ตอนที่ 512 ชะตากรรม
“ออร่าแห่งการฆ่าของโบราณสถานเทพเจ้า ในข้อความบอกว่าให้ไป
ยังที่นั่น เพื่อซึมซับออร่าแห่งการฆ่า ซึ่งจะช่วยในการดูดซับคริสตัลได้”
“พวกเขายังระบุด้วยว่า การฆ่าจะช่วยให้ดูดซับได้ดีขึ้นเช่นกัน”
“นอกจากนี้ต้องการออร่าในการฆ่าที่รุนแรงมาก!”
หลัวเฟิงพยักหน้า ในที่สุดเขาก็เข้าใจ “เห็นได้ชัดว่าการฆ่าและการดูดซับออร่าแห่งการฆ่าในโบราณสถานเทพเจ้า ทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาบางอย่าง และมันช่วยให้ดูดซับได้ดียิ่งขึ้น!”
การฆ่า?
ร่างกายมนุษย์โลกของเขา อาจกล่าวได้ว่าผ่านการสังหารมาเป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับมนุษย์ทั่วไป
ถึงกระนั้นก็ไม่มากเท่าไร การฆ่าสัตว์ประหลาดในโลกของเขาก็มีจำกัด
อย่างไรก็ตามเขาฆ่าคนในเครือข่ายจักรวาลเสมือนจริงจำนวนมาก แต่พวกนั้นคือร่างจำลอง พวกเขาไม่ช่วยสร้างออร่าในการฆ่าให้เขาได้
“ฮ่าๆ…”
“เหตุผลเดียวที่ฉันมุ่งหน้าไปยังซากโบราณสถานเทพเจ้า คือการ
กลายเป็นนักรบเลือดและอาจพัฒนาเป็นนักรบดำ อย่างไรก็ตามฉันไม่คาดคิดว่าการดูดซับคริสตัลชิ้นที่ 2 จะล้มเหลว” หลัวเฟิงส่ายหัว ขณะที่เขาหลับตาลงจิตสำนึกของเขาเชื่อมต่อกับเครือข่ายจักรวาลเสมือน และเข้าสู่พื้นที่ฝึกฝนในจุดเริ่มต้น
ในทางเดิน
“โชคของข้าคงจะหมดแล้ว” ยูฉียางบ่นพึมพำ ขณะเดิน
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่” เสียงเรียกดังก้องกังวาน
“หือ?” ยูฉียางหันมามอง ชายหนุ่มสวมเกราะกำลังวิ่งมาอย่างตื่นเต้น
มาก ในขณะที่เขายิ้ม และพูดว่า “ข้าคิดว่าใคร อาซ่ง ทำไมเจ้าดูมี
ความสุขมาก? เจ้าพบนายน้อยนาคีแล้วหรือ?”
“บ้าชิบ! เจ้านายกำลังตามหาเขาไปทั่ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะหายตัวไป ไม่มีใครรู้เลย” อาซ่งส่ายหน้า “เมืองเนินกลืนกินกำลังอยู่ในช่วง
วุ่นวาย ด้วยอารมณ์ที่ร้อนแรงของนายน้อย…เขาอาจจะไปตอแยผิดคน และถูกฆ่าตายได้”
“บ้าเอ้ย เจ้ากล้าแช่งให้นายน้อยไปตายเหรอ?” ยูฉียางจ้องมอง
อาซ่งกะพริบดวงตามองยูฉียางที่ด้านข้างและสื่อสารด้วยจิตว่า “พี่
ใหญ่ ท่านเห็นรางวัลที่พวกเขาตั้งไว้ไหม?”
“บ้าสิ ข้าเพิ่งออกมาจากบ่อน ข้าจะไปเห็นรางวัลที่ไหนได้” ยูฉียาง
ส่ายหัว
“มากับข้า” อาซ่งลากพี่ชายของเขาไป
“ไปที่ไหน?”
“ตามข้ามาเถอะ”
ชายสองคนเดินมาถึงบริเวณที่มีโปสเตอร์รางวัล ความเย้ายวนใจของ
รางวัลนั้นมากเกินไป แม้กระทั่งในตอนนี้มีคนจำนวนมากยังคงพูดคุย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ และมีอีกหลายคนที่กำลังนึกถึงข้อมูลของฆาตกร
“1 ล้านเหรียญสมบัติ? สกุลเงินสมบัติ 1 แสนล้านเหรียญหรือ?” ยูฉี
ยางตาเปิดค้าง
“พี่ดูรายละเอียดบนภาพนั้น อาวุธและชุดเกราะที่นักฆ่าใช้” อาซ่ง
สื่อสารทางจิต
ยูฉียางมองทันที ดวงตาของเขาจ้องมอง ก่อนที่จะหันกลับไป “อาซ่ง นี่เป็นนักรบที่เราพบในตอนที่เราไปกับนายน้อยที่ป่ารกร้าง เขาใช้โล่และใบมีดเช่นนี้ใช่ไหม และเขาได้ฆ่ากลุ่ม 13 ขวาน ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว…นักรบนั้น…เขาอยู่ในระดับขอบเขต!”
“ถูกต้อง” อาซ่งพยักหน้าบอก “เมืองเนินกลืนกินของเราไม่ค่อยจะมีนักสู้ระดับขอบเขต โล่และอาวุธของเขามันคงไม่บังเอิญเช่นนี้ นี่ต้อง
เป็นท่านเฟิงจริงๆ แม้แต่ทูตจากศาลาอมตะยังถูกเขาสังหารด้วย
เช่นกัน”
“เราจะทำยังไงดี?” ดวงตาของยูฉียางเป็นประกายขึ้น
“เราจะไปหรือไม่” อาซ่งมองไปที่พี่ใหญ่ของเขา
“แต่เรื่องนี้…” ยูฉียาง ลังเล
“ถ้าพี่ไม่ไป ข้าจะไป” อาซ่งสื่อสาร “อย่าไปเสียใจ แม้ว่าเจ้านายเก่าจะไม่โหดร้ายกับเรา แต่เรายังไม่ได้เป็นคนในตระกูลนาของเขา”
ยูฉียางกัดฟัน “ตกลง ไปกันเถอะ!”
ดังนั้น ทั้ง 2 คนมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
……
คฤหาสน์ที่พักของผู้นำโลก
ฉิงหยางนั่งอยู่ที่บนที่นั่ง มีคนสามคนโค้งคำนับด้วยความเคารพ
“เจ้าพบอะไรบ้าง?” เสียงของฉิงหยางสุภาพ เขายิ้มอย่างอ่อนโยน แต่มันกลับเต็มไปด้วยความกดดันที่ไม่มีรูปร่าง “หลังจากมีเงินรางวัลแล้วทุกอย่างเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งสามคนที่มารายงานก่อน 2 คนแรกพยายามหลอกลวง แต่คนสุดท้าย…เรายังไม่สามารถยืนยันได้ แต่เจ้าบอกว่าเจ้ารับประกันว่าเป็นเรื่องจริง ใช่หรือไม่?”
“ท่านผู้นำโลก!” รองนายพลของกองทัพรู้สึกดีใจมาก “คราวนี้
สามารถรับประกันได้! เราได้รับรายงานจากสามคน…พวกเขาทั้งหมดกล่าวถึงบุคคลเดียวกัน”
“อืม?” ด้านบนที่นั่ง ฉิงหยางเงยหน้าขึ้นมอง
“จากคำบอกเล่าของทั้งสามคน เขาเรียกว่าเฟิง!…เมื่อไม่นานมานี้ เฟิงอยู่ในป่ารกร้างนอกเมือง นาคีได้พบกับเขาที่นั่น ระหว่างทางนาคีและทหารของพวกเขาถูกโจมตีโดยกลุ่มนักรบ 13 ขวาน แต่นักรบลึกลับคนนั้นสร้างภาพเงา 13 ภาพและฆ่าพวกเขาทันที เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้มีโอกาสที่จะตอบโต้!”
“13 ขวาน คือองค์กรอะไร?” ฉิงหยาง ยิ้ม
“ท่านผู้นำ โลก พวกเขาเป็นองค์กรที่โดดเด่นภายในเมืองเนินกลืน
กิน 13 ขวาน หมายถึงนักรบ 13 คน ในพวกเขามี 3 คนอยู่ระดับเมฆ
และ 10 คน อยู่ระดับฟ้าขั้นสูงสุด” รองนายพลกล่าว “สำหรับการ
เสียชีวิตของ 13 ขวาน เราได้ยืนยันแล้วว่าพวกเขาถูกฆ่าโดยคนๆ นั้นจริงๆ”
“อา?” ฉิงหยางยืนขึ้นในทันที
ข่าวนี้เป็นเรื่องเลวร้าย!
สร้างภาพเงา 13 ภาพและฆ่าทั้ง 13 คน มี 3 คนอยู่ในระดับเมฆ…
“พลังแห่งกฎต้นกำเนิดอวกาศหรือไม่?” ดวงตาของฉิงหยางสว่างขึ้น
และเขารู้ได้ทันที “ใช่แล้ว ทูตพิเศษโมแจ้งว่านักรบชุดดาเขาใช้กฎต้น
กำเนิดอวกาศและความเร็วของเขามากอย่างน่าตกใจ”
“อาวุธ?” ฉิงหยางถาม
“โล่ ใบมีด คล้ายกับในภาพ” รองนายพลกล่าวอย่างจริงจัง
“ดีมาก!” ดวงตาของฉิงหยาง แวววาว “ไปหาข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้!”
“ครับนายท่าน!”
……
กลับมาที่นาบู เขาไม่สามารถละทิ้งธุรกิจของตระกูลได้ เขาเลือกที่จะ
อยู่ในเมืองเนินกลืนกิน เมื่อความทรงจำของเขาถูกลบไป นาบูเป็นกังวลอย่างมากนับตั้งแต่ที่เขาพบว่าลูกชายของเขาหายไป เขาใช้ทั้งกำลังและทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อตามหาลูกชายของเขาอย่างบ้าคลั่ง มากอย่างที่เขานึกไม่ถึง
เมื่อเขาเห็นภาพและรางวัลนำจับ เขาตกใจมาก
เขาก็สงสัยว่าฆาตกรน่าจะเป็นท่านเฟิง!
ขณะนั้นเขาพยายามจะควบคุมกลุ่มทหารของตระกูล
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจาก 4 คนที่เขาควบคุมได้ คนอื่นๆ ไม่ได้อยู่
ภายในตระกูล
“พาพวกเขาไป!”
“พาพวกเขาทั้งหมดออกไป”
“รีบดูรายชื่อพวกนี้ นี่คือรายชื่อทหารเหล่านั้น ค้นหาพวกเขาทั้งหมด
นอกจากนี้…รีบไปพบกับนาบู โอ้ นั่นคือผู้นำตระกูลนา”
ทหารกลุ่มหนึ่งรีบตรงมายังตระกูลนา พวกเขาพาตัวนาบูและลุงสายฟ้าไป
สุภาพสตรีที่สวมเกราะสีม่วงยืนอยู่นอกห้องทรมาน เสียงดังกราว!
หลังจากที่เปิดประตู รองนายพลเดินออกไป
“สวัสดี ท่านเทพ” รองนายพลรู้สึกตกใจที่เห็นสุภาพสตรี และรีบ
ทักทายอย่างสุภาพ สุภาพสตรีที่สวยงามคนนี้เป็นหนึ่งใน 4 ลูกน้องคนสนิทของผู้นำ โลก ฉิงหยาง ซึ่งพวกเขาเป็นนักรบระดับขอบเขต
“สอบปากคำผู้นำตระกูลนาแล้ว เจ้าได้อะไรเกี่ยวกับเฟิงบ้าง?” หญิง
สาวถาม
“ไม่ เขาบอกว่าเขาไม่รู้จักคนชื่อเฟิง” รองนายพลส่ายหัว “ข้าสอบสวนเขาอย่างละเอียด แต่ข้าก็ค้นพบว่าผู้นำตระกูลนานี้แทบไม่รู้เรื่องนี้ และเขาเพิ่งได้พบกับเฟิง เพียง 2 ครั้ง ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ลึกมาก”
“ไร้ประโยชน์!” หญิงสาวสวยคำราม
ใบหน้ารองนายพลแดงก่ำ เขาอยากตอบ แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไร
“ออกไป พาคนของเจ้าทั้งหมดออกไปด้วย” หญิงสาวกล่าว
“ครับท่าน!”
รองนายพลได้นำกองกำลังทั้งหมดออกจากห้องทรมาน หลงเหลือเพียงนาบูและลุงสายฟ้า
……
ภายในห้องทรมาน
นาบูและลุงสายฟ้า ทั้งสองมีร่างกายที่ขาวซีดและบาดเจ็บ พวกเขา
ทั้งหมดถูกทรมานร่างกาย
“เจ้านาย เราเคยคิดว่าการได้พบกับท่านเฟิงจะเป็นเรื่องที่ดี ใครจะคิดว่าเราจะจบลงเช่นนี้…” ลุงสายฟ้าถอนหายใจ ข้างๆ เขา นาบูก็ถอนหายใจด้วย “สายฟ้า คราวนี้ตระกูลนาของเราทำผิดต่อเจ้า”
“เจ้านาย…” ลุงสายฟ้ากำลังจะพูด
หญิงสาวในชุดเกราะสีม่วงเดินเข้ามาเพียงลำพัง ขณะที่เธอเดินเข้ามานั้นทำให้ลุงสายฟ้าและนาบูสูญเสียการควบคุมตัวเอง หน้าตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน
“เจ้าพวกโง่นี่กับใช้วิธีการทรมานในขณะสอบปากคำ ไอ้พวกโง่เอ้ย”
ท่าทางของหญิงสาวในชุดม่วงเปลี่ยนไป “เจ้าพูดก่อน บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดของการพบกัน และบอกข้าอย่างละเอียด บอกด้วยว่าเจ้าคิดเห็นยังไง บอกมาทั้งหมด”
ทันใดนั้น ลุงสายฟ้าก็เล่าเรื่องราวทั้งหมด
นาบูยิ่งพูดมากยิ่งกว่า
ทั้งสองคนอยู่ภายใต้การควบคุมของเทคนิควิญญาณ ทั้งคู่เดาได้ว่า
ฆาตกรมีแนวโน้มที่จะเป็นท่านเฟิงมาก
คำตอบนี้ ทำให้หญิงสาวชุดเกราะสีม่วงดูโกรธแค้น
ฉิงหยางยืนอยู่บนทางเดิน
“นายท่าน” หญิงสาวในชุดเกราะสีม่วงเดินเข้ามาและโค้งคำนับ
“จากน้ำหนักเท้าของเจ้า ผลการสอบสวนคงไม่ดีเท่าไหร่” ฉิงหยาง มองไปที่ห่างไกล เขาหันหลังให้กับหญิงสาวในชุดเกราะสีม่วง
เธอก้มหัวลงและพูดว่า “ใช่ค่ะท่าน ข้าใช้เทคนิควิญญาณและยืนยันว่าทั้งสองคนนี้ไม่ได้โกหก ตระกูลนาของพวกเขาได้พบกับเฟิงจริงๆ และดูเหมือนเฟิงจะให้การช่วยเหลือนายน้อยนาคี”
“นาคี? เขาอยู่ที่ไหน?” ฉิงหยางถามอย่างไม่แยแส
“เขาหายตัวไป” หญิงสาวในชุดเกราะสีม่วง “และเขาก็หายตัวไปในคืนที่เกิดการฆ่าเหล่าทูตพิเศษ นอกเหนือจากนี้ เราไม่สามารถหาข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ นอกจากนี้การหายตัวไปของนาคี…แม้กระทั่งพ่อของเขาก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นเขาจึงกระวนกระวายออกตามหาลูกชายของเขา เขาไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นรางวัล เรื่องราวทั้งหมดนี้ถูกเปิดเผยโดยทหารของเขาบางคน”
“การหายตัวไปของนาคี…นี่มันบังเอิญมากเกินไป ข้ารับประกันได้ว่า
มันมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับฆาตกร!”
“ตอนนี้มีสองประการคือ”
“หนึ่ง นาคีรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเฟิง นักฆ่ากังวลว่าตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย เพราะฉะนั้นเขาจึงฆ่านาคีเพื่อทำให้เงียบไปตลอดกาล”
“ความเป็นไปได้ที่สองคือ เฟิงรู้ว่าจะเป็นเรื่องลำบากหลังจากฆ่าทูต
และปัญหาจะเกิดขึ้นกับตระกูลนา เขาพานาคีไปด้วยเพราะเขาชอบ
นาคี” หญิงสาวในชุดเกราะสีม่วงกล่าว
“แล้วไงต่อ” เสียงของฉิงหยางนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ “ข้าไม่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับมัน ข้าแค่อยากรู้…มันคือฆาตกร ข้าต้องการจับมัน!”
“ข้าไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน” หญิงสาวในชุดเกราะสีม่วงส่ายหัว
หวืด…ตูม!
ฉิงหยางสะบัดมือด้วยความโกรธ มันกระทบเสาที่ด้านข้าง ทันใดนั้นก็เกิดการระเบิดอย่างแรง ระเบิดและคลื่นช็อคที่น่าสะพรึงกลัวออกมาจากเสา จากนั้นจึงกระเด็นไปรอบๆ แรงกระแทกทำให้ทหารจำนวนมากล้มลงกับพื้น โชคดีที่มีเพียงแค่แขนหรือขาหักเท่านั้น
ทันทีทันใดนั้นรอบๆ คฤหาสน์ มีเสียงตะโกนดังก้อง
“ไอ้พวกขี้เกียจ!!!” ฉิงหยางหงุดหงิดมาก เขาปลดปล่อยคลื่นพลังที่ทำให้ท้องฟ้าและแผ่นดินสั่นสะเทือน
“นายท่าน จะให้ข้าทำอย่างไรกับตระกูลนา?” หญิงสาวในชุดเกราะสี
ม่วงถามด้วยความเคารพ