Skip to content

พลิกปฐพี 591

ตอนที่ 591

สามน้อยมู่เป็นอาจารย์ปรุงยา!

มู่ชิงเกอต้องการเยี่ยมเยียนทีละคน จวงซานจึงทำได้เพียงตามใจเขา นำเขาไปวังน้อยของใหญ่น้อยก่อน

“ชิงเกอ ใหญ่น้อยชื่อหลีเฉา บำเพ็ญอยู่ดินแดนฮ่วนเยวี่ยมาได้หนึ่งหมื่นสองพันปีแล้ว เข้าอยู่ในวังน้อยได้เก้าพันปี ห้าพันปีก่อน หลังเข้าไปในวังน้อยแล้วก็อยู่มาตลอด ปกติเขาพูดน้อย แต่มีบุคลิกความเป็นผู้นำสูง ตบะบำเพ็ญในเวลานี้ข้าเคยบอกเจ้าว่าเป็นขั้นถํ้าวิญญาณขั้นหก แต่ในหลายปีนี้ราวกับว่าใกล้จะทะลวงขอบเขตได้แล้ว” จวงซานแนะนำมู่ชิงเกอในระหว่างทางไปวังน้อย

มู่ชิงเกอผงกศีรษะจดจำคำพูดจวงซานใส่ใจไว้

เมื่อมาถึงนอกเขาที่ตั้งเขาที่ตั้งวังน้อย จวงซานก็ประสานมือพูดเสียงดังว่า “เจ้าใหญ่ เจ้าสิบ พาเจ้าสามมาขอพบ”

“เข้ามาเถอะ” คำสามคำดังมาจากวังน้อย

จวงซานจึงพามู่ชิงเกอเข้าไปแล้วพลิ้วกายลงที่บันไดนอกวังน้อย

เมื่อทั้งสองคนเดินขึ้นบันไดเข้ามาในตำหนักก็พบว่าใหญ่น้อยยืนอยู่ที่นั่น สองมือไพล่หลังรอพวกเขาอยู่

จวงซานชะงักยิ้มพูด “ใหญ่น้อย วันนี้เป็นวันที่เจ้าสามเข้ามาอยู่ เขาเสนอเองว่าอยากมาเยี่ยมเยียนทุกคน ข้าจึงพาเขามาหาเจ้าก่อน”

ใหญ่น้อยพยักหน้ามองที่มู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอก็มองไปพอดี หลีเฉาตัวสูงมากเป็นประเภทที่หากยืนอยู่ในกลุ่มคนก็จะสามารถมองเห็นได้ทันที หน้าตาแกร่งกล้า นัยน์ตาแวววับ

“เจ้าไม่ต้องมาเยี่ยม ตัวเองบำเพ็ญให้ดีก็พอ” หลีเฉาเปิดปาก

มู่ชิงเกอยิ้มเล็กน้อยแล้วหยิบขวดกระเบื้องสีขาวออกมายื่นส่งให้ “เพิ่งจะมาถึง การเยี่ยมเยียนนั้นเป็นมารยาท ของจากใจเล็กน้อย ขอใหญ่น้อยโปรดอย่าได้รังเกียจ”

หลีเฉาขมวดคิ้วไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ “เจ้าคิดจะประจบข้าหรือ”

มู่ชิงเกอยิ้มพูดว่า “หากของเล็กๆ นี้ นับว่าเป็นการประจบ ใหญ่น้อยมิถูกประจบง่ายเกินไปหรือ”

หลีเฉายังคงไม่รับ มองมู่ชิงเกอด้วยสายตาที่เดาความรู้สึกไม่ออก

มู่ชิงเกอบอกเขาว่า “ใหญ่น้อยเปิดดูของก่อน หากไม่อยากรับ ข้าจะนำกลับไปก็แล้วกัน”

นางพูดให้ดูลึกลับทำให้หลีเฉาเกิดความอยากรู้อยากเห็น

สุดท้ายแล้วเขาก็ยื่นมือไปรับขวดกระเบื้องที่มู่ชิงเกอยื่นให้

พอเปิดดู นัยน์ตาดำก็หดลงมองมู่ชิงเกออย่างตกใจและค่อยๆ ปิดขวด “นี่คือของเล็กน้อยของเจ้าหรือ”

หากเขาดูไม่ผิด ในนั้นเป็นยาระดับมหาเทพเม็ดหนึ่ง

จวงซานเองก็ได้กลิ่นยาเม็ดนั้น ย่อมรู้ถึงระดับยาเม็ดนั้น เวลานี้เองเขาก็มองมู่ชิงเกออย่างตกใจ

กับการสอบถามของหลีเฉา มู่ชิงเกอก็ผงกศีรษะว่า “สำหรับข้าแล้ว เป็นของเล็กน้อยจริงๆ”

สายตาทั้งคู่ปะทะกันกลางอากาศ หลีเฉากำขวดกระเบื้องแน่นบอกมู่ชิงเกอว่า “ในเมื่อเจ้าว่าเป็นของเล็กน้อยข้าก็จะรับไว้”

“ใหญ่น้อยไม่ต้องเกรงใจ” มู่ชิงเกอยิ้มเล็กน้อย

รอยยิ้มเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น “ในเมื่อได้เยี่ยมเยียนแล้ว ได้มอบของแล้ว ข้าจะไม่รบกวนการบำเพ็ญของใหญ่น้อยแล้ว ขอลา”

พูดจบนางกับจวนซานก็จากไป

ขณะที่ใกล้ออกประตูตำหนัก หลีเฉาพูดออกมาคำหนึ่งว่า “ครึ่งปีเซียนสุ่ยจะต้องกลับมาแย่งของของเขากลับมาแน่”

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปากเล็กน้อย ผงกศีรษะนิดๆ แล้วสาวเท้าออกไป

เมื่อออกจากวังน้อยแล้วจวงซานจึงถามว่า “เจ้าใจใหญ่มาก ให้ยาเม็ดชั้นมหาเทพเป็นของขวัญ มิน่าเจ้า จึงเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะไว้หน้าเจ้า คงไม่มีใครปฏิเสธความเย้ายวนของยาเม็ดชั้นมหาเทพกระมัง”

แม้แต่เขาเองก็ทำไม่ได้

มู่ชิงเกอยิ้มมองบอกเขาว่า “ศิษย์พี่จวงซานเองก็มี ทุกคนได้หมด”

จวงซานชะงัก ยิ้มพูดว่า “ถ้าข้าทำเป็นอิดออดก็ดูจะแสร้งทำมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ข้าจะจดจำเอาไว้ วันหลังหากมีอะไรต้องใช้ศิษย์พี่ ขอให้บอกมา ยังมี…”

เขาหยุดนิดหนึ่ง พูดกับมู่ชิงเกอเบาๆ ว่า “เจ้า บอกมาตรงๆ ที่เจ้ามียาชั้นมหาเทพมากมายเช่นนี้ แล้วยังไม่เสียดายเลยสักนิดนั้นใช่เพราะเจ้าเป็นอาจารย์ปรุงยาระดับมหาเทพหรือไม่”

มู่ชิงเกออมยิ้มไม่ตอบ แต่อาการบอกชัดถึงทุกสิ่งแล้ว

จวงซานสูดลมเย็นเข้าลึก เข้าใจอย่างแท้จริงถึงการกระทำของมู่ชิงเกอ

เขาไปเยี่ยมเยียน ไม่พูดมากคำ เพียงยื่นยาเม็ดชั้นมหาเทพเป็นของขวัญ ไม่ใช่เพื่อประจบแต่เป็นการบอกทุกคนทางอ้อมว่าเขามีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นอาจารย์ปรุงยาระดับมหาเทพ

ไม่ต้องเปลืองแรงครุ่นคิด จวงซานแน่ใจได้เลยว่า หลังจากพามู่ชิงเกอเดินครบรอบแล้ว ไม่นานเขาจะต้องถูกคนอื่นเรียกตัวไปเพื่อให้แน่ใจเรื่องฐานะอาจารย์ปรุงยาชั้นมหาเทพของมู่ชิงเกอ

ไม่ว่าอยู่ในสถานที่ใด ใครจะไปมีเรื่องกับอาจารย์ปรุงยาชั้นมหาเทพได้เล่า

จวงซานแหงนหน้าถอนใจ เขายอมศิโรราบอย่างแท้จริง กระบวนท่านี้ของมู่ชิงเกอนั้นยอดเยี่ยมนัก ร้ายกาจมากๆ เขาเปิดเผยฐานะอาจารย์ปรุงยาชั้นมหาเทพออกมาอย่างเงียบเชียบ ทั้งไม่กระโตกกระตาก ทำให้พวกเขาต้องประเมินอีกฝ่ายใหม่ ไม่อาจต่อต้านเขาได้ดังแต่ก่อน

คนที่ต้องทรมานเพราะการอดกลั้นคงจะมีเพียงพวกที่ไม่พอใจสามน้อยคนใหม่เท่านั้น

จวงซานประสานมือให้มู่ชิงเกอจริงจังแสดงอาการยอมรับ

ต่อมาพวกเขาก็ไปยังวังน้อยอื่นๆ เป็นดังที่จวงซานคิด

แม้แต่สี่น้อย ห้าน้อยและหกน้อยที่ไม่พอใจมู่ชิงเกอมากที่สุดก็ยังไม่สามารถปฏิเสธ ‘ของเล็กน้อย’ ของมู่ชิงเกอได้ สีหน้านั้นอดกลั้นจนทรมานไปหมด แต่ก็ต้องส่งเขาจากไปอย่างดี

เมื่อไปจนครบแปดเขาวังน้อยแล้ว มู่ชิงเกอก็กลับไปวังน้อยของตัวเอง หยิบขวดกระเบื้องยื่นให้จวงซาน “ศิษย์พี่จวงซาน เขาวังน้อยของท่านข้าคงไม่ไปแล้ว นี่เป็นของที่ข้าให้ กลับไปแล้วท่านค่อยเปิด”

จวงซานรับขวดแล้วก็พยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ”

ทั้งสองแยกกันแล้ว มู่ชิงเกอก็เข้าไปยังวังน้อยของตัวเองและเริ่มต้นบำเพ็ญ สิ่งที่ต้องทำนางก็ทำหมดแล้ว เวลาที่เหลือก็คือเพิ่มตบะการบำเพ็ญของตัวเอง

นางจะต้องทำให้ชื่อเสียงสามน้อยฮ่วนเยวี่ย มู่ชิงเกอดังสนั่นไปทั้งแผ่นดินเทพตะวันออก กระทั้งแผ่นดินเทพอื่นอีกสามแห่งต่างรับรู้เพื่อให้มู่เทียนอินมาหานาง

มู่ชิงเกอก้าวเข้าประตูตำหนัก ประตูตำหนักก็ปิดสนิทลงเอง

เงามืดทอดลงบนตัวนาง ทำให้แววตานางเจือประกายเฉียบคมและเย็นชา

เมื่อจวงซานกลับมาถึงวังน้อยของตัวเองและเข้าไปในตำหนักแล้วจึงหยิบขวดกระเบื้องที่มู่ชิงเกอให้มาเปิดดู กลิ่นหอมยาที่เข้มข้นโชยมาอบอวลไปทั่ววังน้อยของเขาในพริบตา

“สองเม็ด!”พอเห็นชัดถึงจำนวนยาเม็ดในขวดจวงซานก็ตกใจ

หากเขาไม่ได้ดูผิด มู่ชิงเกอให้คนอื่นเพียงเม็ดเดียวแต่ให้เขาสองเม็ด

จวงซานเก็บขวดกระเบื้องอย่างดีเงียบๆ จดจำน้ำใจที่มู่ชิงเกอมอบให้เขาไว้

ไม่นานนักก็เป็นไปดังที่เขาคาดไว้ เขาได้รับการเชิญจากใหญ่น้อยหลีเฉาให้ไปพบที่วังน้อยที่เก้า การเสือกวังน้อยที่เก้า จวงซานเองก็คาดเดาไว้แล้วด้วย เนื่องจากนอกนอกวังน้อยที่สิบของเขาแล้ว วังน้อยที่เก้าอยู่ห่างวังน้อยที่สามไกลที่สุด การเลือกที่นั่นในการประชุมไม่มีทางดึงดูดความสนใจของมู่ชิงเกอได้

จวงซานเลิกคิดจัดเสื้อผ้าแล้วก็ไปตามนัด

เมื่อเขาไปถึงวังน้อยที่เก้า คนอื่นนอกจากมู่ชิงเกอ ต่างก็มาชุมนุมอยู่ที่นี่ครบหมดแล้ว

เขายิ้มน้อยๆ ประสานมือให้คนทั้งแปด

“เจ้าสิบ ที่พวกเราเรียกเจ้ามาเจ้าคงรู้อยู่” หลีเฉาบอกตรงๆ

คนอื่นๆ ต่างมองเขาด้วยสายตาหยั่งเชิง

จวงซานผงกศีรษะยิ้มแล้วเดินไปหาพวกเขา “ใหญ่น้อย ข้าเองก็เพิ่งรู้ตอนอยู่ในวังน้อยของเจ้าว่า ‘ของเล็กน้อย’ นั้นคืออะไร”

ห้าน้อยเดินขึ้นหน้า ถามว่า “เช่นนั้น เจ้าบอกมาเลยว่าเขาเป็นอาจารย์ปรุงยาชั้นมหาเทพหรือไม่”

คำถามนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะชี้ถึงท่าทีที่พวกเขาจะมีต่อมู่ชิงเกอในภายหน้า

ท่ามกลางการจับจ้องของสายตาทั้งแปดคู่ จวงซานก็ผงกศีรษะ

การผงกศีรษะนี้ทำให้ลมหายใจของทั้งแปดคนติดขัด สูดลมเย็นลึก บริเวณรอบๆ เงียบสนิทลง

เนิ่นนานซวนเฉียงจึงพ่นอากาศเสียออกมา กระซิบว่า “ไม่นึกว่าเขาเป็นถึงอาจารย์ปรุงยาชั้นมหาเทพ”

“เจ้าสิบ เรื่องนี้ไม่ใช่ธรรมดา เจ้าแน่ใจหรือ” หลีเฉาถามอีก

จวงซานพยักหน้ารับรองอีกครั้ง

ทั้งแปดคนมองหน้ากัน ไม่รู้จะพูดอย่างไร สุดท้ายแล้วทุกคนก็มองไปทางหลีเฉา

หลีเฉาถูกทุกคนจ้องก็กระตุกมุมปาก พูดว่า “เรื่องของเขากับเซียนสุ่ย พวกเราไม่ว่าใครก็อย่าสอดมือ ในเมื่อรับยาของเขามาแล้ว พวกเราก็ต้องทำสิ่งที่ควรทำ”

“เดิมข้าคิดว่าอีกครึ่งปีจะต่อสู้กับเขาตอนนี้คงไม่ได้แล้ว” ห้าน้อยพูดอย่างอัดอั้น

สี่น้อยมองเขาแล้วยิ้มว่า “ยาชั้นมหาเทพหนึ่งเม็ดแลกกับการไม่ต้องต่อสู้ก็นับว่าคุ้ม ช่วงนั้นข้าปิดประตูบำเพ็ญแล้วกัน”

“เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเราแต่แรกอยู่แล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของเซียนสุ่ยกับเขา” ซวนเฉียงพูดอย่างเย็นชา

จวงซานออกจากวังน้อยที่เก้า ทันทีที่กลับถึงวังน้อยของตัวเองก็อดไม่ได้ระบายความอึดอัดที่แน่นในหัวอกออกมา ความอึดอัดนี้ ความจริงไม่นับว่ามีอะไรมาก เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขายังกังวลเรื่องมู่ชิงเกออยู่ร่วมกับคนอื่นทั้งยังเรื่องสภาพการณ์หลังจากครึ่งปี แต่ไม่นึกว่าเขาเพียงใช้ยาเม็ดไม่กี่เม็ด ทุกอย่างก็แก้ไขได้แล้ว

เขาคิดถึงจุดนี้แต่แรกหรือ ทันใดนั้นจวงซานก็นึกอยากรู้ขึ้นมาจริงๆ

เพียงแต่ความอยากรู้ของเขา เวลานี้ไม่มีใครไขข้อสงสัยให้เขาได้แล้ว

เรื่องที่เกิดขึ้นในวังน้อยที่เก้า มู่ชิงเกอไม่ได้ใส่ใจอีก เวลานี้นางกำลังบำเพ็ญในวังน้อยของตัวเองอย่างขะมักเขม้น การบำเพ็ญนี้ใช้เวลาสิบวันเต็มๆ

หลังสิบวันแล้ว พอนางออกจากวังน้อยแล้วไปพบถงเถิงสักครู่แล้วก็ไปหออาคมต่อ

ในหออาคม นางอยู่จนเต็มเวลาแล้วจึงกลับวังน้อยที่สามเพื่อบำเพ็ญต่อ ความจำของนางนั้นลํ้าเลิศ สามารถจำอาคมในหออาคมแล้วกลับไปยังวังน้อยเพื่อทบทวนให้เข้าใจได้

จนถึงเวลาเข้าหออาคมได้อีกครั้ง นางจึงออกจากเขาวังน้อยเข้าไปศึกษาในหออาคมอีก

ในหออาคม มู่ชิงเกอนั่งขัดสมาธิบนพื้น รอบตัวนางมีหนังสือบันทึกบัญญัติอาคมสารพัดล่องลอยอยู่ ต่างพลิกหน้าได้เอง ตัวหนังสือเป็นแถวเปล่งแสงสีทอง ฉายอยู่ในตาดำของมู่ชิงเกอ ประทับเข้าไปอยู่ในใจของนาง

วันผ่านไป เดือนผ่านไป

มู่ชิงเกอแทบไม่ได้ติดต่อกับผู้ใด นอกจากพบถงเถิง จวงซานและเฟิ่งซิ่งบ้างแล้ว นางก็ได้ขึ้นไปบ้านเล็กบนเขาอีกแค่ครั้งเดียวเพื่อนำปัญหาที่เกี่ยวกับบัญญัติอาคมต่างๆ สอบถามผู้เฒ่าเฝ้าตะเกียงคนนั้น

ขณะที่นางจากไป นัยน์ตาผู้เฒ่าเฝ้าตะเกียงก็เกิดประกายตื่นตกใจค้างอยู่อีกเนิ่นนาน สุดท้ายแล้ว เขาก็เข้าไปยังวังราชาเทวะด้วยอาการตื่นเต้นยิ่งนัก

ครึ่งปี เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไป

ในครึ่งปีนี้ไม่มีใครรู้ถึงการบำเพ็ญของมู่ชิงเกอ และไม่รู้ถึงผลการบำเพ็ญว่าไปถึงไหนแล้ว

ในเวลาครึ่งปีถงเถิงได้ทะลวงขอบเขตเข้าถึงขั้นจิตวิญญาณขั้นห้า เปลี่ยนเสื้อเขียวบนตัวเป็นเสื้อขาว ได้เป็นลูกศิษย์เสื้อขาวของดินแดนฮ่วนเยวี่ย

ครึ่งปี…

เวลาครึ่งปีสิ้นสุดวันนี้นั่นก็หมายความว่าคนที่จะท้าทายมู่ชิงเกอ อยากลองบีบลูกพลับนิ่มเช่นนางดู คนที่อยากลองดูว่าจะสามารถเป็นลูกศิษย์ใหญ่ฮ่วนเยวี่ยได้หรือไม่ก็สามารถเริ่มท้าประลองได้แล้ว

และคนที่เดินเข้ามายังวังน้อยที่สามเป็นคนแรกนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือสามน้อยคนก่อน เซียนสุ่ยนั้นเอง

มู่ชิงเกอยืนอยู่นอกตำหนัก สองมือไพล่หลัง มองดูเซียนสุ่ยที่เดินมาเบื้องหน้า ไม่ได้พบกันครึ่งปี เขาดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย แต่คนที่คุ้นเคยกับเขาดี เมื่อพิจารณาสองตาของเขาอย่างละเอียดก็จะรู้ว่า ในครึ่งปีนี้ตบะของเขาบริสุทธิ์ขึ้นไม่น้อย เซียนสุ่ยมองดูรอบๆ สุดท้ายแล้วจึงมองที่มู่ชิงเกอ ยิ้ม เผยลักยิ้มบนใบหน้า บอกมู่ชิงเกอว่า “ครึ่งปีนี้ที่นี่ไม่มีอะไร เปลี่ยนแปลงไปเลย”

มุมปากมู่ชิงเกอยกขึ้นน้อยๆ มองเขาแล้วว่า “โลกนี้ไม่ใช่ไม่มีอะไรเปลี่ยน เพียงแต่อายุคนเทียบกันแล้วสั้นจนเกินไป การเปลี่ยนแปลงของโลกเราจึงไม่สามารถรู้สึกได้”

ดินแดนฮ่วนเยวี่ยเล่า คงอยู่มานานเท่าไรแล้ว

วังน้อยเล่า คงอยู่มานานเท่าไรกัน อายุขัยของเผ่าเทพยืนยาวมาก แต่ที่ยืนยาวกว่านั้นก็คือ

โลกนี้ทั้งทิวทัศน์ทั้งก้อนหินภูเขา

เซียนสุ่ยพยักหน้าช้าๆ พูดอย่างเห็นด้วย “ใช่แล้ว อายุยืนเท่าไรก็ต้องมีวันดับสิ้น ดังนั้นจึงมักคิดถึงเรื่องที่วางไม่ลง คิดอยากทำอะไร เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างบ้าง”

“อยากทำก็ทำเถอะ ชีวิตมนุษย์นั้นสั้น มีบางเรื่องหาก จะทำแล้วต้องทำเลยเพื่อจะได้ไม่เสียใจภายหลัง” มู่ชิงเกอพูดช้าๆ

ทั้งคู่ราวกับสนทนาธรรมดา คำที่พูดนั้นฟังไม่ออกถึงเพลิงโทสะเลยแม้แต่น้อย

แต่ความจริงแล้ว ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าการสนทนานี้หมายความว่าอะไร

เซียนสุ่ยยิ้ม นัยน์ตาที่นุ่มนวลดังสายนํ้ายังคงไร้พิษภัยดังแต่ก่อน “ครึ่งปีก่อน จวงซานยื่นเทียบท้าประลองข้าแทนเจ้า วันนี้ข้ามาส่งเทียบท้าประลองถึงมือเจ้าด้วยตัวเอง พรุ่งนี้ เวทีประลองยอดเขาที่ข้าเคยแพ้เจ้า ครั้งนี้ข้าจะเอาชนะให้ได้!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version