99. การเปลี่ยนแปลงของลูกปัดหิน
ส่วนหวังหลิน หลังจากแรงกดดันหายไป ใบหน้าเขาก็มืดมนขึ้นเย่จื่อได้จากไปเพียงครู่เดียวแรงกดดันอันใหม่ก็ปรากฎ “ต้องมีอะไรบางอย่างกำลังมาที่นี่” เขาคิด
แม้ว่าเย่จื่อได้ออกไปแล้ว สำนักซากศพพลันตื่นตัวขึ้นกว่าเดิมในตอนนี้หลังจากคิดอะไรบางอย่างได้ หวังหลินคิดว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่โอกาสดีดังนั้นเขาจึงปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกมาแต่เพียงแค่สัมผัสวิญญาณเขาสัมผัสกับผนัง มันก็ถูกกั้นไว้มีเพียงหลุมเล็กๆบนผนังพวกนั้นที่ไม่ปิดกั้นเขา
แต่หลุมพวกนั้นเต็มไปด้วยพลังหยินและหนาแน่นมากเกินไปแม้หลังจากหวังหลินใช้สัมผัสไปลึกกว่าร้อยเมตร มันก็ยังไม่พบอะไรผิดปกติทว่าพลังหยินยิ่งทวีความแข็งแกร่งมากขึ้นถึงจุดหนึ่งสัมผัสวิญญาณเขาก็ไม่สามารถต้านทานมันได้อีกต่อไปและแสดงเครื่องหมายว่าล้มเหลวลงเขาครุ่นคิดทั้งไม่ทำอะไรผลีผลามและถอนสัมผัสวิญญาณก่อนอันดับแรกหวังหลินกระทำอย่างใจเย็นจากนั้นสร้างผนึกบนฝ่ามือขณะเดียวกันพลังวิญญาณในร่างกายก็เริ่มทำงานเป็นปกติม่านแสงสีน้ำเงินหนาปรากฎขึ้นบนร่างกายเขาหลังจากที่มันปรากฎออกมาก็กลายเป็นวังวนที่ดูดควันสีขาวทั้งหมดทันที
ศิษย์ทั้งหมดที่กำลังฝึกฝนภายในสำนักซากศพแค่พึ่งฟื้นฟูสติได้จากแรงกดดันพวกเขาทั้งหมดตกตะลึงขณะที่รู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังงานหยินกำลังลดน้อยลงซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่หวังหลินฝึกฝนเนื่องจากพลังหยินมาจากพื้นที่ลึกลับใต้ดินที่ลึกหยั่งคาดถึงพวกเขาทั้งหมดจึงตกตะลึงอย่างมาก
เมื่อหวังหลินเห็นกระแสของพลังงานหยินกำลังเข้ามา เขารีบหยุดการดูดซับมันและเริ่มย่อยพลังงานหยินในร่าง
ขณะที่เขากำลังฝึกตนอยู่นั้นพลันรู้สึกได้ว่าพื้นบริเวณที่เขาวางลูกปัดไว้ได้กลายเป็นหนาวเย็นขึ้นเขารียหยิบลูกปัดออกมาและพบว่ามันมีหยดน้ำจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่บนนั้น
หวังหลินตกตะลึงทันทีควรพูดได้ว่าลูกปัดฝืนลิขิตฟ้านี้เป็นหนึ่งในลูกปัดที่ไร้ประโยชน์ที่สุดเนื่องจากมันไม่มีพลังวิญญาณอยู่ข้างในดังนั้นเขาจึงได้ดื่มน้ำพลังปราณเพื่อฝึกฝนต่อได้แต่ผลลัพธ์ของน้ำพลังปราณลดลงเมื่อมีการใช้งานมากขึ้นมีเพียงน้ำพลังปราณจากน้ำค้างจึงยังให้ผลดีอยู่
แต่การเก็บน้ำค้างเป็นไปอย่างเชื่องช้ามากนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ไปฝึกข้างในหินลูกปัดมากกว่าหลังจากเริ่มฝึกฝนวิถีเซียนนรกทว่าเขายังเก็บรวบรวมน้ำค้างเพื่อใช้งานมันทั้งตอนนี้และในอนาคต
ตอนนี้ด้วยเหตุผลแปลกประหลาดลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าจู่ๆก็ผลิตของน้ำนี้ได้จำนวนมากเขารู้สึกได้ว่าน้ำชนิดนี้มีพลังงานหยินและปริมาณพลังปราณที่ไม่น้อยกว่าน้ำที่สร้างจากน้ำค้างเลย
หวังหลินสูดหายใจลึกโดยไร้คำพูด เขาเริ่มเก็บรวบรวมน้ำพวกนั้น
หลังจากเก็บรวบรวมทั้งหมดเสร็จสาสยตาเขาสว่างขึ้นขณะที่กำลังเริ่มฝึกฝนพลังงานหยินอีกครั้งในทันทีทันใดที่ควันสีขาวปรากฎขึ้นเขาได้ใช้สัมผัสวิญญาณของตัวเองไปบนลูกปัดและสังเกตได้ว่ามีควันสีขาวบางส่วนได้เข้าไปในลูกปัดหินทำให้มีหยดน้ำหลายหยดปรากฎขึ้นบนลูกปัดนั้น
หวังหลินเผยใบหน้ายินดี เพียงเรื่องนี้เขาก็จะสามารถเก็บน้ำพลังปราณไว้ในน้ำเต้าได้แล้ว
น้ำเต้าได้เปลี่ยนสีไปทั้งเปลือกตอนนี้มันเต็มไปด้วยสีน้ำเงินเข้มที่เปล่งแสงน่ากลัวกระทั่งหวังหลินไปสัมผัสมัน เขารู้สึกเย็นยะเยือกเล็กน้อย
หากคนอื่นมาสัมผัสมันเพียงพริบตาเดียวที่พลังงานหยินได้เข้ามาในร่างกายจะแช่แข็งโลหิต กล้ามเนื้อและกระดูกทั้งหมด
เขาเก็บน้ำเต้าไว้ในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง ขณะที่หยิบน้ำเต้าอันอื่นออกมา ทันใดนั้นเขาจ้องไปบนลูกปัดหิน
เดิมทีมันมีเพียงใบไม้หนึ่งใบบนหินลูกปัดแต่ตอนนี้มันมีใบที่สองที่ปรากฎขึ้นมาและอยู่ในระนาบเดียวกันกับใบแรก
สายตาหวังหลินสว่างขึ้น จากที่ซือถูหนานเล่ามาลูกปัดต้องการดูดซับธาตุทั้งห้านั่นก็คือ เหล็ก ไม้ น้ำ ไฟ และดินหลังจากนั้นลูกปัดจะปลดปล่อยความสามารถที่แท้จริงและยอมรับการเป็นเจ้าของ
ธาตุน้ำได้ถูกเติมจนเต็มไปแล้วนั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมก้อนเมฆบนลูกปัดถึงได้หายไป ใบไม้บนนั้นบ่งบอกให้เห็นว่ามันต้องการธาตุไม้
แต่วัตถุดิบธาตุไม้เป็นสิ่งของหายากยามที่หวังหลินตรวจสอบในตลาดตระกูลเถิงเขาพบเพียงไม่กี่ชิ้นแต่ละชิ้นกลับมีราคาค่างวดที่สูงยิ่งและเขาไม่รู้ว่าลูกปัดจะดูดซับยังไงหรือวัตถุดิบพวกนี้อาจไม่พอให้ลูกปัดเสร็จสิ้นธาตุไม้ดังนั้นเขาจึงยอมแพ้ไป
แต่ตอนนี้มีใบไม้เพิ่มมาอีกใบบนลูกปัดเรื่องนี้ทำให้หวังหลินคิดอย่างละเอียด หลังจากตรวจดูลูกปัดเป็นเวลานานแล้วสายตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาจึงไม่เร่งรีบที่จะหนีไปอย่างน้อยก็จนกว่าลูกปัดจะพัฒนาการจนเสร็จหรือจนกว่าเขาจะค้นพบความลับของลูกปัดได้
แต่ยังมีเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จหวังหลินเก็บลูกปัดหินกลับไปและผนึกฝ่ามือพุ่งเป็นลำแสงสีน้ำเงินตรงไปยังกำแพงเมื่อลำแสงกระทบกับกำแพง กำแพงดูเหมือนจะละลาย หลุมหนึ่งเปิดขึ้นในถ้ำหวังหลินเข้าไปในหลุมนั้นและไปตามเส้นทางเดิม
อุโมงค์ไม่ได้ยาวมากดังนั้นมันจึงไม่ได้ใช้เวลาเยอะที่เขาจะไปถ้ำแห่งอื่นเมื่อเขาออกมาจากอุโมงค์ ทันใดนั้นก็หยุดกึกขณะที่เห็นมู่หรงนั่งสมาธิมู่หรงจ้องไปที่หวังหลินและพูดขึ้น
“ท่านบรรพบุรุษ กรุณากลับไปเถิด ท่านบรรพชนรุ่นแรกก่อนออกไปได้มีคำสั่งไม่ให้ใครออกจากถ้ำส่วนตัว ท่านอย่าทำให้ข้ายุ่งยากเลย”
หวังหลินกวาดสายตาไปในห้องและพยักหน้าขึ้น เขาถอยหลังหันกลับไปและกลับไปที่ถ้ำของตัวเองขณะที่คิดว่าสถานการณ์ของตัวเองเปลี่ยนไป
หวังหลินเข้าใจกฎข้อห้ามของสำนักซากศพอยู่แล้วแต่ไม่ว่าพวกเขาจะห้ามยังไงก็ไม่จำเป็นที่จะนำเซียนขั้นผลิดอกระดับกลางมาไว้ข้างนอกห้องของเขา
ก่อนที่เขาจะมาถึง หวังหลินจำได้ว่ามีคนผู้หนึ่งที่อยู่ในห้องนั้นเป็นศิษย์ขั้นรวบรวมลมปราณระดับสิบสามเท่านั้น
คิดได้เช่นนี้หวังหลินมุ่งหน้าไปที่อีกทางออกหนึ่งภายในถ้ำของเขา ไม่นานนักเขาก็ออกมาจากอุโมงค์ที่นำไปสู่ถ้ำขนาดเล็ก
เพียงแค่เขากำลังจะก้าวก็ได้หยุดกึกถ้ำอีกชั้นหนึ่งมีผู้เยาว์สวมชุดสีดำมองอย่างเยือกเย็นมาทางหวังหลินโดยไร้คำพูดและด้านหลังเขาเป็นโลงศพสีเขียว
“เซียนขั้นสรส้างลำต้นระดับกลางอีกคน….” รูม่านตาหวังหลินหดลีบขณะที่เขาถอยกลับและจากไปจนเมื่อเขาจากไปได้ไกลมากแล้วผู้เยาว์คนนั้นจึงหยุดใช้สัมผัสวิญญาณมาทางเขา
และดังนั้นหวังหลินจึงตรวจสอบอุโมงค์ทั้งหมดสิบเอ็ดแห่งที่เชื่อมต่อกับถ้ำของเขาอีกห้าแห่งปิดผนึกและที่เหลืออีกหกมีเซียนขั้นสร้างลำต้นคุ้มครองถ้ำไว้อยู่หนึ่งในนั้นเป็นเซียนระดับปลายของขั้นสร้างลำต้น
หวังหลินกลับไปที่ถ้ำตัวเองด้วยหัวใจหนักอึ้ง เขานั่งลงและเริ่มคิดทั้งหมดพวกนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญไม่ใช่เรื่องยากที่จะเอาได้ว่าถูกจัดการโดยเย่จื่อที่ป้องกันไม่ให้หวังหลินหนี
หวังหลินขมวดคิ้ว อีกหกคนนั้น ด้านหนึ่งเป็นขั้นสร้างลำต้นระดับปลายหวังหลินมั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะได้แม้จะมีหุ่นเชิดก็ตามแต่นี่มันเพียงถ้ำชั้นแรก ตามเส้นทางที่นี่ยังมีถ้ำอีกมากกว่าสามสิบแห่งผลก็คือเขาไม่อาจหนีไปได้ในช่วงเวลาสั้นๆแค่นี้ดังนั้นก่อนที่เขาจะไปถึงถ้ำสุดท้ายเขาอาจจะถูกหยุดโดยเซียนขั้นสร้างลำต้นระดับปลายหรืออาจจะเซียนขั้นแตกหน่อจากสำนักซากศพ
ช่วยไม่ได้แต่หวังหลินก็ยิ้มออกมา เขาอยากให้ซือถูหนานตื่นมาตอนนี้หากเขาตื่นมันจะเป็นเรื่องง่ายที่จะหนีไปด้วยประสบการณ์ของซือถูหนาน
หวังหลินเรียกซือถูหนานไม่กี่ครั้งข้างในลูกปัด แต่เขาก็ยอมแพ้ไปหลังจากไม่ได้รับการตอบกลับใดเลย
แต่หวังหลินรู้ว่าหากเขาต้องการจะออกไปมันไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถทำได้ในเวลาสั้นๆการกระทำของเขาก่อนหน้านี้เพียงเพื่อตรวจสอบสถานการณ์เท่านั้น
มือทั้งสองข้างสร้างเป็นผนึกและปิดถ้ำทันทีเขาเริ่มฝึกฝนพลังงานหยินต่อไป ไม่เพียงแต่เขามีลูกปัดหินแต่สัมผัสวิญญาณของเขาก็ลงไปในหลุมบนผนังด้วย
หวังหลินไม่ได้แบ่งสัมผัสวิญญาณออกมาแต่เขาเคลื่อนย้ายทั้งหมดไปไว้บนหลุมเล็กๆอันหนึ่งผลลัพธ์ทำให้ระยะของสัมผัสวิญญาณเขาเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก
ปกติสัมผัสวิญญาณของหวังหลินมีระยะทำการเพียงหนึ่งลี้ แต่สิ่งรบกวนภายในถ้ำแข็งแกร่งมาก ดังนั้นมันจึงติดอยู่ในถ้ำ
ขณะที่หวังหลินฝึกฝน ควันสีขาวได้รวบรวมเข้าหาเขาอย่างรวดเร็วสัมผัสวิญญาณราวกับเส้นด้ายบางที่ผ่านไปในอุโมงค์กำแพงแม้ว่าอุโมงค์จะยาวมาก ความซับซ้อนของมันเป็นเรื่องน่าทึ่งทีเดียว
ไม่ช้าเขาก็มาถึงได้ไกลที่สุดที่เคยหยั่งถึงที่ซึ่งห่างจากถ้ำหวังหลินอยู่ร้อยเมตรหลังจากสัมผัสวิญญาณเขามาถึงที่นี่มันก็ยากที่จะไปต่อเนื่องจากมีคลื่นพลังงานหยินพุ่งผ่านหากไม่ใช่ความจริงที่ว่าหวังหลินฝึกฝนวิถีเซียนนรกซึ่งทำให้เขามีความต้านทานต่อพลังงานหยินสัมผัสวิญญาณของเขาก็คงพังทลายภายใต้คลื่นพลังงานหยินเพียงคลื่นเดียว
แต่ความเร็วสัมผัสวิญญาณออกไปได้เชื่องช้าลงอย่างมากหลังจากผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่สัมผัสวิญญาณของเขาก็มาได้ไกลถึงสามร้อยเมตรในอุโมงค์ควันสีขาวได้พุ่งเข้ามาหาเขาหลายคลื่นจนมันก่อร่างเป็นกำแพงที่ป้องกันเส้นทางได้
หวังหลินกัดฟันกรอดและทุบกำแพงนั้นด้วยสัมผัสวิญญาณ
ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้หวังหลินที่หลับตาฝึกฝนอยู่ได้ลืมตาขึ้น