Skip to content

Tales of Herding Gods 138

ตอนที่ 138 จักสังหารเทพยดาได้หรือไม่

ตันหยางจื่อลุกขึ้นยืนดูการต่อสู้ระหว่างเต๋าจื่อหลินเสวียนและฉินมู่ ส่วนสัตว์พิสดารครึ่งมังกรครึ่งกิเลนนั้น มันหมดความสนใจในสิ่งที่กําลังเกิดขึ้นข้างๆ และงีบหลับต่อ

“เต๋าจื่อต้านทานไม่ไหวแล้ว และเขากําลังจะรีดเร้นพลังเต็มพิกัด” ตันหยางจื่อรู้สึกตื่นตระหนกในใจ

การโจมตีของฉินมู่นั้นทั้งรวดเร็วและเขื่องโข ตราบเท่าที่เขาเป็นฝ่ายจู่โจม เขาไม่ให้คู่ต่อสู้มีโอกาสพักหายใจ เขาจะกัดไม่ปล่อย โจมตีรัวๆ จนกว่าศัตรูจะออกปากยอมแพ้หรือตายไปเท่านั้น!

เต๋าจื่อหลินเสวียนเสียเปรียบทั้งความเข้มข้นของปราณชีวิต และกระบวนท่า ด้วยการปิดผนึกสมบัติเทวะหกทิศจึงมีทักษะเทวะจํานวนมากที่เขาไม่อาจช่วงใช้ออกมาได้ และโอกาสเดียวที่เขาเหลืออยู่นี้ก็คือเพลงกระบี่สืบทอดของสํานักเต๋าเท่านั้น

มีแต่เพลงกระบี่สืบทอดของสํานักเต๋าที่อาจจะพลิกสถานการณ์ และแปรเปลี่ยนความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะ!

เพียงแต่ตันหยางจื่อไม่รู้ว่าเต๋าจื่อหลินเสวียนจะสามารถร่ายรําเพลงกระบี่สืบทอดสํานักเต๋าได้ในวรยุทธ์ขั้นห้าธาตุหรือไม่

เพลงกระบี่สืบทอดสํานักเต๋านั้นเรียกร้องปราณชีวิตของผู้ใช้ ทั้งสูงและหมดเปลือง จากการวิเคราะห์ของตันหยางจื่อ เมื่อเต๋าจื่อใช้เพลงกระบี่สืบทอดสํานักเต๋า ปราณชีวิตของเขาก็จะหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ

ขณะที่เขากําลังคิดเรื่องนี้อยู่นั่นเอง เส้นแส้จากมือของเต๋าจื่อหลินเสวียนก็พลันแปรเปลี่ยนรูปร่าง มันคือการแปรเปลี่ยนอันมหัศจรรย์เมื่อครึ่งเส้นแส้กลายเป็นสีดํา และอีกครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีขาว ด้วยสีขาวและสีดําหมุนวนไปมารอบๆ กัน ก็ดูราวกับว่าผังไท่จี่ปรากฏอยู่กลางอากาศ

วิชากระบี่สืบทอดสํานักเต๋า กระบวนท่าแรกแห่ง 14 นิพนธ์ กระบี่เต๋า…หนึ่งจุดข้ามจักรวาล หยินหยางผันแปรสลับลักษณ์!

แขนของเต๋าจื่อหลินเสวียนสั่นเทิ้มเมื่อผังดําขาวนั้นค่อยๆ ลอยร่วงกดทับลงมา!

ตันหยางจื่อถอนหายใจโล่งอกและรู้สึกค่อนข้างปลื้มใจ ถึงอย่างไรเต๋าจื่อหลินเสวียนก็สมกับเป็นเต๋าจื่อ ด้วยปราณชีวิตอันเข้มข้นของเขา เขาสามารถร่ายรําเพลงกระบี่สืบทอดสํานักเต๋าได้ที่วรยุทธ์ขั้นห้าธาตุ

ท่านพึงรู้ว่ามีผู้ฝึกยุทธหลายต่อหลายคนที่ฝึกปรือเพลงกระบี่สืบทอดสํานักเต๋า แต่มีไม่กี่คนที่สามารถฝึกปรือมันจนตลอดรอดฝั่ง และแทบทั้งหมดที่ฝึกปรือสําเร็จก็ยังมิอาจร่ายรํามันในวรยุทธ์ขั้นห้าธาตุ อัตราเผาผลาญปราณชีวิตของเพลงกระบี่นี้สูงลิบลิ่ว และอย่าว่าแต่ขั้นห้าธาตุเลย แม้แต่ผู้ฝึกวิชาเทวะก็ยังพบว่ายากที่จะช่วงใช้กระบวนท่านี้ออกมา

ยิ่งไปกว่านั้น เพลงกระบี่นี้ยังต้องการทักษะความสามารถอีกหลายชนิดในการทําความเข้าใจ หนึ่งในนั้นและที่เป็นหลักใหญ่ใจความที่สุดคือพีชคณิต

เพียงแค่ตําราพื้นฐานการคํานวณ 10 เล่มก็ทําให้ผู้คนสมองโป่งพองแทบระเบิดแล้ว และนอกจากตําราพื้นฐาน มันยังมีบันทึกโบราณลึกลํ้าว่าด้วยพีชคณิตอย่างเช่นสูตรคํานวณสามัญต้าหยานและคันฉ่องหยก 4 นิรนาม

เต๋าจื่อหลินเสวียนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดท่ามกลางเหล่าผู้เชี่ยวชาญพีชคณิต และทักษะพีชคณิตของเขาก้าวไกลมาตั้งแต่ยังเยาว์ ด้วยรากฐานอันแน่นหนาในพีชคณิต จึงง่ายขึ้นสําหรับเขาในการเรียน 14 นิพนธ์กระบี่เต๋ายิ่งกว่าผู้อื่นๆ

แต่ละนิพนธ์ของ 14 นิพนธ์กระบี่เต๋านั้นยากทวีความยากเข็ญขึ้นจากนิพนธ์ก่อนหน้า จวบจนเมื่อไล่มาถึงนิพนธ์ที่ 14 มันก็แทบไม่มีใครเลยที่ฝึกปรือสําเร็จ แม้แต่เจ้าสํานักเต๋าปัจจุบันก็มิอาจฝึกฝนกระบี่ที่ 14 ได้

แต่ทว่าเจ้าสํานักเต๋ามีความคาดหมายเป็นอย่างสูงต่อเต๋าจื่อหลินเสวียนและเชื่อว่าเขาจะสามารถฝึกปรือกระบี่ที่ 14 ได้สําเร็จ

เจ้าสํานักเต๋าเคยให้ราชครูสันตินิรันดร์ยืมดู 14 นิพนธ์กระบี่เต๋า และราชครูสันตินิรันดร์ก็อ้างถึงกระบี่เต๋าและ 3 กระบี่โอรสสวรรค์ไว้ในทฤษฎีกระบี่ของเขา ซึ่งกล่าวได้ว่าเขาได้รับอิทธิพลจาก 14 นิพนธ์กระบี่เต๋า

ดังนั้นท่านคงนึกออกว่ากระบวนท่าที่เต๋าจื่อหลินเสวียนกําลังร่ายรํานั้นทรงพลังเพียงใด!

ผังหยินหยางกดทับลง ฉินมู่ก็สะท้านใจเมื่อพบว่าเพลงกระบี่ที่กดดันลงมาจากเบื้องบนนั้นมิใช่เพลงกระบี่ของมนุษย์ปุถุชนอีกต่อไป ด้วยหยินและหยาง 2 ลักษณ์พัวพันผันแปรไปมา พลานุภาพที่มันเปล่งออกก็ทําให้หัวใจเขาเต้นตึกตักด้วยความหวาดผวา แม้ว่ามันจะยังมาไม่ถึงตัว

นิ้วของเขาดีดออกและนิ้วสายฟ้าบรรเลงปี่แป้ส่งให้แต่ละนิ้วของเขาระเบิดฤทธิ์เดชฟ้าคํารามอันเสียดแทงทะลวง แต่ทว่า แม้วิชาชั้นหนึ่งอย่างฟ้าคํารามแปดจู่โจมก็ยังไร้ประโยชน์เมื่อคลื่นพลังนิ้วเข้าไปสัมผัสกับผังไท่จี่ การโจมตีของเขาเหมือนกับวัวโคลนจมมหาสมุทร มิอาจสร้างคลื่นลมใดๆ

วิ้ว

ภายใต้สองเท้าเขา มังกรเขียวทะยานขึ้นสู่นภากาศและพลันแตกกระจายกลายเป็นแสงกระบี่ยิบละเอียดจํานวนไร้ประมาณ แสงกระบี่เหล่านั้นร่วงลงมาในมือเขาและแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ยาว

ฉินมู่มีสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อเขาเผชิญหน้ากับผังไท่จี่ขาวดําที่เข้าใกล้ทุกขณะ

ด้วยกระบี่ในมือตน มันคล้ายกับพู่กันอันเพริศแพร้วในมือจิตรกร ด้วยย่างก้าวอันหนักหน่วงของผู้จาริกท่องโลกเสียงร้องของเพลงพื้นถิ่น การเต้นระบําของนางรํา เขาร่ายรําเพลงกระบี่ที่ ผู้ใหญ่บ้านสั่งสอน

กระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ จักสังหารเทพยดาได้หรือไม่ ตอบ ได้!

ภายใต้กระบี่นี้ แสงกระบี่พลันพุ่งวาบ แสงและเงา เบาและหนัก ช้าและเร็ว ทั้งหมดผสานผสมกันอย่างสมบูรณ์แบบ และในเสี้ยววินาทีนั้น ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานทั้ง 14 ก็แปรเปลี่ยนเป็นแม่นํ้ากว้าง ขุนเขาสูงในมือเขา!

14 นิพนธ์กระบี่เต๋าของสํานักเต๋ามิใช่เพลงกระบี่ของมนุษย์ปุถุชน ภาพกระบี่ที่ผู้ใหญ่บ้านถ่ายทอดให้เขาก็ใช่ของปุถุชนเช่นกัน!

นี่คือเพลงกระบี่ที่ใช้สังหารเทพยดา?

จักสังหารเทพยดาได้หรือไม่ ผู้ที่ร่ายรํากระบี่นี้จะต้องไม่มีเทพ มาร และพุทธในหัวใจ และ

จะต้องมีหัวใจอันท้าทายต่อเทพ มาร พุทธ มีหัวใจอันหาญกล้าสังหารเทพยดา!

หางตาของตันหยางจื่อกระตุกเขารีบผุดลุกขึ้นทันที สัตว์พิสดารครึ่งกิเลนครึ่งมังกรก็ตื่นขึ้นมาจากนิทราและเงยหน้ามองขึ้นไปดู!

บนท้องฟ้า เพลงกระบี่ 2 ประเภทปะทะกันส่งให้บริเวณโดยรอบสว่างจ้าราวหิมะ ผังไท่จี่ขาวดํานั้นแหลกทําลายภายใต้การขยายตัวของหลากแม่นํ้าและทิวเขา ทําให้เต๋าจื่อหลินเสวียนบาดเจ็บจากการเฉือนฟันกว่า 10 ครั้งในพริบตา อาบชโลมร่างเขาด้วยเลือด

ทันใดนั้น ดวงตาของเขาลุกวาว “นั่นจุดอ่อน!”

ฉินมู่สังเกตสายตาของเขาและแตกตื่นใจ สายตาของหนุ่มผู้นี้จับจ้องที่หัวไหล่ซ้ายของเขา และจุดนี้บังเอิญว่าเป็นจุดอ่อนของวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะเสียด้วย

“ฉี เก่อ ตั๋ว!”

ฉินมู่ยกมือขึ้นผนึกท่ามุทรา มุทรามารมหาอานุภาพ!

มุทรานี้ถูกใช้ป้องกันไหล่ซ้ายของเขาขณะที่แสงกระบี่ขยายเจิดจ้าออกจากมืออีกข้าง เมื่อเขาแทงเข้าไปยังเต๋าจื่อหลินเสวียน

ฉึก

เต๋าจื่อหลินเสวียนแทงทะลุฝ่ามือของเขาและปลายกระบี่ทิ่มไปยังหัวไหล่ซ้าย ทว่ามันถูกป้องกันไว้ด้วยเสื้อปักลายของฉินมู่ และมิอาจแทงทะลุเข้าไปในเนื้อหนังได้ แต่รังสีกระบี่ทะลวงเข้าไป สร้างความเจ็บแปลบแสนสาหัสแก่ไหล่ซ้ายของฉินมู่

ในเวลาเดียวกันนั้น ร่างของเต๋าจื่อหลินเสวียนก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขาโงนเงนเมื่อรูแผลเหวอะหวะ 10 กว่ารูปรากฏบนร่างของเขาในเสี้ยววินาที ก่อนที่เขาจะร่วงลงสู่พื้น!

ฉินมู่สลายกระบี่คมกล้าในมือของตนอันก่อรูปขึ้นจากปราณชีวิต จากนั้นโค้งคารวะ “เต๋าจื่อ ขอบคุณที่ออมมือ”

เต๋าจื่อหลินเสวียนตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นและรูแผลเหวอะทั่วร่างยังคงมีโลหิตไหลโชกออกมาไม่หยุด ตันหยางจื่อรีบรุดเข้าไป และหมายจะป้อนยาให้กับเขา แต่เต๋าจื่อหลินเสวียนยกมือห้ามและ จัดแจงเสื้อผ้าของตน เขาลุกขึ้นจนได้และโค้งคารวะตอบ “ขอบคุณที่สอนสั่ง”

จากนั้นเขาจึงกลืนยาที่ตันหยางจื่อยื่นให้

ตันหยางจื่อรีบทาขี้ผึ้งยาเพื่อสมานแผลห้ามเลือด หลังจากนั้นนักพรตหนุ่มและเฒ่าทั้ง 2 ก็ลุกขึ้นยืนและโค้งคารวะแก่ฉินมู่ ฉินมู่โค้งตอบและเห็นทั้งคู่สวมใส่หมวกไผ่สานหันกายเดินจากไป

ฉินมู่ส่งพวกเขาด้วยสายตา จากนั้นสีหน้าเขาก็บิดเบี้ยวพลาง กุมหัวไหล่ซ้ายของตน เขาสูดลมหายใจเย็นเยือกเข้าไปสุดปอด “อ๊าวว! เจ็บจะตายอยู่แล้ว! ผู้เฒ่าตันหยางจื่อนั่นขี้ตืดจริงๆ จะแบ่งขี้ผึ้งยาให้ข้าซัก หน่อยก็ไม่ได้”

ความเจ็บปวดจากมือซ้ายและหัวไหล่ของเขาซาบซึ้งไปถึงวิญญาณ เมื่อกระดูกของเขาแตกหักจากการแทงของเต๋าจื่อหลินเสวียน ฉินมู่สูดลมหายใจเย็นเยือกอย่างกระชั้นสั้นอีกครั้งและกําลังจะหันกายกลับขึ้นไปบนภูเขา แต่พลันสะดุดคะมําและรีบยกมือขึ้นคว้าจับบนร่างของสัตว์พิสดารครึ่งกิเลนครึ่งมังกรอันถูกผูกไว้หน้าประตู

เขาใช้ปราณชีวิตมากเกินไป ร่ายรํากระบี่ย่างไปในทิศทัศน์ เผาผลาญปราณชีวิตเขาจนหมดเกลี้ยง ทําให้เขาอ่อนระโหยอย่างยิ่ง

ฉินมู่เดินผ่านประตูภูเขาหลายครั้งหลายครา แต่เขาไม่เคยสังเกตเห็นสัตว์พิสดารตนนี้เลย เขาคิดมาตลอดว่ามันคือรูปสลักหินของมังกรกิเลนเฝ้าประตูอะไรทํานองนั้น ไม่คิดเลยว่าสัตว์พิสดารตนนี้เมื่อแตะต้องตัวจะรู้สึกอ่อนนุ่ม ทําให้เขากระโดดโหยงด้วยความตกใจ

สัตว์พิสดารกิเลนมังกรลืมตาขึ้นและมองดูเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะแลบลิ้นออกมาเลียหัวไหล่เขา

ฉินมู่รู้สึกว่าหัวไหล่ของเขาค่อยๆ เย็นลงและความเจ็บปวดก็ค่อยๆ จางหาย เขาก้มหัวลงไปดูในคอเสื้อทันทีและพบว่าบาดแผลเล็กๆ อันเกิดจากรังสีกระบี่นั้นกําลังหดสมานแผลกระบี่กว่า 10 แผลเหล่านั้นกําลังเยียวยาด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า

ฉินมู่อึ้ง ไปทันที “นี่คือ…นํ้าลายมังกร? หรือนํ้าลายกิเลน? ไม่ว่าจะเป็นอะไร แต่นี่เป็นวัตถุดิบปรุงยาชั้นเลิศ!”

เขายกฝ่ามือขึ้นทันที และสัตว์พิสดารนั้นก็เลียฝ่ามือเขาเช่นกัน

ฉินมู่มองไปที่เนื้อหนังบนฝ่ามือเขาที่งอกเงยฟื้นฟูกลับขึ้นมาใหม่ เนื้อตรงบาดแผลของเขาเหมือนกับต้นกล้าอ่อนอันเติบโตอย่างรวดเร็วที่ทําให้บาดแผลหายวับไปกับตา กระดูกอันแตกหักของเขาก็ดูเหมือนจะสมานหากันด้วย จากนั้นผิวหนังเขาก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเก่า

“พี่ท่านนี้ เจ้าชอบทานบ๊วยเปรี้ยวไหม”

ฉินมู่นั่งยองๆ และนําขวดหยกออกมาวางรองใต้ปากของสัตว์พิสดารตนนั้นพลางแย้มยิ้ม “มันรสเปรี๊ยวๆ เปรี้ยวขนาดที่ว่ากินเข้าไปแล้วฟันแทบจะหลุดออกมาด้วย เจ้าไม่ชอบมันหรือ งั้นลูกพลัมเหลืองเป็นอย่างไร นี่ก็เปรี้ยวขาดใจ เปรี้ยวขนาดที่ว่าแค่คิดถึงก็นํ้าลายไหล…เจ้ายังไม่ชอบอีกหรือ งั้นลองมะนาวไหม…”

สัตว์พิสดารกลอกตาใส่เขาและนิ่งเฉยเมินใส่ มันนั่งนิ่งไม่ไหวติงตรงนั้นและไม่มีนํ้าลายมังกรไหลออกมาเลยแม้แต่นิด

“เช่นนั้นเจ้าชอบกินอะไรล่ะ” ฉินมู่ถาม

“มีวัวเขียวตัวหนึ่งอยู่บนภูเขา ซึ่งข้าหมายตาอยากกินมันมา นานแล้ว”

สัตว์พิสดารกิเลนมังกรพลันอ้าปากพูด ขณะที่มองไปข้างหน้าไม่กระดุกกระดิก “เจ้าจับมันมาได้ไหมล่ะ”

ฉินมู่ตบอกตนเองปึ้กๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะต้องเป็นสหายกับพี่น้องที่วางใจได้อย่างเจ้า ไม่ต้องห่วง ข้าจะไปจับมันมาเร็วๆ นี้แหละ!”

มังกรกิเลนตนนี้ลิงโลดอย่างยิ่ง และนํ้าลายที่มุมปากของมันก็เกือบจะย้อยออกมา แต่มันรีบดูดกลับเข้าไป

ฉินมู่จึงได้แต่กลับไปที่ภูเขาและครุ่นคิดในใจ “ดูเหมือนว่าจะหลอกเอานํ้าลายมังกรจากมันมาได้มีวิธีเดียวคือต้องจับวัวเขียวนั่นมา ข้าคลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะเห็นวัวเขียวนั่นที่ไหนสักแห่งอยู่ในลานบ้านใครสักคนและกําลังเคี้ยวหญ้า…หืม สงสัยคงต้องไปถามหลิงเอ๋อ นางนั้นคุ้นเคยกับภูเขานี้มากที่สุด เพราะเห็นวิ่งไปก็วิ่งมา”

เขาเดินขึ้นไปตามทางภูเขา และในเวลานี้มีผู้คนเริ่มตื่นขึ้นในบัณฑิตนิเวศน์และอุทยานราชวงศ์ พวกเขาเดินลงจากภูเขากันเป็นกลุ่มๆ และเดินผ่านฉินมู่ หนึ่งในกลุ่มองค์ชายคุยโว “หลังจากได้รับคําชี้แนะจากราชครู ข้าก็รู้สึกพลังวัตรเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก ข้าน่าจะไปประมือกับเต๋าจื่อนั่นได้ 300 กระบวนท่า!”

องค์ชายสองหลิงอวี้ชู้ส่ายหน้า “น้องหก อย่าประเมินศัตรูตํ่าไป ตอนที่ข้าสู้กับเต๋าจื่อหลินเสวียน ข้ารู้สึกว่าเขายังมีทักษะวิชาก้นหีบอีกมากที่ยังไม่ได้งัดออกมาใช้ แต่ถึงอย่างไร ราชครูนั้นก็สุดยอดเหนือธรรมดาจริงๆ ท่วงท่ากระบี่ 3 ท่าที่เขาสอนถึงกับสามารถหลอมรวมเข้ากับเพลงกระบี่อื่นๆ ที่ข้าเคยรํ่าเรียนมาก่อน ทําให้เพลงกระบี่เดิมของข้าสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ยังมีพละกําลังพอที่จะสู้กับเขาอีก หากแต่ว่าจะเอาชนะเขานั้น คงยากอยู่”

หลิงอวี้ชู้ยั้งเท้าและมองไปยังฉินมู่ซึ่งเดินผ่านมาก่อนที่จะถอนสายตาไป

“มีอะไรหรือพี่รอง” องค์ชายหกเอ่ยถาม

หลิงอวี้ชู้ส่ายศีรษะแล้วกล่าว “อันที่จริงแล้วฉินมู่ผู้นี้ก็ดีไปหมดทุกสิ่งอย่าง มีความสามารถสูงส่ง และชื่อเสียงหมอเทวดาที่ช่วยชีวิตพระพันปีหลวง แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้คนที่ถูกละทิ้งแห่งแดนโบราณวินาศอยู่ดี และคงไม่ดีนักถ้าน้องหญิงเจ็ดจะติดต่อกับเขา อย่าพูดเรื่องนี้เลย รีบไปพบเต๋าจื่อกันอีกครั้งดีกว่า!”

เมื่อพวกเขาลงจากภูเขา ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกจากข้างหน้า จึงรีบก้าวเข้าไปดูว่ามีเรื่องอะไร ได้ยินเสียงบางคนตะโกน “นักพรตเต๋าสองคนนั่นหายไปแล้ว!”

หลิงอวี้ชู้ตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ เขาเบียดเข้าไปในฝูงชนและ มองไปข้างหน้า จริงๆ ด้วย ตันหยางจื่อและเต๋าจื่อหลินเสวียนหายไปโดยไร้ร่องรอย

“หรือว่าพวกเขายอมล่าถอยเพราะเกรงจะพ่ายแพ้” บางคนพึมพํา

หลิงอวี้ชู้ขมวดคิ้ว และหัวเราะด้วยเสียงเย้ยหยัน ตันหยางจื่อและเต๋าจื่อหลินเสวียนมาที่นี่เพื่อขวางประตูและหยามเกียรติพวกเขา ทั้งคู่จะยอมล่าถอยไปเองได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนเอาชนะเต๋าจื่อหลินเสวียนได้ และพวกเขาก็จากไปหลังจากยอมรับความพ่ายแพ้!

“ผู้ที่เอาชนะเต๋าจื่อหลินเสวียนอยู่ท่ามกลางพวกเรานี่แหละ และเขาจะต้องลงมาจากภูเขาก่อนพวกเราไปหนึ่งก้าว!”

หลิงอวี้ชู้สายตาวูบไหวเมื่อเขามองไปรอบๆ กลุ่มคน “จะเป็นใครกันนะ? ในทักษะเทวะนิเวศน์ ก็มีสามสี่คนที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ มีคนคลั่งกระบี่เสี้ยวอิ๋น มารเสียสติเทียนเฝิง คนแกร่งแบกภูเขาเยว่ฉุ่ย พวกเขาทุกคนล้วนแต่มีกําลังฝีมืออันกล้าแข็งและมีพรสวรรค์อันสูงลํ้ากว่าผู้อื่น ยังมีอีกคน 2 คนในอุทยานราชวงศ์นอกจากข้า น้องหญิงเจ็ดชอบเที่ยวเล่นไปทั่วและไม่ค่อยขยันขันแข็ง แม้ว่าปฏิภาณความเข้าใจของนางจะเลิศลํ้า แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าเมื่อนางมิได้ลงแรงพากเพียร และยังมีรัชทายาทหมินเยว่… ส่วนบัณฑิตนิเวศน์นั้น ข้าได้ยินว่าเฉินหว่านอวิ๋นก็ฝีมือไม่เลว สามารถนั่งบนตําแหน่งพี่ใหญ่มาตลอด เขาก็อาจจะเป็นไปได้เหมือนกัน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version