขอใช้นามของข้า ต้าเสิน เพื่อเรียกขานอาวุธสายฟ้าประจำตระกูล จันทราม่วง!”
เมื่อคำพูดนั้นออกจากริมฝีปาก วิชาหนึ่งในฝ่ามือของเขาได้พุ่งออกมาและเข้าไปในก้อนเมฆ ไม่นานหลังจากนั้นก้อนเมฆเริ่มหดตัว สายฟ้าม่วงอันดุเดือดค่อยๆตายช้าลง ในที่สุดก้อนเมฆกลายเป็นกระบี่จันทราครึ่งส่วนและหล่นลงเข้ากับฝ่ามือชายผมแดง
หลังจากมองมันพลันอ้าปากขึ้น กระบี่จันทราครึ่งหดตัวและเข้าไปในปากเขา
ภายใต้หมอกเทาที่มีก้อนเมฆสายฟ้าม่วง และภายใต้ก้อนเมฆสายฟ้าม่วงที่อยู่ทะลอันมืดมิด สถานที่แห่งนี้คือวิญญาณมรณะซึ่งสร้างขึ้นจากวิญญาณเทพโบราณตู่ซือครึ่งหนึ่งตอนที่เขาตาย
ชายผมแดงมองกระบี่จันทราครึ่ง ใบหน้าเผยความตื่นเต้นจากนั้นพุ่งตัวเข้าสู่ทะลมรณะด้วยสองเท้า
จังหวะที่เขาพุ่งตรงไป เสียงคำรามหนึ่งออกมาจากทะเลมรณะ ไม่นานหลังจากนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมังกรแต่ไม่ใช่มังกรโหมกระหน่ำจากทะเลมรณะ ขณะที่มันเคลื่อนไหว มันสร้างคลื่นนับไม่ถ้วนในทะเลมรณะ
ไม่นานนักหัวขนาดใหญ่ของอสูรตนนั้นออกมาจากทะเลและจ้องไปที่ชายผมแดง ต้าเสินมองอสูรตนนั้นและขมวดคิ้ว พลันตะโกน “อสูรปิศาจ เจ้าจดจำข้าไม่ได้หรือ?”
สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีความยาวเป็นล้านฟุต เคลื่อนที่ช้าทำให้คลื่นในทะเลกลอกลิ้งอย่างรุนแรง มันจ้องต้าเสินและเอ่ยคำพูดมนุษย์ทันที
“ต้าเสิน เจ้าเป็นจิตมารที่สร้างขึ้นมาตอนที่นายท่านกำลังฝึกฝนวิชาสวรรค์เปลี่ยนร่างธารหมึกอยู่ ข้าจะลืมเจ้าได้อย่างไร? หากไม่ใช่ว่าเจ้าทำตัวน่ารังเกียจตอนที่นายท่านเกือบถึงจุดวิกฤตในการฝึกฝน นายท่านคงไม่ต้องตาย”
ต้าเสินหายใจเย็นเฉียบและพูดเคร่งขรึม “มันเกี่ยวข้องกับข้าได้เช่นไร? ความทะเยอทะยานของตู่ซือใหญ่เกินไป พยายามเชี่ยวชาญวิชาสวรรค์ที่ไม่มีใครทำได้ หากไม่ใช่เรื่องนั้นแล้วจะสร้างข้าขึ้นมาได้อย่างไร? ตอนที่เขาแยกข้าออกจากวิญญาณของเขาแต่ดันทิ้งข้าไว้ ข้าต้องขอบคุณเขาไม่เช่นนั้นตอนที่เขาตายไปข้าจะแตกดับด้วยเช่นกัน!”
สายตาอสูรยักษ์กลายเป็นเย็นชาและพูดขึ้น “ก่อนที่นายท่านจะตาย เขาบอกให้ข้าคุ้มกันมรดกภูมิปัญญาไว้ ไม่มีใครสามารถรับมรดกได้โดยที่ข้าไม่อนุญาต”
“มรดกแห่งอำนาจอยู่ที่ข้าแล้วและเหลือเพียงสิ่งเดียวคือมรดกแห่งภูมิปัญญา ความทรงจำของตู่ซือไร้ประโยชน์กับข้า ทุกสิ่งที่เขารู้ ข้าก็รู้เช่นกัน หากไม่ใช่กฎเกณฑ์ที่กฎแห่งมรดกวางเอาไว้ซึ่งจำเป็นต้องมีมรดกทั้งสองจึงจะควบคุมพลังร่างนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ข้าคงไม่ต้องใส่ใจเรื่องทั้งหมดและไม่ถูกขังในทะเลโลหิตมาหลายปี” ชายผมแดงพูดขึ้นขณะกระแทกหอกไปเบื้องหน้า
ทันใดนั้นพายุหมุนสีดำปรากฎขึ้น มันเติบโตขยายขนาดใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นจนกระทั่งลมมีเสียงคำราม มันพุ่งไปที่สัตว์อสูร
เหตุการณ์เบื้องหน้า หวังหลินอดไม่ได้ที่จะสงสัยในใจ หากสิ่งที่อสูรตนนั้นพูดเป็นเรื่องจริงและมันกำลังปกป้องมรดกแห่งภูมิปัญญาอยู่ ทำไมตอนที่จอมเวทย์ปิศาจฟ้าเปิดประตูสู่สมบัติมรดกครั้งก่อนถึงไม่มีอันตรายใด?และกระทั่งหลังจากส่วนหนึ่งของมันถูกนำไป ทำไมถึงไม่มีสัญญาณของสมบัตินี้?
หวังหลินมองไปที่ทะเลมรณะและความสงสัยผุดขึ้น เขาขมวดคิ้วพลันกระตุ้นกลยุทธ์เทพโบราณในใจอย่างเงียบๆ จากความทรงจำตกทอดมา ทุกคนที่ได้รับมรดกสามารถกระตุ้นมรดกของตนเองในทะเลวิญญาณมรณะเพื่อออกไปจากที่นี่ได้เท่านั้น
อสูรตัวใหญ่จ้องชายผมแดงอย่างเยือกเย็น มันไม่ได้สนใจพายุหมุนที่กำลังคำรามเข้าหา ก่อนที่พายุจะร่อนลงถึงมัน อสูรตัวนั้นสะบัดหัวออกมาและปะทะเข้ากับพายุหมุน