ตอนที่ 564
ผู้ชายสกปรก อยู่ให้ห่างๆ ข้าหน่อย
“ยินดีต้อนรับเข้าร่วมแผ่นดินเทพตะวันออก” ตัวแทนแผ่นดินเทพตะวันออก หน้าตาสุภาพทรงภูมิแววตานิ่งสงบ
อย่างน้อยที่สุดในหกคนนี้ มู่ชิงเกอก็ค่อนข้างมีความรู้สึกที่ดีต่อเขา
ไม่เพียงเพราะเขาเคยแนะนำด้วยความปรารถนาดี แต่เพราะหลังจากที่นางแสดงรากวิญญาณแล้วมีเพียงเขาและเพื่อนที่ไม่ได้ผลักไสนาง
แค่เพียงจุดนี้ก็เพียงพอที่จะให้มู่ชิงเกอจดจำไมตรีนี้ไว้
นางไม่รู้ว่าหากไม่มีเรืออากาศยินยอมรับนางไปแล้วจะเกิดผลอย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือนางคงต้องสิ้นเปลืองแรงมหาศาลจึงสามารถเข้าสู่แผ่นดินเทพฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้
“ขอบคุณมาก” ดังนั้นสามคำนี้นางจึงพูดด้วยความจริงใจอย่างสุดซึ้ง ไม่มีความรู้สึกอื่นแม้แต่น้อย
ตัวแทนแผ่นดินเทพตะวันออกยิ้มพูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว ข้าชื่อจวงซาน เจ้าสามารถเรียกชื่อข้าได้ตรงๆ หรือเรียกว่าศิษย์พี่ก็ได้” แนะนำตัวเองแล้วก็ไปยังชี้คนเงียบขรึมที่อยู่ข้างๆ ว่า “คนนี้เป็นศิษย์น้องข้าเฟิ่งซิ่ง เขาพูดไม่ได้ตั้งแต่เล็กแต่ สมองไวนัก”
‘ที่แท้พูดไม่ได้ มิน่าจึงได้นิ่งเงียบเช่นนี้ หลังจากได้ยินที่จวงซานแนะนำแล้ว มู่ชิงเกอจึงได้เข้าใจ
“ศิษย์พี่จวงซาน ศิษย์พี่เฟิ่งซิ่ง” มู่ชิงเกอผงกศีรษะสองมือประสานกัน นางเป็นคนเช่นนี้เอง หากคนอื่นให้เกียรตินาง นางก็จะให้เกียรติคืนเป็นเท่าทวี
จวงซานให้เกียรตินาง นางย่อมไม่แสดงท่าทีหยิ่งยโสโอหัง
“ตามข้าขึ้นเรือเถอะ’’ จวงซานผงกศีรษะเล็กน้อย หันกายนำทางให้มู่ชิงเกอ
เฟิ่งซิ่งก็ยิ้มให้มู่ชิงเกออย่างเป็นมิตร หยิบของสิ่งหนึ่งจากอกเสื้อโยนไปที่มหาสมุทรดวงดาว พลันมีสะพานปรากฎขึ้นที่ใต้เท้าของพวกเขาทอดยาวไปถึง ข้างเรืออากาศที่ไปยังแผ่นดินเทพตะวันออก
“ทุกท่าน ข้าขอตัวก่อน” จวงซานประสานมือ ยิ้มบอกตัวแทนแผ่นดินเทพตะวันตกกับเหนือทั้งสี่คน
ต่อจากนั้นก็มองมู่ชิงเกอแล้วเอ่ยว่า “ตามข้ามา”
พูดจบก็หันหลังนำทาง
มู่ชิงเกอเดินตามหลังเขา
ส่วนเฟิ่งซิ่งเดินอยู่ท้ายสุด
เมื่อพวกเขาเดินหน้าไปหนึ่งก้าวสะพานก็สั้นลงตามนั้น หลังจากพวกเขาขึ้นเรืออากาศแล้ว สะพานนั้นก็หายไป
“ฮึ เจ้าจวงซานมักทำตัวเป็นคนดีตลอดเวลา เก็บคนพวกนี้กลับไปแผ่นดินเทพตะวันออก ไม่กลัวถูกตำหนิรึ” คนแผ่นดินเทพตะวันตกหัวเราะเยาะ
ตัวแทนแผ่นดินเทพเหนือยิ้มบอกว่า “เขาจะกลัวทำไมว่าจะถูกตำหนิ เขาเป็นถึงลูกศิษย์คนโตของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยแห่งแผ่นดินเทพตะวันออก ใครจะ
กล้าว่าอะไรได้”
นํ้าเสียงนั้นไม่รู้ว่าเป็นการชื่นชมหรือว่าอิจฉาริษยากันแน่
หลังจากมู่ชิงเกอตามจวงซานขึ้นเรืออากาศ แล้วจึงพบว่าคนที่ขึ้นเรืออากาศก่อนหน้านางนั้นเป็นสตรี
สตรีนางนั้นรูปร่างสูงโปร่ง ผอมบาง ใบหน้ากลับงดงามลํ้าเลิศ เพียงแต่ปกคลุมด้วยความเย็นชา เห็นถึงความหยิ่งยโสที่ไม่ต้องการให้ผู้คนเข้าใกล้
นางมองมู่ชิงเกอขึ้นเรือเพียงผ่านๆ แล้วละสายตาหันหลังกลับไป
มู่ชิงเกอเอ่ยกับตัวเองอย่างไม่แน่ใจว่า ‘ข้ารู้สึกไปเองหรือไม่ว่าแววตาที่นางมองข้านั้นมีอาการรังเกียจอยู่ด้วย ข้าไม่ได้ไปก่อกวนอะไรนางไม่ใช่หรือ’
พูดไปก็น่าขัน เรืออากาศแผ่นดินเทพตะวันออกวันนี้ รับลูกศิษย์ที่บินขึ้นมาทั้งสองคนและต่างก็เป็นสตรี เพียงแต่มู่ชิงเกอมีเครื่องมืออำพรางทำให้คนมองไม่เห็นร่างกายแท้จริงของนางเท่านั้น
พอทั้งสามคนขึ้นเรืออากาศ เรืออากาศที่จอดนิ่งกลางมหาสมุทรดวงดาวก็เริ่มเคลื่อนที่ช้าๆ ห่างออกไปจากแท่นบ่อบิน
มู่ชิงเกอถอนสายตาที่มองไปไกลกลับมาหัน ไปทางจวงซานพูดอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “ศิษย์พี่จวงซาน ข้าได้ยินที่พวกเขาคุยกันเมื่อสักครู่นี้ พวกเขาว่ารากวิญญาณของข้าเป็นรากวิญญาณที่ใช้การไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทำไมศิษย์พี่จวงซานจึงยังยอมรับข้า หากข้าทายไม่ผิดการที่คนของแผ่นดินเทพทั้งสามฝ่ายเฝ้าอยู่ที่บ่อบินก็เพื่อค้นหาลูกศิษย์ที่มีศักยภาพสูงใช่หรือไม่”
“เจ้าฉลาดเฉลียวเช่นที่เฟิ่งซิ่งว่าไว้ไม่มีผิด” จวงซานยิ้มแล้วพูดขึ้น
เฟิ่งซิ่งหรือ
สายตาประหลาดใจของมู่ชิงเกอมองไปทางเฟิ่งซิ่ง ฝ่ายหลังพอถูกนางจ้องมองสองแก้มก็ผุดความเขินอายออกมา ก้มศีรษะอย่างขวยเขิน
ราวกับดูออกถึงความข้องใจของมู่ชิงเกอ จวงซานจึงอธิบายว่า “ถึงแม้เฟิ่งซิ่งไม่สามารถพูดได้ แต่ยังสามารถถ่ายทอดเสียงพูดคุยกันได้”
ใช่แล้ว ยังมีการถ่ายทอดเสียงนี่
มู่ชิงเกอแอบหัวเราะในใจต่อว่าตัวเองที่ลืมเรื่องนี้ไปได้
“นิสัยเฟิ่งซิ่งนิ่งเงียบ มีจิตใจที่คล่องแคล่วฉับไว เขามองคนก็มักจะถูกต้องเสมอ เขาว่าเจ้าไม่เลวก็คือไม่เลว ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานนัก สี่คนจากแผ่นดินเทพตะวันตกกับเหนือจะต้องเสียใจที่ทอดทิ้งเจ้าดังผักหญ้า” จวงซานบอกมู่ชิงเกอ
สายตาที่อ่อนโยนของเขาแฝงด้วยรอยยิ้ม ตลอดเวลาทำให้คนรู้สึกอบอุ่น
พูดตามตรง จวงซานไม่ใช่คนประเภทมองเพียงแวบเดียวก็ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนหล่อเหลาสง่างาม แต่เขาเป็นคนประเภทหน้าตาสะอาดสะอ้าน ยิ่งดูยิ่งดีงามให้ความรู้สึกที่อบอุ่น
มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ ที่แท้การที่นางขึ้นเรืออากาศแผ่นดินเทพตะวันออกได้เพราะอาศัยศิษย์พี่เฟิ่งซิ่งที่เงียบสงบคนนี้นี่เอง
มู่ชิงเกอประสานมือสองข้างก้มศีรษะให้เฟิ่งซิ่งเล็กน้อย “ขอบคุณศิษย์พี่เฟิ่งซิ่ง”
เฟิ่งซิ่งอายจนโบกมือไม่หยุด
จวงซานยิ้มพูดว่า “เจ้าสมควรต้องขอบคุณเขา ไม่เช่นนั้นหากไม่มีใครยอมรับ คงได้แต่ท่องไปในมหาสมุทรดวงดาว ค่อยๆ กลายเป็นศพเดินได้ สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรดวงดาวไป”
โหดร้ายทารุณกันขนาดนี้เชียว?
ตาดำขลับสดใสของมู่ชิงเกอหดลงเล็กน้อย สายตามีแต่ความประหวั่นพรั่นพรึง
ผลของการถูกปฏิเสธรับเข้าแผ่นดินเทพ ดูหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่นางคาดคิดไว้มาก
“เอาล่ะ เจ้ากับแม่นางผู้นั้นต่างเป็นผู้ที่แผ่นดินเทพตะวันออกรับมาในวันนี้ ตามธรรมเนียมแล้ว ข้าจะต้องบอกกติกามารยาทก่อนที่จะเข้าไปในแผ่นดินเทพ ตะวันออกให้ แน่นอนว่าจะต้องแนะนำสภาพการณ์ของแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรด้วย” จวงซานกล่าว
เขามองไปทางหญิงสาวที่ดูเย็นชาคนนั้น หลังจากมู่ชิงเกอขึ้นเรือมาแล้วนางก็เดินไปยืนนิ่งอยู่ห่างๆ เขาบอกนางว่า “คุณหนูสวี เชิญมาที่นี่ด้วย”
หลังจากหญิงสาวได้ยินเขาเรียกก็ขมวดคิ้ว น้อยๆ แววตามีอาการขัดขืน แต่สุดท้ายแล้วก็ยังฝืนใจ เดินเข้ามา
เพียงแต่ ถึงแม้จะเดินเข้ามาแล้วก็ยังรักษาระยะห่างพอสมควรกับคนทั้งสาม
จวงซานเองก็ไม่ใส่ใจ บอกทั้งสองคนว่า “พวกเจ้าเป็นคนที่บินขึ้นมาจากบ่อบินพร้อมกันวันนี้ นับว่าเป็นวาสนา ต่อไปเมื่อเข้าไปในแผ่นดินเทพแล้ว ควรจะช่วยกันดูแลซึ่งกันและกัน”
พูดแล้ว เขาก็แนะนำตัว “คนนี้ชื่อมู่ชิงเกอ คนนี้ชื่อสวีปิง”
สวีปิง[1]?
‘เป็นคนที่สมดังชื่อจริงๆ’ มู่ชิงเกอนินทาในใจ แต่โดยมารยาททั้งเป็นการรักษาหน้าจวงซานนางจึงผงกศีรษะให้สวีปิงน้อยๆ
แต่สวีปีงไม่ได้เหลียวแลนางเลยแม้แต่น้อย ท่ามกลางความเย็นชายังมีความรังเกียจอยู่จางๆ
เรื่องนี้ทำให้มู่ชิงเกองุนงง ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดใจคุณหนูใหญ่ท่านนี้เข้า
ด้วยนิสัยนางเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบตามตื๊อ ในเมื่อคนเขาไม่ใส่ใจตัวเอง นางก็ไม่หาเรื่องเข้าใกล้สวีปีง
“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเจ้าต่างรู้จักกันแล้ว ข้าจะบอกถึงสภาพการณ์ของแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรเล็กน้อย” จวงซานหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พวกเจ้าควรรู้ว่าโลกที่เราอยู่นี้ถูกเรียกว่าแผ่นดินใหญ่เทพมาร ความหมายก็ตามชื่อ ก็คือแผ่นดินที่ถูกปกครองโดยเผ่าเทพและเผ่ามารร่วมกัน เรื่องแผ่นดินมาร ข้าจะไม่พูดถึงเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่พวกเจ้าหรือข้าจะสามารถเอื้อมถึงได้ พวกเจ้าเพียงแค่จำไว้ว่าอย่าได้ไปขอบชายแดนที่มีตราผนึกเทพมารและอย่าได้ไปมาหาสู่กับเผ่ามารก็พอ”
‘ไม่ให้ไปมาหาสู่กับเผ่ามารหรือ’ มู่ชิงเกอแอบถอนใจ ‘เกรงว่าชาตินี้นางคงต้องพัวพันกับเผ่ามารไม่สิ้นสุดแล้ว’
จวงซานพูดต่อว่า “นอกจากแผ่นดินมารแล้ว เขตติดต่อกับเผ่าเทพยังมีช่องแตกใต้ดินเรียกว่า เหวหนอนโบราณเป็นเขตแดนเผ่าฉง พวกเจ้าไม่มีฝีมือเฉพาะด้านก็อย่าได้ไป แผ่นดินเทพมารนอกจากเทพมารสองเผ่ากับเผ่าฉงจำนวนน้อยมากที่ซ่อนตัวอยู่แล้ว ยังมีบริเวณที่เรียกว่าป่าอสูร ที่นั่นเป็นโลกของเผ่าอสูร เผ่าอสูรกับเผ่าเทพไปมาหาสู่กันบ้างนับว่าเป็นมิตรกัน ต่อไปหากพวกเจ้ามีโอกาสก็ไปดูได้”
“เผ่าอสูร?” สวีปีงเปิดปากครั้งแรก นํ้าเสียง เย็นชา
ความประหลาดใจของนางก็บังเอิญตรงกับมู่ชิงเกอพอดี
จวงซานกล่าว “เผ่าอสูรความจริงก็คือสัตว์อสูรวิญญาณหรือสัตว์อสูรเทวะของโลกเบื้องล่าง พวกเจ้าหากมีอสูรพันธสัญญาก็ควรจะรู้ว่า เมื่อขึ้นถึงขั้นสัตว์อสูรเทวะพวกเขาก็จะสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ สัตว์อสูรวิญญาณในป่าอสูรก็คืออาณาจักรของเผ่าสัตว์ ที่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์กับที่ไม่สามารถแปลงร่าง เป็นมนุษย์ เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเผ่าสัตว์ แม้แต่เผ่ามังกรกับเผ่าหงส์ก็อยู่ในนั้นด้วย”
ดวงตามู่ชิงเกอเป็นประกายขึ้นในทันที แอบคิดว่า ‘หรือว่าบ้านเกิดเมืองนอนของโห่วก็อยู่ในป่าอสูรด้วย’
เวลานั้น สวีปิงก็พูดว่า “ต้องหาเวลาว่างไปเดินดู ถือโอกาสจับอสูรพันธสัญญาที่แปลงร่างได้สักตัว”
คำพูดโอหังของนางจวงซานเพียงยิ้มน้อยๆ ไม่ออกความเห็น
เขากลับมาที่เรื่องเดิม พูดต่อว่า “แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร ที่เรียกว่าสี่สมุทร เนื่องจากพื้นที่ ที่เผ่าเทพครอบครองนั้นเป็นมหาสมุทรดวงดาวที่เวิ้งว้างไม่มีที่ สิ้นสุด แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรแยกกันอยู่ทางทิศเหนือ ใต้ ออก ตก สี่ด้านดังนั้นจึงตั้งชื่อตามนี้ เวลานี้ที่พวกเราจะไปคือแผ่นดินเทพตะวันออก”
จากการบรรยายของจวงซาน สมองของมู่ชิงเกอค่อยๆ มีแผนที่สมบูรณ์ของแผ่นดินเทพมารผุดขึ้นมา
ก่อนที่นางจะมาที่นี่ก็นึกไม่ถึงเลยว่า แผ่นดินเทพจะอยู่กลางท้องฟ้าดวงดาว ทะเลนั้นไม่ได้หมายถึงนํ้า แต่เป็นดวงดาว
“แผ่นดินเทพตะวันออกกว้างใหญ่มาก หรื พูดได้ว่าแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรล้วนกว้างใหญ่มาก ไม่ว่าส่วนไหนน่าจะเป็นหลายร้อยเท่าหลายพันเท่าของโลก ข้างล่างที่พวกเจ้าอยู่ ภายในแผ่นดินเทพมีคนอยู่สองประเกท หนึ่งถูกเรียกว่ามนุษย์เทพหมายถึงเจ้ากับข้าที่เกิดมาก็มีสิทธิ์แห่งเทพสามารถฝึกฝนบำเพ็ญได้ อีกชนิดหนึ่ง ถูกเรียกว่ามนุษย์ธรรมดา พวกเขาเกิดในแผ่นดินเทพแต่ไม่มีสิทธิ์แห่งเทพดังนั้นจึงทำได้เพียงทำงานธรรมดาต่างๆ ไม่สามารถฝึกฝนบำเพ็ญ ในแผ่นดินเทพตะวันออกมีสี่ราชาเทวะแยกกันปกครองดูแล ราชาเทวะทั้งสี่ล้วนมีชื่อเสียงบารมีสูงส่งเป็นคนที่มีฐานะ อำนาจ กำลังแข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินเทพตะวันออก”
‘ราชาเทวะ’ คำนี้ พอเข้าสู่สมองมู่ชิงเกอก็ทำให้นางนึกถึงสตรีที่ปิดผนึกความทรงจำซือมั่วขึ้นมา
นางเองก็เป็นราชาเทวะ เหมือนจะชื่อราชาเทวะเฟิ่งเทียนอะไรสักอย่าง
เพียงแต่นางเองก็ลืมถามว่าสตรีนางนั้นเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ในแผ่นดินเทพส่วนไหนกันแน่
“เอาล่ะ สภาพการณ์ทั่วไปของแผ่นดินเทพ พวกเจ้าต่างรับรู้แล้ว ต่อไปข้าจะพูดเรื่องที่สำคัญของแผ่นดินเทพตะวันออก พวกเจ้าฟังให้ดีๆ ล่ะ” จวงซานพูดอย่างจริงจัง
เขาบอกว่า “หลังจากพวกเจ้าเข้าไปในแผ่นดินเทพตะวันออกแล้ว ไม่ว่าแต่ก่อนนี้พวกเจ้ามาจากไหนล้วนไม่สำคัญแล้ว สิ่งที่พวกเจ้ามีก็คือฐานะของคนแผ่นดินเทพตะวันออก หากออกจากแผ่นดินเทพตะวันออกก็เป็นตัวแทนแผ่นดินเทพตะวันออก ดังนั้นจะต้องระมัดระวังการกระทำและการพูดจา ระหว่างแผ่นดิน เทพทั้งสี่สมุทรจะต้องใช้เรืออากาศเดินทางเท่านั้น แน่นอนว่าหากวันใดวันหนึ่งพวกเจ้าสามารถทะลวงสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ก็สามารถฉีกช่องว่างเคลื่อนย้ายในพริบตา ไปถึงแผ่นดินเทพอื่นได้ เมื่อครู่นี้ ข้าบอกแล้วว่าแผ่นดินเทพตะวันออกมีสี่ราชาเทวะ ข้ากับเฟิ่งซิ่งก็คือลูกศิษย์ของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยซึ่งเป็นผู้นำของสี่ราชาเทวะ ส่วนอีกสามราชาเทวะนั้น คือราชาเทวะจั๋วอวี่ ราชาเทวะเหว่ยอี้กับราชาเทวะจงเทียน ทุกปีสี่ราชาเทวะจะส่งลูกศิษย์ในสังกัดไปยังบ่อบิน ปีนี้พอดีว่าเป็นพวกเรา”
ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง
มู่ชิงเกอค่อยๆ เข้าใจขึ้นมาก
จวงซานพูดต่อว่า “หลังจากเข้าไปในแผ่นดินเทพตะวันออกแล้วพวกเจ้าจะไม่ได้สัมผัสโลกภายนอกทันที พวกเราจะส่งพวกเจ้าเข้าไปในสถานที่เรียกว่า เสี่ยวเทียนอี้ สถานที่นั้นเตรียมไว้โดยเฉพาะสำหรับคนที่บินขึ้นมาจากข้างล่าง พวกเจ้าจะฝึกฝนที่นั้นเปลี่ยนพลังจิตเป็นพลังเทพ หลังจากระดับขั้นพลังมั่นคงแล้วจึงจะออกจากเสี่ยวเทียนอี้ได้ หลังจากนั้นก็ถือป้ายคำสั่งนี้ไปรายงานตัวที่แดนฮ่วนเยวี่ย”
พูดจบแล้ว เขาก็หยิบป้ายประณีตเล็กๆ ออกมาสองป้ายแจกจ่ายให้มู่ชิงเกอกับสวีปิง
“ขั้นพลังบนแผ่นดินเทพมารจะแบ่งเป็นขั้นจิตวิญญาณ ขั้นถํ้าวิญญาณ ขั้นศักดิ์สิทธิ์ ทุกขั้นแบ่งออกเป็นเก้าขั้น เรื่องนี้พวกเจ้าจะค่อยๆ เข้าใจ เอาล่ะ สิ่งที่ ควรพูดข้าก็ได้พูดพอสมควรแล้ว ต่อไปพวกเจ้าก็คือศิษย์พี่ศิษย์น้องกันก็พูดคุยทำความรู้จักกันไป ข้ากับเฟิ่งซิ่งจะเข้าห้องพักในเรือแล้ว หากมีปัญหาอะไร สามารถมาหาพวกเราได้” จวงซานพูดจบก็พาเฟิ่งซิ่งหันจากไปหายไปจากเบื้องหน้ามู่ชิงเกอกับสวีปิง
ทั้งสองคนยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเหลือแต่ความอีหลักอีเหลื่อ
มู่ชิงเกอขยับมุมปากยกมือลูบปลายจมูก นางรู้ว่าจวงซานมีเจตนาดี อยากให้พวกเขาช่วยเหลือสนับสนุนกัน เพราะอย่างไรพวกเขาทั้งสองคนต่างก็เป็นคนแปลกหน้าในแผ่นดินเทพ
แต่นางไม่คิดว่าสวีปีงจะชอบวิธีการเช่นนี้
จริงดังว่า มู่ชิงเกอยังไม่ทันเปิดปากสวีปิงก็ ทำหน้าทั้งรังเกียจทั้งรำคาญพูดว่า “ผู้ชายสกปรก อยู่ให้ห่างๆ ข้าหน่อย”
พูดจบ นางเดินจากไปไกลโดยไม่หันกลับ ไม่เห็นมู่ชิงเกออยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
มู่ชิงเกอตะลึงอยู่ที่เดิมทำตาปริบๆ บ่นอยู่ในใจ ‘นี่ข้าโดนรังเกียจหรือนี่’
*ปิง ภาษาจีนแปลว่า น้ำแข็ง