Skip to content

Tales of Herding Gods 133

ตอนที่ 133 วิชาเก้ามังกรจักรพรรดิ

ฉินมู่เอี้ยวคอกลับไปเห็นองค์ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิงอวี้จิวเมื่อครู่นี้มาถึงข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นพี่ชายอันดับสองของหลิงอวี้จิว และสีหน้าเขาเรียบกริบเหมือน

นํ้านิ่งขณะที่มองไปยังการต่อสู้กลางอากาศนั้น

หลิงอวี้จิวก็ตามองค์ชายรองลงมาจากหน้าผาหยกจากนั้นอยู่เบื้องหลังพี่ชายตน

ในตอนที่ฉินมู่เหลียวหลังกลับไปนั่นเอง กุนจื่ออวี้ก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้าหล่นลงกระแทกพื้น

เมื่อเขาเข้าต่อสู้ประชิดกับเต๋าจื่อหลิงเสวียน ในจังหวะที่กําลังฝ่ามือของพวกเขาปะทะกัน ปราณชีวิตของเขาก็ถูกถล่มทลายจากฝ่ายตรงข้ามอันใช้วิชาเซียนเถียนสุดยอดปริศนา ทําให้กระบวนท่าของกุนจื่ออวี้แหลกสลายและเขาก็ร่วงลงมา

หางตาของเฉินหว่านอวิ๋นกระตุก และหัวใจเขาเย็นเฉียบ “ข้าคงไม่ใช่คู่มือเขา พลังการต่อสู้เขาแข็งแกร่งเกินไป ต่อให้เขาปิดผนึกสมบัติเทวะอื่นๆ เหลือไว้เพียงสมบัติเทวะห้าธาตุ ข้าก็ยังยากที่จะเอาชัยเขาได้อยู่ดี! ไม่สิ ยิ่งเขาเปิดเผยวิชาฝีมือมากเท่าไร ก็จะยิ่งเปิดโอกาสให้ข้าค้นหาจุดอ่อนของเขามากขึ้นเท่านั้น! ข้าจะเฝ้าดูเขาต่ออีกสักพัก และน่าจะหาช่องโหว่ของเขาจนได้!”

วิชาเซียนเถียนสุดยอดปริศนา

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินมู่เห็นวิชาฝึกปรืออันเทียบเทียมได้กับวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ

วิชาที่เต๋าจื่อหลินเสวียนช่วงใช้นั้นแข็งแกร่งอย่างร้ายแรง พลังวัตรของเขามิได้หนาแน่นเข้มข้นเท่ากับฉินมู่ แต่คุณภาพปราณชีวิตของเขาถูกขัดเกลาจนเหนือลํ้ากว่าผู้ฝึกยุทธขั้นเดียวกันมาก นั่นเพราะว่าฉินมู่เห็นปราณชีวิตของเจ๋าจื่อหลินเสวียนนั้นบริสุทธิ์ไร้มลทินจนแทบจะไม่อยากเชื่อสายตา เขาจึงถามคําถามถึงที่มาของสํานักเต๋าเมื่อครู่

คัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตถูกเรียกว่าเป็นคัมภีร์วิเศษที่สามารถทําให้บรรลุเทพบรรลุมาร และวิชาเซียนเถียนสุดยอดปริศนาของสํานักเต๋าที่ผู้คนยกย่องทัดเทียมกับคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตนั้น ย่อมต้องไม่ใช่วิชาธรรมดาสามัญ!

สํานักเต๋าและลัทธิมารฟ้า หนึ่งเที่ยงธรรมหนึ่งมารร้าย ทั้งคู่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเหล่าสํานักเที่ยงธรรมและเหล่าสํานักมาร

หากนับรวมวัดใหญ่ฟ้าคํารามแห่งลัทธิพุทธเข้าไปด้วย ก็จะเป็นสามสุดยอดแดนศักดิ์สิทธิ์ นอกจากสํานักใหญ่ทั้งสามนี้แล้ว ก็ยังมีแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ที่ซุ่มซ่อนเร้นกายโดยไม่เผยชื่อเสียงในยุทธภพ อันปรากฏตัวขึ้นในประวัติศาสตร์เป็นครั้งเป็นคราว

บัดนี้เมื่อเต๋าจื่อแห่งสำนักเต๋าปรากฏตัว ข้าสงสัยจริงว่าวัดใหญ่ฟ้าคำรามจะมาขวางประตูและตบหน้าราชครูอย่างแรงเช่นกันหรือไม่ ฉินมู่ครุ่นคิดในใจ

องค์ชายรองสูดหายใจลึกยาวและเดินตรงไปยังประตูภูเขา หลิงอวี้จิวรีบถามทันที “พี่รอง พี่จะออกไปทําไมน่ะ”

“ข้าก็เป็นบัณฑิตจักรวรรดิคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นสมาชิกราชวงศ์ ข้าจะไม่ออกไปสู้ศึกได้อย่างไร”

สองตาขององค์ชายรองพลันเปล่งแสงเจิดจ้า “ตระกูลหลิงเราได้ต่อสู้ฟันฝ่าสู่ตําแหน่งจักรพรรดิด้วยกําลังตน มิได้อ้าปากรอให้ขุนนางบุ๋นบู๊ป้อนตําแหน่งให้!”

เสียงของเขาทรงอํานาจและก้องสะท้อนไปทั่วทิศ ทําให้ฉินมู่ทึ่งชื่นชมอย่างอดไม่ได้ ด้วยมีองค์ชายเช่นนี้ การที่ตระกูลหลิงสามารถขึ้นมาเป็นตระกูลจักรพรรดิอันสูงส่งนั้นมิใช่โชคช่วยเลยจริงๆ

“บัณฑิตจักรวรรดิหลิงอวี้ชู้ เชิญเต๋าจื่อแลกเปลี่ยนวิชาฝีมือ!” องค์ชายรองเดินไปยังเบื้องหน้าเต๋าจื่อ และโค้งทักทาย เขายกมือขึ้นและถามอย่างเคร่งขรึม “ไม่ทราบว่าเต๋าจื่อต้องพักฟื้นฟูปราณชีวิตก่อนหรือไม่”

เต๋าจื่อพยักหน้าแล้วกล่าว “ข้าคงต้องขอให้ศิษย์พี่หลิงรอสักครู่”

ฉินมู่ปรบมือแปะแล้วอุทานด้วยความชื่นชม “หากเป็นข้า ข้าก็คงขอพักก่อนเหมือนกัน”

เต๋าจื่อผู้นั้นได้ยินคําพูดของเขาและมองไปยังทิศทางเสียงจากประตูภูเขา สายตาของเขาจับจ้องไปยังใบหน้าของฉินมู่ และเมื่อเขามองเห็นดวงตาของฉินมู่ หัวใจเขาก็สั่นเทิ้ม ฉินมู่ส่งยิ้มกลับ ขณะที่เต๋าจื่อเองก็ยิ้มตอบ ผงกหัวเล็กน้อย จากนั้นเขาบอกนักพรตเฒ่าข้างๆ

“อาจารย์อาตันหยางจื่อ ข้าเห็นคนที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งผู้หนึ่ง ดวงตาเขามีชั้นม่านตามากกว่าคนทั่วไปถึงสองชั้นและเขาดูเหมือนจะมองทะลุถึงสภาวะการณ์ที่แท้จริงของข้า…”

ตันหยางจื่อมีสีหน้าไม่ยี่หระ “หัวใจประดุจนํ้านิ่ง ไม่หวั่นไหวต่อโลกภายนอก อย่าทําลายจังหวะของตน ราชครูสันตินิรันดร์นั้น ได้รับการขนานนามว่าอันดับหนึ่งใต้เทวะ ดังนั้นย่อมต้องมีผู้คนที่แข็งแกร่งอยู่ในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ”

เต๋าจื่อหลินเสวียนจึงฟื้นฟูสภาวะของตนให้พลังวัตรกลับมาเต็มปริ่มอีกครั้ง เขาโคจรวิชาเซียนเถียนสุดยอดปริศนา และพลันมีทารกวิญญาณตัวเล็กๆ ลอยออกมาจากใจกลางระหว่างคิ้ว จากนั้นนั่งอยู่เบื้องหน้าเขา ภายใต้ทารกวิญญาณนั้นมีบัลลังก์ลึกลํ้า

ทารกวิญญาณนี้สูดลมหายใจเข้าออก และพลันมีร่มฉัตรห้าร่มปรากฎเบื้องหน้าและเบื้องหลังของมัน ดึงดูดพลังงานดาวอันเข้มข้นจากนภาประดับดาว!

เงาร่างของมารและเทพห้าเงาปรากฏอยู่เลือนลางภายใต้ร่มฉัตรอันดูน่าพรั่นพรึง นั่นเป็นภาพปรากฏการณ์อันก่อขึ้นจากสมบัติเทวะห้าธาตุ

หลังจากที่ห้าฉัตรปรากฏ กงล้อหกกงก็หมุนเวียนรอบๆ ตัวเขา และนั่นคือภาพปรากฏการณ์ของสมบัติเทวะหกทิศ

ฉินมู่หลิ่วตามอง วิชาเซียนเถียนสุดยอดปริศนานี้เหนือลํ้ากว่าธรรมดาจริงๆ วิชาของเต๋าจื่อหลินเสวียนนั้นแตกต่างจากผู้อื่น ทว่ามันกลับดูเที่ยงแท้และน่าประทับใจกว่า ระดับความซับซ้อนของวิชานี้ไม่น้อยไปกว่าวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะเลย

“สํานักเต๋าอันเป็นอันดับหนึ่งแห่งเหล่าสํานักเที่ยงธรรม นี่โดดเด่นจริงๆ!”

เมื่อเต๋าจื่อหลินเสวียนสิ้นสุดการฟื้นฟูลมปราณ เขาก็ลุกขึ้นแล้วโค้งคารวะแก่องค์ชายรอง

หลิงอวี้ชู้โค้งตอบเช่นกันและเมื่อเขายืนขึ้น ปราณชีวิตของเขาก็พวยพุ่งประดุจเสียงคํารามมังกรและพยัคฆ์ ในชั่วพริบตานั้นแทบทุกคนที่หน้าประตูภูเขาสัมผัสได้ถึงฤทธานุภาพของมังกรที่พวยพุ่งออกมาจากร่างขององค์ชาย

องค์ชายรองหลิงอวี้ชู้เคลื่อนที่ราวกับมังกรแหวกว่าย นิ้วทั้งห้าของเขาสะบัดออกไปประดุจห้ามังกร เรียกปราณมังกรเกรี้ยวกราด 5 สายทะยานออกไปกลางอากาศและขยํ้าใส่เต๋าจื่อหลิงเสวียน!

ห้ามังกรบีบรัด !

นิ้วทั้งห้าของหลิงอวี้ชู้จกลงไปเบื้องล่าง และห้าปราณมังกรก็ขยํ้าใส่เต๋าจื่อหลิงเสวียน ลําตัวมังกรรัดพันรอบๆ เต๋าจื่อหลิงเสวียนขณะที่เศียรของมันอ้าปากพ่นไฟแท้สมาธิใส่เด็กหนุ่ม!

กระบวนท่าของเขารวดเร็วยิ่งยวด และในเสี้ยวจังหวะที่ห้ามังกรขยํ้านั่นเอง ร่างของเขาก็พุ่งวูบไปประชิดตัวเต๋าจื่อหลินเสวียน มือของเขาสั่นไหว รวบรวมปราณให้เป็นกระบี่ ด้วยมังกรอันพัวพันรอบกระบี่ เขาแทงกระบี่เข้าไประหว่างช่องที่ปรากฏจากห้ามังกร!

ข้างในกับดักห้ามังกร เต๋าจื่อหลินเสวียนถูกไฟแท้ลามเลีย ทว่าร่างกายเขากลับเปล่งประกายประดุจหยก ไฟแท้สมาธิของห้ามังกรมิอาจกลํ้ากรายเขาได้แม้แต่ปลายขน!

องค์ชายรองกระแทกกระบี่เข้าไประหว่างกับดักห้ามังกร และเต๋าจื่อหลินเสวียนก็ยกแส้หางม้าของตนขึ้นมาต้านทานรับ ขนแส้รัดพันรอบกระบี่มังกร องค์ชายรองกระทืบพื้นส่งให้พื้นขย่มเขย่า เมื่อมังกรยักษ์พุ่งทะลวงออกมาจากผืนพสุธาแล้วขยํ้าใส่เต๋าจื่อหลิงเสวียนจากเบื้องล่าง

เต๋าจื่อหลิงเสวียนใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งทําลายกับดักห้ามังกรแล้วทะยานพุ่งสู่นภากาศ เส้นขนแส้หลายเส้นปัดวูบราวกระบี่และเฉือนเศียรมังกรยักษ์ หลบหลีกแสงกระบี่อันทะลวงลงมา

“สํานักเวทมนตร์!”

ฉินมู่ตกตะลึง ชุดการโจมตีขององค์ชายรองล้วนแต่เป็นวิธีต่อสู้ของสํานักวิชาสายเวทมนตร์ แต่ทว่ามันดุร้ายและร้อนแรง เหมือนกับวิชาสายบู๊อันดุเดือดอัศจรรย์

สามารถใช้เวทมนตร์ในท่วงท่าอันกร้าวแกร่งและเหี้ยมหาญนั้น นับว่าเป็นยอดฝีมือที่หาได้ยาก นับเป็นครั้งแรกที่ฉินมู่ได้เห็นวิธีการต่อสู้เช่นนี้!

“น้องสาว วิชาของตระกูลจักรพรรดิเจ้านี่ก็แข็งแกร่งไม่ใช่เล่นเลยนะ!” ฉินมู่กล่าวแก่หลิงอวี้จิว

หลิงอวี้จิวฟังแล้วก็ยืดอกภูมิใจ “แน่อยู่แล้ว พี่รองของข้าฝึกวิชาเก้ามังกรจักรพรรดิอันไม่ด้อยไปกว่าวิชาเซียนเถียนสุดยอดปริศนาของสํานักเต๋าเลย! พี่รองของข้ายังเป็นผู้ไต่ขึ้นตําแหน่งขุนนางชั้นห้า แม่ทัพกองกําลังลาดตระเวน!”

องค์ชายรองทะยานขึ้นไปบนอากาศและปราณมังกรสองเส้นอันก่อตัวเป็นร่างมังกรภายใต้เท้าของเขา พวกมันบิดตัวโบยบินทะยานใส่เต๋าจื่อหลินเสวียน วิชาทักษะของเขาเพริศแพร้วอัศจรรย์ ทําให้ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

นี่ไม่น่าแปลกใจก็เพราะในเมื่อมหาวิทยาลัยจักรวรรดินั้นก่อสร้างอยู่บนจุดศูนย์กลางเส้นปราณเก้ามังกรรวมเศียร ทําให้ปราณเก้ามังกรที่นี่เข้มข้นหนาแน่นเป็นพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นองค์ชายรองยังเป็นสมาชิกราชวงศ์จักรพรรดิ เขาหยิบยืมปราณมังกรมาใช้ในการฝึกปรือ มหาวิทยาลัยจักรวรรดิอาจจะเป็นแดน ศักดิ์สิทธิ์สําหรับผู้อื่นแต่สําหรับเขาแล้วที่นี่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ในแดนศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการดูดซับปราณมังกรอันเข้มข้นนี้ ความเร็วในการฝึกปรือของเขาจึงเร็วขึ้นเป็น 2 เท่า!

ปราณชีวิตของเขาคึกคักเปี่ยมชีวิต ไม่มีทีท่าว่าจะเหือดแห้งไปเลยแม้แต่น้อยหลังจากใช้เวทมนตร์อันดุเดือดอลังการเหล่านั้น นี่คือจุดเด่นของวิชาเก้ามังกรจักรพรรดิ

ฉินมู่ดูอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าว “น้องสาว พี่รองเจ้ากําลังจะแพ้”

หลิงอวี้จิวสะท้านใจเล็กน้อย และทันใดนั้นการดวลเดือดบนท้องฟ้าก็มาถึงจุดจบ องค์ชายรองหลิงอวี้ชู้รับการโจมตีตอบโต้ของเต๋าจื่อหลินเสวียน เต๋าจื่อหลินเสวียนร่ายเวทมนตร์เพื่อปะทะกับเวทมนตร์และพลังอํานาจเวทมนตร์ของทักษะเทวะสํานักเต๋านั้นมิได้ด้อยไปกว่าวิชาเก้ามังกรจักรพรรดิ!

ในเวลาเดียวกันนั้นแส้หางม้าก็โบยบินออกจากมือของเต๋าจื่อหลินเสวียนและเส้นขนแส้ปัดพลันขยายตัวแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ละเอียดอันหมุนวนและทิ่มเฉือนใส่หลิงอวี้ชู้อย่างบ้าคลั่ง หลิงอวี้ชู้

ใช้กระบี่มังกรของตนปัดป้อง แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะป้องกันกระบี่ละเอียดมากมายเหลือคณานับเหล่านั้นได้ในชั่วพริบตา เขาได้รับบาดเจ็บซํ้าแล้วซํ้าอีก จนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากร่อนลง

มายังพื้นและกล่าวยอมแพ้

การพ่ายแพ้ของหลิงอวี้ชู้สร้างความช็อกมหาศาลแก่มหาวิทยาลัยจักรวรรดิ เขาเป็นถึงองค์ชายรองแห่งตระกูลจักรพรรดิ กําลังฝีมือเขานั้นก็โดดเด่นและด้วยการถนอมกล่อมเกลี้ยงของทั้งจากตระกูลจักรพรรดิและมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ เขาก็เป็นหนึ่งในสุดยอดฝีมือของมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ!

บัดนี้เมื่อเขาแพ้พ่ายแก่เต๋าจื่อหลิงเสวียน ก็แทบจะไม่เหลือใครอีกแล้วในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิที่จะสามารถเป็นคู่มือสูสีกับเต๋าจื่อผู้นี้!

เยว่ชิงหงมองไปยังฉินมู่ “เฮ้ เจ้าคน 50 : 50 มหาวิทยาลัยจักรวรรดิของพวกเราถูกขวางประตูไว้อย่างนี้ ทําไมเจ้ายังไม่ออกไปสู้อีก”

ฉินมู่ฉงนฉงาย “ทําไมข้าต้องออกไปด้วย”

เยว่ชิงหงแค่นเสียงในคอแหละหมายจะยั่วยุเขา “เจ้าเพิ่งพูดไปไม่ใช่หรอกว่าหากเจ้าสู้กับเต๋าจื่อ โอกาสชนะของเจ้าจะอยู่ที่ 50 : 50”

ฉินมู่ส่ายหน้า “ข้าเพิ่งเข้ามาเป็นบัณฑิตจักรวรรดิและได้รับฟังการบรรยายแค่ครั้งเดียวจากโถงซ่อนแสง หากว่าข้าชนะไปแล้วจะพิสูจน์อะไรได้ ในเมื่อข้ามิได้เรียนวิทยายุทธ์จากมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ มันย่อมไม่นับว่าเป็นความสามารถของมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังเป็นผู้คนที่ถูกละทิ้งจากแดนโบราณวินาศ พวกเจ้าทุกคนอยากไล่ข้าออกไปจะตายอยู่แล้ว มาตอนนี้ดันอยากให้ข้าออกหน้าแทนมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ? ฝันเฟื่องชัดๆ”

เยว่ชิงหงเดือดดาลจนพูดไม่ออก

หลวงจีนอวิ๋นฉื้อกล่าว “แต่เจ้าเป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยจักรวรรดิเรา! บัดนี้เมื่อมหาวิทยาลัยกําลังตกที่นั่งลําบากเจ้าจะดูดายไม่ช่วยเลยหรือ”

ฉินมู่หัวร่อ “มหาวิทยาลัยจักรวรรดิตั้งมาก็หลายปีแล้ว จะไม่มีอัจฉริยะที่สามารถประชันขันแข่งกับเต๋าจื่อเลยหรืออย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าศิษย์ของราชครูก็ยังไม่ปรากฏตัว ในเมื่อราชครูเป็นอันดับหนึ่งใต้เทวะ เหล่าศิษย์ของเขาย่อมไม่ธรรมดา ในเมื่อมีพวกนั้นอยู่ ทําไมข้าต้องเข้าไปแบกรับเรื่องนี้ด้วยล่ะ”

หัวใจของทุกคนหวั่นไหวครู่หนึ่ง และความหวังถูกจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง ราชครูนั้นได้ฉายานามว่าอันดับหนึ่งใต้เทวะและศิษย์ของเขาแต่ละคนก็ล้วนโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง หากว่าศิษย์ของราชครูออกหน้ามา อาจจะเอาชนะเต๋าจื่อแห่งสํานักเต๋าผู้นี้ได้!

หลิงอวี้จิวขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอบด้วยเสียงเบา “แต่ศิษย์ของราชครูทั้งหมดมิใช่บัณฑิตแห่งมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ…”

ระหว่างที่พวกเขาสนทนากันอยู่นั้น บัณฑิตจักรวรรดิสี่ห้าคนก็ดาหน้าออกไปประลองฝีมือ แต่ก็พ่ายแพ้ทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่คนเดียว

มีกระทั่งคนที่คิดว่าจะใช้แผนหลายคนวนเวียนท้าสู้เพื่อทําให้ปราณชีวิตของเต๋าจื่อเหือดแห้งและไม่ปล่อยให้เขาได้พัก แต่ทว่าแผนการเช่นนี้มันตํ่าช้าเกินไปและไม่นานนักก็มีครูผู้สอนลงมาห้ามปรามพวกเขา

หลังจากเต๋าจื่อชนะการประลองไป 10 กว่ารอบ สีหน้าเขาก็เคร่งขรึมและกล่าวกับตันหยางจื่อข้าง ๆ “อาจารย์อา มหาวิทยาลัยจักรวรรดินี้น่ากลัวจริงๆ”

ตันหยางจื่อพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “บัณฑิต จักรวรรดิเหล่านี้ล้วนแต่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง หากบัณฑิตพวกนี้เติบโตขึ้นก็จะไม่มีสํานักใดสู้พวกเขาได้”

แม้จะไม่มีผู้ใดในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิที่สามารถเอาชนะเต๋าจื่อหลินเสวียนได้ แต่บัณฑิตทุกคนที่ออกมาท้าประลองต่างก็แข็งแกร่งยิ่งนัก แต่ละคนนั้นนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งในขั้นวรยุทธ์ของตน

และที่น่าแตกตื่นก็คือ ยอดยุทธ์เยี่ยงนี้ มีเต็มไปหมดทั่วทั้งมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ!

สํานักใหญ่อย่างสํานักเต๋า พวกเขาสามารถฝึกยอดฝีมืออย่างเต๋าจื่อเพียงแค่หนึ่งหรือสองคนและไม่มียอดฝีมือระดับฉูปิ่งและกุนจื่ออวี้มากมาย แต่ทว่าในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ ยอดฝีมือแบบนี้กลับพบหาได้ทั่วๆ นี่มันน่าพรั่นพรึงสุดๆ!

เต๋าจื่อหลินเสวียนกวาดตามองผ่านทุกๆ คนและไปจับจ้องมองฉินมู่ ฉินมู่ดูเหมือนจะรู้สึกถึงสายตาเขาและยิ้มรับพยักหน้า หลินเสวียนส่งยิ้มกลับจากนั้นก็งุนงง “ไม่ใช่ว่ามหาวิทยาลัยจักรวรรดิจะไร้ยอดฝีมือสุดขีดขั้นแต่ทําไมเขาถึงไม่ออกมาท้าสู้กับข้านะ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version