ตอนที่ 117 กระบี่กวาดเจ็ดดาวสวรรค์
ที่หน้าโถง นักเรียนทั้ง 14 คนปิดปากเงียบ ไม่มีใครยอมถอนตัว
เด็กชายจึงแย้มยิ้มแล้วกล่าว “ในเมื่อไม่มีใครถอนตัว เช่นนั้นพวกเราจะเริ่มการทดสอบ ท่านอาจารย์”
นักพรตหลิงอวิ๋นเดินออกมาจากโถงและสายตาของเขากวาดมองดูฉินมู่และคนอื่นๆ เผยอยิ้ม “ด่านทดสอบแรกๆ ทดสอบพื้นฐาน ความคิดสร้างสรรค์ และสันดาน ส่วนด่านนี้จะทดสอบกําลังฝีมือของพวกเจ้า แม้ว่าพวกเจ้าจะเป็นนักเรียนแต่ก็ถือว่าไม่ธรรมดาที่มาถึงด่านทดสอบนี้ได้ พวกเจ้าแต่ละคนมีกําลังฝีมือน่าตื่นตระหนก ข้าหัวหน้าโถงแห่งโถงหยางพิสุทธิ์จะลงมือทดสอบพวกเจ้าด้วยตนเอง”
นักเรียนแต่ละคนเหลียวมองหน้ากัน มีนักเรียนคนหนึ่งกล่าวด้วยเสียงเบา “นี่มันไม่ยุติธรรม…”
นักพรตหลิงอวิ๋นตาเป็นประกายวูบหนึ่ง จากนั้นหัวเราะในคอ “แน่นอนว่านี่มันไม่ยุติธรรม พวกเจ้าทุกคนมาจากโรงเรียนและวิทยาลัยประถมฐาน ซึ่งไม่อาจเทียบได้กับมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังเป็นหนึ่งในครูผู้สอนของมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ และได้อ่านคัมภีร์ต่างๆ ทั้งหมดที่เก็บรักษาไว้ที่นี่ แม้ว่าข้าจะอยู่ในวรยุทธ์ขั้นเดียวกันกับพวกเจ้า กําลังฝีมือข้าก็คงเหนือลํ้ากว่าไปหลายขุม ดังนั้นสําหรับการทดสอบนี้จึงเรียกร้องให้พวกเจ้าเพียงแค่รับมือข้าได้ 3 กระบวนท่า ตราบใดที่เจ้าไม่พ่ายแพ้ข้าภายใน 3 กระบวนท่า ก็นับว่าผ่านการทดสอบ”
เขายิ้มอย่างอบอุ่น “ข้าได้ผนึกวรยุทธ์ขั้นอื่นๆ ไว้แล้วเหลือเพียงแค่ขั้นห้าธาตุ ดังนั้นพวกเจ้าทั้งหลายสามารถวางใจได้”
ได้ยินเขากล่าวเช่นนั้น นักเรียนทุกๆ คนก็ถอนหายใจโล่งอก ตราบใดที่เป็นการต่อสู้ในวรยุทธ์ขั้นเดียวกัน พวกเขาก็ไม่กลัวใครหน้าไหน
เพราะถึงอย่างไร พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ฝึกยุทธระดับหัวกะทิในโรงเรียนและวิทยาลัยประถมฐานของตน ย่อมต้องมีความมั่นใจในตนเอง!
นักพรตหลิงอวิ๋นก็เผยยิ้มเช่นกันและมีทีท่าผ่อนคลาย แม้ว่าจะจํากัดไว้ที่ 3 กระบวนท่าในวรยุทธ์ขั้นเดียวกัน เขาก็ยังมีลูกเล่นอีกมากมายในการควบคุมผลลัพธ์ใน 3 กระบวนท่านี้ เขาสามารถชักใยได้อย่างง่ายดายและจะไม่มีใครที่สามารถจับสังเกตช่องโหว่ของเขาได้ ซึ่งทําให้เขาสามารถทําให้นักเรียนที่เขา หมายหัวไว้ตกการทดสอบภายใน 3 กระบวนท่า!
เพราะว่าเขาเป็นครูผู้สอนของมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ แม้ว่าเขาจะไม่กล้าอ้างตัวว่าไร้เทียมทานในวรยุทธ์ขั้นเดียวกันแต่กําลังฝีมือของเขาก็ยังนับว่าสูงส่งหาตัวจับยากในโลกหล้า!
“ติ่งซาน เจ้าเข้ามาคนแรก”
นักพรตหลิงอวิ๋นผนึกวรยุทธ์ของตนเองแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เด็กน้อย นํากระบี่ไม้มา”
เด็กชายผู้นั้นรีบนํากล่องกระบี่ทําจากไม้มา 2 กล่อง และวางมันในแนวตั้งอยู่กับพื้น
นักพรตหลิงอวิ๋นเอื้อมมือออกไป และเส้นด้ายปราณชีวิตอันละเอียดดีของเขาก็แผ่พุ่งออกจากปลายนิ้วและกวาดดึงเอากระบี่เล่มหนึ่งออกมาจากกล่องกระบี่ เขากล่าว “มีกระบี่ทั้งหมด 36 เล่มในกล่องกระบี่นี้ ซึ่งเหมาะแก่การใช้เพลงกระบี่เจ็ดดาวสวรรค์ เจ้าสามารถแบกกล่องกระบี่ไว้ที่หลัง หรือทําอย่างไรก็ได้ ตามแต่ใจ ส่วนข้าใช้กระบี่เล่มเดียวก็เพียงพอ”
นักเรียนที่ชื่อว่าติ่งซานเดินเข้าไปแล้วแบกกล่องกระบี่ไว้ที่หลัง เขาโค้งคํานับนักพรตหลิงอวิ๋นเป็นการคารวะทักทาย จากนั้นเรียกใช้เพลงกระบี่เจ็ดดาวสวรรค์ ทําให้กระบี่ไม้จํานวนมากพรั่งพรู ออกมาจากกล่องกระบี่
เพลงกระบี่เจ็ดดาวสวรรค์ เป็นเพลงกระบี่ที่นักเรียนจากทั่วโลกจะต้องรํ่าเรียน ฉินมู่เคยเห็นเพลงกระบี่ทํานองนี้ระหว่างที่เขานั่งเรือมายังเมืองหลวง ตอนแรกที่เขาเห็นมันใจของเขาก็สั่นสะท้านพลางคิดว่าผู้ฝึกวิชายุทธของจักรวรรดิสันตินิรันดร์นั้นสูงส่งไม่ธรรมดา ขนาดว่าผู้ฝึกยุทธข้างถนนไร้ชื่อเสียงที่เขาพบระหว่างทางก็ยังสามารถร่ายรําเพลงกระบี่อันมหัศจรรย์นี้
แต่ทว่า เมื่อเขาพบว่านักเรียนทุกๆ คนล้วนแต่ฝึกเพลงกระบี่เจ็ดดาวสวรรค์ เขาก็ผุดความคิดขึ้นมาทันทีว่าสามารถสู้สิบด้วยมือเดียวกับผู้ฝึกยุทธชนิดนี้
ติ่งซานร่ายรําเพลงกระบี่เจ็ดดาวสวรรค์ กระบี่ไม้ทั้ง 36 เล่มโบยบินขึ้นๆ ลงๆ และพลานุภาพของมันก็กล้าแข็งไม่ใช่เล่นแต่ในวินาทีที่เขาร่ายรําเพลงกระบี่ดังกล่าวนั่นเอง ฉินมู่ก็รู้ทันทีว่า ติ่งซานไม่มีทางต้านทาน 3 กระบวนท่าของนักพรตหลิงอวิ๋น เขาไม่อาจต้านทานได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวด้วยซํ้า!
ชี่
นักพรตหลิงอวิ๋นใช้ปราณคุมกระบี่บินและแทงออกไป กระบวนท่ากระบี่ของเขานั้นร้ายกาจยอกย้อนเมื่อมันทะลุทะลวง 36 กระบี่ไม้ของติ่งซานในพริบตา และแทงเข้าใส่ติ่งซานที่หน้าอกเด็กหนุ่มผู้นี้กระเด็นไปข้างหลังจากแรงกระบี่ ร่วงกลิ้งลงกับพื้นและลุกไม่ขึ้นไปพักใหญ่ๆ
“พลังวัตรของเจ้าไม่อ่อนด้อยเลย” นักพรตหลิงอวิ๋นเงยหน้า ขึ้นและแย้มยิ้ม
นักเรียนคนอื่นหวาดหวั่นพรั่นใจ ทักษะกระบี่ของนักพรตหลิงอวิ๋นนั้นเข้าสู่พรมแดนเขตขั้นการเปลี่ยนแปลง หรือเรียกอีกอย่างว่าการทําให้สมบูรณ์ ความหมายของการเปลี่ยนแปลงในขั้นการ
เปลี่ยนแปลงนั้น หมายถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นพรมแดนและสร้างโลกขึ้นมา
เมื่อมาถึงขั้นนี้ คนผู้นั้นย่อมไม่ถูกจํากัดด้วยเพลงกระบี่ของตนอีกต่อไป และแม้แต่ท่วงท่าที่ใช้โดยไม่ตั้งใจก็กลายเป็นเพลงกระบี่
ที่น่าแตกตื่นสุดๆ ก็คือแม้ว่านักพรตหลิงอวิ๋นจะผนึกสมบัติเทวะอื่นๆ เหลือเพียงสมบัติเทวะห้าธาตุและทารกวิญญาณเปิดไว้ แต่พลังวัตรของเขาก็ยังเข้มข้นหนาแน่นอย่างไม่อาจเปรียบปานและ เหนือลํ้ากว่าติ่งซานไปหลายขุม!
นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว จะมีใครที่สามารถรับมือ 3 กระบวนท่าของเขาได้จริงๆ น่ะหรือ
สายตาของนักพรตหลิงอวิ๋นวูบไหวเล็กน้อยจากนั้นกล่าว “ติ่งซาน วางกล่องกระบี่ลง เจ้าสามารถลงจากภูเขาได้ เอาล่ะ คนต่อไป ฉินอวี้”
“ฉินอวี้?” ฉินมู่สะดุ้งเมื่อเขามองไปที่เด็กหนุ่มที่ก้าวออกมาข้างหน้า เด็กหนุ่มผู้นี้หล่อเหลาอัศจรรย์และมีเครื่องหน้าอันโดดเด่น เขามีนํ้าเสียงอันไม่โอหังแต่ก็ไม่ประจบ และรูปหน้าเขาทําให้ฉินมู่รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
หน้าตาเขาดูคล้ายกับฉินเฟยเยว่แฮะ แม่ทัพน้อยฉินนั่น ฉินมู่ครุ่นคิดในใจ
ฉินอวี้ก้าวไปข้างหน้าสะพายกล่องกระบี่ไว้ที่หลังจากนั้นโค้งคํานับ
นักพรตหลิงอวิ๋นยิ้ม “แม้ว่าเจ้าจะมาจากตระกูลฉินอันพรั่งพร้อมด้วยอํานาจและอิทธิพล แต่ข้าก็จะไม่ออมมือให้หรอกนะ ในการทดสอบนี้ จงแสดงความสามารถของเจ้าให้สุดขีดจํากัด มิเช่นนั้นก็เตรียมตัวรับชะตากรรมเดียวกับติ่งซาน”
ฉินอวี้ตอบรับคํา จากนั้นเอื้อมมือไปหยิบกระบี่เล่มหนึ่งออกมาจากกล่องกลางหลัง ด้วยกระบี่ไม้หนึ่งเล่มในมือ กระบี่ที่เหลืออีก 35 เล่มก็โบยบินออกมาพร้อมๆ กัน ทว่ามันไม่ก่อรูปเป็นพยุหะเจ็ดดาวสวรรค์ แต่กลับกลายเป็นฝูงกระบี่ที่บินฉวัดเฉวียนไปมาอย่างคล่องแคล่วราวกับมังกรมุดนํ้า เพลงกระบี่เช่นนี้มิใช่เพลงกระบี่ที่สอนในโรงเรียนและวิทยาลัยประถมฐาน
แม้แต่นักพรตหลิงอวิ๋นก็ไม่เคยเห็นเพลงกระบี่เช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกราวกับว่ากระบี่ทุกเล่มต่างก็เหมือนมังกรท่องทะเล และเมื่อกระบี่เหล่านั้นรวมตัวกัน พวกมันก็กลายเป็นมังกรตัวมหึมา อันหลอมรวมพละกําลังของกระบี่ไม้ทั้ง 35 เล่มเข้าด้วยกัน มีพลานุภาพมหัศจรรย์!
ฉินอวี้กู่ร้อง ปราณชีวิตเขาแผ่พุ่ง ปราณชีวิตพยัคฆ์ขาวของเขาพลันพลุ่งพล่านอย่างอัศจรรย์ เมื่อปราณชีวิตของเขาอาบชุ่มชโลมกระบี่ไม้ ก็ทําให้กระบี่ไม้แปรเปลี่ยนเป็นสีทองราวกับว่ามันเป็นกระบี่ทองคํา!
กระบี่ 36 เล่มอันแข็งแกร่งเหนือเหล็กและทองก็จู่โจมใส่นักพรตหลิงอวิ๋นด้วยการควบคุมของเขา
นักพรตหลิงอวิ๋นอุทานด้วยความชื่นชมพลางครุ่นคิดในใจ “นี่ไม่ใช่เพลงกระบี่ตระกูลฉิน เขาน่าจะได้มันมาจากพบพานประสบการณ์พิสดาร และเขายังบรรลุความเข้าใจเพลงกระบี่ที่มีรูปลักษณ์ของมังกรทะยานนํ้า แม้ว่าตระกูลฉินจะไม่ส่งจดหมายมาให้ข้าเอาใจใส่เขาเป็นพิเศษ เขาก็ยังคงมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นบัณฑิตจักรพรรดิแห่งมหาวิทยาลัยจักพรรดิเรา”
ฉินอวี้ดําเนินตามแนวทางสํานักวิชาบู๊และสํานักทักษะเทวะ เพลงกระบี่อันเหมือนมังกรทะยานนํ้าของเขานั้นทั้งคมกล้าและแข็งแกร่ง กระบี่ไม้ 36 เล่มโบยบินขึ้นไปราวกับ 36 มังกรน้อย และเมื่อกระบี่ 36 เล่มนั้นรวมตัวกันทีละสองสามเล่มอย่างต่อเนื่อง มันก็เหมือนกับมังกรน้อยที่มากระหวัดรัดเกลียวกัน เป็นมังกรใหญ่มากฤทธิ์
และในเวลาเดียวกัน กระบี่ไม้ในมือของเขาก็สําแดงพลังอันอวดเบ่งมากขึ้น กระบี่ในมือประดุจเป็นส่วนงอกออกมาจากแขน โจมตีออกไปทุกครั้งที่เขาชี้หันกระบี่อันยอกย้อนยากรับมือวิชาที่เขาใช้แนวสํานักวิชาบู๊
ฉินมู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ใจไหววูบเล็กน้อย ฉินอวี้ผู้นี้เคยเห็นมังกรตัวจริง! ใช่แล้ว ฉินเฟยเยว่ได้นำลูกของราชามังกรแม่น้ำหย่งที่ถูกผนึกไว้ในน้ำแข็งลึกลับออกจากแดนโบราณวินาศกลับมาที่สันตินิรันดร์นี่น่า! เพลงกระบี่ของฉินอวี้น่าจะได้มาจากการเพ่งทำความเข้าใจลูกมังกร หรือว่ามังกรน้อยนั้นได้รับการช่วยชีวิตให้รอดมาได้แล้ว
นอกจากมังกรน้อยที่ถูกกระบี่แทงหัวใจ ยังมีผู้พิทักษ์เยาว์ขององค์ชายรัชทายาท กู่ลี่หนวน ซึ่งถูกผนึกไว้ในนํ้าแข็งลึกลับเช่นกัน
ในฐานะผู้พิทักษ์เยาว์ของรัชทายาท และกินตําแหน่งขุนนางขั้นตํ่าชั้นหนึ่ง ความสามารถของเขาต้องไม่ธรรมดา และในเมื่อฉินมู่ได้ต้มตุ๋นกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์จากกู่ลี่หนวนผนวกกับฝักกระบี่ที่เฒ่าเป๋ขโมยมาให้ หากว่ากู่ลี่หนวนจดจําเขาได้ ย่อมไม่ปล่อยเขาไปแน่นอน
เขาไม่ได้นํากระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์พกติดตัวมาด้วยในการสอบนี้ และฝากไว้กับฝูชิงอวิ๋นที่หอฟังเสียงฝน เพราะถึงอย่างไรกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ก็เป็นกระบี่ประจําตําแหน่งของขุนนางชั้นสูง แม้ว่ามันจะหายสาบสูญไปหลายปี แต่ต้องมีผู้คนที่จดจํามันได้อย่างแน่นอน
สงสัยเสียจริงว่ากู่ลี่หนวนจะยังคงเป็นผู้พิทักษ์เยาว์ของรัชทายาทหรือไม่ แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือไม่เป็น ข้าก็คงยังไม่อาจต่อกรกับเขาได้ ข้าควรตามหาปรมาจารย์ก่อนเป็นอันดับแรก!
การต่อสู้ระหว่างฉินอวี้และนักพรตหลิงอวิ๋นนั้นอัศจรรย์น่าตื่นตา น่าเสียดายที่จํากัดไว้เพียง 3 กระบวนท่า แต่ภายใน 3 กระบวนท่านั้นมีความพลิกแพลงผลัดกันรุกผลัดกันรับนับครั้งไม่ถ้วน
หลังจากครบ 3 กระบวนท่า นักพรตหลิงอวิ๋นก็เรียกกระบี่ของตนกลับมา จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าผ่านการทดสอบ”
ฉินอวี้ระบายลมหายใจโล่งอก จากนั้นเก็บกระบี่ไม้กลับเข้ากล่อง ก่อนที่จะวางมันลงไว้กับพื้นตามเดิม
ฉินมู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย การต่อสู้ระหว่างสองคนนี้ดูตระการตาก็จริง แต่ให้ความรู้สึกตงิดๆ กับเขา ราวกับว่านักพรตหลิงอวิ๋นออมมืออมกําลังเอาไว้
กระบวนท่าของฉินอวี้นั้นนับว่าซับซ้อนสูงส่ง แต่พลังวัตรของเขามิได้สูงไปกว่าติ่งซานที่สอบไปก่อนหน้า นักพรตหลิงอวิ๋นสามารถใช้พลังวัตรอันเข้มข้นของตนกดดันฉินอวี้ แต่กลับใช้แค่กระบี่เดียวสู้กับกระบี่ 36 เล่ม หากไม่เรียกว่าออมมืองํากําลังจะเรียกว่าอะไร
พลังวัตรของฉินมู่นั้นแข็งแกร่งนัก ผนวกกับที่เฒ่าบอดสอนวิชาปลุกเนตรสวรรค์เก้าให้กับเขา แม้ว่าเขาจะเพิ่งปลุกเนตรสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง แต่สายตาของเขาก็คมกล้าน่าตะลึงและสามารถมองเห็นประเด็นนี้ได้
มีอะไรไม่ชอบมาพากล…
“คนต่อไป ฉินมู่” นักพรตหลิงอวิ๋นเผยยิ้ม
ฉินมู่ก้าวออกไปข้างหน้า และกําลังจะยกกล่องกระบี่ขึ้นมาสะพาย นักพรตหลิงอวิ๋นก็เอ่ยถาม “เจ้าก็แซ่ฉินอย่างนั้นรึ”
ฉินมู่เงยหน้าขึ้น พยักหน้าให้แก่เขา “แซ่ของข้าคือฉิน”
นักพรตหลิงอวิ๋นแย้มยิ้ม “น่าเสียดายที่ไม่ใช่ฉินของตระกูลฉิน”
ฉินมู่เลิกคิ้ว และไม่ยกกล่องกระบี่ขึ้นมาสะพาย จากนั้นจึงส่งยิ้มน้อยๆ ไป “อาจารย์ท่านนี้ ข้านั้นค่อนข้างโง่เขลาและชอบของมากๆ ยิ่งดี ไม่ทราบว่าข้าจะขอใช้กล่องกระบี่ทั้งสองกล่องได้หรือไม่”
นักพรตหลิงอวิ๋นไม่คิดอะไร แล้วตอบด้วยรอยยิ้ม “ใช้ได้เลย ตามสบาย ส่วนข้ากระบี่เล่มเดียวก็พอ”
ฉินมู่เดินไปยกกล่องกระบี่อีกกล่องมา แล้วตั้งสองกล่องไว้ข้างตัวเขา ปราณชีวิตเขาแผ่พุ่งออกมา แปรเปลี่ยนเป็นเส้นด้ายปราณชีวิตอันใหญ่เท่าท่อนแขนซึ่งทะลวงเข้าไปในกล่องกระบี่กล่องหนึ่ง เรียกกระบี่ไม้เหล่านั้นโบยบินออกมา
นักพรตหลิงอวิ๋นระเบิดหัวเราะทันที “เจ้าฝึกมาอย่างไรนี่ ครูของเจ้าไม่ได้สอนหรอกหรือว่าให้ขัดเกลาปราณชีวิต ให้ฟั่นเฟ้นปราณเป็นเส้นด้าย”
ฉินมู่โค้งคํานับอีกทีแล้วเผยยิ้มใสซื่อ “ข้าไม่ได้เรียนเลย เชิญอาจารย์ลงมือ”
นักพรตหลิงอวิ๋นยืนเอามือไพล่หลังขณะที่เส้นด้ายปราณชีวิต เล็กละเอียดแทนมองไม่เห็นของเขาม้วนพันกระบี่ไม้ของตนแหวกว่ายไปรอบๆ ตัว เขายิ้มอย่างมั่นใจกล่าว “เจ้าสามารถโจมตีได้”
นิ้วบนมือของฉินมู่กุมเข้าด้วยกันสร้างวิชากระบี่ ด้วยปราณชีวิตที่พลันโถมทะลักอย่างดุเดือด เขาก้าวไปข้างหน้าและวิชากระบี่ในมือขวาพลันทิ่มแทงไปเบื้องหน้า แล้วตามด้วยพลิก!
ฟิ้ว
แก้วหูของทุกคนลั่นเปรี๊ยะจากเสียงหวีดหวิวของกระบี่ไม้อันพุ่งทะยานแหวกอากาศ นักพรตหลิงอวิ๋นใจเต้นทันทีและรีบควบคุมกระบี่ไม้ของตนมาปัดป้อง ทว่าเขาป้องกันได้แต่อากาศ และตอนนั้นที่กระบี่ไม้ของฉินมู่พลิกตวัดไปข้างบนให้เขาลอยกระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า
ท่วงท่ากระบี่พลิก!
สีหน้าฉินมู่เรียบเฉยไม่แปรเปลี่ยน เมื่อนิ้วกระบี่ของเขาแทงยํ้าๆ ไปข้างหน้า ขณะที่นักพรตหลิงอวิ๋นถูกพลิกขึ้นไปบนอากาศ และไม่ทันจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง กระบี่ไม้นั้นก็พลันแทงเข้าใส่อกของเขา กระแทกเขาไปข้างหลัง เมื่อร่างเขากระดอนไปปะทะกับประตูโถง เขาก็ถูกพลังกระบี่ถีบกระเด็นหายลับตา
ในขณะเดียวกัน ฉินมู่กระทืบเท้าของตน กล่องกระบี่ 2 กล่อง พลันเปิดกระดอนขึ้นมาจากพื้นวาครึ่ง สลักปิดกล่องกระบี่ระเบิดออกดังป๊อก และกระบี่ไม้ในกล่องพุ่งวาบออกไปราวกับสายฟ้า ทะยานแทงเข้าไปในโถงใหญ่อย่างต่อเนื่องติดๆ กัน
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ
เสียงไม้แตกทําลายที่เกิดจากกระบี่ไม้ปักใส่กันเป็นทอดๆ ดังมาจากในโถง และในชั่วพริบตากล่องกระบี่ทั้ง 2 กล่องก็ว่างเปล่า เมื่อกระบี่ 71 เล่มสร้างเส้นตรงสายเดียว เมื่อกระบี่เล่มแรกแทงเข้าที่อกนักพรตหลิงอวิ๋นและหมดพลังแรงกระบี่เล่มที่ 2 ก็จะแทงเข้ามาฉีกทําลายกระบี่เล่มแรกแล้วแทงใส่นักพรตหลิงอวิ๋นอย่างไม่หยุดพักที่ตําแหน่งหัวใจ ไม่มีเวลาให้เขาหายใจสักอึกเลยด้วยซํ้า!