62. ภัยพิบัติ
ข้างนอกสิ่งก่อสร้างฮวงหลงหยุดเดินและกระซิบกับหวังหลิน “นี่คือหอคัมภีร์ เจ้าเข้าไปได้ในชั้นแรกเป็นวิชาเซียนสำหรับชั้นรวบรวมลมปราณเจ้าสามารถสอดส่องดูได้แต่ให้เน้นไปที่ชั้นสองเพราะที่นั้นมีวิชาเซียนสำหรับชั้นสร้างลำต้นอยู่ ข้าจะรอเจ้าข้างนอก”
หวังหลินเคร่งเครียดเล็กน้อยเขาสูดหายใจลึกและเดินเข้าไปข้างใน หอคัมภีร์นี้มีสี่ชั้นในชั้นแรกเต็มไปด้วยเศษหยกสีเขียวนับไม่ถ้วนลอยอู่บนหิ้งและปลดปล่อยแสงสีเขียว
ซือถูหนานเยาะเย้ย “ไม่จำเป็นต้องดู แล้วจะเอามาไว้ที่นี่ทำไม? มีแต่วิชาเซียนเกรดต่ำทั้งนั้น ตอนนั้นข้าไม่อยากจะมองด้วยซ้ำ”
หวังหลินไม่ได้เร่งขึ้นไปบนชั้นสองหรือฟังที่ซือถูหนานพูดเขาเดินไปที่เศษหยกชิ้นหนึ่งและตรวจสอบดูว่ามีวิชาเซียนอะไรอยู่ข้างในฝ่ามือเขาสร้างเป็นผนึกเพื่อทดลองวิชาเซียน
หวังหลินหยิบเศษหยกและตรวจดูใกล้ๆ “วิชาเซียนระดับสูง – มังกรอัคคี”
ซือถูหนานพูดรวดเร็ว “เศษขี้วิชาคุณภาพสูงน่ะสิ นี่มันวิชาควบคุมไฟระดับต่ำชัดๆวิชาเซียนไฟวิญญาณข้าน่ะถึงจะเรียกวิชาระดับสูงที่แท้จริง”
หวังหลินตกตะลึงในคำพูด เขาวางมันลงและหยิบขึ้นมาอีกชิ้นนึง
“วิชาเซียนระดับสูง – หลบหนีปฐพี”
“ขยะ ขยะชัดๆ! ที่ที่ข้าจากมาเจ้าจะได้แบบนี้ทุกหนทุกแห่งและพวกมันกล้าเรียกว่าวิชาระดับสูง!ธาตุไฟหลบหนีของข้าถึงจะเรียกว่าวิชาระดับสูงของจริง!”
“วิชาเซียนระดับสูง – คมมีดสายลม”
“นี่ก็ยังเป็นขยะอีก! ข้ารู้จัก พายุหอน มันมีพลังมากกว่าร้อยเท่า!”
“ร่างอัสนีเก้าทิวา”
“ทั้งหมดพวกนี้มีแต่กองอุจจาระ? มันก็แค่วิชาอัสนีคุณภาพแย่ ทำไมถึงตั้งชื่อได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น? ขยะ!!”
“เปลี่ยนร่างอมตะ”
“อันนี้น่าสนใจ แต่ก็ยังเป็นขยะ ข้ารู้จักร่างอมตะที่ดีกว่านี้ มันมีพลังมากกว่าร้อยเท่า”
ซือถูหนานพูดล้อวิชาเซียนทีละอัน ทำเอาหวังหลินขมวดคิ้วมากขึ้น ในที่สุดเขาก็ยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไปไม่ได้และขึ้นไปบนชั้นสอง
ชั้นสองไม่ได้มีหยกมากมายนักมีเพียงไม่กี่สิบชิ้นที่ลอยอยู่บนอากาศ ซือถูหนานพูดอย่างเกียจคร้าน “ของพวกนี้มีแต่ระดับต่ำ ไม่มีค่าแก่การใส่ใจ”
หวังหลินยิ้มและคิดขึ้น “ท่านเป็นผู้อาวุโสจากแคว้นผู้ฝึกตนอันดับหก แน่นอนว่าวิชาพวกนี้ไม่มีค่าเพียงพอให้ท่านหรอก”
ซือถูหนานเร่งเร้า “หวังหลินเจ้าไม่ต้องดูพวกนี้หรอกรีบไปหาสถานที่ปิดประตูฝึกฝนและเมื่อเจ้าเข้าถึงชั้นสร้างลำต้นเจ้าก็ออกจากสำนักเล็กๆนี่ได้แล้ว”
อารมณ์ความคาดหวังครั้งก่อนถูกทำลายโดยซือถูหนาน ดังนั้นหวังหลินจึงเดินออกมาจากหอคัมภีร์และขมวดคิ้ว
เมื่อฮวงหลงเห็นหวังหลินออกมาเขาตกตะลึงและถามขึ้น “เลือกได้เร็วขนาดนี้เชียว? เจ้าควรจะค่อยๆเลือกอย่างละเอียดนะหอคัมภีร์นี้มีแต่วิชาที่ดีที่สุดในแคว้นจ้าวคนอื่นไม่แม้แต่จะมีคุณสมบัติเข้ามา เจ้าไม่ควรเสียเวลา”
ใบหน้าหวังหลินบิดเบี้ยวเล็กน้อยสิ่งที่ซือถูหนานเยาะเย้ยและผู้อาวุโสยกย่องกลายเป็นขัดแย้งกันอย่างใหญ่หลวงในใจเขาพูดขึ้น “ศิษย์เลือกเรียบร้อยแล้ว”
ฮวงหลงขมวดคิ้วและกำลังถามว่าเขาได้เลือกวิชาเซียนอะไรไป แต่ทั้งยอดเขาต้นสนเริ่มสั่นสะเทือนขึ้น
“ข้ามาจากสำนักซวนต้าว พั่วหนานจื่อ(樸南子Pǔ nán zi) พวกเด็กๆสำนักเหิงยั่วรีบออกมาทักทายข้า”
ใบหน้าฮวงหลงเปลี่ยนไปทันทีขณะนั้นก็มีร่างมากกว่าสิบร่างพุ่งออกไปจากสิ่งก่อสร้างรอบๆสองร่างข้างหน้าเห็นได้ชัดที่สุดหนึ่งของสองคนนั้นมีสายตาคู่แดงอันซับซ้อนที่กระจ่างใสและแหลมคม
ถัดจากเขาเป็นหญิงชราใบหน้าเธอเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นและมัวหมองเธอมองอย่างหนาวเย็นไปที่ฮวงหลงและหวังหลิน จากนั้นหันไปมองฟ้าอย่างเงียบๆ
ด้านหลังสองคนนั้นเป็นสิบผู้อาวุโส ทั้งหมดต่างมีใบหน้าขมขื่น
ซือถูหนานพูดอย่างเคร่งเครียด “หวังหลิน มีผู้ฝึกเซียนระดับผลิดอกอยู่ข้างนอกสำนักเหิงยั่วเกิดปัญหาใหญ่แล้ว เจ้าควรจะหาโอกาสหนี มีข้าอยู่ที่นี่ข้าสามารถทำให้มันตรวจจับเจ้าไม่พบชั่วคราวได้ ฮึ่มถ้าข้ามีร่างกายหล่ะก็ข้าคงไม่ต้องกลัวแค่ระดับผลิดอกหรอก”
หวังหลินสูดหายใจลึก ปรากฎแววยุ่งเหยิง
ชายชราใบหน้าแดงพูดขึ้นเสียงดัง “อาวุโสพั่วหนานจื่อ ข้าไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงมาสำนักเหิงยั่ว โปรดบอกพวกเราเถิด”
ร่างสูงคนหนึ่งปรากฎในอากาศใบหน้าเต็มไปด้วยความสง่าและพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ “หากเป็นห้าร้อยปีก่อนข้าคงถูกกองกำลังเหิงยั่วข่มขู่ แต่ดูตอนนี้สิ มันก็แค่นั้นแหละหลังจากข้าทำลายที่นี่ ข้าจะมาคุยกับพวกเจ้า”
จบประโยคเขาโบกมือคราหนึ่งและเนินเขาสีดำขนาดเล็กปรากฎขึ้นเนินเขานี้เริ่มเคลื่อนไหวและสร้างเป็นลมพายุในไม่ช้ามันก็กลายเป็นพายุทอร์นาโดขนาดยักษ์สองแขนของเขาสร้างเป็นผนึกและมีคำพูดที่ซับซ้อนดังออกมา
ภูเขายักษ์กระแทกลงไปบนพื้นกำแพงแสงปรากฎขึ้นระหว่างยอดภูเขาต้นสนและยอดภูเขาเหิงยั่วกำแพงแสงสร้างเป็นโดมครึ่งวงกลมและป้องกันการกระแทกจากสำนักเหิงยั่ว
“สำนักที่ยิ่งใหญ่เมื่อห้าปีที่แล้วอย่างน้อยก็มีค่ายกลป้องกันขั้นสูงอยู่ มันสามารถกระจายพลังงานปะทะไปรอบๆแต่ไม่มีเซียนขั้นผลิดอกที่จะซ่อมแซมมันแล้วข้าจะโจมตีได้กี่ครั้งกันหนอถึงจะทำลายมันได้” พั่วหนานจื่อส่งรอยยิ้มเยือกเย็นโบกสะบัดแขนอย่างรวดเร็วสร้างเป็นพายุทอร์นาโดยักษ์อีกลูกหนึ่งและกระแทกลงอีกครั้ง
ชายชราใบหน้าแดงกลายเป็นซีดเผือกเขากวาดมือไปบนอากาศและสร้างเป็นรอยแยกสายหนึ่งจากนั้นรีบเข้าไปในรอยแยกอย่างรวดเร็วส่วนคนที่อยู่ด้านหลังได้ตามเขาไปด้วย
ฮวงหลงกระซิบทันที “หวังหลิน ตามมาใกล้ๆ” ด้วยคำพูดนี้ร่างเขาพุ่งเหมือนลูกธนูไปข้างในรอยแยกทันที
หวังหลินก้าวคราหนึ่งและตามหลังไปอย่างใกล้ชิด
ขณะที่พายุทอร์นาโดกระแทกลงอีกครั้งเสียงฟ้าร้องคำรามปรากฎขึ้นเมื่อทอร์นาโดกระแทกลงบนกำแพงแสงแสงรุ้งหลากสีส่องแสงจากกำแพงแสงนั้นที่แทบจะอดทนไว้ไม่อยู่
หวังหลินเข้ามาในรอยแยกหลังจากเดินออกมาเขาก็ปรากฎขึ้นอีกครั้งบนยอดภูเขาต้นสนตอนนี้ชายชราใบหน้าแดงและหญิงชรานั่งบนหนึ่งในแปดเสาหยกสีขาวมือพวกเขาสร้างเป็นผนึกที่แตกต่างกันขณะที่สวดบทร่ายไปด้วย
อีกหกเสาหยกยาวเป็นผู้อาวุโสขั้นสร้างลำต้นหกคน แต่ละคนมีสีหน้าขมขื่นและยุ่งเหยิง
หญิงชรากล่าวขึ้น “ฮวงหลงรีบไปนำศิษย์สายในทั้งหมดมาที่นี่สำนักเหิงยั่วของพวกเรากำลังเผชิญภัยพิบัติอันใหญ่หลวง” เมื่อพูดจบเธอก็ปล่อยแกนพลังงานออกมาจากปากลงสู่เสาหยกขาว
ร่างฮวงหลงสั่นสะเทือน โดยไร้คำพูดเขารีบมุ่งหน้าไปที่สะพานเพื่อกลับไปยังยอดเขาเหิงยั่ว
“ฮึ่ม! ยังสามารถต้านทานการโจมตีได้สองครั้ง แตกด้วยการโจมตีครั้งที่สามนี่เถอะ!”
พั่วหนานจื่อแบ่งพลังงานขั้นแตกหน่ออกมาจากปากเข้าหาเนินเขาเล็กๆและมันก็ขยายขนาดเป็นสิบเท่าปกคลุมท้องฟ้าเหนือยอดเขาต้นสน
ตูมมมมม!
แรงกระแทกนั้นทำให้หนึ่งในเสาหยกขาวแตกออก ผู้อาวุโสขั้นสร้างลำต้นบนนั้นมีเลือดออกจากทวารทั้งหมดและตกลงไปบนพื้น