Skip to content

พลิกปฐพี 609

ตอนที่ 609

คิดว่าราชาเทวะตาบอดหรือ

ใช้ปัญญาเทวะสลักบันทึกไม่ใช่เรื่องง่าย

เวลาสามวันจะสามารถสลักบันทึกได้สักเท่าไร ไม่เพียงแค่อาศัยความจำกับความไวเท่านั้น ทั้งยังต้องอาศัยปัญญาเทวะที่เหลืออยู่อีกด้วย

บนแท่นวิถี เกือบห้าร้อยคนที่เหลืออยู่ในเวลานี้ต่างเงียบสงบอย่างยิ่ง ต่างใช้เวลากันอย่างเต็มที่ในการบันทึกแผ่นหยกที่อยู่ในมือตัวเอง ยอดเขาหิมะรอบๆ ถูกลมพัดผ่าน หิมะถูกพัดปลิวลงมา

ซือมั่วยืนอยู่บนยอดเขาร่วมกับคนอื่นมองไปยังคนที่นั่งขัดสมาธิเหล่านั้นบนแท่นวิถี แต่ความจริงในดวงตาเขามีเพียงมู่ชิงเกอคนเดียวเท่านั้น คนที่เหลือนั้นไม่ต่างอะไรกับภูเขาหิมะรอบๆ

ในที่นี้นอกจากเสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาแล้ว คนที่มีค่าควรให้เขามองมากหน่อยก็คงเป็นราชาเทวะจงซานที่นั่งอยู่บนดอกบัวหิมะ

ราชาเทวะจงซานยังคงนั่งอย่างสบายอารมณ์บนดอกบัวหิมะ สิบวันนี้ แม้แต่ท่านั่งก็ยังไม่ เปลี่ยน สองตาเขาหลับพริ้ม มุมปากโค้งขึ้นราวกับยิ้มอยู่ ทำให้คนไม่กล้าจ้องมองตรงๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่ต้องแอบมอง

อัก!

บนแท่นวิถีลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่คนหนึ่งกระอักเลือดออกมาจนสาดกระจายไปบนแท่นวิถีและล้มลงบนพื้น แผ่นหยกที่เขากำไว้ก็แตกหักและมืดมนไร้แสง

“ลูกศิษย์อีกคนที่ปัญญาเทวะหมดสิ้น”

ขณะที่ผู้ดูแลแดนจงซานไปแบกเขาลงมานั้น คนที่ดูบนยอดเขาก็กระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กัน

“ว่าไม่ได้ที่ลูกศิษย์เหล่านี้ทนไม่ไหว แม้พวกเราไปเองก็ยังยากมากอยู่ดี การทดสอบปัญญาเทวะเช่นนี้ไม่ใช่ง่ายเลย”

“ใช่ ดูเหมือนไม่ได้ลงมืออะไร แค่นั่งเฉยๆแต่ เวลาช่วงนี้แหละที่ผ่านไปได้ยากนัก”

อัก อัก!

ลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่คนก่อนยังไม่ทันถูกยกลงจากแท่นวิถี บนแท่นวิถีก็มีคนล้มลงไปอีกสองคน

คราวนี้คนที่ล้มลงไปนั้นเป็นลูกศิษย์แดนเหว่ยอี้กับแดนฮ่วนเยวี่ย

หางตามู่ชิงเกอกวาดผ่านลูกศิษย์แดนฮ่วนเยวี่ยข้างๆ ที่ถูกยกออกไป ดวงตาที่ใสแจ๋วดำมืดลงเล็กน้อย นางคงจะเป็นคนที่สบายที่สุดในนั้น

กระทั่งถึงเวลานี้นางยังไม่รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยล้าอะไรเลย แผ่นหยกที่มือนางเปล่งแสงวิบวับ ตลอดเวลา แสดงว่าแม้ในขณะที่นางดูรอบๆ บริเวณก็ยังไม่ลืมที่จะสลักข้อความลงในแผ่นหยก

เวลาค่อยๆ ผ่านไป บนแท่นวิถีมีลูกศิษย์ล้มลงและถูกยกออกไปอย่างต่อเนื่อง

เวลาผ่านไปสองวันครึ่ง บนแท่นวิถีเหลือเพียงสามร้อยกว่าคนแล้ว

มู่ชิงเกอได้บนทึกคัมภีร์ทั้งห้าพ้นไว้ในแผ่นหยกหมดแล้ว ช่วงเวลาว่างยังตรวจสอบอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่เกิดข้อผิดพลาด แล้วจึงถือแผ่นหยกเอาไว้ไม่บันทึกอีก

นางไม่ได้รีบลุกขึ้นแล้วบอกว่าตัวเองทำเสร็จแล้ว แต่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมมองดูคนอื่นไปเรื่อย

คนข้างกายนางคือพวกจวงซาน หลีเฉา สิบน้อยฮ่วนเยวี่ย นอกจากนางแล้วทุกคนยังคงตั้งใจบันทึกแผ่นหยกอยู่

ดูจากสีหน้าพวกเขา ถึงแม้จะเคร่งขรึมแต่ก็ยังดีอยู่ ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะทนไม่ไหวแต่อย่างใด

เมื่อมองดูคนอื่น…

“หืม”

สายตาของมู่ชิงเกอหยุดลงอยู่ที่กลุ่มลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่

กลุ่มลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่เหล่านั้นนั่งล้อมวงกัน

เดิมทีก็ดูปกติดี แต่เวลานี้กลับมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย มู่ชิงเกอหรี่สองตาลงมองไปทางด้านนั้นนิ่งๆ นางเห็นชัดเจนว่าพวกแดนจั๋วอวี่เหล่านั้น แอบส่งแผ่นหยกกันราวกับกำลังทำทุจริตกันทั้งกลุ่ม เพียงแต่การเคลื่อนไหวนั้นเล็กน้อยมาก ทั้งยังรู้ใจกันดี นอกจากมือที่ขยับแล้ว ดูจากภายนอกจะมองไม่เห็นถึงความผิดปกติ แผ่นหยกเหล่านั้นถูกส่งไปยังสิบลูกศิษย์ใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงกลาง พวกเขารับไปบันทึกแล้วก็ส่งกลับคืน

มู่ชิงเกอเห็นแล้วก็เข้าใจถึงจุดประสงค์ที่แดนจั๋วอวี่ทำเช่นนี้ทันที

ถอนสายตาคืนแล้ว มู่ชิงเกอก็หลุบตาลงดวงตากลอกไปมา

จุดประสงค์แดนจั๋วอวี่นั้นชัดเจนมาก คือคิดจะรักษาลูกศิษย์ของตัวเองไว้ให้สามารถผ่านด่านนี้ไปได้มากที่สุด แต่นี่ไม่ใช่แค่การช่วยเหลือเพราะร่วมสำนักเดียวกันเท่านั้น

เมื่อลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่ส่วนใหญ่ได้เข้ารอบแล้ว ลูกศิษย์แดนอื่นก็ต้องตกรอบไป

รอบที่สอง เป็นการประลองด้านวิทยายุทธ์ ถึงแม้มู่ชิงเกอจะไม่รู้กติกาที่แน่ชัด แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่า เมื่อจำนวนคนมากขึ้น อันดับร้อยคนสุดท้ายที่จะได้อาบแสงแห่งวิถีก็ย่อมจะมีมากขึ้นด้วย

เมื่อรู้จุดประสงค์ของแดนจั๋วอวี๋แล้ว มู่ชิงเกอก็นึกตรึกตรองในใจ

นางเองก็สมควรใช้วิธีเช่นเดียวกันนี้เพื่อให้ลูกศิษย์แดนฮ่วนเยวี่ยได้เข้ารอบด้วยหรือไม่

ขณะที่นางกำลังลังเล สายตาที่ช้อนขึ้นโดยบังเอิญนั้นก็กวาดไปยังเงาร่างที่อยู่บนดอกบัวหิมะ

สายตาที่เคลื่อนผ่านไปของนางเลื่อนกลับมาในพริบตา มองไปที่ราชาเทวะจงซาน

มองจากมุมของนาง นางราวกับเห็นรอยยิ้มของราชาเทวะจงซานดูมีร่องรอยการเย้ยหยันเพิ่มขึ้นมา ดวงตาที่แกล้งหลับนั้นหรี่ลงอยู่ครึ่งหนึ่ง ทิศทางที่มองไปนั้นก็คือ ที่นั่งแดนจั๋วอวี่

มู่ชิงเกอแววตานิ่งขรึมรีบถอนสายตากลับมา

ขณะที่นางถอนสายตากลับนั้นแววตาเย็นชาของราชาเทวะก็กวาดมายังจุดที่นางอยู่และผ่านร่างนางไปคล้ายไม่ได้ตั้งใจ

การกวาดมองนี้มู่ชิงเกอรู้สึกถึงความกดดันในทันที พอสายตานั้นกวาดผ่านไปแล้ว แผ่นหลังของนางรู้สึกเปียกชื้นไปหมด

‘พลังของราชาเทวะ…’ มู่ชิงเกอแอบรู้สึกตกใจ

นางในเวลานี้เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของราชาเทวะแล้วช่างห่างกันไกลนัก

มู่ชิงเกอค่อยๆ เม้มปากนิ่งเงียบไป

เวลานี้นางไม่รู้เลยว่า ซือมั่วบนยอดเขาหิมะเห็นภาพนี้เข้า ดวงตาสีอำพันที่ถูกปลอมแปลงก็ผุดความเย็นเยียบขึ้นมา กวาดสายตาไปยังราชาเทวะจงซาน

เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขา ใช่คนที่ใครจะมาตักเตือนได้ง่ายๆ หรือ

“หือ” เววตาราชาเทวะจงซานนิ่งเฉย เปล่งเสียงประหลาดใจออกมาจากปลายจมูก

12 วันนี้ นี่เป็นการเปลี่ยนอิริยาบถครั้งแรก เขานั่งตัวตรงบนดอกบัวหิมะ แขนเสื้อสะบัดไหวเล็กน้อย แต่ยังคงค้างอยู่บนเข่าที่ชันขึ้น

การเคลื่อนไหวนี้ไม่มากมาย แต่สำหรับคนที่ไม่กระดุกกระดิกมาสิบกว่าวันก็เด่นชัดมากแล้ว

การเคลื่อนไหวนี้ทำให้คนบนยอดเขาหิมะสนใจในทันที

ส่วนเหล่าลูกศิษย์ที่พยายามดิ้นรนต่อสู้โดยใช้เวลาสุดท้ายที่มีอยู่กลับไม่ได้สังเกตเห็น

คงมีเพียงด้านแดนจั๋วอวี่เท่านั้นที่มีคนหนึ่งทำสัญญาณมือเตือน การกระทำทุจริตจึงหยุดไปชั่วคราว

ดวงตาสีฟ้าของราชาเทวะจงซานกวาดไปที่ยอดเขาหิมะรอบหนึ่ง แต่ก็ยังไม่พบอะไร ความรู้สึกรุนแรงที่ได้รับเมื่อครู่นี้ก็ไม่ปรากฎขึ้นอีก

นัยน์ตาเขาฉายแววสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ละสายตากลับและหลุบตาลง

พอราชาเทวะจงซานละสายตากลับคนของแดนจั๋วอวี่ก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น

มู่ชิงเกอเงยหน้ามองไปทางด้านแดนจั๋วอวี่ เห็นกลุ่มลูกศิษย์ที่ถูกล้อมอยู่ตรงกลาง รวมทั้งเยี่ยนเฉวียนและจี้หลุนล้วนมีสีหน้าค่อนข้างน่าเกลียด

คิดว่าคงเป็นเพราะสูญเสียปัญญาเทวะมากเกินไป มุมปากมู่ชิงเกอยกขึ้นนิดๆ นางไม่คิดจะใช้วิธีการเดียวกันนี้มาช่วยแดนฮ่วนเยวี่ยอีก แต่แน่นอนนางก็ไม่ยอมให้แดนจั๋วอวี่ทำทุจริตที่จะทำให้แดนจั๋วอวี่ได้รับผลประโยชน์สุดท้ายไปเช่นนี้

นางกล้ารับประกันเลยว่า ราชาเทวะจงซานจะต้องเห็นทั้งหมด การกระทำเหล่านั้นไม่สามารถหลุดรอดสายตาของเขาไปได้ เพียงแต่เขายังไม่ได้พูดออกมาก็เท่านั้น

มู่ชิงเกอมองลูกศิษย์แดนฮ่วนเยวี่ยของตัวเอง ต่อให้ลำบากยากเย็นเพียงใด พวกเขายังคงยืนหยัด ไม่ละทิ้ง

เวลานี้มาถึงนาทีสุดท้ายแล้ว พลังของทุกคนต่างถูกรวบรวมเต็มที่ สีหน้าล้วนดูน่าเกลียดยิ่งนัก ทั้งผมทั้งเสื้อล้วนถูกเหงื่อซึมจนเปียกไปหมด

มู่ชิงเกอมองทางด้านแดนจั๋วอวี่ เวลานี้ห่างจากกำหนดสามวัน คงเหลือเพียงครึ่งชั่วยามสุดท้ายแล้ว

อาจเพราะปัญญาเทวะสิ้นเปลืองมากเกินไป พวกเขาจึงไม่ได้ทำทุจริตในการบันทึกแผ่นหยกต่อ แต่ดูจากสีหน้าพวกลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่นั้น นางก็ดูออกว่าพวกเขาพอใจในผลครั้งนี้มาก

นางมองไปที่สิบลูกศิษย์ใหญ่แดนจั๋วอวี่ พวกเขานั่งขัดสมาธิราวกับกำลังพักผ่อนปรับปัญญาเทวะของตัวเอง

แต่ในเวลานั้น เยี่ยนเฉวียนก็ค่อยๆ ลืมตา แววตามีอาการยิ้มเยาะ

มู่ชิงเกอหรี่ตารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ในเวลานั้นเอง เยี่ยนเฉวียนก็หยิบเข็มน้ำแข็งออกมาเล่มหนึ่ง แล้วซัดไปที่หลังคอลูกศิษย์แดนเหว่ยอี้ ลูกศิษย์แดนเหว่ยอี้คนนั้นตัวแข็งในทันที สองตาเบิกโต ตามด้วยกระอักโลหิตและล้มลงไปกับพื้น

‘เลวจริงๆ’ แววตามู่ชิงเกอมืดลง ยิ้มเยาะในใจ

นางรู้สึกว่าประเมินความเลวร้ายแดนจั๋วอวี่ตํ่าเกินไป การทุจริตที่ทำนั้นก็แย่พอแล้ว ไม่คิดว่าพอปัญญาเทวะไม่พอแล้วก็จะใช้วิธีลอบทำร้ายเพื่อจัดการฝ่ายตรงข้าม

ก่อนที่จะสิ้นสุด กำจัดได้หนึ่งคนพวกเขาก็มีโอกาสมากขึ้นอีกหนึ่งส่วน

อีกทั้ง พวกเขายังเจ้าเล่ห์พอที่จะไม่ใช้พลังเทพ เพราะรู้ว่าอยู่ที่นี่หากใช้พลังเทพก็จะถูกตรวจพบโดยราชาเทวะจงซาน ดังนั้นจึงใช้เข็มน้ำแข็งที่เตรียมไว้ แล้วใช้กำลังมือซัดออกไป

เข็มนํ้าแข็งเหล่านั้นเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วก็จะสลายกลายเป็นนํ้าทั้งหมด ไม่เหลือหลักฐานใดๆ

‘เป็นแผนที่ดีจริงๆ’ วิธีลับเหล่าแดนจั๋วอวี่แต่ละแผน ต่อเนื่องไม่ขาดตอนทำให้มู่ชิงเกออดนับถือไม่ได้จริงๆ

เวลานี้เองทางด้านแดนจั๋วอวี่ก็มีบางคนลืมตาขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือจี้หลุนที่เคยมีข้อพิพาทกับนาง พอเขาลืมตาก็มองมาทางแดนฮ่วนเยวี่ย

เนื่องจากมู่ชิงเกอนั่งอยู่ด้านในรอบกายมีคนรายล้อม มองจากทางจี้หลุนจะเห็นร่างนางได้เพียงครึ่งเดียวจึงมองไม่เห็นว่านางกำลังลืมตาอยู่

จี้หลุนยิ้มเยาะ หยิบเข็มนํ้าแข็งออกมาซัดมาทางร่างมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอที่ระวังตัวอยู่แล้ว รู้สึกได้ทันทีถึงเสียงแหวกอากาศ มันไม่ใช่เสียง แต่เป็นความรู้สึกที่รับรู้ได้ถึงอากาศที่ถูกสิ่งแปลกปลอมแหวกผ่าน

คนอื่นไม่รู้สึก แต่นางระวังตัวตลอดเวลา ทั้งปัญญาเทวะก็แข็งแกร่งมาก ดังนั้นจึงรู้สึกได้ในทันที

‘คิดจะลงมือกับข้าหรือ’ มู่ชิงเกอแววตาเย็นชา ยกมืออย่างเงียบเชียบ ใช้สองนิ้วคีบเข็มนํ้าแข็งที่ซัดมายังนางไว้ทันที

การลอบโจมตีไม่สำเร็จทำให้รอยยิ้มเยาะบนใบหน้าจี้หลุนแข็งเกร็ง ส่งสายตาไปให้เยี่ยนเฉวียน

เยี่ยนเฉวียนมองมายังทิศทางแดนฮ่วนเยวี่ยก็สบเข้ากับดวงตาใสกระจ่างของมู่ชิงเกอที่เต็มไปด้วยอาการเยาะเย้ยพอดี

‘เขารู้แล้ว’ เยี่ยนเฉวียนแววตาเครียดขึง คำนวณอย่างรวดเร็วในใจ

เรื่องการทุจริต หากถูกจับได้ ผลสุดท้าย…

ไม่ได้ จะให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นไม่ได้ มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถกลับไปรายงานราชาเทวะได้’ เยี่ยนเฉวียนคิดในใจ

สองตาเขาหรี่ลง แววตามีประกายเย็นเฉียบทั้งโหดเหี้ยม

เขาตัดสินใจทันที แอบสั่งทุกคนให้จัดการแดนฮ่วนเยวี่ย ความจริงแล้วที่พวกเขาต้องการ ‘ปิดปาก’ มากที่สุดเวลานี้ก็คือมู่ชิงเกอ

เพียงแค่เขาถูกคัดออกก็จะไม่มีใครรู้เรื่องที่พวกเขาทำ

แต่ในเมื่อจะคัดมู่ชิงเกอออกอยู่แล้ว ไม่สู้ลงมือมากขึ้นอีกนิด ทำให้คนของแดนฮ่วนเยวี่ยถูกคัดออกทั้งหมดจะดีกว่า

เยี่ยนเฉวียนยิ้มเยาะ ใช้ปัญญาเทวะถ่ายทอดเสียงไปให้มู่ชิงเกอด้วยนํ้าเสียงยั่วยุอย่างยิ่ง ‘เจ้าเห็นแล้วจะอย่างไร เจ้าสามารถรับเข็มนํ้าแข็งได้หนึ่งเล่ม แต่รับหลายสิบเล่มได้หรือไม่’

พูดจบทั้งเยี่ยนเฉวียน จี้หลุน รวมทั้งคนอื่นต่างก็ซัดเข็มนํ้าแข็งในมือมาทางแดนฮ่วนเยวี่ยทันที เป้าหมายไม่ใช่เพียงมู่ชิงเกอคนเดียว บรรดาเข็มนํ้าแข็งที่แอบซัดมาทางพวกเขานั้นพุ่ง แหวกอากาศมา

มู่ชิงเกอแววตาเย็นเฉียบ ถ่ายทอดเสียงไปให้เยี่ยนเฉวียน ‘อยากเล่นหรือ อย่างนั้นข้าก็ยินดีเล่นด้วย’

ตามด้วย สิบนิ้วของนางที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างว่องไว ขยับทุกครั้งรอบตัวลูกศิษย์แดนฮ่วนเยวี่ยก็จะปรากฎรอยแยกเท่าเส้นผมหนึ่งรอยกลืนกินเข็มนํ้าแข็งที่พุ่งเข้ามาอย่างเงียบเชียบ

นี่ไม่ใช่อาคมแต่เป็นพลังพิเศษช่องว่างของนาง

ชาติก่อนช่องว่างของนางเพียงแค่สามารถเก็บของซ่อนตัวได้เท่านั้น แต่ชาตินี้หลังจากปัญญาเทวะของนางถูกปลุกให้ตื่นขึ้นแล้ว นางก็สามารถรับรู้ถึงการใช้งานชนิดพิเศษของช่องว่างได้

ท่วงท่าที่นางใช้ครั้งนี้ก็เป็นผลสำเร็จอย่างหนึ่งของพลังพิเศษช่องว่างของนาง

เข็มน้ำแข็งสูญหายไปโดยไม่รู้สาเหตุอย่างต่อเนื่อง คนแดนฮ่วนเยวี่ยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย กระทั้งไม่รู้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นด้วยซํ้า

ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้แววตาเยี่ยนเฉวียนโหดเหี้ยมมากขึ้น

เขาลังลงไปอีกครั้ง เข็มนํ้าแข็งชุดใหม่ก็พุ่งมายังลูกศิษย์แดนฮ่วนเยวี่ยอีก สิบนิ้วของมู่ชิงเกอเปลี่ยนแปลงว่องไวมากขึ้น ช่องว่างเท่าเส้นผมปรากฎขึ้นไม่หยุด ทั้งสลายไปไม่หยุด ดูดกลืนเข็มนํ้าแข็งเหล่านั้นจนหมดเกลี้ยง

ในเวลานี้เอง เสียงทรงอำนาจก็ดังขึ้นอีกครั้ง “หมดเวลา”

กำหนดสามวันครบแล้ว ทุกคนต่างต้องหยุดการบนทึกและลืมตาขึ้นมา

ในเวลานี้เอง เข็มนํ้าแข็งที่พุ่งมายังมีอีกสองเล่ม มู่ชิงเกอ หยุดการควบคุมช่องว่างกะทันหันขณะที่หลีเฉากับจวงซานลืมตานางก็ลุกพรวดขึ้นทันทีพร้อมตวาดเสียงดังว่า “แดนจั๋วอวี่ พวกเจ้าทำอะไร!”

การตวาดของมู่ชิงเกอทำให้ทุกคนสนใจในทันที

หลีเฉามองไปทางแดนจั๋วอวี่ก็เห็นเข็มนํ้าแข็งที่พุ่งมาถึงพอดี ตาดำเขาหดลงใช้พลังเทพดีดออกไปถูกเข็มนํ้าแข็งจนแตกกระจาย

เขายืนขึ้นมาทันที ใบหน้าเย็นเฉียบมองไปทางแดนจั๋วอวี่

เยี่ยนเฉวียนแอบนึก ‘ไม่ได้การ’

แล้วก็ลุกขึ้นมายืนและโต้ว่า ”พวกข้าแดนจั๋วอวี่ไม่ได้ทำอะไร”

แต่มู่ชิงเกอกลับยิ้มเยาะ “พวกเจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือ คิดว่าราชาเทวะจงซานตาบอดหรือ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version