Chapter 5
จะให้หล่อนใจเย็น…ฝันไปเถอะ!
“เฮ้ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย! ก็เราอยู่ในห้องนี่น่า แล้วนี่มันที่ไหนกันล่ะเนี่ย” เสียงหวานใสหลุดปาก ตะลึงแลไปรอบตัวอย่างงุนงงสุดขีด
ก็ห้องที่กำลังยืนอยู่ ณ ขณะนี้ไม่ใช่ห้องนอนของหล่อน แต่เป็นห้องนอนสวยหรูวิจิตรงดงามตระการตา
“อูย…” นาคินทร์กุมท้องตัวเองหน้าเหยเก จุกไปหมดเพราะฤทธิ์เข่าน้อยๆที่กระทุ้งใส่เต็มแรงอย่างคนเป็นมวย เห็นทีเขาคงต้องระวังตัวให้มากขึ้นซะแล้วซิ เจ้าลินของเขาในชาติภพใหม่ดูท่าทางจะร้ายเอาเรื่องเชียวล่ะ
แพรวพราวหันไปจ้องหน้าจ้าวพ่อของรุ่นพี่เขม็ง “นี่มันอะไรกันคะคุณน้า ที่นี่ที่ไหน! แล้วแพรวมาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ!” หล่อนแหวใส่เสียงดังลั่น
นาคินทร์ยึดตัวขึ้น ความจุกทุเลาลงบ้างแล้ว เขามองหล่อนอย่างรักใคร่เหลือล้น
“น้องแพรวครับ” เขาเรียกน้ำเสียงอ่อนโยน
แพรวพราวจ้องเขาอย่างเอาเรื่องหน้าหงิกหน้างอ “คุณน้า! ที่นี่ที่ไหน! แล้วแพรวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ!”
นาคินทร์ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วบอกว่า “น้องแพรวใจเย็นๆก่อนนะครับ” เขาปลอบสาวน้อย
แพรวพราวมองเขาตาวาว สถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ…จะให้หล่อนใจเย็น…ฝันไปเถอะ!
“ที่นี่ที่ไหนคะคุณน้า แล้วแพรวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!” หล่อนถามคำถามเดิม น้ำเสียงเกรี้ยวกราดเอาเรื่อง สมองมึนงงสับสนไปหมด คิดแต่ว่าหล่อนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!
นาคินทร์ยิ้มอ่อนโยน แล้วก็บอกว่า “ที่นี่คือเรือนศิลายังไงล่ะครับ พี่พาน้องแพรวมาที่นี่เพราะพี่มีเรื่องที่จะต้องบอกน้องแพรวมากมายเหลือเกิน”
แพรวพราวตะลึงอึ้ง! ไม่อยากจะเชื่อคำพูดเขา แต่ห้องๆนี้ดูยังไงๆมันก็ไม่ใช่ห้องนอนของหล่อนแน่ๆ
“แพรวจะกลับบ้าน! แพรวไม่ฟังอะไรทั้งนั้น!” แพรวพราวแว๊ดใส่ แล้วก็ถลันไปหาบานประตูห้องที่คิดว่าน่าจะเป็นทางออกจากห้องนี้ได้
ก็สถานการณ์มันพิลึกพิลั่นขนาดนี้ แถมอยู่กับเขาสองต่อสองในห้องนอนแบบนี้ ยังไงก็ขอเผ่นก่อนล่ะ!
หล่อนดึงมือจับประตูหมุนบิดแล้วจะเปิดออก แต่ไม่ว่าจะบิดจะดึงยังไงบานประตูก็ไม่ยอมเปิดเลย
พอเปิดประตูไม่ได้ หล่อนก็หันไปมองคนที่ยืนยิ้มอ่อนโยนอยู่กลางห้องขวับ!
“คุณน้า! แพรวจะกลับบ้าน” หล่อนแหวใส่หน้าบึ้ง
นาคินทร์ยกมือขึ้นกอดอก ยิ้มพรายอย่างไม่นำพาต่อท่าทางเกรี้ยวกราดของสาวน้อยเลยซักนิด
“น้องแพรวจะได้กลับบ้านแน่ๆครับ แต่ต้องหลังจากที่น้องแพรวได้ฟังเรื่องที่พี่จะพูดกับน้องแพรวแล้วเท่านั้น!” เสียงทุ้มบอกเฉียบขาด
แพรวพราวอึ้ง! ตะลึงงัน พอตั้งสติได้หล่อนก็ถลันไปทางหน้าต่างที่เห็นเปิดกว้างรับสายลม
นาคินทร์ยืนมองหล่อนอย่างใจเย็น
แพรวพราวเกาะขอบหน้าต่างหมับ แล้วโหนตัวจะปีนหน้าต่างแต่ก็ต้องตะลึงงันอีกครั้ง เมื่อไม่สามารถจะพาตัวออกไปได้ เหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นขวางอยู่ ทั้งๆที่หล่อนรู้สึกได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดผ่านบานช่องหน้าต่างเข้ามา
“นี่มันอะไรกัน!” หล่อนตะลึงอึ้ง! สองมือละจากขอบหน้าต่างผลักใส่ความว่างเปล่าที่เห็น แต่มือของหล่อนไม่สามารถจะทะลุความว่างเปล่านั้นออกไปได้เลย
“อะไรกันนี่!” วงหน้าสวยหวานตะลึง ซีดเผือด เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่พิลึกพิลั่นสุดจะบรรยาย
พอออกไปไม่ได้ หล่อนก็ตะโกนลั่น “ช่วยด้วย! ช่วยด้วยๆๆๆๆ ใครก็ได้ช่วยแพรวด้วย!”
หล่อนร้องตะโกนอยู่อย่างนั้นจนเหนื่อย พอหันไปมองร่างสูงสง่าก็เห็นเขายิ้มพรายอย่างใจเย็น
วงหน้าสวยหวานจึงเปลี่ยนจากซีดเผือดเป็นโกรธเกรี้ยวใส่เขา
“คุณน้าคะ แพรวจะกลับบ้าน! ได้ยินมั๊ยคะว่าแพรวจะกลับบ้าน!” หล่อนตะโกนใส่เขาเสียงดังลั่นห้อง
นาคินทร์ยิ้มอ่อนโยนแล้วก็พูดว่า “ได้ยินครับ หูพี่มิได้หนวก พี่ได้ยินชัดเจนดี แต่ถ้าน้องแพรวยังมิยอมฟังเรื่องที่พี่จะพูด ก็อย่าหวังเลยว่าน้องแพรวจะออกไปจากห้องนี้ได้!”
“คุณน้า!” แพรวพราวแหวใส่ โกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไงแล้ว แต่ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ หล่อนจึงยกมือขึ้นกอดอกจ้องหน้าเขาเขม็ง
“งั้นก็พูดมาเลยค่ะ! พูดให้มันจบๆไป แพรวจะได้กลับบ้านซักที” หล่อนกระแทกเสียงใส่เขา ตาวาววับ
“น้องแพรวดูพี่ให้ดีๆนะครับ” เขาบอกอ่อนโยน
แพรวพราวจ้องเขาเขม็ง “ก็ดูอยู่นี่ไง! จะให้ดูอะไรอีกคะ ถ้าคุณน้าจะแก้ผ้าให้ดูล่ะก็…เจอเจี๋ยนแน่!” หล่อนขู่เขาลั่น
นาคินทร์ยิ้มขำ แล้วเขาก็เปลี่ยนร่างจากรูปมนุษย์เป็นนาคราช
“เฮ้ย!” แพรวพราวตกใจตะลึงอึ้ง! ตาเบิกกว้าง ยืนนิ่งดั่งถูกสาปเป็นหิน พ่อแก้ว…แม่แก้ว…คุณพระคุณเจ้า…ช่วยลูกด้วย…นี่เรากำลังฝันอยู่แน่ๆเลยใช่มั๊ย
นาคินทร์ยื่นหน้าเข้าไปจนชิดวงหน้าหวาน แล้วบอกอย่างอ่อนโยนว่า “หากน้องแพรวคิดว่าตัวเองกำลังฝัน น้องแพรวก็ลองหยิกแขนตัวเองแรงๆซิครับ จะได้รู้ว่ากำลังฝัน หรือว่าสิ่งที่น้องแพรวเห็นอยู่ขณะนี้คือความจริงกันแน่”
แพรวพราวซึ่งยังตะลึงงัน ค่อยๆเอื้อมมือไปหยิกแขนตัวเองสุดแรงเกิด “โอ๊ย!” หล่อนร้องลั่นสะดุ้งเจ็บ แล้วลูบแขนตัวเองทันที
ตายังจับจ้องมองพญานาคสีทองอย่างตื่นตะลึง “มันเจ็บจริงๆง่ะ งั้นก็หมายความว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือความจริงงั้นเหรอ…” เสียงหวานใสพึมพำถามตัวเอง
“น้องแพรวลองจับตัวพี่ดูซิครับ” เสียงทุ้มบอกอ่อนโยน
แพรวพราวยกสองมือค่อยๆแตะสัมผัสบนใบหน้าพญานาคอย่างลืมตัว พญานาคในฝันของฉันมีตัวตนจริงๆหรือนี่…โอ้…คุณพระช่วย!
ความอุ่นร้อนจากตัวพญานาคแล่นสู่มือทั้งสองข้าง
“เฮ้ย!” หล่อนผงะทันที ตัวชาวาบ ขนลุกชันไปทั้งตัว “พญานาคจริงๆด้วย!”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างตกใจ แข้งขาอ่อนรูดลงไปนั่งแปะกับพื้น ตัวสั่นสะท้านแทบสิ้นสติ
“พญานาคจริงๆ” เสียงหวานใสพูดเบาหวิว ช็อคจนไม่รู้จะช็อคยังไงแล้ว ตั้งแต่เกิดมา พอจำความได้ หล่อนก็มักจะเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ครั้งนี้บอกได้คำเดียวว่าช็อคสุดๆ
นาคินทร์รีบคืนร่างกลับสู่รูปมนุษย์ เขาไม่อยากให้หล่อนหวาดผวามากเกินไป เกิดช็อคจนหัวใจวายตาย…เขาต้องรู้สึกผิดบาปไปทั้งชีวิตแน่ และที่แน่นอนที่สุดเขาคงโศกเศร้าเสียใจจนมิมีสิ่งใดจะเทียมเทียบได้ แล้วเขาก็ยอบตัวลงนั่งตรงหน้าสาวน้อย
“น้องแพรวอย่ากลัวพี่เลยนะครับ พี่มิทำอะไรน้องแพรวหรอก” เสียงทุ้มบอกอย่างอ่อนโยนทอดน้ำเสียงหวานนุ่ม ทำให้แพรวพราวคลายความหวาดกลัวลงไปนิด
“คุ…คุณ…น้า…ปะ…เป็น…พะ…ยา…นะ…นาค…จะ…จริง…เหรอ…คะ” หล่อนถามเขาเสียงสั่น ตัวยังสั่นอย่างหวาดกลัว ดวงตากลมโตยังเบิกโตตื่นตกใจ
นาคินทร์พยักหน้าพร้อมกับยิ้มอ่อนโยน “จริงครับ”
แพรวพราวนึกถึงรุ่นพี่ทันที “ถ้างั้น…พี่รินก็ปะ…เป็น…พญานาคด้วยเหรอคะ”
“ครึ่งนาคราชครับ นารินทร์มิใช่นาคราชเต็มตัวเหมือนเช่นพี่หรอกครับ นางมีพ่อเป็นพญานาคก็คือพี่ แม่ของนางเป็นมนุษย์ซึ่งก็คือชาติที่แล้วของน้องแพรวยังไงล่ะครับ” เขาบอกเสียงนุ่ม
แพรวพราวอึ้งตะลึงอีกครั้ง เหมือนโดนค้อนทุบหัวจนมึนไปหมด ความตกใจ…ความสับสนมึนงงบวกกับความหวาดกลัวทำให้สติของหล่อนเกินจะรับไหว จึงช็อคจนดับวูบไป
“น้องแพรว!” นาคินทร์ตกใจ รีบโอบประคองร่างน้อยช้อนเข้ามาในวงแขน แล้วรีบอุ้มขึ้นไปวางไว้บนเตียง
“น้องแพรว…น้องแพรวครับ…น้องแพรวๆๆๆ” เขาเรียกหล่อนอย่างร้อนรนพลางตบแก้มนุ่มเบาๆปลุกให้หล่อนฟื้นคืนสติ
ครู่ต่อมาแพรวพราวก็ค่อยๆลืมตาขึ้น “ขา…” เสียงหวานใสขานเบาๆ ทำให้นาคินทร์โล่งใจ
“น้องแพรวครับ เป็นยังไงมั่งครับ” เขาถามอย่างเป็นห่วง
แพรวพราวสะดุ้งลุกพรวด แล้วกระถดตัวถอยไปจนชิดติดหัวเตียง “อย่าเข้ามานะ!” หล่อนตวาดใส่อย่างหวาดกลัว
นาคินทร์รีบปลอบทันที “พี่มิทำอะไรน้องแพรวหรอก น้องแพรวมองดูพี่ดีๆซิครับ” เสียงทุ้มเว้าวอนซอกซอนเข้าไปในดวงจิตของคนฟัง ทำให้แพรวพราวจ้องมองเขาด้วยสายตาอ่อนลง
“เจ้าลินจ๋า เจ้าจำพี่ได้มั๊ยจ๊ะ เจ้ามองดูพี่ดีๆซิจ๊ะ เจ้าลินของพี่” นาคินทร์เอื้อนเอ่ยอ่อนหวาน ส่งสายตาเว้าวอน
แพรวพราวสบตาตอบ พลัน! ภาพบางอย่างก็ปรากฎวาบขึ้นในดวงจิต
หล่อนยืนอยู่ริมน้ำ เบื้องหน้ามีดอกบัวบานไสวรับแสงอรุณเต็มไปหมด หล่อนรู้สึกถึงไออุ่นของคนที่สอดแขนเข้ามากอดเอวทางด้านหลัง หล่อนจึงเอนหลังพิงอกเขา
“พี่นาคินทร์ขา ลินจี้อยากไปไหว้พระ พี่นาคินทร์พาลินจี้ไปหน่อยนะคะ”
“ได้ซิจ๊ะเจ้าลินของพี่” เสียงทุ้มตอบข้างหูแล้วจมูกโด่งก็จรดลงบนผิวแก้มนุ่ม
หล่อนเอียงแก้มรับสัมผัสจากเขาอย่างสุขใจ
แล้วภาพก็หายไป
แพรวพราวกระพริบตาปริบๆ เอ่อ…เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ
“ที่น้องแพรวเห็น คือความทรงจำในชาติที่แล้วยังไงล่ะครับ” นาคินทร์บอกอย่างอ่อนโยน
เขารับรู้ได้เช่นเดียวกันว่าหล่อนเห็นสิ่งใด เขาคลี่ยิ้มบางๆ ที่หล่อนระลึกชาติได้ แม้จะเพียงน้อยนิด แต่ก็น่ายินดียิ่งนัก
แพรวพราวมองเขาแล้วก็ก้มลงมองตัวเอง ความรู้สึกเมื่อครู่นี้ยังติดตาตรึงใจ หล่อนยังจำสัมผัสที่สวมกอดรอบเอวนูนป่อง สองแขนของหล่อนที่วางทาบบนท่อนแขนแกร่ง ไออุ่นจากแผงอกอุ่นยังซ่านซึมไปทั่วทั้งแผ่นหลัง รอยจูบที่ทาบแนบบนผิวแก้ม ทุกอย่างมันช่างแจ่มชัดซะเหลือเกิน
วงหน้าสวยหวานระเรื่อขึ้นสี หล่อนเงยหน้ามองเขาแล้วก็รู้สึกเขินอายต่อสายตาคมกล้าที่มองมาอย่างเว้าวอนอาวรณ์หา จนต้องก้มหน้าหลบตาเขา
“แพรวอยากกลับบ้าน” เสียงหวานใสบอกเบาๆ ด้วยความรู้สึกหลากหลาย
เขินอาย…ต่อสายตาคมกล้า หวาดหวั่น…ต่อภาพที่เห็นแต่ก็สุขใจยิ่งนัก หวาดกลัว…ต่อความจริงที่ได้รับรู้ว่าเขาเป็นพญานาคแต่ไม่ได้หวาดหวั่นใจในสิ่งที่เขาเป็น หวั่นกลัวต่อสถานการณ์ที่อยู่สองต่อสองกับเขาแต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด
“มาหาพี่ซิจ๊ะ พี่จะพาไปส่ง” เขาบอกอ่อนหวาน
แพรวพราวขยับตัวเข้าหาด้วยความรู้สึกไว้ใจเขาจนตัวเองยังนึกแปลกใจ
แล้วนาคินทร์ก็รั้งร่างน้อยเข้ามาในอ้อมกอด
“เอ่อ…” แพรวพราวอึ้งๆ ตะลึงงัน พูดอะไรไม่ออก
ฉับพลัน! หล่อนก็มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัววูบหาย มีเพียงเขากับหล่อนท่ามกลางแสงสว่างพร่างพราย
พอแสงจางหายไป รอบๆตัวก็กลายเป็นห้องนอนของตัวเอง
“นอนพักเสียเถิด พี่จะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าเจ้าจะหลับนะจ๊ะ” เสียงทุ้มบอกอ่อนโยนริมหู พร้อมกับมือเรียวขาวลูบหัวอย่างอ่อนโยน
แพรวพราวพยักหน้าคล้อยตาม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ขัดขืนคำพูดของเขา
นาคินทร์ประคองหล่อนให้เอนตัวลงนอนบนเตียง เขาจับผ้าห่มคลุมให้อย่างอ่อนโยน แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆหล่อน เอื้อมมือไปลูบแก้มนวลแผ่วเบา
“หลับตานะจ๊ะ คนดีของพี่” เขาบอกอ่อนหวาน
แพรวพราวพยักหน้ารับ ทำตามอย่างไม่คิดจะต่อต้าน สมองหล่อนตอนนี้รู้สึกอ่อนล้าไปหมด ได้พักก็ดีเหมือนกัน…ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว…คิดอะไรไม่ออกแล้วล่ะ…
แล้วสาวน้อยก็ผล๊อยหลับไปอย่างง่ายดาย
นาคินทร์ลูบแก้มนวลอย่างทนุถนอมแล้วก้มลงจรดริมฝีปากกับหน้าผากนวลเนียน
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียก “น้องแพรวคะ ทำอะไรอยู่คะลูก” ประกิตยืนเรียกอยู่หน้าห้อง
เงียบ! ไม่มีเสียงตอบ เขาจึงหมุนลูกบิดประตูเปิดดู “น้องแพรว” พอเห็นลูกสาวหลับอยู่บนเตียงเขาก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “เฮ้อ…หลับไปซะแล้ว”
เห็นไฟกลางห้องยังเปิดอยู่ เขาจึงเอื้อมมือไปปิดไฟให้แล้วก็ดึงประตูปิดลงตามเดิม โดยที่ไม่เห็นร่างของนาคินทร์บนเตียงลูกสาวเลยซักนิด ด้วยเพราะมนต์กำบังแห่งนาคราช
นาคินทร์หันกลับไปมองวงหน้าสวยหวานที่หลับพริ้มแล้วก็คลี่ยิ้มอ่อนโยน
“ถึงเจ้าจะจำพี่มิได้ พี่ก็ยังรักเจ้ามิเสื่อมคลายนะจ๊ะเจ้าลินของพี่ น้องแพรวของพี่นาคินทร์” เขากระซิบข้างหูหล่อน แล้วก็ฉวยหอมแก้มนุ่มทั้งสองข้าง จากนั้นเขาก็หายตัวไป
นารินทร์เดินวนไปวนมาอย่างกระวนกระวายใจอยู่หน้าระเบียงเรือนไทยของตนเอง
พอพระบิดาปรากฎกายขึ้น หล่อนก็ถลาเข้าไปหาทันที
“จ้าวพ่อคะ เป็นยังไงมั่งคะ จ้าวแม่ระลึกชาติได้มั๊ยคะ” หล่อนถามอย่างร้อนใจ