42. พิษตะขาบ
เหล่าเพื่อนของหวังจัวต่างตกลงและหนึ่งในนั้นพูดขึ้น “นั่นก็จริง ผองเพื่อนสำนักซวนต้าว ปล่อยมันให้เราเถอะ”
ศิษย์ทั้งหมดของซวนต้าวลังเลศิษย์ชื่อลิ่วต้องการใช้ผู้อาวุโสเป็นข้ออ้างแต่ขณะนั้นชายวัยกลางคนด้านหลังหัวเราะเบาๆ ใบหน้าศิษย์ชื่อลิ่วชักกระตุกเขาพยักหน้าและพูดขึ้น “ถ้าเกิดอะไรขึ้นนั่นจะเป็นปัญหากับสำนักเหิงยั่ว”
หวังจัวยิ้ม เขาหันไปหาหวังหลินและตะโกนเสียงดัง “ศิษย์น้องหวังหลิน งานให้อาหารตะขาบจะเหลือไว้ให้เจ้า จ้าต้องระมัดระวังตัวไว้”
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังจัวศิษย์ทั้งหมดของซวนต้าวหันหัวไปมองหวังหลินพวกเขาต่างมีใบหน้าเผยแววแปลกประหลาดเขาไม่อาจเข้าใจความหมายด้านหลังนั้นได้หรือ? หวังหลินต้องไปขัดใจหวังจัวแน่ๆ
ในกลุ่มศิษย์ของเหิงยั่ว มีคนหนึ่งหัวเราะขึ้น “ข้างงว่าศิษย์พี่หวังจัวพูดถึงใคร อย่างที่คาดมันเป็นศิษย์น้องหวังหลินนั่นเอง”
อีกคนหนึ่งเสริมต่อ “งานนี้ก็เหมาะสมกับเขาดีนี่การขาดพรสวรรค์เช่นนี้ก็เป็นเรื่องเสียเวลาที่เขาจะบ่มเพาะเปล่าๆเขาไม่มีแม้แต่โอกาสประลองเลยด้วยซ้ำ”
“ตามจริงก็ไม่มีใครอื่นที่จะเหมาะไปมากกว่าเขาอีกแล้วหละศิษย์น้องหวังหลินเจ้าต้องทำงานของเจ้าอย่างตั้งใจและอย่าไปทำให้สำนักเหิงยั่วของเราเสียหน้าหล่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเช่นนั้นศิษย์สำนักซวนต้าวก็เข้าใจได้ว่าไม่เพียงแต่หวังหลินไปขัดใจหวังจัวเท่านั้นแต่เพราะด้วยการขาดพรสวรรค์เขาจจึงกลายเป็นที่กลั่นแกล้งของกลุ่มศิษย์คนอื่นๆ
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทุกสำนักดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ผลก็คือศิษย์สำนักซวนต้าวทุกคนจัดกลุ่มให้หวังหลินเป็นแค่ขยะ
แม่นาโจวที่นั่งถัดจางหวังหลินขมวดคิ้วเธอเล็งไปที่หวังจัวอย่างรังเกียจ จากนั้นกระซิบกับหวังหลิน “ศิษย์น้องหวังหลิน ถ้าข้าไม่มาหาเจ้า เธอก็คงไม่ต้องตกเป็นเป้าหมายเช่นนี้ข้า….”
หวังหลินส่ายหัวหวังจัวไม่ได้พึ่งจะเล็งเขา แม้ตั้งแต่วันแรกที่เจอและในต่อๆมาหวังจัวก็ยังพยายามเยาะเย้ยเขาอยู่ตลอดส่วนคนอื่นๆในสำนักที่มองเขาลงมาก็ต่างเห็นความจริงที่ว่าเขาได้เข้าสำนักมาเพราะการพยายามฆ่าตัวตายในวันนั้นและกลายเป็นศิษย์สายในของผู้อาวุโสซุนจากการประจบประแจง
สิ่งสำคัญที่สุดคือเขายังเป็นแค่ระดับสาม ซึ่งอ่อนแอที่สุดในกลุ่มศิษย์พวกนี้พละกำลังคือทุกสิ่งอย่างสายตาของหวังหลินปรายไปที่ตะขาบหมื่นขาที่กำลังนอนบนพื้นเขาไม่ใส่ใจและแกล้งเป็นว่าเขาไม่ได้ยินอะไรพวกนั้น
ไม่นานจากนั้นหวังจัวก็มอบหมายให้ศิษย์สองสามคนนำศิษย์ของซวนต้าไปพักผ่อนที่ห้อง
ศิษย์ซวนต้าวที่มีรากวิญญาณวารีชื่อว่าลิ่วได้เหลือบมองไปที่หวังหลินก่อนที่เขาจะออกไปได้พูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “จ้าต้องเป็นน้องหวังหลินแน่ๆตะขาบของสำนักซวนต้าวเราเป็นสัตว์ป่าตามธรรมชาติเมื่อเจ้าจะให้อาหารมันจงอย่าเข้าใกล้มากนักหรือไม่งั้นเจ้าจะได้รับบาดเจ็บ”
หวังจัวมองไปที่หวังหลินด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นเขาไม่ได้สร้างความรำคาญให้กับใครอีกหลังจากนั้นไม่ช้าทุกคนก็แยกย้ายกันออกไปจากห้องโถงหลัก
แม่นางโจวขมวดคิ้ว เธอพูดคุยกับหวังหลินเล็กน้อยก่อนจะจากไป
เมื่อมองไปที่พื้นที่วังเวงด้านหน้าหวังหลินยืนขึ้นและเดินเข้าไปหาตะขาบหมื่นขาเขาหยุดเมื่อถึงระยะสิบก้าวห่างจากมันและตรวจสอบสัตว์วิญญาณนี้อย่างระมัดระวัง
เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆตะขาบหมื่นเท้านี้ช่างตัวใหญ่มหึมาร่างกายมันแบ่งเป็นหลายปล้องระหว่างแต่ละปล้องเป็นวงแหวนที่มีหนามแหลมทองออกมาขำนวนนับไม่ถ้วนลำตัวดำลายจุดเต็มไปทั่วร่างและหัวมันมีก้ามยื่นออกมาสองอัน
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่สนใจอย่างมากคือหนวดสองเส้นสีแดงที่เคลื่อนไหวไปมาโดยไม่พึ่งพาลมใดๆราวกับเป็นงูสองตัวที่ยาวมากๆ
เมื่อมันรู้ว่าหวังหลินกำลังมองมา มันกระพริบตาปริบๆ ปรายตามองไปวังหลิน หวังหลินรู้สึกหนาวเย็นทันทีเมื่อมันกวาดตามองมา
ร่างหวังหลินรู้สึกเย็นขึ้นแต่ก็ได้เคลื่อนพลังปราณในร่างกายทันทีเพื่อสลายความหนาวนี้
ตะขาบหมื่นขาเผยอาการสนใจมันมองหวังหลินอย่างลึกซึ้งและรอบคอบขึ้นจากนั้นหลับตาลงและไม่สนใจหวังหลินหวังหลินเผยแววตาน่าสนใจแปลกใจที่สัตว์วิญญาณตัวนี้ทำกระทั่งท่าทางเหมือนกับมนุษย์
ขณะที่ครุ่นคิดเรื่องนี้เขาได้ก้าวออกไปในภูเขาอย่างรวดเร็วใช้สัมผัสวิญญาณของตัวเองก็จับสัตว์ตัวเล็กๆได้อย่างง่ายดายหลายตัวจากนั้นจึงกลับมา
ระหว่างทางหวังหลินได้เห็นศิษย์สำนักซวนต้าวบางคนได้นำโดยศิษย์อาวุโสเมื่อเขาเห็นหวังหลินถือสัตว์ตัวเล็กในแขนจึงหัวเราะขึ้นจากนั้นชี้ให้กับศิษย์สำนักซวนต้าวดู
สตรีหนึ่งในนั้นผู้น่ารักพร้อมด้วยใบหน้าที่ดูละเอียดละออราวกับรู้สึกได้ว่าหากมีน้ำหยดลงไปก็คงแตกได้แล้ว เธอหัวเราะขึ้น “น้องชายเจ้าสัตว์เล็กๆพวกนั้นไม่พอจะให้อาหารตะขาบหมื่นขาของพวกเราหรอกเจ้าควรจะไปจับนอนตัวใหญ่กว่านี้ ตะขาบมันชอบกินเอามากๆ”
หนึ่งในศิษย์สายในพยายามดึงดูดความสนใจอย่างรวดเร็วและพูดขึ้น “น้องสาวโอวหยาง เด็กโง่คนนี้เป็นคนไม่ค่อยพูดจาไม่มีใครอยากจะคุยกับเขาหรอกเจ้าอาจจะไม่รู้ว่าเขากระทั่งไม่มีคุณสมบัติพอที่จะฝึกเซียนเลยด้วยซ้ำเขาล้มเหลวจากการทดสอบเข้าสำนักทุกบททดสอบและจากนั้นก็พยายามฆ่าตัวตายอีกนี่จึงทำให้ผู้อาวุโสได้รับเขาเข้ามาเป็นศิษย์สายนอกเพื่อแก้ปัญหา”
หวังหลินคุ้นเคยกับคนที่กำลังพูดอยู่ เขาคือหนึ่งในคนที่ประชดประชันเขาระหว่างการฝึกฝน ซุนเฮ่า
ศิษย์บางคนจากสำนักซวนต้าวรีบถามขึ้นอย่างรวดเร็ว “ศิษย์สายนอก? แต่ข้าเห็นเขาสวมชุดสีแดง เขาควรจะเป็นศิษย์สายในของเหิงยั่วสิ”
ซุนเฮ่าหัวเราะเสียงดัง “ข้ายังพูดไม่จบเด็กคนนี้ใช้วิธีอันต่ำต้อยเพื่อประจบประแจงผู้อาวุโสคหนึ่งและจากนั้นเขาก็ก้าวเข้าเป็นศิษย์สายในอย่างรวดเร็วแต่ด้วยพรสวรรค์ของเขาเช่นนั้นจึงเป็นได้เพียงเสียงหัวเราะของคนในสำนักตลอดชีวิตที่เหลือ”
หวังหลินชำเลืองมองพวกเขาและจากไป เมื่อเขามาถึงใกล้ตะขาบหมื่นขาจึงได้โยนสัตว์ตัวเล็กไปหามัน
ขณะที่สัตว์ตัวเล็กพวกนี้เห็นตะขาบ มันก็หล่นหมอบลงพื้นในทันทีด้วยความกลัว
ตะขาบหมื่นขาลืมตาขึ้นกระทั่งไม่ได้มองไปที่สัตว์ตัวเล็กพวกนี้มันถ่มน้ำลายเป็นไอพิษสีดำขณะที่ไอพิษกระทบกับสัตว์ตัวเล็กพวกนี้ก็มีเสียงร้อนฉ่าขึ้นในพริบตาเท่านั้นพวกสัตว์ตัวเล็กก็กลายเป็นกองเลือดตะขาบตัวนี้ได้ดูดเลือดเข้าไปในปากทันที
หวังหลินมองเห็นทุกขั้นตอน สายตาเขาสว่างขึ้น ปกติตะขาบก็เต็มไปด้วยพิษอยู่แล้วและพิษพวกนี้ต่างก็เป็นอาวุธชั้นยอด
ตอนเด็กเขาได้อ่านหนังสือที่กล่าวถึงพิษของตะขาบมักจะเกี่ยวข้องกับขนาดของมันพูดง่ายๆว่า ยิ่งตะขาบตัวใหญ่ ก็ยิ่งมีพิษแรงมากเท่านั้น