985. ขวดล้ำค่า
ประตูตำหนักเปิดออกจากด้านใน หวังหลินมองหลิงเอ๋อผู้ตื่นกลัวด้วยรอยยิ้มและหัวเราะ “เกิดอะไรขึ้นเจ้าถึงมาหาข้าที่นี่เช้าขนาดนี้?”
หลังนางเห็นหวังหลินออกมา นางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นลูบหน้าอกและรีบเอ่ย “ผู้อาวุโส พระอาทิตย์ขึ้นบนดาววิญญาณวารีนั้นสวยงามมาก หลิงเอ๋อมาถามว่าผู้อาวุโสอยากไปดูไหม” นางเอ่ยด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ แม้หวังหลินจะเป็นผู้อาวุโส จากมุมมองของนาง เขาไม่ได้ดูแก่กว่านางมากนัก อีกทั้งการเชิญชวนอย่างเปิดเผยทำให้หัวใจนางเต้นเร็วขึ้นไปอีก
หลังจากหวังหลินได้ยินคำพูดนาง รอยยิ้มก็หายไปและขมวดคิ้ว
หลิงเอ๋อสังเกตใบหน้าหวังหลิน และเมื่อเห็นหวังหลินขมวดคิ้วหัวใจจึงตกลงไปบนตาตุ่ม นางยืนนิ่งๆกัดริมฝีปากและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“แม่นางหลิงเอ๋อ ข้ายังต้องบ่มเพาะ หากเจ้ากลัว ข้าจะให้ต้าซานไปกับเจ้า” สายตาหวังหลินตกลงไปบนต้าซานและออกคำสั่ง “ต้าซาน คุ้มกันแม่นางหลิงเอ๋อและอย่าให้นางเป็นอะไร”
หลังจากเอ่ยจบ หวังหลินไม่มองหลิงเอ๋ออีกและเดินกลับไปยังตำหนัก
เขายิ้มบิดเบี้ยวในใจ จะไม่เข้าใจความหมายของหลิงเอ๋อได้อย่างไร? แม้การเรียกเขาว่าเซียนเฒ่าจะเป็นการกล่าวเกินเลยก็จริง ตั้งแต่ที่เขาฝึกเซียนมากกว่าพันปี การเรียกแบบนั้นก็เหมาะสมกับระดับบ่มเพาะแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นอายุจริงๆเขามากกว่าพันปีซึ่งมากกว่าหลิงเอ๋อหลายรอบ เหตุผลที่เขาต้องดีต่อนาง นอกจากที่มีรากวิญญาณวารีแล้ว อีกเหตุผลก็คือผู้อาวุโสต้องใจดีต่อผู้น้อย ไม่มีเหตุผลอื่น
“หลิงเอ๋อไม่มีความหมายอื่น ข้าแค่อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับผู้อาวุโส ผู้อาวุโสไม่อาจตอบรับกระทั่งคำขอเล็กน้อยนี้ได้เลยหรือ?” หลิงเอ๋อดวงตากระจ่างสดใส นางไม่รู้ตัวเองว่าทำไมถึงได้ตื่นขึ้นมา อยากจะหาหวังหลิน นางอยากรู้คำตอบในความฝันของตนเอง นางมีความรู้สึกว่าจะได้คำตอบจากหวังหลิน
หวังหลินหันหลังให้หลิงเอ๋อและไม่หยุดเดิน เขาโบกแขนเสื้อ ประตูตำหนักค่อยๆปิด
“ผู้อาวุโส หลิงเอ๋ออยากรู้เรื่องยักษ์ที่ปรากฏในคืนนั้น เขา…เขาเป็นอะไร…” หลิงเอ๋อกำลังจะก้าวเข้าไป
ต้าซานดวงตาส่องสว่างและก้าวเท้า ระลอกคลื่นแพร่กระจายร่อนลงบนหลิงเอ๋อ ผลักนางออกห่างไปหลายสิบฟุต
ระดับบ่มเพาะของหลิงเอ๋อไม่ได้สูงนักจึงได้ถอยร่น ใบหน้าซีดเผือด พลังปราณในร่างไม่มั่นคง รวมกับความกังวลและนอนไม่หลับ ทำให้พลังปราณในร่างตกอยู่ในความโลาหล เลือดพุ่งขึ้นสู่ลำคอและนางกระอักโลหิตออกมา
หวังหลินถอนหายใจ ขมวดคิ้วพลางหายร่างไปจากตำหนักและปรากฏตัวข้างกายนาง ตบหลังนางเบาๆส่งพลังดั้งเดิมเข้าไป เพียงแค่โคจรครั้งเดียวก็ทำให้พลังปราณมั่นคง อาการบาดเจ็บเล็กน้อยหายไปสิ้น
“สาวน้อย…ไปกันเถอะ ข้าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกับเจ้า” หวังหลินหมดหนทาง แม้เขาจะมีความปรารถนาดีต่อนาง มันก็ไม่เพียงพอให้เขาตัดสินใจ เหตุผลที่เขาเข้ามาเพราะเห็นว่านางมีคำถามอยากจะถามเขาจริงๆ
“ผู้อาวุโส ท่านรับคำขอของหลิงเอ๋อแล้ว?” แม้ใบหน้าจะซีดขาว ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสุข ดวงตาส่องประกายและน่ารักน่าชัง
“ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น” หวังหลินถอนหายใจ เขาเฝ้าดูพระอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้นกับลี่มู่หวานในปีสุดท้ายของนาง มันกลายเป็นความทรงจำไม่มีวันลืมสำหรับหวังหลิน ตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ดูมันกับใครอีก
หากจะเป็นคนอื่น ก็คงเป็นตอนที่อยู่ในสำนักหลอมวิญญาณ ตอนที่เขาและหลิวเหมยถูกแยกจากกันด้วยกำแพง ทั้งคู่เฝ้าดูพระอาทิตย์ตกดิน
หลิงเอ๋อเผยรอยยิ้มสดใสพลางพยักหน้า เสียงกระดิ่งดังขึ้นบนเอว จุดสีขาวโผล่ออกมาไกล เป็นกระเรียนขาวลอข้ามมาและโฉบอยู่เหนือหลิงเอ๋อ
หลิงเอ๋อกระโดดขึ้นไปบนหลังกระเรียน ส่วนหวังหลินนั้นเขาจะไปนั่งกับสาวน้อยบนหลังกระเรียนได้อย่างไร? หวังหลินเพียงก้าวเท้าและเดินขึ้นไปบนอากาศ
หลิงเอ๋อยิ้มแย้ม นางลูบศีรษะกระเรียนและเอ่ยขึ้นมา “ผู้อาวุโส ติดตามหลิงเอ๋อนะ” จากนั้นกระเรียนก็เหาะเข้าไปในท้องฟ้าเป็นเส้นโค้งสวยงาม
หวังหลินติดตามไปด้วยรอยยิ้มขมขื่นและหายตัวไปเหนือเส้นขอบฟ้า
ระหว่างทางหลิงเอ๋อมีความสุขมากและหัวเราะอย่างต่อเนื่อง กระดิ่งบนเอวส่งเสียงผสานกับเสียงหัวเราะจนแทบจะกลายเป็นเสียงสวรรค์ หวังหลินได้ฟังจนเกิดความสบายยิ่ง
หวังหลินถอนหายใจมองหลิงเอ๋อบนหลังกระเรียน เขาเห็นว่านางมีความสุขจริงๆ นอกจากช่วงชีวิตวัยเด็กแล้ว หายากที่เขาจะมีช่วงเวลาที่มีความสุขพร้อมกับหญิงสาวคนนี้
ใช้เวลาไม่นานกระเรียนก็ไปอยู่บนยอดเขาสูงเสียดฟ้า ก้อนเมฆล้อมรอบยอดเขา เสี้ยวแสงสีแดงจากดวงอาทิตย์ส่องเข้าแตะยอดเขาทำให้เป็นภาพสวยงามน่าจับตามอง
ยอดเขาถูกซ่อนไว้ท่ามกลางก้อนเมฆและเต็มไปด้วยสีเขียวชอุ่ม แค่ชำเชียงมันก็ดูเป็นธรรมชาติยิ่ง
ความมืดพึ่งจะผ่านไปอยู่หลังยอดเขา มันคือทะเลไร้ขอบเขตของดาวดวงนี้
เจ้ากระเรียนร้องออกมาขณะพุ่งผ่านก้อนเมฆและมุ่งตรงเข้าหายอด ใช้เวลาไม่นานมันก็มาถึงและร่อนลงไป
หลิงเอ๋อกระโดดออกมาและร่อนลงเหมือนผีเสื้อ กระดิ่งบนเอวส่งเสียงกริ๊ง นางร่อนสู่บนก้อนหินสีฟ้าหนึ่ง
“ผู้อาวุโส มาเร็ว” สายลมพัดผ่านเข้ามา พัดเส้นผมนางจนส่วนหนึ่งปัดไปบังหน้า
ซึ่งทำให้นางเผยความน่ารักอัศจรรย์ใจ ผมสีดำพริ้วไหวและใบหน้าไร้ที่ติของนางตกอยู่ในสายตาหวังหลิน
เสน่ห์ภายในที่หลิงเอ๋อมียามเป็นหญิงสาวพร้อมกับรากวิญญาณวารีที่เผยออกมาเองโดยไม่ตั้งใจยามสายลมภูเขาพัดผ่าน
มันไม่ได้มีความหมายมากนัก แต่ดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นจากทางทิศตะวันออกและความมืดที่กำลังจางหาย แสงสีส้มอ่อนปรากฏขึ้นในโลกราวกับกระบี่นับไม่ถ้วนแทงทะลุผ่านความมทดมิด ความมืดค่อยๆหายไป
ดวงอาทิตย์ขึ้นเบื้องหลังใบหน้างดงามของหลิงเอ๋อ….
แสงอ่อนๆคละเคล้าอารมณ์ ดวงอาทิตย์ขึ้นกลายเป็นฉากหลัง ฉากหลิงเอ๋อยิ้มพร้อมกับเส้นผมส่วนหนึ่งปกคลุมแก้มจะประทับอยู่ในใจหวังหลินตลอดกาล
หวังหลินดวงตาชื่นชม พลางก้าวเท้า และร่อนลงบนก้อนหิน มองพระอาทิตย์ขึ้นอย่างเงียบๆ ในใจตกอยู่ในสภาวะแปลกประหลาด
ความสงบ
หลิงเอ๋อไม่ได้พูดอันใดแต่ปัดผมไปด้านหลัง นางมองหวังหลินที่กำลังมองพระอาทิตย์ขึ้นและเผยรอยยิ้ม
จนกระทั่งดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างเต็มที่ หลิงเอ๋อจึงถอนหายใจและเอ่ยเบาๆ “ก่อนที่พี่หญิงเฉว่จะมาที่ดาวดวงนี้ ข้าก็มักจะมาที่นี่เองเพื่อมองพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก…”
ขณะที่หวังหลินมองอาทิตย์ขึ้น “มันสวยมาก” ในตอนนั้นเขาจมอยู่กับสภาวะประหลาดยิ่งโดยบังเอิญ แม้จะสั้นแต่ก็ไม่ลืมเลือน
ในสภาวะประหลาดนั้นเขาเห็นบางอย่างเลือนลาง แต่เมื่อคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน มันเหมือนเขาไม่เห็นอะไรเลย มันคือความรู้สึกประหลาดยิ่งและเป็นครั้งแรกที่หวังหลินพบเจอ
เสียงทะเลดังออกมาไกลและผสานกับความเงียบสงบในพื้นที่อย่าสงมบูรณ์แบบ เสียงทั้งหมดที่ได้ฟังไม่มีตรงไหนที่อึดอัด
ผ่านไปนาน หลิงเอ๋อเอ่ยขึ้นเสียงเบา “ผู้อาวุโส หลิงเอ๋อยากรู้ว่ายักษ์ที่ปรากฏขึ้นในคืนก่อนนั้นคือ…”
หวังหลินมองออกไปไกล ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว หลังจากขบคิดเล็กน้อยเขาก็ค่อยๆเอ่ยออกมา “มันเป็นเพียงหนึ่งในจิตวิญญาณสมบัติของข้าเท่านั้น”
หลิงเอ๋อกัดริมฝีปากพลางมองหวังหลินและส่ายศีรษะ “ผู้อาวุโสไม่จำเป็นต้องพยายามโกหกหลิงเอ๋อ ข้ารู้ว่ามันไม่ใช่จิตวิญญาณสมบัติแต่เป็นตัวตนที่สูญพันธุ์ไปนานมากแล้ว พวกเขาเคยเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางดวงดารา”
หวังหลินหรี่ตาเล็กน้อย “ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนั้น?”
หลิงเอ๋อก้มศีรษะและขบคิดอยู่นาน นางกัดฟันแน่นราวกบตัดสินอยู่ในใจ ความรู้สึกประหลาดผสมปะปนขณะที่มองหวังหลิน “ผู้น้อยมีความฝันหนึ่งอยู่ในใจตั้งแต่ยังเด็ก และก็มักจะลืมเลือนตัวเองภายในนั้น…ในความฝัน ข้าเห็น…ยักษ์ที่ปรากฏขึ้นในคืนก่อน! แม้มันจะไม่เหมือนกัน แต่มีดวงดาวระหว่างคิ้วเหมือนกัน!”
หลิงเอ๋อไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง นางไม่อยากบอกให้คนอื่นรู้ แต่เมื่อเผชิญหน้าหวังหลิน จากเกิดความรู้สึกประหลาดและบอกความลับยิ่งใหญ่ที่สุดให้เขาฟัง
หวังหลินสีหน้าท่าทางเป็นปกติแต่เขาตกตะลึงอยู่นใจ จ้องมองหลิงเอ๋อพลางค่อยๆขมวดคิ้ว เขาไม่เชื่อสิ่งที่นางพูดอย่างสิ้นเชิง
เขาได้รับมรดกแห่งภูมิปัญญามาจากตู่ซือและไม่มีสิ่งใดในความทรงจำของตู่ซือจะกล่าวถึงการปฏิสัมพันธ์กับเหล่ามนุษย์ ไม่มีสิ่งใดที่สามารถอธิบายเรื่องที่นางพูดได้
‘ฝันถึงเทพโบราณเป็นเรื่องไร้เหตุผลสิ้นดี’ หวังหลินไม่มองหลิงเอ๋ออีกและมองออกไปไกล หลังจากนั้นสักพักก็เอ่ยเสียงเรียบ “อาทิตย์ขึ้นไปแล้วและข้าก็ตอบคำถามเจ้าแล้ว เจ้าจากไปได้ ข้าจะอยู่ที่นี่ทำความเข้าใจเล็กน้อยและไม่ต้องการให้ถูกรบกวน”
หลิงเอ๋อหน้าซีดทันทีและก้าวถอยหลังจ้องมองหวังหลิน นางรู้ว่าเขาไม่เชื่อคำพูดนาง
พอขบคิดเล็กน้อยหลิงเอ๋อเผยสายตามุ่งมั่น นางไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่มองจากภายนอก เมื่อตัดสินใจแล้วจะไม่ยอมถอยง่ายๆ
หลิงเอ๋อคุกเข่าลงบนพื้นหนึ่งข้างโดยไม่ลังเล สองแขนทำท่าเป็นรูปทรงขวดล้ำค่า เงยศีรษะขึ้นเผยลำคอเรียวงาม ทำท่าทางเหมือนที่เจอในความฝันหลายพันครั้ง!
ดวงตาหวังหลินหรี่แคบทันที ราวกับสายฟ้าระเบิดขึ้นในใจ
คงเหลือตอนพิเศษ 3 ตอน