774. ชุดเต๋าร่วงโรย
ลี่หยวนบรรลุขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดแล้ว เหตุผลที่เขายังไม่บรรลุขั้นมายาหยินก็เพราะร่างกายขาดพลังงานดั้งเดิม
หวังหลินเพียงหล่อเลี้ยงเขาด้วยวิญญาณดั้งเดิมสามดวง หนึ่งนั้นเป็นวิญญาณของเซียนขั้นมายาหยินซึ่งเต็มไปด้วยพลังดั้งเดิม ต้องขอบคุณสิ่งนี้จึงทำให้ลี่หยวนมีโอกาสทะลวงผ่านได้อีกมากมาย
หลังจากวางกฏเกณฑ์รอบตัวลี่หยวนแล้ว หวังหลินนั่งข้างๆและเริ่มขบคิด
‘บรรพชนโลหิตเป็นคนจากตระกูลเหยาจริงๆ ตระกูลเหยาทรงพลังยิ่งโดยเฉพาะเทพโลหิตของตระกูลเหยา…’ สายตาหวังหลินเย็นเฉียบ
‘ข้าไม่เคยขาดแคลนศัตรูที่แข็งแกร่งนับตั้งแต่เริ่มฝึกเซียน การเพิ่มเทพโลหิตเข้ามาไม่ถือว่ามากมายนัก!’ แม้หวังหลินจะรู้เรื่องเทพโลหิตล่วงหน้า เขาก็ไม่ปล่อยให้ลี่หยวนตายอยู่ดี…
ยิ่งไปกว่านั้น นับตั้งแต่ที่เขาเลือกจะเป็นศัตรูกับบรรพชนโลหิต เขาก็ตัดสินใจไว้แล้ว
‘ตราบใดที่ข้าเชี่ยวชาญวิชาผสานตัวกับโลก แม้ต้าวเสินจะมา ข้าก็สามารถหลบหนีไปได้! อย่างไรก็ตามความทรงจำบางส่วนในชายชราคนนั้นช่างน่าสนใจ มันอาจจะมีประโยชน์กับข้า!’ หวังหลินเผยสายตามุ่งมั่น เขานั่งลงและเริ่มปรับแต่งพลังดั้งเดิมในร่างกาย
‘เมื่อข้าดูดซับพลังดั้งเดิมทั้งหมดในร่างกาย ข้าจะเข้าใกล้ระดับสองในขั้นส่องสวรรค์ระดับต้น!’ หวังหลินขบคิดก่อนจะโบกแขน กระเป๋าสามใบและกระบี่เหินหลายเล่มลอยเข้ามาหา
กระเป๋าสามใบเป็นของทั้งสามคนที่ตายไปก่อนหน้านี้ สายตาหวังหลินตกลงบนกระบี่ที่เขาและลี่หยวนพบเจอในมิติเก็บของ
หลังตรวจสอบพวกมันด้วยสัมผัสวิญญาณ ความคิดหวังหลินวนไปมา กระบี่ทั้งเก้าเล่มนี้ลอยขึ้นอากาศและปักลงบนพื้นทันที แปดเล่มก่อตัวเป็นรูปวงกลม ส่วนเล่มสุดท้ายอยู่ตรงกลาง
หวังหลินตบกระเป๋านำกระดูกอสูรเก้าชิ้นออกมา กระดูกชิ้นที่ใหญ่สุดร่อนลงใจกลางวงกลม ส่วนชิ้นที่เหลือล้อมรอบกระบี่แต่ละเล่มก่อตัวเป็นวงกลมด้วย
พวกมันจัดเรียงกันตามวิธีที่หวังหลินค้นพบ
หวังหลินมองกระดูกอสูรทั้งเก้าชิ้นอย่างละเอียด เขาตรวจสอบพวกมันมาก่อนและดูเหมือนจะมีอักขระที่ป้องกันการควบคุมและประทับสัมผัสวิญญาณเอาไว้
ตอนนั้นเขาคาดการณ์ว่าสมบัติกระดูกอสูรนี้อาจต้องการวิธีพิเศษเพื่อเปิดใช้ หลังจากเขาวางกระดูกอสูรรวมกับกระบี่ หวังหลินก็สังเกตถึงความแตกต่างได้ทันที
หวังหลินแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณเข้าไปในกระดูกอสูรชิ้นเล็กทั้งแปด จังหวะที่สัมผัสวิญญาณเข้าแตะ กระดูกแปดชิ้นสั่นสะเทือนและเกิดพลังดึงดูดออกมา สัมผัสวิญญาณรู้สึกถึงแรงดึงดูดได้
ดวงต่อส่องสว่าง พลังดั้งเดิมเพิ่มเข้าไปในสัมผัสวิญญาณ แบ่งออกเป็นแปดส่วนและเข้าตามแรงดึงดูดไปในกระดูก
แรงดึงดูดนั้นดูเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุดและดูงสัมผัสวิญญาณเขาไปอย่างต่อเนื่องราวกับต้องการกลืนกินทั้งวิญญาณดั้งเดิม หวังหลินขบคิดเล็กน้อยจากนั้นดึงสัมผัสวิญญาณออกมา
ฝ่ามือสร้างผนึกขึ้นและวางเอาไว้รอบด้านมากมาย จากนั้นแพร่พลังดั้งเดิมออกมาล้อมรอบรัศมีหนึ่งหมื่นฟุต ก่อเกิดเป็นหมอกสีขาวที่เต็มไปด้วยพลังดั้งเดิม
หากคนภายนอกผ่านมาเห็นหมอกนี้พวกเขาคงไม่ทำอะไรวู่วามเพราะหมอกเต็มไปด้วยแรงกดดันจากพลังดั้งเดิม แม้แต่เซียนขั้นมายาหยินหรือรูปธรรมหยางยังต้องระมัดระวังถึงขีดสุด
แม้แต่เซียนระดับสองข้างในสายหมอกยังไม่ต้องการขัดขวาง หากมีใครสักคนพยายามเข้ามา พวกเขาจะถูกพลังดั้งเดิมข้างในโจมตี
หลังจากสร้างหมอกพลังดั้งเดิมเสร็จสิ้น หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากและยอมให้ตราประทับชิ้นส่วนแดนสวรรค์เข้าไปในสายหมอก หลังจากนั้นเขาจึงสบายใจและนั่งลง วิญญาณดั้งเดิมรูปร่างมังกรสายฟ้าโบราณพุ่งออกมาเข้าหากระดูกอสูรทั้งแปดชิ้น
จังหวะที่วิญญาณของเขาเข้าไปใกล้ พลังดึงดูดโผล่ออกมาจากกระดูกอสูรอีกครั้ง หวังหลินแบ่งวิญญาณตัวเองออกเป็นแปดส่วนและเข้าไปในกระดูกแต่ละชิ้น
หลังจากดูดซับวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินทั้งหมดไป กระดูกอสูรแปดชิ้นก็เรืองแสงชั่วร้าย แสงนั้นยิ่งส่องสว่างขึ้นและสว่างขึ้นจนกระทั่งลำแสงสีน้ำเงินพุ่งออกมาเข้ากระบี่ตรงกลาง
ลำแสงสีเงินนี้บรรจุวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินไปด้วย วิญญาณของเขาผ่านการเปลี่ยนแปลงที่หวังหลินเองก็ไม่เข้าใจและถูกส่งเข้าหากระบี่เหิน
กระบี่สั่นสะท้านและปลดปล่อยเสียงหึ่งๆ วิญญาณหวังหลินผสานกลับเป็นหนึ่งดวงและรู้สึกถึงปราณกระบี่ทรงพลังที่กำลังพุ่งเข้าหาวิญญาณของตัวเองได้
หวังหลินขมวดคิ้ว พลังดั้งเดิมในร่างแพร่กระจายออกมาดุจพายุ แตกสลายปราณกระบี่ทั้งหมด ทว่าวินาทีต่อมาปราณกระบี่ก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้งราวกับไม่มีวันจบสิ้น
‘มีบางอย่างผิดปกติ นี่มันกฏเกณฑ์ก่อกำเนิด!’ หวังหลินเริ่มสรุปกฏเณฑ์และนั่งลงอย่างว่าง่าย เขาสร้างโล่ห์พลังดั้งเดิมเพื่อขัดขวางปราณกระบี่และเมินเฉยพวกมันอย่างสิ้นเชิง
หลังผ่านไปไม่รู้เวลา ดวงตาหวังหลินส่องสว่างออกมา เขามองทะลุกฏเกณฑ์นี้ได้แล้ว เพียงแค่คิดขึ้นมา กฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนพลันปรากฏรอบกายและแพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง
ชั่วจังหวะนั้นกระบี่แปดเล่มด้านนอกพลันลอยขึ้นมาเหนือกระดูกอสูร ปลายกระบี่ชี้ลงและส่งปราณกระบี่พุ่งออกมาทันที
ปราณกระบี่แบ่งออกเป็นแปดสาย แต่ละสายมาจากกระบี่แต่ละเล่ม วิญญาณหวังหลินแบ่งตัวออกเป็นแปดส่วนอีกครั้งและเข้าสู่กระบี่สวรรค์ทั้งแปด
ประสบการณ์จากก่อนหน้านี้กลับมาอีกครา แต่คราวนี้มีปราณกระบี่มากกว่าเดิม หวังหลินแบ่งวิญญาณออกเป็นแปดส่วนและทุกครั้งจะพบประสบการณ์เดียวกัน
สามวันถัดมา กระบี่ทั้งแปดเล่มส่งปราณกระบี่เข้าหากระดูกอสูรชิ้นใหญ่ที่สุดตรงกลาง วิญญาณหวังหลินโผล่ออกมาพร้อมกับปราณกระบี่และเข้าหากระดูกอสูรที่มีหนามแหลมนั้น
หวังผลินผสานวิญญาณเข้าไปในกระดูกอสูรชิ้นนั้นและในเวลาเดียวกันก็ทิ้งตราประทับใส่ลงไปด้วย ความรู้แจ้งหนึ่งปรากฏข้างในวิญญาณหวังหลิน ความเข้าใจกระดูกอสูรชิ้นนี้มีมากล้นหาที่เปรียบไม่ได้ราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
หลังผ่านไปสักพักวิญญาณหวังหลินก็ลอยออกมาจากกระดูกและกลับเข้าไปในร่างกาย
หวังหลินลืมตาขึ้นมาและเผยท่าทางตกใจปนตื่นเต้น
‘มันคู่ควรที่จะเป็นสมบัติเทพจริงๆ หากไร้ซึ่งวิธีพิเศษแบบนี้ ไม่มีทางที่จะทิ้งตราประทับไว้ได้! เมื่อวางตราประทับได้สำเร็จก็จะได้รับความรู้ใจการใช้งานมันทันที…’ หวังหลินยืนขึ้นมา โบกแขนและกระดูกอสูรชิ้นใหญ่ลอยเข้าหาทันที
“ของชิ้นนี้เรียกขานกันว่า ชุดเต๋าร่วงโรย มันทรงพลังยิ่งและถือได้ว่าเป็นสมบัติวิเศษอย่างแท้จริง! น่าเสียดายที่มันได้รับความเสียหายในมือเจ้าของคนก่อนตอนที่ประมือกับเทพโบราณ เจ้าของคนก่อนตายไปแล้ว แม้แต่ข้าก็ยังไม่สามารถซ่อมแซมมันได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าพลังของมันยังอัศจรรย์ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสมบัติที่ทรงพลังที่สุดของข้า!” หวังหลินยื่นมือขวาออกมา กระดูกอสูรคล้ายได้รับชีวิต มันพุ่งเข้าหาหวังหลินและหายไปในแขน
วินาทีต่อมา รอยสักกระดูกอสูรหนึ่งชิ้นปรากฏด้านหลังแขน ดูราวกับมีชีวิต!
หวังหลินไม่ได้เก็บหมอกดั้งเดิมและมองลี่หยวน อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของลี่หยวนได้รับการรักษาแล้วและวิญญาณเขากำลังดูดซับพลังดั้งเดิมเพื่อทำลวงผ่านขั้นตอนสุดท้าย หวังหลินไม่มั่นใจว่าลี่หยวนจะสำเร็จหรือไม่
ขณะรอคอยให้ลี่หยวนตื่นขึ้นมา หวังหลินเปิดกระเป๋าทั้งสามคนที่เขาฆ่าไป กระเป๋าของสตรีมีของอยู่ข้างในแต่ไม่มีอะไรที่ทำให้หวังหลินสนใจ หลังจากหยิบหินหยกสวรรค์ออกมา หวังหลินก็วางไว้ด้านข้าง
ส่วนกระเป๋าของนายน้อยตระกูลเหยานั้น มีของบางอย่างอยู่ข้างในด้วย หลังจากมองเข้าไป หวังหลินขมวดสายตาและจับจ้องบนของชิ้นหนึ่ง
มันคือยันต์กระดาษ!
เทียบกันแล้ว ของสิ่งอื่นดูไม่มีค่าอะไรเลย มันคือยันต์เซียนชิ้นที่สองที่เขาพบมันตั้งแต่มาดาราจักรทุกชั้นฟ้า
หลังขบคิดสักพัก หวังหลินตบกระเป๋านำยันต์อีกชิ้นออกมา ยันต์เซียนสองแผ่นมีขนาดคล้ายกันแต่อักขระที่วาดลงไปกลับต่างกัน
‘นี่มันอะไรกันแน่…’ หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณออกมาตรวจสอบทั้งสองชิ้น สายตาขมวดเข้าหากันเมื่อรับรู้ถึงพลังดั้งเดิมเจือจางที่ผันผวนออกมาจากข้างใน
เขาไม่สามารถสังเกตมันได้ด้วยระดับบ่มเพาะก่อนหน้านี้
‘น่าสนใจ หรือว่ามันจะเป็นสมบัติด้วย!?’ หวังหลินขบคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเก็บยันต์เซียนกลับไป เขามีความรู้สึกว่าพวกมันไม่ใช่ของธรรมดา
เมื่อหวังหลินหยิบกระเป๋าชิ้นสุดท้ายขึ้นมา สายตาส่องสว่างและพึมพำ “ความคิดชายชรายุ่งเหยิงแต่เป้าหมายในแดนสวรรค์อัสนีนับว่าชัดเจนยิ่ง เขามาที่นี่เพื่อพานายน้อยตระกูลเหยาไปที่ตำหนักของสะสมเพื่อรับวิชาเทพ!”
หวังหลินเรียนรู้มาจากความทรงจำของชายชราว่ามีชิ้นส่วนแดนวรรค์ชิ้นหนึ่งที่ถูกผนึกจากการรวมพลังของสี่ตระกูลแห่งดาราจักรทุกชั้นฟ้าพร้อมกับการสืบทอดจากแดนสวรรค์
บนชิ้นส่วนที่ถูกผนึกนี้มีตำหนักของสะสมอยู่ ตำแหน่งนี้เก็บรวบรวมวิชาเทพและยังรักษาไว้ได้อย่างดี
ทว่าตำหนักของสะสมนี้ถูกสร้างขึ้นจากจักรพรรดิเทพคนก่อนและเหล่าผู้ใต้บัญชา ตำแหน่งมีกฏของตัวเองและคนที่จะได้รับวิชาเทพขึ้นอยู่กับโชค
ตระกูลใหญ่ทั้งสี่แห่งที่สืบทอดมาจากแดนสวรรค์ไม่สามารถทำลายกฏพวกนี้ลงได้ พวกเขาทำได้เพียงแค่ผนึกมันและเปิดมันขึ้นเพื่อปล่อยให้สมาชิกตระกูลของตนเองแสวงหาโชค
นานมาแล้วที่ตำหนักของสะสมแห่งนี้ได้เป็นสถานที่พิเศษสำหรับตระกูลใหญ่ทั้งสี่และไม่มีคนนอกคนใดอนุญาตให้เข้าไป
ตระกูลเยาไม่ได้ส่งมาแค่กลุ่มเดียวเพื่อมาแดนสวรรค์อัสนี แต่กลับส่งมาถึงสิบกลุ่ม!
‘ตำหนักของสะสม…’ สายตาวหังหลินส่องสว่างขึ้น
ชั่วขณะนั้นลมหายใจของลี่หยวนเป็นปกติและค่อยๆลืมตาขึ้นมา เขามองมาข้างหน้าและถอนหายใจ “ขอบคุณมากพี่ซิ่ว แต่ดูเหมือนข้าไม่มีชะตาที่จะบรรลุขั้นมายาหยิน วิญญาณดั้งเดิมของข้าไม่สามารถทนรับพลั้งดั้งเดิมขนาดนั้นได้”
ลี่หยวนก้มศีรษะมองมาที่แขนข้างที่เสียหาย หลังจากพูดประโยคนั้นเขาก็เงียบลง
หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมา หมอกดั้งเดิมทั้งหมดถูกถอนออก หวังหลินมองลี่หยวนอย่างละเอียดและเผยรอยยิ้ม “น้องลี่ เจ้าไม่ควรประเมินตนเองต่ำไป พลังดั้งเดิมในร่างกายกำลังหล่อเลี้ยงวิญญาณของเจ้า เมื่อเจ้าดูดซับพลังดั้งเดิมทั้งหมดนั้นเจ้าก็จะบรรลุขั้นมายาหยิน วันนั้นจะมาไม่ช้าก็เร็ว แต่มันจะเกิดขึ้นแน่นอน!”
ดวงตาลี่หยวนเรืองแสงและพยักหน้า เขายืนขึ้นโค้งคำนับให้หวังหลิน “พี่ซิ่ว ข้าเป็นหนี้ท่านมากมาย ข้าจะจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจและจะไม่มีวันลืม”
ลี่หยวนไม่ใช่คนพูดมากแต่สิ่งนี้ออกมาจากหัวใจเขา เขารู้สึกถึงได้ขอบคุณหวังหลิน!
หวังหลินยิ้มบาง ใช้มือคว้ากระเป๋าที่เขาไม่ได้ตรวจค้น พลันตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณและโยนมันให้ลี่หยวน
ขณะเดียวกันกระบี่เก้าเล่มก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศและร่อนลงข้างลี่หยวน
“ขอคืนพวกมันให้เจ้าของเดิมแล้วกัน เก็บกระเป๋านั้นไว้ด้วย ข้าเชื่อว่าสิ่งของข้างในจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า”
ลี่หยวนพยักหน้าและเก็บกระบี่กลับไป เขาหยิบกระเป๋าขึ้นและตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณก่อนจะนำบางสิ่งออกมา มันคือกระจกโบราณ
“นี่คือกระจกโบราณทำลายกฏเกณฑ์ พวกมันมีอยู่ไม่มากนักและสามารถทำลายกฏเกณฑ์ส่วนใหญ่ได้!” ขณะเอ่ยออกมาก็โยนให้กับหวังหลิน
หวังหลินรับไว้ด้วยรอยยิ้มและเก็บใส่กระเป๋า
ลี่หยวนลังเลและเอ่ยถาม “ข้าไม่สามารถมองทะลุระดับบ่มเพาะของพี่ซิ่วได้เลย เห็นได้ชัดว่าท่านเพิ่มพูนขึ้นมามหาศาลเทียบกับคราวก่อน บรรพชนโลหิตถูกมิติเก็บของทำลายไปแล้วใช่ไหม?”
“อันตรายจากบรรพชนโลหิตได้รับการแก้ไขแล้ว แม้เขาจะไม่ตายมันก็ไม่ต่างกันมาก” หวังหลินเอ่ยอย่างสุขุมแต่เมื่อลี่หยวนได้ยินเช่นนี้เขากลับตกตะลึงและมองหวังหลินอย่างมีท่าที ด้วยความฉลาดเฉลียวจึงคาดเดาได้จากคำพูดของหวังหลินว่าการที่ระดับบ่มเพาะของหวังหลินเพิ่มขึ้นมารวดเร็วนั้นต้องเกี่ยวข้องกับบรรพชนโลหิต
หวังหลินมองลี่หยวนด้วยรอยยิ้ม “น้องลี่ ข้าจะออกไปค้นหาแดนสวรรค์อัสนีต่อและค้นหาวิชาเทพไปด้วย เจ้าต้องการช่วยข้าทำลายกฏเกณฑ์ไหม?”
ด้วยพลังในปัจจุบัน นอกจากคนไม่กี่คนแล้ว มีไม่มากนักในแดนสวรรค์ที่จะประมือกับหวังหลินได้ หากลี่หยวนอยู่ใกล้ๆ เขาก็สามารถปกป้องลี่หยวนได้ง่ายดาย ถึงแม้จะไม่ได้รวมถึงตอนลี่หยวนมีเวลาเพียงพอที่จะใช้กฏเกณฑ์ของตัวเอง เขาคงไม่จำเป็นต้องให้หวังหลินปกป้อง
หวังหลินมีแผนของตัวเองในการเชิญชวนลี่หยวน เห็นได้ชัดว่าลี่หยวนรู้เรื่องแดนสวรรค์อัสนีมากกว่าเขา อีกทั้งในแง่ของกฏเกณฑ์ หวังหลินก็เทียบลี่หยวนไม่ได้ ดังนั้นแล้วคงง่ายกว่าเดิมมากถ้าเขาค้นหาวิชาเทพไปโดยมีลี่หยวน
หลี่หยวนเผยดวงตายินดีและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เมื่อนี่เป็นความต้องการของพี่ซิ่ว ข้าจะช่วยท่านให้ดีที่สุด ตราบใดที่ข้ามีเวลาพอ ข้าสามารถทำลายกฏเกณฑ์ทั้งหมดของที่นี่ได้แน่นอน! เพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับพี่ซิ่ว ครั้งนึงมีซากเทพอยู่ตรงนี้!”
ลี่หยวนชี้ตรงไปที่พื้นราบ พื้นดินเต็มไปด้วยใบไม้ใบหญ้า หญ้าที่แห้งตายถูกสายลมพัดผ่านจนเกิดเสียงหวีดหวิว ไม่ว่าจะดูอย่างไรมันก็ธรรมดายิ่ง
แขนข้างเดียวของลี่หยวนสร้างผนึกขึ้นมา ร่างกายตอนนี้เต็มเปี่ยมด้วยพลังดั้งเดิม ดงันั้นกฏเกณฑ์บางส่วนที่เขาไม่สามารถใช้ได้ก่อนหน้านี้เนื่องจากประทับตราทาส ตอนนี้เขาใช้ได้แล้ว
ท้องฟ้ามืดครึ้ม พื้นที่ราบเบื้องหน้าพวกเขาดูเหมือนภาพวาดที่ถูกปกคลุม ยามที่กฏเกณฑ์ของลี่หยวนตกลงมา พื้นที่ราบแตกกระจายแสดงให้เห็นถึงเมืองปรักหักพัง
แผ่นจารึกหินแจกหักตั้งตระหง่านเบื้องหน้าซากปรักหักพังและมีคำพูดโบราณอยู่สามคำสลักเอาไว้
“ปราสาทต้อนรับเทพ!”
“วิชาเทพไม่อาจใช้ได้แค่ตามตำรา ด้วยการใช้หัวใจแห่งกฏเกณฑ์ทำล้ายล้างของตระกูลลี่ ข้าสามารถตามรอยวิชาเทพเพื่อย้อนคืนพวกมันได้ วิธีนี้ทำร้ายร่างกายผู้ใช้งาน ดังนั้นตระกูลลี่ของข้าจึงไม่ได้ใช้อย่างลวกๆ ทว่าหากพี่ซิ่วต้องการความช่วยเหลือ ข้ายินดีช่วยท่านแน่นอน!”