989. ชั่วขณะแข็งแกร่งที่สุด
จ้าวสายลมหวนไม่มั่นใจนักว่าหวังหลินสร้างวิชานั้นขึ้นมาจริงๆ รู้สึกแต่เพียงว่าวิชานั้นทรงพลังยิ่งและหายากที่จะเห็นวิชาที่มีพลังอำนาจเทียบเท่า!
เหตุผลที่จ้าวสายลมหวนคิดว่าหวังหลินสร้างวิชานี้ขึ้นมาด้วยตัวเองก็เนื่องจากประสบการณ์การฝึกเซียนมากมายและยังเป็นขั้นชำระสวรรค์ชั้นต้น เรื่องประสบการณ์ด้านวิชานั้น จ้าวสายลมหวนรู้สึกว่าขาดความเชี่ยวชาญอยู่บ้าง!
การขาดความเชี่ยวชาญนี้ไม่ได้เป็นเพราะผู้ใช้งานไม่คุ้นเคยกับวิชา แต่มันมาจากตัววิชาเอง มันเหมือนหินหยกเงาวับดูเรียบลื่น หากสัมผัสมันจะพบได้ว่ามันก็ยังสากมืออยู่เล็กน้อย
ซึ่งทำให้จ้าวสายลมหวนเอ่ยคำถามขึ้นมาหลังจากขบคิดอยู่นาน
หวังหลินมองจ้าวสายลมหวนอย่างสงบนิ่งและพยักหน้า
การพยักหน้าของเขาทำให้เกิดพายุกวาดผ่านจิตใจของจ้าวสายลมหวน เขาตกตะลึงงันและไม่อาจพูดสิ่งใดได้เป็นเวลานาน
วิชาที่สร้างขึ้นมาเองไม่ใช่สิ่งที่ใครทุกคนจะทำได้ อย่างน้อยจากประสบการณ์ของจ้าวสายลมหวนแล้ว เขาได้ยินว่ามีแต่เหล่าเซียนเฒ่าขั้นทลายสวรรค์เท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติสร้างวิชาพิเศษให้ตัวเอง
โดยพื้นฐาน วิชาใดก็ตามที่สร้างขึ้นมาเองถือว่าทรงพลังเหนือจินตนาการยิ่ง!
‘สร้างขึ้นเอง…’ จ้าวสายลมหวนสีหน้าขมขื่น เขาไม่เคยคาดคิดว่าหวังหลินจะสร้างวิชาขึ้นมาและพลังของมัน…
เมื่อคิดถึงความรู้สึกถูกฉีกกระชาก จ้าวสายลมหวนใบหน้าถอดสี ความเจ็บปวดยังคงอยู่ที่เดิม โดยเฉพาะความเจ็บปวดรุนแรงจากแขนขวาที่สลายไปแล้ว
จ้าวสายลมหวนเข้าใจลึกซึ้งว่าหากหวังหลินไม่ได้ต้องการสังหารเขา เขาก็คงแตกสลายภายใต้วิชานั่นไปแล้ว
ความคิดหลายร้อยอย่างแล่นผ่านสมองจ้าวสายลมหวน หวังหลินกำลังขบคิดเช่นเดียวกัน วิชาแยกราตรีนั้นได้นำพาให้หวังหลินรู้สึกไม่น้อยกว่าจ้าวสายลมหวน ความจริงเขาตกตะลึงยิ่งกว่า!
‘ระดับบ่มเพาะจริงๆของข้ายังอยู่ที่ขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางสูงสุดเท่านั้น ห่างจากระดับปลายเพียงก้าวเดียวแต่ก็ยังไกลจากจุดสูงสุด ความแตกต่างระหว่างข้ากับขั้นชำระสวรรค์นับว่ากวางใหญ่ แต่ทำไมวิชาแยกราตรีถึงได้ทำให้จ้าวสายลมหวนบาดเจ็บสาหัสได้ง่ายๆ…’
หวังหลินกำลังขบคิดถึงปัญหานี้
ขณะขบคิดพลางยกแขนขวาขึ้น ดวงตาส่องประกายเจิดจ้า สัมผัสวิชาแยกราตรีปรากฏขึ้นในใจและแสงสีทองปรากฏในแขนขวา แสงสีทองนี้ส่องสว่างดุจดวงตะวันแผดเผา!
จ้าวสายลมหวนหวาดกลัวยิ่งพลางลุกขึ้นอดทนต่อความเจ็บปวดและล่าถอย เขาไม่เห็นว่าหวังหลินกำลังขมวดคิ้ว
หวังหลินโบกแขนและแสงสีทองก็สลายไป
จ้าวสายลมหวนถอนหายใจพลางเอ่ยอย่างเคารพ “ข้าจะจดจำความเมตตาของสหายเซียนหวัง! ครั้งนี้ข้าเลินเล่อเกินไป การสูญเสียแขนขวาจำเป็นการย้ำเตือนความผิดพลาดของข้า ข้าจ้าวสายลมหวนขอสาบานต่อเต๋าว่าจะไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นซ้ำสอง!”
แม้จะยอมรับที่พ่ายแพ้ต่อหวังหลิน เขาก็ยังขัดข้องใจ เดิมทีเขาตัดสินใจก่อกบฏในดินแดนวิญญาณปิศาจ
อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นพลังอำนาจของวิชาแยกราตรีและเรียนรู้ว่ามันถูกสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง เขาก็ล้มเลิกความคิดพวกนั้น เพ่งสมาธิไปที่การออกจากดินแดนวิญญาณปิศาจและได้รับอิสระ
ไม่ว่าวิชานี้จะถูกหวังหลินสร้างขึ้นมาจริงๆหรือไม่ เขาก็ไม่กล้าถามมากเกินไป ด้วยระดับบ่มเพาะและประสบการณ์เขาจึงพอจะเห็นเบาะแสบางอย่างและคิดว่าสิ่งที่หวังหลินพูดแปดในสิบส่วนคือความจริง
อย่างไรก็ตามไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป วิชาที่น่าตกตะลึงแบบนั้นสลายความคิดต่อต้านไปอย่างสิ้นเชิง อีกทางหนึ่งเขาก็โล่งใจที่ไม่ต้องคิดอีก
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากได้รับความเมตตาถึงสองครั้ง จ้าวสายลมหวนรู้ว่ามันจะไม่มีครั้งที่สาม!
หวังหลินมองจ้าวสายลมหวนอย่างสงบนิ่ง ทั้งสองคนต่างก็เป็นคนมีเหตุมีผลดังนั้นจึงไม่ต้องเตือนหรือพูดอะไรมากนัก เขาแค่พยักหน้าและปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป
‘สหายเซียนหวัง จากความเข้าใจของเซียนเฒ่าแห่งดาวเทียนหยุน ดินแดนวิญญาณปิศาจจะเปิดขึ้นในเร็ววันนี้ มันอาจจะเปิดขึ้นภายในไม่กี่เดือนหรืออย่างมากก็ครึ่งปี ข้าบาดเจ็บหนักจึงต้องปิดด่านฝึกตนและข้าจะไม่รบกวนเจ้ามากเกินไปนัก’ ตอนนี้เขามาช่วยหวังหลินอย่างจริงใจ จึงค่อยๆพิจารณาว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นในดินแดนวิญญาณปิศาจ
เมื่อกล่าวอำลาหวังหลิน จ้าวสายลมหวนกลับสู่ตำหนักของตัวเองและเริ่มฝึกฝน
หลังจากจ้าวสายลมหวนจากไป หวังหลินมองแขนขวาตัวเองพลางขมวดคิ้ว หลังจากผ่านความเงียบไปชั่วครู่เขาก็ใช้แยกราตรีอีกครั้งและแสงสีทองปรากฏขึ้นมาอีก
วินาทีที่แสงสีทองปรากฏ พลังดั้งเดิมในร่างหวังหลินรวมตัวกันในแขนขวาเหมือนม้าป่าไร้ไม่อาจควบคุมได้
หวังหลินโบกแขนขวา จากนั้นพลังดั้งเดิมค่อยๆกลับคืนมา อย่างไรก็ตามเขาก็สูญเสียไปมากกว่าหนึ่งในสิบ
‘เป็นเหมือนก่อนหน้านี้ ตอนที่ข้าใช้วิชาเซียน พลังดั้งเดิมทั้งหมดของข้าถูกใช้ออกไปหมด…ด้วยพลังดั้งเดิมที่ข้ามีมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้แยกราตรี! กระนั้นข้าก็ไม่ได้บริโภคพลังดั้งเดิมอันใดและยังสามารถแสดงพลังอำนาจของแยกราตรีได้อยู่ชั่วครู่ก่อน…’ หวังหลินขมวดคิ้ว
‘เป็นไปได้ว่า…’ หวังหลินเงยศีรษะขึ้น ดวงตาส่องประกาย คล้ายจะตระหนักอะไรบางอย่างได้
เพียงกระพริบตา วันและคืนก็ผ่านไปอีกครั้ง หวังหลินยังนั่งอยู่ในตำหนัก ขบคิดจนถึงกลางคืน กระทั่งดวงอาทิตย์กำลังจะผุดขึ้น ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและก้าวเดินออกไป
ร่างหายวับและปรากฏตัวบนยอดที่เขาทำความเข้าใจแยกราตรี!
สายลมสมุทรพัดผ่านมาและเกิดความหนาวเย้นตกลงบนร่างหวังหลิน อย่างไรก็ตามหวังหลินไม่ได้กระทบกระเทือนอันใด เขาจ้องมองดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นอยู่ไกลๆ ความเข้าใจขณะใช้แยกราตรีเต็มไปทั่วร่างกายและขยับแขนขวา
วินาทีนั้นแสงสีทองกระพริบจากแขนขวา เขาไม่ได้ใช้พลังดั้งเดิมอันใดในร่างกาย ขณะที่เขายกแขนขึ้นหวังหลินพบว่าพลังดั้งเดิมไร้ขอบเขตจากการที่ดวงอาทิตย์ขึ้นพลันรวมกันในแขนขวาซึ่งทำให้แสงสีทองในมือขยายออกไปทันที
ขณะพลังดั้งเดิมผุดออกมาจากดวงอาทิตย์ขึ้น มันก็รวมเข้าไปในแขนขวา แสงสีทองแผ่กระจายออกมาจนทั่วร่างกาย!
หวังหลินถูกแสงสีทองปกคลุมและส่องสว่างดุจดวงตะวัน วินาทีต่อมาเขาแทนที่ดวงอาทิตย์ของจริงและกลายเป็นดวงอาทิตย์ลอยขึ้นเหนือท้องทะเล!
ในแววตาหวังหลินปรากฏความรู้แจ้ง เพียงแค่คิดแสงสีทองล้อมรอบเขาก็ค่อยๆหายไปจนกระทั่งหายไปหมด
‘เป็นเช่นนั้นจริงๆ! บ่อพลังดั้งเดิมของข้าไม่เพียงพอที่จะใช้วิชาที่สร้างขึ้นเองนี้ ข้าสามารถหยิบยืมพลังดวงอาทิตย์ขึ้นเพื่อใช้มันเท่านั้น…’ หวังหลินขบคิดอยู่นานก่อนจะส่ายศีรษะ จากนั้นก้าวเท้าและหายวับไป
‘แม้จะมีขีดจำกัด หากใครสักคนสู้กับข้าระหว่างดวงอาทิตย์ขึ้น จากนั้นก็มีดวงตาที่สามและราชรถสังหารเทพ ข้าก็น่าจะต่อสู้กับเซียนขั้นทลายสวรรค์ระดับต้นได้!’
‘ตอนที่ดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้าคือตอนที่ข้าแข็งแกร่งที่สุด!’
หวังหลินกลับมาตำหนัก ดวงตาเย็นเยียบและพึมพำ “หากไม่นับจ้าวสายลมหวน ข้าสงสัยว่าใครจะเป็นคนแรกที่มาเผชิญหน้ากับข้าตอนแข็งแกร่งที่สุด!”
หวังหลินนั่งสมาธิ จากนั้นฝ่ามือสร้างผนึก กฏเกณฑ์จำนวนมากเต็มไปทั่วตำหนัก เขาชี้ระหว่างคิ้วเพื่อกระตุ้นหัวใจกฏเกณฑ์ เส้นสีดำมากมายลอยออกมา
กฏเกณฑ์ขนาดใหญ่เต็มไปทั่วพื้นที่ ตำหนักถูกผนึกไว้อย่างสมบูรณ์
หลังจากเสร็จทั้งหมดหวังหลินยังกังวลเล็กน้อย เขาตบกระเป๋านำเข็มทิศขึ้นมาไว้บนมือ! เข็มทิศนี้เป็นสิ่งที่ทายาทกฏเกณฑ์ทำลายล้างเท่านั้นที่จะมีได้!
พอใส่พลังดั้งเดิมเข้าไปในเข็มทิศ ตัวเข็มก็เริ่มหมุน เข็มทิศลอยขึ้นและขยายขนาดกว้างร้อยฟุตลอยอยู่เหนือหวังหลิน หวังหลินกระโดดขึ้นไป เข็มทิศลดลงมาจมเข้าไปในพื้น หวังหลินนั่งอยู่ใจกลางเข็มทิศ
‘แค่นี้ก็น่าจะพอ!’ หวังหลินตบกระเป๋า ร่างศพสีเงินปรากฏขึ้นเบื้องหน้า หวังหลินมองมันอยู่สักพักก่อนจะประทับฝ่ามือลงระหว่างคิ้วร่างศพอย่างรุนแรง
วินาทีนี้ร่างศพสตรีพลันลืมตาขึ้นเผยสายตาเย็นเยียบใส่หวังหลิน ทั้งยังมีวังวนปรากฏระหว่างคิ้ว หยุดนิ้วหวังหลินห่างจากผิวนางไปหนึ่งนิ้ว
ในสายตาร่างศพสตรีเป็นสายตาดุร้ายและนางล่าถอย ทว่าในวินาทีที่นางถอย เข็มทิศด้านล่างสั่นเทาและหมุนวงกลม กฏเกณฑ์ลอยออกมาจากเข็มทิศ เชื่อมต่อเข้าด้วยกันกับกฏเกณฑ์อื่นๆในห้องอย่างลงตัว หากนางกระตุ้นหนึ่งกฏเกณฑ์ ก็จะเป็นการกระตุ้นพวกมันทั้งหมด!
ในสายตาดุร้ายนั้นยังแฝงแววแห่งปัญญาด้วย นางชะลอลงและพุ่งตรงใส่หวังหลิน!
ร่างศพสตรีบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้ระดับบ่มเพาะจะตกต่ำลงแต่ความดุร้ายไม่ได้ลดลตามไปด้วย นางพุ่งเข้าใส่หวงหลินและข่วนอย่างโหดร้าย
หวังหลินยังมีสีหน้าสงบนิ่ง ขณะที่นางข่วนเข้ามาใกล้ ลำแสงีฟ้าพุ่งออกมาจากตาหวังหลิน แขนนางสัมผัสแสงสีฟ้าเข้าทันที
นางปล่อยเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาและรีบถอย ถึงกระนั้นการเคลื่อนไหวก็บางเบาและไม่ได้สัมผัสกฏเกณฑ์อันใดเลย นางหยุดลงห่างจากหวังหลินไปหลายสิบฟุต จ้องมองหวังหลินพร้อมกับร้องคำราม
ร่างศพสตรีนี้สวยงามอยู่แล้งดังนั้นไม่เพียงแต่การกระทำของนางจะไม่ทำให้ผู้คนเกิดอันตราย นางยังทำให้รู้สึกเหมือนแมวเพราะดวงตาขวางสองข้าง
ขณะที่นางเคลื่อนไหว โซ่ตรวนบนร่างดังกระทบกันเกิดเสียงสะท้อนไปทั่วตำหนัก
คงเหลือตอนพิเศษ 2 ตอน