717. หนีเอาตัวรอด
เส้นผมทั้งหมดของกรีดตั้งชูชัน มันไม่รู้สึกใกล้ความตายเช่นนี้มาก่อนแม้แต่ตอนที่ถูกคู่รักเซียนหวังเว่ยและฮู่จวนจับตัวไป
ดัชนีมายานั่นดูเหมือนจะเกิดขึ้นมาจากเต๋าสวรรค์ ราวกับมันเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์
นี่ไม่ใช่เต๋าธรรมดาที่เซียนคนใดจะรู้แจ้งได้ง่ายๆ ความจริงแล้วมันทรงพลังมากกว่าเต๋าที่รู้แจ้งเองหลายร้อยหลายพันเท่า!
แม้ว่าระดับบ่มเพาะสูงสุดของกรีดเป็นเพียงแค่มายาหยิน ทว่าเขากลับมีญาติสนิทมิตรสหายมากมายที่อยู่ในระดับสอง ดังนั้นจึงรู้เรื่องความลับของระดับสองอย่างมาก
เพียงแค่ชำเลืองก็บอกได้ว่ามีเต๋าน่าหวาดกลัวบรรจุอยู่ภายในดัชนีนี้
หนึ่งดัชนีชี้ออกมาดุจสายลมอ่อนไร้สิ่งใดรบกวน ราวกับเป็นเพียงการชี้นิ้วธรรมดาของคนคนหนึ่ง
ทว่าจุดนี้ทำให้รูม่านตาหวังหลินหดลง เขารู้สึกว่าวิญญาณดั้งเดิมกำลังหลุดออกมาจากร่างเมื่อพบกับดัชนีนั้น
กรีดอยู่ใกล้มากที่สุดดังนั้นจึงมีความรู้สึกนี้มากกว่าหวังหลินหลายร้อเท่า เขาถอยเข้าไปในม่านภูเขาแม่น้ำโดยไม่ลังเล
ตอนนี้ภูเขาและแม่น้ำครอบคลุมอวกาศราวกับอวกาศได้หายไป ทว่าถึงกระนั้นดัชนีก็ยังแทงทะลุภูเขาแมม่น้ำพร้อมกับประทับลงมา
ม่านพลังเกิดเสียงแตกร้าวและเกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วนเกิดขึ้น กรีดกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่พร้อมกับล่าถอยอย่างรวดเร็ว เขากระอักโลหิตต่อเนื่อง อาการบาดเจ็บมากมายมหาศาล
ดัชนีเทพโบราณไม่หยุดชะงักและกดลงบนกรีด
แววตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นจ้องม่านภูเขาแม่น้ำที่มีรอยร้าวแต่ยังมีพลังบรรจุเอาไว้ พลันเผยแววตาประกายแสงประหลาด เมื่อเห็นดัชนีกำลังเข้าหากรีด หวังหลินกัดฟัน ละทิ้งกระดูกกับองครักษ์เทพและพุ่งตัวออกไปราวกับกำลังเคลื่อนที่พริบตา
หวังหลินไวมากจนมาถึงม่านแสงในพริบตา
ตอนนี้กรีดไม่อาจใส่ใจหวังหลินที่กำลังขโมยสมบัติของเขา เขาเคลื่อนที่หนีด้วยความเร็วเต็มที่
ดัชนีเทพโบราณหยุดชะงักและช้าลงราวกับมันกำลังเปลี่ยนเป้าหมายมาที่หวังหลิน
หนังศีรษะหวังหลินด้านชา เขารวบรวมพลังปราณทั้งหมดในดัชนีขวาและตะโกน “หยุด!”
เป้าหมายไม่ใช่ดัชนีเทพโบราณแต่เป็นกรีด!
ดวงตากรีดแดงฉาน ร่างกายหยุดชะงักชั่วขณะ สาปแช่งในใจเสียงดัง แม้จะเป็นการหยุดเพียงครู่เดียวแต่มันก็ยังดึงความสนใจของดัชนีเทพโบราณ
หวังหลินใช้โอกาสนี้คว้าม่านพลังและเก็บเข้าใส่กระเป๋า จากนั้นถอยออกมาโดยไม่ลังเล
หัวใจเต้นกระดอนหนักหน่วง อันตรายเบื้องหน้าไม่อาจผ่านไปได้ หวังหลินเคลื่อนที่รวดเร็วยิ่งเข้าหาองครักษ์เทพ
องครักษ์เทพไม่เคยหยุดการหลบหนี ทว่าในการเผชิญหน้ากับอสรพิษพิฆาตจันทร์และดัชนีเทพโบราณ ความเร็วของมันจึงไม่เพียงพออย่างเห็นได้ชัด
ใบหน้ากรีดซีดเผือดอย่างยิ่ง ขณะที่ดัชนีเทพโบราณเข้ามาใกล้ กรีดตบกระเป๋าทันทีนำมงกุฎส่องแสงออกมาดุจกับมงกุฎของกษัตริย์ที่มีอัญมณีห้าชิ้นประทับอยู่ข้างใน ทันใดนั้นพลังอำนาจของโลหะ พฤกษา วารี อัคคีและปฐพีได้หลั่งไหลภายในมงกุฎ
เขาวางมงกุฎบนศีรษะตัวเองโดยไม่ลังเล แสงสีทองจากมงกุฎพลันพร่ามัวขึ้นแต่ก็ห่อหุ้มกรีดเอาไว้ราวกับสายน้ำ จากนั้นเงาขนาดใหญ่ปรากฏทับร่างกาย เงานี้ไม่มีรูปร่างชัดเจนแต่ว่าสวมชุดคลุมมังกร สัมผัสแห่งอำนาจพลันล้อมรอบทั่วบริเวณ
กรีดร้องตะโกน “การทำให้มงกุฎกษัตริย์เทพเปิดใช้งาน ข้าต้องฆ่ากษัตริย์ธรรมดาถึง 9,999 คนและหลอมวิญญาณพวกมันเข้าไปในมงกุฎเพื่อเพียงพอให้กระตุ้น ข้าอยากเห็นเสียจริงว่ามันจะสามารถต่อต้านดัชนีจากเจ้าได้ไหม เจ้าอสูรสวะ!” ภาพมายาดัชนีเทพโบราณร่อนลงบนกรีด
ปังงงงง!
เสียงดังสนั่นสะท้านสวรรค์ดังกึกก้องทั่วบริเวณ
ดัชนีเทพโบราณไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากประทับลงบนกรีดมันก็ถอนออกมาทันที
ส่วนกรีดนั้นใบหน้าซีดเผือดขึ้นกว่าเดิม แสงสีทองที่ครอบคลุมไว้เมื่อครู่แตกสลายไปแล้ว วิญญาณกษัตริย์ 9,999 คนหายไปและมงกุฎตกลงจากศีรษะ เรื่องประหลาดก็คือมงกุฎยังอยู่ดีหลังจากโดนดัชนีเทพโบราณปัดเป่าไป
พลังแข็งแกร่งเข้าสู่ร่างกายกรีดอย่างบ้าคลั่งจนสั่นสะท้าน จากนั้นเกิดแสงสีรุ้งเรืองรองออกมาก่อนจะลอยไปดุจดาวตก เขาหายตัวท่ามกลางหมู่ดาวโดยไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ดวงตาหวังหลินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตอนที่ดัชนีเทพโบราณประทับลงบนกรีด เขาไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวและหนีอย่างต่อเนื่อง ทว่าขณะนั้นภาพมายาดัชนีเทพโบราณก็ปรากฏเบื้องหลังหวังหลิน
กลิ่นอายคล้ายคลึงกับเทพโบราณได้ล้อมรอบบริเวณ
หนึ่งดัชนีประทับลง!
เป้าหมายไม่ใช่องครักษ์เทพแต่เป็นหวังหลิน!
หวังหลินแทบจนปัญญา ดัชนีนี้เร็วเกินไปและกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางหายนะครั้งนี้ ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ ประทับฝ่ามือลงบนองครักษ์เทพ แยกพลังสังหารออกมาจากองครักษ์เทพด้วย
ในเสี้ยววินาทีนั้น พลังสังหารเกือบหนึ่งล้านสายก็ปรากฏขึ้นมา พวกมันเปลี่ยนเป็นผนึกพลังชีวิตเพื่อขัดขวางดัชนีเทพโบราณ!
ผนึกชีวิตทั้งหมดพังทลายราวกับเป็นเศษกระดาษ ไม่ว่าพลังสังหารจะถูกใช้ไปมากแค่ไหน ทั้งหมดก็ไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าดัชนีเทพโบราณ
หวังหลินซีดเซียวแต่แววตาไม่ตื่นตระหนก เขาตบกระเป๋าพลันล่าถอยไปพร้อมกับองครักษ์เทพโดยนำองครักษ์เทพตนที่สองไว้เบื้องหน้าราวกับเป็นโล่ห์กำบัง
ดัชนีเทพโบราณประทับลงบนองครักษ์เทพตนที่สอง ร่างของมันสั่นเทาและเริ่มเสียหายอย่างรวดเร็ว
ภายหลังองครักษ์เทพตนที่สองพังทลาย ดัชนีเทพโบราณหยุดห่างจากหวังหลินไปเจ็ดนิ้ว ความรู้สึกว่าร่างเขากำลังแตกกระจายพรั่งพรูออกมาผ่านหวังหลินอย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกแห่งการผ่านช่วงวิกฤตความเป็นความตายเช่นนี้ทำให้เขาหายใจลำบาก
หวังหลินร้องคำรามโกรธเกรี้ยวและเงยศีรษะขึ้นมา ปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวหนึ่งสายพุ่งออกไปปะทะเข้ากับดัชนี
ปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวบรรจุพลังไร้ขีดจำกัดอย่างยิ่งดังนั้นมันจึงชะลอดัชนีได้เพียงเล็กน้อย ทว่าดัชนีนั้นก็กดลงไปอีกครั้งโดยไม่ลังเล คราวนี้กดลงบนหน้าอกหวังหลิน
ความเจ็บปวดรุนแรงออกมาจากหน้าอกและแพร่กระจายทั่วร่างกายทันที ร่างหวังหลินพังทลายในเสี้ยววินาที!
คราแรกคือเลือดเนื้อ จากนั้นกระดูกทั้งหมดป่นปี้กลายเป็นฝุ่นและเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ดัชนีเทพโบราณทำลายร่างกายหวังหลินแต่มันยังไม่จบที่ตรงนี้ มันประทับลงบนวิญญาณของหวังหลินในวินาทีต่อมา อสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวนี้กำลังกวาดล้างเขาให้สูญสลายไป
ในตอนนี้หวังหลินกลับรู้สึกถึงสัมผัสที่ทำให้วิญญาณไม่สามารถออกมาจากร่างกายได้หลังจากกลืนกินมังกรสายฟ้าโบราณเข้าไป ราวกับมีม่านบางๆป้องกันเขาเอาไว้
ไม่ว่าเขาพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถทำลายม่านกั้นนี้ได้ ราวกับวิญญาณดั้งเดิมสูญเสียความสามารถที่จะทำเช่นนั้น วิญญาณของเขาจึงถูกกักขังไว้ในร่างกายซึ่งทำให้ไม่สามารถใช้วิชาบางอย่างได้
ทว่าในตอนนี้เมื่อดัชนีเทพโบราณเข้ามาและทำลายร่างกายหวังหลิน มันได้ทำลายม่านกั้นนั้นด้วย!
วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินปลดปล่อยสายฟ้าเข้มข้น จากนั้นเปลี่ยนกลายเป็นมังกรสายฟ้าโบราณร้องคำรามเข้าใส่ดัชนีเทพโบราณ
เสียงร้องของมันได้เกิดทรงกลมสายฟ้านับไม่ถ้วนเข้าโจมตีดัชนีเทพโบราณไปด้วย
หวังหลินยืมจังหวะดัชนีเทพโบราณชะลอตัวลง คว้ากระเป๋าที่ตกลงไปหลังจากร่างกายแตกสลาย เมื่อวิญญาณของเขาเปลี่ยนเป็นมงักรสายฟ้า เขาจะเร็วมากกว่าร่างกายเดิมหลายเท่า หวังหลินพาองครักษ์เทพและกระดูกครึ่งส่วนให้หนีไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่กำลังหนีจึงเกิดสัมผัสความขื่นขึ้นม ทว่าสายตาเหลือบไปเห็นมงกุฎที่กรีดทิ้งไว้เบื้องหลังกำลังลอยอยู่ข้างหน้า
หัวใจเต้นกระดอนพร้อมกับเก็บมงกุฎลงไปในกระเป๋าและจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ดัชนีเทพโบราณเลือนหายไปอย่างช้าๆ อสรพิษพิฆาตจันทร์มองหวังหลินที่อยู่ห่างไกลและขบคิด จากนั้นมันก็มองเตาหลอมที่หนวดกำลังกุมเอาไว้ มันลังเลเล็กน้อยจากนั้นไล่ตามหลังหวังหลินไป
หวังหลินอดไม่ได้ที่สาปแช่งเมื่อสังเกตอสรพิษกำลังไล่ตามมา
หวังหลินต้องยอมรับว่าตัวเองวู่วาม เขาไม่คาดคิดว่ากรีดปรากฏตัวที่นี่และมันตื่นเต้นจนตื่นขึ้นมาได้
ไม่เช่นนั้นด้วยการคำนวณเดิมของหวังหลิน เขาคงไม่ตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่มากขนาดนี้
หวังหลินสูญเสียไปมากเกินไปในการเดินทาง ค่ายกลกระบี่เจ็ดดาราก็ถูกทำลาย ธงกฏเกณฑ์ก็เสียหาย ปราณกระบี่หนึ่งสายถูกใช้ออกไปและแม้แต่ร่างกายเขาก็ถูกทำลาย เหลือทิ้งไว้เพียงแค่วิญญาณดั้งเดิมเท่านั้น
อย่างไรก็ตามที่ได้มาครั้งนี้ก็ดีมากเช่นกัน ในทีสุดวิญญาณเขาก็เป็นอิสระ ได้กระดูกครึ่งส่วนของอสรพิษ ได้ม่านภูเขาแม่น้ำและท้ายที่สุดก็คือมงกุฎนั้น
เขาไม่สามารถบอกได้ว่าจบเรื่องนี้แล้วจะได้อะไรหรือเสียอะไร เขาเพียงแค่ถอนหายใจก่อนจะเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้น อสรพิษพิฆาตจันทร์เข้ามาหาอย่างช้าๆ ทุกครั้งที่มันเคลื่อนไหวจะก้าวข้ามระยะห่างไกลแสนไกล
หากหวังหลินยังอยู่ในร่างกายหยาบ เขาคงถูกจับได้ไปแล้ว ทว่าหวังหลินไม่มีร่างกายหยาบอีกและเหาะเหินด้วยวิญญาณดั้งเดิมจึงทำให้เร็วกว่าร่างกายหลายเท่า
ขณะเหาะเหินออกไปไกล วิญญาณหวังหลินเข้าไปในเข็มทิศดวงดาวและหลบหนีพร้อมกับกระดูกอสรพิษ
หวังหลินไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถหลบหนีดัชนีเทพโบราณด้วยโชคอีกครั้งหรือไม่ หากอสรพิษตัวนั้นไล่ทันเขาขึ้นมา หวังหลินคงตายแน่นอน!
หลังจากวิญญาณดั้งเดิมเข้าไปในเข็มทิศดวงดาว ความเร็วก็พุ่งขึ้นในระดับเหนือจินตนาการและเท่าเทียมกับอสรพิษพิฆาตจันทร์ แม้ว่าเขาไม่ได้หลบหนีก็สามารถรักษาระยะห่างจากอสรพิษได้แล้ว
อย่างไรก็ตามการเหาะเหินเช่นนี้เป็นภาระต่อวิญญาณดั้งเดิมหวังหลิน วิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วและตอนนี้ยังแย่ลงไปอีก วิญญาณกำลังหมองลงเรื่อยๆ
หวังหลินข้ามผ่านดาราจักรในเขตเหนือและมาถึงฝั่งใต้ของดาราจักรทุกชั้นฟ้า!
การเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเต็มที่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งทำให้วิญญาณของหวังหลินอ่อนแอลงและเขาไม่สามารถทนรับได้นานกว่านี้ อย่างไรก็ตามอสรพิษก็ชะลอตัวลงก่อนจะหยุดนิ่งอย่างสิ้นเชิงที่ชายชอบฝั่งใต้ของดาราจักร มันส่งเสียงอู้อี้ในลำคอแต่ไม่กล้าข้ามผ่านเข้ามา
หวังหลินตกตะลึงแต่ก็ปิติยินดีในทันที เขาเร่งความเร็วขึ้น หลังจากนั้นอีกสักพักก็รับรู้ว่าอสรพิษพิฆาตจันทร์ไม่ไล่ตามเขาอีกแล้ว ระยะห่างระหว่างทั้งคู่กว้างขึ้นและกว้างขึ้น
หวังหลินถอนหายใจอย่างโล่งอกครั้งใหญ่ สายตายังแฝงร่องรอยแห่งความกลัวชัดเจน
“อสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป หากไม่ใช่เพราะมันช้าลง ข้าคงตายไปแล้ว! เทียบกับตัวที่อยู่ในความทรงจำตู่ซือ นอกจากลักษณะภายนอกแล้ว ไม่มีสิ่งใดคล้ายกัน อสรพิษพิฆาตจันทร์ตัวนั้นแข็งแกร่งได้อย่างไร!?”
หวังหลินหันกลับมามองเขตเหนือและเริ่มคิด
“ด้วยความแข็งแกร่งของมัน ทำไมมันถึงกลัวที่จะมาที่นี่…หรือเป็นไปได้ว่ามีบางอย่างน่ากลัวกว่า…”
เขาไม่อาจเข้าใจได้และถอนหายใจ หลังตรวจสอบสภาวะทางวิญญาณของตนเองแล้วหวังหลินยิ้มอย่างเจ็บปวด
“แม้วิญญาณดั้งเดิมจะทำลายม่านพลังได้เป็นเรื่องดี ข้าสูญเสียร่างกายไปแล้วและไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่จะสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ หากข้าไปครอบครองร่างอื่น มันมีข้อจำกัดหลายอย่างเกินไปและหากไม่มีร่างกายที่ดี อย่างอื่นก็ไม่ดีไปด้วย”
หลังขบคิดสักพัก หวังหลินหยุดลังเลบางอย่างและเหาะไปข้างหน้า
“อันดับแรก ข้าต้องหาสถานที่บ่มเพาะเพื่อปรับแต่งกระดูกนี้และทำให้ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเสร็จสมบูรณ์ จากนั้นข้าต้องสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่”
ดวงตาหวังหลินเปล่งประกาย พุ่งเข้าหาอวกาศไร้ขอบเขตเบื้องหน้า
อสรพิษพิฆาตจันทร์มองออกไปไกล ดวงตาใหญ่ยักษ์ของมันแสดงอาการลังเล หลังจากนั้นร่างของมันก็เริ่มถอยกลับ ดูเหมือนมันจะจำได้ว่ามีบางคนได้เตือนมันไม่ให้ไปที่นั่น
อย่างไรก็ตามความทรงจำนี้ก็ผ่านมานานมากแล้วและเป็นภาพเลือนลาง ทว่าสัมผัสยังคงร้องเตือนถึงผลกระทบรุนแรงเมื่อมันคิดจะก้าวข้ามผ่านไป
มันค่อยๆถอยกลับไป หนวดส่ายไปมาพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายน่าหวาดกลัว ระหว่างทางมีเซียนหลายคนรับรู้ถึงอสรพิษตนนี้ ทว่าพวกเขาเพียงแค่มองครั้งเดียวเท่านั้นก่อนที่เส้นผมเส้นขนทุกส่วนบนร่างตั้งชูขึ้นและตกอยู่ในอากาศตกใจอย่างสิ้นเชิง พวกเขาหันตัววิ่งหนีสุดชีวิต
อสรพิษพิฆาตจันทร์หยุดลงตรงระหว่างดาวดวงหลักทั้งห้าดวงทางฝั่งเหนือ ร่างกายมันค่อยๆขดตัวเป็นวงกลมอย่างช้าๆ หนวดนับไม่ถ้วนหดกลับจนกระทั่งทั้งหมดกลับเข้าสู่ร่างกาย
หมอกหนาอกมาจากร่างมันและล้อมรอบทั่วบริเวณ
อสรพิษพิฆาตจันทร์กลับสู่ร่างที่สองและเริ่มหลับลึก…
อย่างไรก็ตามตำแหน่งที่มันเลือกครั้งนี้ได้ทำให้หัวใจของเซียนทั้งหมดในขอบเขตเหนือต้องสั่นสะท้าน มันใกล้กับดาวเคราะห์หลักทั้งห้าดวงอย่างมาก
ณ ขอบเขตเหนือมีดาวเคราะห์ดั้งเดิมตั้งอยู่ พลังปราณบนดาวดวงนี้ไม่ได้แข็งแร่งนักแต่ยังมีผู้คนอาศัยอยู่ วันนี้มีบางอย่างตกลงมาจากฟากฟ้า สิ่งนี้ปกคลุมอยู่ในแสงสีรุ้งและร่อนลงในทุ่งหญ้าทางฝั่งเหนือของดาวเคราะห์จนเกิดเสียงดังปัง
กระดูกทุกส่วนในร่างกรีดแตกหัก อวัยวะภายในพังทลาย วิญญาณดั้งเดิมได้รับความเสียหายหนักแต่เขาก็ยังไม่ตาย
ไม่เพียงแต่ไม่ตาย สายตายังเต็มไปด้วยความปิติยินดี
ตอนที่มาถึงดาราจักรทุฟชั้นฟ้า ร่างกายเต็มไปด้วยตราประทับ แต่ละตราบรรจุพลังอำนาจเหนือจินตนาการและสามารถฆ่าเขาได้ง่ายๆ ทว่าเมื่อดัชนีเทพโบราณนั้นเข้ามาใกล้ มีเรื่องลึกลับเกิดขึ้นและตราประทับทั้งหมดพังทลายพร้อมกัน!
เหลือเพียงตราประทับของเทียนหยุนที่ยังคงอยู่
“ตราบใดที่ข้าพอมีเวลา ข้ามั่นใจว่าจะสามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้ในสักวัน!” กรีดสูดหายใจลึก ค่อยๆจมลงไปในพื้นดินและหายตัวไปจากพื้นที่ราบ
บนดาวเคราะห์ธรรมดาตั้งแต่วันนี้ไป เหล่าผู้คนจะได้กลิ่นเหม็นจางๆแต่ไม่ว่าจะค้นหาอย่างไรก็ไม่สามารถค้นหาต้นตอได้
ดูเหมือนกลิ่นนี้จะออกมาจากพื้นดิน
หวังหลินในตอนนี้กำลังเหาะเหินท่องไปในดินแดนฝั่งใต้ เขาไม่ได้หาดาวเคราะห์ที่มีพวกเซียน สายตาจับจ้องไปบนดวงดาวรกร้าง
วิญญาณดั้งเดิมของเขามีความรู้สึกคลุมเครือว่ามีสถานที่หนึ่งในดินแดนทางใต้แห่งนี้ทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง เขาเหาะเหินไปทางนั้นโดยไม่รู้ตัวและยิ่งเข้าไปใกลก็ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บทางวิญญาณดูจะดีขึ้น
เขาเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ เมื่อเห็นสถานที่ที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจนั้น ดวงตาก็เผยประกายแสงลึกลับ
เบื้องหน้าสายตาเป็นกลุ่มดาวเคราะห์น้อยหลายดวง พวกมันเกาะกลุ่มด้วยกันด้วยพลังลึกลับบางอย่าง มีวงโคจรเองและดูเหมือนจะม่านพลังขึ้นตามธรรมชาติ
หวังหลินรู้สึกว่าตำแหน่งส่วนลึกในกลุ่มดาวเคราะห์นี้อยนี้ในนั้นทำให้เขาสบายใจอย่างยิ่ง พลันคิดเล็กน้อยและตัดสินใจไม่ไปคนเดียว เขาออกมาจากเข็มทิศดวงดาว ควบคุมกระดูกอสรพิษพร้อมกับให้องครักษ์เทพเข้าไปในพื้นที่กลุ่มดาวชั้นในอย่างช้าๆ
กลุ่มดาวเคราะห์น้อยแห่งงนี้มีขนาดใหญ่อย่างยิ่ง องครักษ์เทพเหาะเหินเป็นเวลานานแต่ก็ยังไม่เข้าถึงพื้นที่ชั้นใน ทว่ามันเห็นฉากเหตุการณ์ลึกลับหนึ่ง
มีดาวเคราะห์รกร้างอยู่ดวงหนึ่งไม่ใหญ่นัก มีขนาดเพียงครึ่งเดียวของดาวรานหยุนเท่านั้น
ทว่ากลับมีระเบิดสายฟ้าออกมาจากดาวเคราะห์ ราวกับดาวเคราะห์นี้ถูกปกคลุมไปด้วยตาข่ายสายฟ้าสวรรค์ สายฟ้าไร้ที่สิ้นสุดและตกลงบนดาวเคราะห์อย่างต่อเนื่อง
ดาวเคราะห์ดวงนี้ไร้ชื่อและห่างไกลจากดินแดนทางใต้ของดาราจักร มันทั้งถูกกีดกันด้วยม่านกลุ่มดาวเคราะห์น้อยอย่างหนาแน่น ดังนั้นจึงยากที่จะตรวจพบจากข้างนอก
หวังหลินทิ้งเศษเสี้ยวสัมผัสวิญญาณเอาไว้บนองครักษ์เทพ ดังนั้นจึงเห็นดาวเคราะห์นี้ได้ ความรู้สึกสะดวกสบายยิ่งใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น อย่างไรนักหวังหลินรู้ว่าต้นตอของความรู้สึกนี้ไม่ใช่ดาวเคราะห์แต่เป็นส่วนลึกของดาวดวงนี้ ซึ่งมีพลังลึกลับกีดขวางสัมผัสวิญญาณของเขาและป้องกันไม่ให้ตรวจสอบ
แม้ว่าจะเป็นกรณีแบบนี้ ดาวเคราะห์ก็ยังทำให้หวังหลินเกิดความรู้สึกสบายใจ
“ที่นี่เหมาะที่จะทำเป็นถ้ำอย่างยิ่ง!” แววตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นพร้อมกับจับกระดูกอสรพิษและมุ่งหน้าเข้าหาองครักษ์เทพ ไม่นานนักดาวเคราะห์ดวงเล็กๆก็ปรากฏเบื้องหน้าสายตา
“ข้าพบที่นี่ก็เพราะความรู้สึกจากวิญญาณดั้งเดิม เมื่อข้าอยู่ที่นี่ อาการบาดเจ็บทางวิญญาณจะฟื้นฟูได้รวดเร็วยิ่ง!” หวังหลินขบคิดพร้อมกับให้องครักษ์เทพเคลียร์พื้นที่เข้าหาดาวเคราะห์
“ตั้งแต่วันนี้จะอยู่ที่นี่ หลังจากข้าฟื้นตัวและสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ ข้าจะไปตรวจสอบส่วนลึกของดาวเคราะห์”
หวังหลินเข้าใจว่าหลังจากกลืนกินมังกรสายฟ้าโบราณเข้าไป วิญญาณดั้งเดิมของเขาได้กลายพันธุ์และวิชาสายฟ้าทั้งหมดไม่มีผลกระทบอะไรต่อเขา ตราบใดที่สายฟ้าไม่ได้มีระดับสูงกว่าของมังกรสายฟ้าโบราณ มันไม่สามารถทำอันตรายเขาได้
ก่อนหน้านี้ตอนที่ร่างหวังหลินถูกดัชนีเทพโบราณทำลายไป มันทำลายม่านที่กักขังวิญญาณดั้งเดิมให้อยู่ในร่างกายไปด้วย ทว่าวิญญาณของเขายังได้รับบาดเจ็บและนอกจากนั้นเขายังยุ่งกับการหลบหนีมากเกินไปจึงทำให้อาการบาดเจ็บย่ำแย่ลง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่หวังหลินก็ไม่รู้ว่าทำไมวิญญาณของเขาจึงค้นหาที่แห่งนี้เจอ
ตอนนี้เขาจึงเข้าใจแล้วมาบ้างแล้ว หากมังกรสายฟ้าโบราณบาดเจ็บ มันจะหาสภาพแวดล้อมเช่นนี้ที่ช่วยให้มันฟื้นฟูได้รวดเร็ว ช่วยให้เกิดความรู้สึกสะดวกสบายและแม้แต่รู้สึกว่ามันปลอดภัย
หลังจากร่างกายพังทลาย วิญญาณดั้งเดิมหวังหลินจึงได้รับอิสระ ตอนนี้วิญญาณของเขาเหมือนดั่งมังกรสายฟ้าโบราณ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถูกสถานที่แห่งนี้ดึงดูด
หลังเข้าใจเหตุและผลแล้ว จิตใจหวังหลินก็สงบลง เมื่อมองไปยังดาวเคราะห์เล็กที่เต็มไปด้วยสายฟ้า หวังหลินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคุ้นเคยราวกับอยู่บ้านเกิดตนเอง
เมื่อเคลื่อนที่มาข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เสียสายฟ้าดังสนั่นเกิดขึ้นในจิตใจ สายฟ้าหนาแน่นบางครั้งก็ผ่าลงใส่หวังหลินและทำให้เขารู้สึกปลอดโล่งขึ้น
ความรู้สึกนี้ออกมาจากวิญญาณดั้งเดิมราวกับมีมือมานวดวิญญาณเขาเบาๆ
ขณะนั้นวิญญาณของหวังหลินเรืองแสงสีฟ้าออกมาและระเบิดสายฟ้าเข้าสู่ร่างวิญญาณของเขา ขณะที่ขยับเคลื่อนไหว เศษส่วนของวิญญาณหวังหลินก็ยื่นไปถึงกระดูกอสรพิษและทำให้มันปล่อยเสียงแตกร้าวหลายชุด
ทว่าองครักษ์เทพหยุดลงทันที แววตาเผยอาการลังเลที่หาได้ยาก ราวกับมันหวาดกลัวต่อสายฟ้าอย่างยิ่ง
หวังหลินหันกลับมาและเริ่มครุ่นคิด
องครักษ์เทพไม่ควรจะกลัวสายฟ้า นอกจากนั้นแล้วเขายังใช้พลังดั้งเดิมของตนเองเพื่อหล่อหลอมองครักษ์เทพ มันจึงมีพลังอำนาจแห่งสายฟ้าด้วย มันต่อสู้กับศัตรูหลายครั้งโดยใช้สายฟ้า แต่ไม่เคยแสดงอาการลังเลเช่นตอนนี้
“หรือสายฟ้าที่นี่จะต่างกัน?” หวังหลินขมวดสายฟ้ามองไปที่สายฟ้ารอบๆตัวอย่างละเอียด หลังจากนั้นสักพักจึงเผยประกายหยั่งรู้
สายฟ้าที่นี้เกิดขึ้นจากสวรรค์และไม่ได้มาจากวิชาใด คุณสมบัติของมันจึงคล้ายคลึงกับวิญญาณดั้งเดิมหวังหลินอย่างยิ่ง
“ไม่สงสัยเลยว่าทำไมองครักษ์เทพถึงกลัว” การสืบทอดสายฟ้าแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือได้รับมาและเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ที่ได้รับมานั้นคือสายฟ้าที่เกิดขึ้นจากพวกวิชาเซียน ส่วนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจะไม่ได้มาจากวิชาเซียนอันใดแต่เกิดขึ้นจากสวรรค์
ด้วยความคิดนี้ องครักษ์เทพจึงถอยออกมาและเริ่มฝึกฝนอยู่บนกลุ่มดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
หวังหลินหันกลับมาเก็บเข็มทิศดวงดาวและจับกระดูกอสรพิษพาเข้าไปในดาวเคราะห์
ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งมีสายฟ้าหนาแน่นมากขึ้นจนกระทั่งมันทะลุถึงขีดจำกัดที่น่าหวาดกลัว หากมีคนอื่นอยู่ที่นี่พวกเขาก็คงหวาดกลัวเหมือนกับหุ่นเชิดองครักษ์เทพเช่นเดียวกัน นอกจากนี้สายฟ้าที่นี่ยังบรรลุระดับที่เหนือกว่าร่างกายและวิญญาณจะต่อต้านได้
อย่างไรก็ตามสำหรับหวังหลินแล้ว โดยเฉพาะวิญญาณดั้งเดิมที่ไร้ร่างกาย สายฟ้านี้ไม่มีผลกระทบอะไรสำหรับเขา ยิ่งเขาเข้าไปใกล้ก็ยิ่งรู้สึกสบายขึ้นไปอีก
หากหวังหลินยังมีร่างกายหยาบอยู่ เขาคงถึงขีดจำกัดแล้ว ร่างกายไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้แต่เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน หวังหลินสามารถทำได้กระทั่งไปให้เร็วขึ้นและค่อยๆเข้าสู่ดาวเคราะห์สายฟ้าแห่งนี้
พื้นผิวดวงดาวถูกปกคลุมอยู่ในสายฟ้าเช่นกัน ทั้งดวงดาวด้านในและด้านนอกต่างเต็มไปด้วยสายฟ้าราวกับมันคือคุกสายฟ้า!