ตอนที่ 506 พวกเราให้กำเนิดบุตรสาว
เจ้าหน้าที่กล่าวจบก็รีบไปแจ้งข่าวบ้านท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวข้างบ้านที่ไม่ไกลกัน
“ข่าวมงคล ข่าวมงคล สำนักศึกษาอำเภอชิงเหอ คุณชายหลิว หลิวจื่อเหยียน แย่งชิงอันดับที่สิบสามเมืองหนิงโจวในการสอบเซียงซื่อครั้งนี้มาได้ ข่าวมงคล”
คนในตรอกกุ้ยฮวาล้วนส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดีใจ
แต่ละคนรู้สึกว่าตรอกกุ้ยฮวาฮวงจุ้ยดี การสอบเซียงซื่อครั้งนี้ถึงกับมีคนสอบได้ตำแหน่งจวี่เหรินสองคนยังสอบได้ดีเช่นนี้
บ้านตระกูลเซี่ย จ้าวหลิงเฟิง หันถงและเถียนจิ้นอาน ต่างกำลังกล่าวแสดงความยินดีกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียว
“ยินดีกับเซี่ยเจี่ยหยวน ยินดี ยินดีด้วย”
“ใช่ เรื่องมงคลใหญ่”
ในตระกูลเซี่ยมีคนมาออกันครึกครื้น
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พากันกระโดดกอดกันอย่างดีใจ “ท่านพ่อสอบได้ที่หนึ่ง ท่านพ่อเก่งกาจมาก”
“พวกเราต้องเก่งกาจให้เหมือนท่านพ่อ”
ลู่เจียวมองภาพบรรยากาศครึกครื้นนี้แล้วก็สั่งการเซียวซานอย่างดีใจว่า “รีบยกเงินมงคลสามกระบุงออกไปโปรย จุดประทัดด้วย”
“ขอรับ เหนียงจื่อ”
เซียวซานนำคนไปยกเงินมงคลสามกระบุงออกไป
เสียงประทัดดังขึ้นทันที เงินมงคลก็โปรยออกไป
เพื่อนบ้านต่างวิ่งมาเก็บเงินมงคลกัน
อาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังกล่าวขอตัวกลับอย่างดีใจ เพื่อไปแสดงความยินดีกับนักเรียนคนอื่น
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ขออนุญาตลู่เจียวแล้วก็วิ่งออกไปเก็บเงินมงคลกับพวกเด็กๆ
ตระกูลหลิวข้างบ้านก็มีเสียงประทัดดังขึ้นมาในเวลาไม่นาน ตระกูลหลิวก็ยกกระบุงเงินมงคลออกไปโปรยเหมือนกับกับตระกูลเซี่ย
ยามนี้บรรดาเพื่อนบ้านต่างดีใจกันยกใหญ่ พากันกล่าวอวยพรวาจามงคลไม่หยุด
ตระกูลเซี่ย เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกำลังต้อนรับจ้าวหลิงเฟิง หันถง เถียนจิ้นอานที่ห้องโถง
ทุกคนต่างกล่าวอวยพรเซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้วก็ถามอย่างห่วงใยว่า “พวกเจ้าจะเข้าเมืองหลวงกันแล้วหรือ”
อำเภอชิงเหอห่างจากเมืองหลวงถึงเกือบสองพันลี้ เดือนสองปีหน้าก็จะสอบหุ้ยซื่อ ดังนั้นพวกเขาต้องเร่งเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อหาที่พักผ่อนระยะหนึ่งก่อน และจะได้ทำความเข้าใจเรื่องการสอบสักหน่อยก่อนร่วมการสอบหุ้ยซื่อ
ลู่เจียวพยักหน้า หันไปมองฉีเหล่ย ฉีเหล่ยรีบกล่าวว่า “อาจารย์ ก่อนหน้านี้ท่านให้ข้าช่วยซื้อบ้าน ข้าฝากท่านปู่ข้าซื้อไว้แล้ว ไม่เพียงแต่บ้าน แม้แต่คนรับใช้ก็ซื้อไว้แล้ว ตอนนี้หลี่หนานเทียนกำลังจัดการทุกอย่างอยู่ที่เมืองหลวง ครอบครัวอาจารย์ไปถึงเมืองหลวงก็มีที่พักแล้ว”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวขอบคุณฉีเหล่ย “ขอบคุณเจ้าแล้ว”
“อาจารย์เกรงใจอันใดกับข้า”
ฉีเหล่ยไม่รับคำขอบคุณ เขาคิดว่าได้ทำอะไรให้อาจารย์เป็นเรื่องสมควร ส่วนลู่เจียวก็กล่าวขอบคุณผู้อื่นด้วยความเคยชิน
ลู่เจียวยิ้มเอ่ยกับฉีเหล่ยว่า “ข้าวางแผนไว้ว่าจะกลับเมืองหลวงพร้อมกับอาจารย์ ออกจากบ้านหนึ่งปีมานี้ ข้ายังไม่เคยกลับไปเยี่ยมท่านปู่ ท่านพ่อและท่านแม่เลย พอดีครั้งนี้จะได้ตามเรืออาจารย์กลับเมืองหลวง”
จะได้ให้ท่านปู่ ท่านพ่อและท่านแม่รู้จักกับอาจารย์ ท่านปู่เอาแต่บ่นว่าหากเขาพาอาจารย์เข้าเมืองหลวง ครอบครัวพวกเขาก็จะจัดงานเลี้ยงไหว้อาจารย์อีกครั้ง
ลู่เจียวไม่รู้ความคิดฉีเหล่ย ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ได้”
ฉีเหล่ยกล่าวจบ หันถงก็กล่าวว่า “ข้าจะไปตรวจสภาพการณ์ร้านขนส่งสินค้าเหนือใต้สักหน่อย จะได้ตามพวกเจ้าไปเมืองหลวงด้วยพอดี”
จ้าวหลิงเฟิงยิ้มมองทุกคนกล่าวว่า “เช่นนั้นครั้งนี้เซี่ยเจี่ยหยวนก็ไม่เหงาแล้ว”
จ้าวหลิงเฟิงไม่คิดกลับเมืองหลวง ความทรงจำในเมืองหลวงของเขาไม่สวยงาม ดังนั้นไม่อยากกลับไป
นอกจากเจ้านายมีคำสั่งให้เขากลับ ไม่เช่นนั้นในระยะเวลาอันสั้นนี้ เขาไม่คิดกลับเมืองหลวง
“เช่นนั้นพวกเจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด” จ้าวหลิงเฟิงถามอย่างห่วงใย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองลู่เจียว ลู่เจียวกล่าวว่า “น้องชายข้าจะแต่งงานวันที่ยี่สิบ เดือนเก้า รอเขาแต่งงานแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางไปเมืองหลวง”
พูดถึงเดินทางไปเมืองหลวง ในใจลู่เจียวพลันว้าวุ่นใจไม่น้อย มักรู้สึกจิตใจไม่สงบ
นางคิดมากไป หรือว่าเรื่องราวในนิยายจะเริ่มดำเนินเรื่องแล้ว
แต่แม้ว่าในใจนางไม่สงบ แต่ก็ยังคงทำตัวปกติ ไม่ให้ผู้อื่นมองออก
หันถงกับฉีเหล่ยรีบรับคำกล่าวว่า “เช่นนั้น พวกเรากลับไปเตรียมตัวกัน หลังวันที่ยี่สิบ ก็จะเข้าเมืองหลวงกัน”
“ตกลง”
พวกจ้าวหลิงเฟิงพากันขอตัวกลับ ลู่เจียวบอกพวกเขาว่าวันมะรืนให้มากินเลี้ยง ครอบครัวพวกนางจะจัดเลี้ยง
พอลู่เจียวกล่าว พวกจ้าวหลิงเฟิงก็รับคำ
พอคนไปกันหมดแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยื่นมือไปกุมมือลู่เจียว ถามอย่างห่วงใยว่า “เจียวเจียว ก่อนหน้านี้ข้าเห็นสีหน้าเจ้าไม่ค่อยดี เป็นอันใดไปหรือ”
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าอารมณ์เล็กน้อยของตนเองเช่นนี้ คนผู้นี้ถึงกับรู้สึกได้ ช่างจิตใจละเอียดอ่อนเสียจริง
“ไม่มีอันใด แค่รู้สึกเป็นห่วงว่าหลังจากไปถึงเมืองหลวง จะเกิดเรื่องอะไรบ้าง ได้ยินว่าในเมืองหลวงมีแต่ชนชั้นสูงศักดิ์ แตะต้องโดนสักคนก็อาจเป็นผู้สูงศักดิ์”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหัวเราะขึ้นมา ยื่นมือไปกุมมือลู่เจียวกล่าวว่า “เจียวเจียว เจ้ากลัวอันใด ศิษย์เจ้าก็เป็นถึงตระกูลฉีเมืองหลวง บิดาเขาเป็นหมอหลวงในวัง คนที่เจ้าเคยช่วยไว้ก็มีอ๋องเยียน มีขุนพลหวัง ยังมีบุตรชายโส่วฝู่ เจ้าอยู่เมืองหลวงอย่าว่าแต่เดินกร่างไม่ต้องกลัวผู้ใด แม้เจ้าพบเจอความยุ่งยาก ก็ไปขอให้พวกเขาออกหน้าช่วยได้ พวกเขาคงต้องช่วย”
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าว ลู่เจียวก็หัวเราะขำ “ข้าลืมเรื่องพวกนี้ไปเลย ใช่ ข้าต้องกลัวผู้ใดกัน”
ความจริงนางไม่ได้กลัวเรื่องพวกนี้ นางแค่กลัวเรื่องราวในนิยาย มักรู้สึกว่าว้าวุ่นใจ แต่เรื่องพวกนี้นางไม่อาจบอกเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้
ลู่เจียวเพิ่งคิดจบเซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันยื่นมือมากุมมือนางไว้ สังเกตนางพลางกล่าวว่า “เจียวเจียว ข้ารับรองกับเจ้า ไม่ว่าผู้ใดต้องตาต้องใจข้า ข้าก็จะไม่เปลี่ยนใจ ดังนั้นเจ้าอย่าได้เป็นห่วงได้หรือไม่”
ลู่เจียวเงยหน้ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เห็นแววตาดำขลับงดงามของเขาเต็มไปด้วยความรักลึกซึ้ง
หากปณิธานเขามั่นคงเช่นนี้ น่าจะต้านทานเรื่องราวในนิยายได้ ดังนั้นนางไม่ควรเป็นห่วงเรื่องที่ยังไม่เกิด
“ข้าคิดมากไปแล้ว ข้าเชื่อว่าอวิ๋นจิ่นต้องเป็นคนที่มีปณิธานหนักแน่น”
พอลู่เจียวกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็หัวเราะขึ้นมา สีหน้าเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน
เขายื่นมือไปกอดลู่เจียวไว้ “รอให้ข้าสอบจิ้นซื่อได้ พวกเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแท้จริงแล้ว ดีหรือไม่”
แววตาดำลุ่มลึกของเขาร้อนแรงดังลูกไฟลุกโชน เปลวไฟแฝงกลิ่นอายแห่งความปรารถนา แค่มองก็เข้าใจความหมายในใจของเขา
ลู่เจียวหน้าร้อนผ่าว ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย แต่ก็มิได้ปฏิเสธข้อเสนอเซี่ยอวิ๋นจิ่น
หากเข้าเมืองหลวงแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้เป็นไปตามเรื่องราวในนิยาย เช่นนี้พวกนางก็คงได้อยู่ร่วมกันอย่างไม่ต้องสงสัย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองแววตานางก็เข้าใจความคิดนาง อดอุ้มนางหมุนไปรอบๆ ไม่ได้
“เจียวเจียว พวกเรามีบุตรสาวกันสักคนดีไหม”
ครั้งนี้ลู่เจียวไม่ได้ปฏิเสธ “ตกลง”
ทั้งสองคนกล่าวจบก็หัวเราะเบิกบานขึ้นพร้อมกัน
วันนี้คนทั้งอำเภอชิงเหอต่างรู้แล้วว่า เซี่ยซิ่วไฉแห่งสำนักศึกษาอำเภอชิงเหอสอบได้ตำแหน่งเจี่ยหยวน เมืองหนิงโจว คนไม่น้อยรู้ดีว่า ตำแหน่งเจี่ยหยวนเข้าไปสอบในเมืองหลวง อย่างน้อยย่อมต้องสอบได้ตำแหน่ง จิ้นซื่อ
ดังนั้นเซี่ยซิ่วไฉจึงเรียกได้ว่าก้าวกระโดดข้ามประตูมังกร ตระกูลที่มีบุตรสาวไม่น้อยต่างคิดกันว่า ไม่อาจเป็นภรรยาเอกของเซี่ยเจี่ยหยวน ก็ยังเป็นอนุได้