ตอนที่ 1435 : เปลี่ยนฝั่ง?
ตอนที่ บรรพบุรุษจันทราม่วง หงุดหงิดและกัดฟันแน่น ภายในหนึ่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์บูรพากลับสงบสุขอย่างมาก ในดินแดนอันกว้างใหญ่นี้ บรรพบุรุษบูรพา เดินอยู่เพียงลำพังมองดูผู้คนในดินแดนของตน
“ข้าไม่คิดว่า หลัวเฟิง จะฆ่า อสูรทลายมิติ ไม่ได้” จักรพรรดิบูรพา กระซิบกับตัวเอง “นี่แค่ตัวเดียวที่ออกมาจากรัง มันไม่น่าใช่ตัวที่แข็งแกร่งที่สุด ตัวนี้ก็ยากที่จะฆ่าแล้ว…แล้วถ้ามีออกมามากกว่านี้ล่ะ? ในอนาคตอันใกล้หากราชาของ อสูรทลายมิติ โผล่ออกมาล่ะ? แต่ข้าไม่ควรขออะไรมากเกินไป ข้าไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ดีที่สุดแต่ก้าวไปทีละขั้น ข้าต้องขยันในการเป็นเทพแท้จริงจนสุดท้ายก็มาถึงระดับเทพแท้จริงมิติได้…จันทราม่วง อาจจะเจอโอกาสที่ดีกว่าแต่จักรวาลย่อยของเขาก็ยังด้อยกว่าข้า”
จักรพรรดิบูรพา ส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะ ตอนที่นึกถึงเรื่องต่างๆ ที่เคยผ่านมาตลอดหลายปีเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกับตัวเอง
“การเผชิญหน้ากับ อสูรทลายมิติ…แน่นอนว่าข้าไม่อาจจะหยุดมันได้! ข้าได้แต่คาดหวังกับ หลัวเฟิง เหมือนกับจิตของจักรวาลดั้งเดิมที่คาดหวังกับ หลัวเฟิง” จักรพรรดิบูรพา หัวเราะออกมาเบาๆ “ถ้า หลัวเฟิง ชนะ ข้าก็ยังมีโอกาส…ถ้าเขาแพ้ ข้าคงได้แต่พบกับความตาย ใครกันที่จะดื่มด่ำกับความนิรันดร์ได้? แม้แต่พวกที่แข็งแกร่งที่สุดในสังคมโบราณก็ยังต้องพบกับการโดนทำลาย”
“หลัวเฟิง…” จักรพรรดิบูรพา เงียบไป
*****
จักรพรรดิบูรพา ที่อยู่มาหลายยุคเกินกว่าจะนับได้นั้นคือคนที่ใจเย็นที่สุด ในขณะเดียวกัน จันทราม่วง ที่อยู่มาน้อยกว่านั้นกังวล, อึดอัดและหวั่นไหว
สำหรับเผ่าอื่นๆ ในทะเลจักรวาล ในการเผชิญหน้ากับวิกฤตนี้ พวกเขาได้แสดงท่าทีต่างๆ ออกมา ในเผ่าดวงตาศักดิ์สิทธิ์ เทพแท้จริงทั้งห้าคนของเผ่าดวงตาศักดิ์สิทธิ์ได้มารวมตัวปรึกษากัน
ตอนที่ทั้งห้ากังวลข่าวว่ามันยากที่จะฆ่า อสูรทลายมิติ พวกเขาก็ได้ยินเสียงจากกลุ่ม เจ้าแห่งจักรวาล ที่คอยฟังอยู่เงียบๆ เจ้าแห่งจักรวาล เหล่านี้ได้บอกความเห็นในกลุ่มของตัวเองแต่ในวันนั้นได้มีเสียงหนึ่งพูดขึ้น “อาจารย์ เราต้องคิดถึงเผ่าและอนาคตของเรา”
เทพแท้จริงทั้งห้ารวมถึง ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ ต่างก็หันกลับไปมอง
“มังกรหมึก เจ้าหมายความว่ายังไง?” ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ ถามออกมาพร้อมกับคิ้วขมวด
มังกรหมึก คือ เจ้าแห่งจักรวาล หน้าใหม่ที่ถูกส่งไปบ่มเพาะทักษะในโลกแห่งจิน ที่นั่นเขาได้รับประโยชน์มาบ้าง เขาได้พูดมาด้วยท่าทีกังวล “อาจารย์ เรามาจากยุคเกิดใหม่ครั้งแรก เมื่อยุคเกิดใหม่นี้จบลง ถ้าเรายังไม่เกิดใหม่เหนือกว่า…เราจะโดนทำลายไปชั่วนิรันดร์!”
ทุกคนต่างก็เงียบ อันที่จริงแล้ววิกฤตนี้ส่งผลต่อทุกเผ่าจากยุคเกิดใหม่ครั้งแรก
“เมื่อถึงเวลาที่เราสู้กับ อสูรทลายมิติ เราชนะแล้วจะเป็นยังไง?” มังกรหมึก ถามด้วยความกังวล “สุดท้ายเราก็ต้องพยายามเกิดใหม่เหนือกว่าไม่ใช่รึไง? ครั้งนี้เราเผ่าดวงตาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางเลือกมากนัก! และตอนนี้เราก็รู้ว่า อสูรทลายมิติ นั้นยากจะจัดการได้…ถ้าเป็นแบบนั้นเราควรทำตาม จักรพรรดิเจินเจี๋ย กับ บรรพบุรุษมังกรหิน!”
“หุบปากซะ!”
“มังกรหมึก เจ้าพูดอะไรกัน?” ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ และ อาจารย์ที่สาม ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
มังกรหมึก เริ่มพูดขึ้นด้วยท่าทีกังวลอีกครั้ง “อาจารย์…”
“หุบปากไปซะ” ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ สั่งออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แต่ดวงตาศักดิ์สิทธิ์” อาจารย์ที่สาม พูดออกมาช้าๆ “สิ่งที่ มังกรหมึก พูดนั้น…มันมีเหตุผล”
ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเทพแท้จริงคนที่สามด้วยความโกรธ แต่อีกฝ่ายก็มีตำแหน่งที่สูงในเผ่า ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะบอกให้อีกฝ่ายหุบปากไปได้
“เราจะสู้และชนะ อสูรทลายมิติ ได้ยังไง?” อาจารย์ที่สาม พูดขึ้น “มันคือตัวแทนทำลายล้าง แม้แต่จิตของจักรวาลดั้งเดิมก็ยังกลัวมันและได้สร้างโลกแห่งจินขึ้นมาเพื่อหาโอกาสเอาตัวรอดแต่มันก็ยังน้อยนิด จิตของจักรวาลดั้งเดิมได้ส่งข้อความผ่านบรรพบุรุษอสูรเทพทั้งสามแต่ หลัวเฟิง คือคนแข็งแกร่งอันดับหนึ่งของทะเลจักรวาลแทนที่จะเป็นบรรพบุรุษอสูรเทพทั้งสาม ทำไมจิตของจักรวาลดั้งเดิมถึงได้เลือกจะทำแบบนั้น? เพราะจิตของจักรวาลดั้งเดิมรู้ว่าถ้ามันต้องพึ่งเรา มันคงไม่มีทางที่จะหยุด อสูรทลายมิติ ได้ หลัวเฟิง คือตัวเลือกเดียว ตอนนี้ หลัวเฟิง เป็นเพียงแค่ เจ้าแห่งจักรวาล แต่เขาก็เหนือกว่าเราเทพแท้จริงแล้ว ตอนที่เขาเป็นเทพแท้จริง มันก็ยังมีหวังที่เราจะทำสำเร็จได้”
ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ มองไปที่อีกฝ่าย “เจ้าบอกว่า มังกรหมึก พูดมีเหตุผลและเจ้าก็ยังมาบอกว่า ทางช้างเผือก คือความหวังเดียวของเรา…”
“แต่นั่นคือถ้าเขาเป็นเทพแท้จริง” อาจารย์ที่สาม พูดขึ้น “จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่อาจจะทะลวงผ่านได้และใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น? นี่แค่ อสูรทลายมิติ ตัวเดียวแต่เขาก็ฆ่ามันไม่ได้ เขาจะฆ่ามันได้จริงๆ รึ? แม้ว่าเขาจะกลายเป็นเทพแท้จริงแล้วเราจะมีความหวังอะไร สำหรับ อสูรทลายมิติ แล้ว หลัวเฟิง คือคนที่เป็นภัยต่อมัน ไม่ใช่เรา นอกจากนี้แล้ว อสูรทลายมิติ ก็ไม่เคยลงมือกับจักรวาลย่อยของ เจินเจี๋ย และ มังกรหิน”
ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ ฟังต่อด้วยความเครียด
“ถ้าเราเข้าร่วมกับ อสูรทลายมิติ” อาจารย์ที่สาม พูดขึ้น “งั้นไม่ใช่แค่ อสูรทลายมิติ ที่ไม่โจมตีเราแต่ถ้ามันอยู่ในจักรวาลย่อยของเรา แม้แต่ หลัวเฟิง ก็ไม่อาจจะทำอะไรเราได้ จิตจักรวาลดั้งเดิมต้องพึ่งคนอื่น เห็น เจินเจี๋ย และ มังกรหิน รึเปล่าล่ะ? พวกนั้นยังมีชีวิตอยู่ดีไม่ใช่รึไง? ตราบใดที่เราไม่โง่ไปหาเรื่อง หลัวเฟิง อย่างที่เจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอดสายฟ้ายิ่งใหญ่ ทำ งั้นเราก็จะไม่โดนกำจัด เราไม่ควรสนใจวิกฤต อสูรทลายมิติ กลับกันแล้วเราควรหันไปสนใจการบ่มเพาะ เราควรใช้ช่วงสุดท้ายเพื่อการเกิดใหม่เหนือกว่า ตอนที่เราทำสำเร็จ ชัยชนะนิรันดร์ก็จะเป็นของเรา! ความพยายามที่เราทุ่มเทไป ฝั่งที่เราเลือก…เพื่อการเกิดใหม่เหนือกว่าในอนาคต มันต้องคุ้มค่า ถ้าเราไม่อาจจะเกิดใหม่เหนือกว่าได้ งั้นการสู้กับ อสูรทลายมิติ จนตัวตายก็คงเป็นแค่เรื่องตลก”
ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ มองไปรอบๆ ทุกคนต่างก็เงียบ มี เจ้าแห่งจักรวาล หลายคนที่คิดแบบนี้แต่ก็มีจำนวนหนึ่งที่รู้สึกว่าพวกเขาควรสู้กับ อสูรทลายมิติ ดวงตาศักดิ์สิทธิ์มองไปทุกคน จากนั้นก็มองเทพแท้จริงอีกสี่คน จากสายตาแล้วเขาเข้าใจความคิดของอีกสี่คน มันมีคนที่ยื่นข้อเสนอขึ้นมาและมีคนที่เห็นด้วย
“แม้ว่าข้ารู้สึกว่ามันไม่เหมาะที่จะเข้าร่วมกับ อสูรทลายมิติ” อาจารย์ที่หกพูดขึ้นมาเบาๆ “แต่สิ่งที่พี่สามพูดก็มีเหตุผลในระดับหนึ่ง”
“ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ เจ้าตัดสินใจ”
“เราจะทำตามการตัดสินใจของเจ้า”
ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ หงุดหงิดและเจ็บใจจนต้องคิ้วขมวด เขาโบกมือและบอกให้ทุกคนแยกย้าย “พวกเจ้าออกไปก่อน ให้ข้าคิดเรื่องนี้ดีๆ ก่อน”
****
“อสูรทลายมิติ แข็งแกร่งจริงๆ การฆ่ามันให้ได้นั้นยากเกินไป! ถ้า อสูรทลายมิติ ไว้ชีวิตเราได้จริง มันก็ไม่จำเป็นที่เราต้องไปเป็นศัตรูกับมัน”
“จริงๆ แล้วข้ากังวลว่า อสูรทลายมิติ จะไม่ยอมรับเรา ยังไงซะ อสูรทลายมิติ ก็จำเป็นต้องกินจุดกำเนิดจักรวาลย่อย…การรับเราเข้าพวกก็หมายความว่ามีจุดกำเนิดให้กินน้อยลงไป”
“แม้ว่าเราจะตัดสินใจเปลี่ยนฝั่งแต่มันอาจจะไม่รับเราเข้าพวก ถ้าข้ามีพลังเหมือนทางช้างเผือก และขอเข้ากับมัน อสูรทลายมิติ แน่นอนว่าต้องดีใจที่จะรับข้าเข้าพวก”
****
“ทางช้างเผือก เจ้าต้องทำให้สำเร็จ” เทพที่แท้จริงดอกไม้หมอก พูดขึ้น เธอยืนอยู่ในจักรวาลย่อยของตัวเองแล้วมองไปยังคนในเผ่า เธอภาวนาในใจ
****
“ไม่แปลกใจเลยว่าจิตจักรวาลดั้งเดิมถึงได้เชื่อใน หลัวเฟิง ตอนนี้ไม่มีใครหยุด อสูรทลายมิติ ได้ มีแค่ ทางช้างเผือก ที่มีโอกาสจะทำสำเร็จ”
เทพแท้จริงปีศาจได้มารวมตัวกันในจักรวาลหลัก ในฐานะสมาชิกของจักรวาลหลักแล้ว พวกเขาไม่กล้าที่จะเปลี่ยนฝั่ง
ชัดแล้วว่าจักรวาลหลักกับ อสูรทลายมิติ เป็นฝ่ายตรงกันข้ามกัน การขอเข้าร่วมกับอสูรทลายมิติ หมายความว่าขัดกับจักรวาลหลัก อย่างน้อยๆ พวกเขาก็ผ่านการเกิดใหม่สองยุคมา พวกเขาไม่ต้องการถูกมองเป็นศัตรูโดยจักรวาลหลัก!
****
มีความคิดและอารมณ์มากมายในทะเลจักรวาล ยังไงซะมันก็ไม่มีความเกลียดชังระหว่างเผ่าต่างๆ ของทะเลจักรวาลและ อสูรทลายมิติ ถ้า อสูรทลายมิติ รับพวกเขาเข้าพวกและไม่โจมตีพวกเขาเมื่อรู้ว่ามีความหวังน้อยนิดที่จะเอาชนะ อสูรทลายมิติ มันก็มีหลายเผ่าที่เต็มใจจะเปลี่ยนฝั่ง เผ่าจากจักรวาลหลักเองก็มีความกลัวกันอยู่หลายเผ่า
ในวังบรรพบุรุษอสูรเทพ บรรพบุรุษอสูรเทพทั้งสามก็ได้รับข้อความจากจิตจักรวาลดั้งเดิม
“บริวาร….อสูรทลายมิติ”
“ยาก…”
“ภัยพิบัติ…”
ข้อความต่างๆ ถูกส่งมาและหลังจากนั้นสักพักอสูรเทพทั้งสามก็ได้ลืมตาขึ้น
“ตอนนี้มันมีหลายเผ่าที่ต้องการจะเปลี่ยนไปเข้ากับ อสูรทลายมิติ” อสูรเทพหนุ่มส่ายหน้าแล้วฮึดฮัด “แต่พวกโง่นั่น! พวกเขารู้ได้ยังไง? เมื่อกลายเป็นบริวารของอสูรทลายมิติ มันคือตอนที่ภัยพิบัติที่แท้จริงเริ่มต้นขึ้น!”
ข้างๆ เขาอสูรเทพอาวุโส พยักหน้า “เมื่อจิตจักรวาลดั้งเดิมสั่งให้เรากระจายข่าว มันต้องหวังว่าเทพแท้จริงจะคิดทบทวนและตัดสินใจในสิ่งที่ไม่รู้สึกผิดทีหลัง นี่เพราะไม่ว่ายังไงก็ตามเผ่าจากการเกิดใหม่สองยุคของทะเลจักรวาลก็ยังถือว่าเป็นลูกหลานของจักรวาลหลัก”
“จริงๆ แล้วไม่จำเป็นที่ต้องกังวล” เทพสองหน้าพูดขึ้น “จิตจักรวาลดั้งเดิมได้บอกเราว่าการเป็นบริวารของ อสูรทลายมิติ ไม่ใช่เรื่องง่าย ยังไงซะ อสูรทลายมิติ ก็กินจุดกำเนิดจักรวาลย่อยในอนาคต ถ้าเทพแท้จริงที่ยอมเข้าพวกกับ อสูรทลายมิติ ไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะเป็นประโยชน์ต่อ อสูรทลายมิติ พวกมันจะยอมทิ้งจักรวาลย่อยและรับพวกนั้นเข้ารึ?”
การเปลี่ยนฝั่งไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากที่เปลี่ยนฝั่งแล้ว พวกเขาก็ต้องรู้สึกผิดและจากนั้นก็จะเกิดภัยพิบัติที่แท้จริง
****
เทพทั้งสามเริ่มกระจายข่าว เพราะสำนักบรรพบุรุษอสูรเทพมีเทพแท้จริงค่อนข้างมาก มันจึงง่ายที่จะกระจายข่าวนี้ไปทั่วทะเลจักรวาล ตอนที่ข่าวนี้กระจายออกไป หลายเผ่าที่ตอนแรกไม่มั่นใจก็ต้องช็อก แม้ว่าพวกเขาจะสงสัยว่าจิตจักรวาลดั้งเดิมอาจจะโกหกพวกเขาแต่พวกเขาก็ยังกลัวอยู่ดี พวกเขาไม่คิดจะเสี่ยงพนันง่ายๆ!
“จิตจักรวาลดั้งเดิมนั้นหงุดหงิดง่ายจริงๆ” ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ พูดขึ้นโดยนั่งอยู่เพียงลำพังที่กำแพงด้านนอกของเรือจักรวาลพร้อมกับเหรียญสื่อสารในมือ เขาส่ายหน้าและพูดขึ้น “ไม่ว่าเทพแท้จริงเหล่านั้นจะรอดหรือตาย มันจะส่งผลต่อภาพรวมยังไง? เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นจริง อสูรทลายมิติ จะแสดงด้านน่ากลัวออกมา…จากนั้นเทพแท้จริงจะเข้าใจว่านี่คือภัยพิบัติที่แท้จริงที่พวกเขาไม่อาจจะหลบซ่อนได้ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน! ข้าแค่ไม่มั่นใจว่าเมื่อไหร่ศิษย์ข้าจะทะลวงระดับเป็นเทพแท้จริงได้”
ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ แสดงสีหน้ากังวลออกมา “อสูรทลายมิติ อาจจะหายไปชั่วคราว แต่ตอนนี้มันเริ่มต้นขึ้นแล้ว อาจเกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องไม่รู้จบซึ่งอาจจะโหดร้ายกว่าเดิม ถ้า หลัวเฟิง ยังไม่เป็นเทพแท้จริง…”
****
ข่าวจากโลกภายนอกยังคงดุเดือด หลัวเฟิง รู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก เขาเองก็รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ แต่เขาก็ยังใจเย็นอย่างมาก ความคิดในการเปลี่ยนฝั่งไม่เคยโผล่มาในหัวเขา เพราะตัดสินจากเบาะแสที่พบในโลกแห่งจิน ไม่มีเลยสักเผ่าที่ต้องการจะเข้าร่วมกับ อสูรทลายมิติ ปรากฏว่าพวกเขาพากันกังวลกับการเข้าร่วมกับ อสูรทลายมิติ แล้ว โชคชะตาของพวกเขาจะเป็นแบบข้อความของจิตจักรวาลดั้งเดิม….ภัยพิบัติที่แท้จริง
“กลับ”
หลัวเฟิง ยืนอยู่ในหอคอยดวงดาวแล้วมองออกไปด้านนอก เขาเห็นชั้นหุ้มจักรวาลหลักรวมถึงอากาศอันวุ่นวาย
นี่คือการเดินทางกลับไปยังจักรวาลหลักครั้งแรกตั้งแต่ที่ อสูรทลายมิติ ปรากฏตัวขึ้นมา เขาต้องส่งเลือดของ อสูรทลายมิติ กลับไปที่ร่างมหาสมุทรเพื่อใช้เทคนิคการสร้างทำการศึกษาและทำความเข้าใจโครงสร้างชีวิต
“ข้าหวังว่าจากสิ่งนี้ข้าจะทะลวงผ่านและกลายเป็นเทพแท้จริงได้” หลัวเฟิง คาดหวังกับเป้าหมายนี้