ตอนที่ 616
สังหารเจ้า แล้วทำไม
“การจัดสรรเช่นนี้ ถูกใจข้ามาก”
ท่าทางทำเป็นทองไม่รู้ร้อนของมู่ชิงเกอทำให้เยี่ยนเฉวียนสีหน้าเครียดขึ้นจนกลายเป็นดูไม่ได้
เขาคิดไม่ตกว่ามู่ชิงเกอกล้าหาญชาญชัยมาจากไหนจึงกล้าพูดเช่นนี้ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินตํ่า
“เจ้านึกว่าเจ้ารบเร็วชนะเร็ว ไม่ได้สิ้นเปลืองพลังเทพกับปัญญาเทวะมากเกินไปก็จะสามารถเอาชนะข้าได้หรือ อย่าลืมว่าข้าก็ไม่ได้สิ้นเปลืองพลังอะไรเหมือนกัน ระยะห่างระหว่างเจ้ากับข้า ต่อให้มีเจ้าเพิ่มมาอีกคนก็ยังไม่พอชดเชย” เยี่ยนเฉวียนพูดอย่างดูแคลน
มู่ชิงเกอยิ้มนิ่งเฉย เมือเทียบกับความดุร้ายเหี้ยมเกรียมของเยี่ยนเฉวียนแล้วช่างตรงกันข้าม
“ลองดูก็รู้” มู่ชิงเกอตอบเรียบๆ ยิ่งทำให้เยี่ยนเฉวียนโกรธเกรี้ยว
เขาถึงขนาดมีความรู้สึกว่า ตั้งแต่มาถึงแดนจงซานได้เจอมู่ชิงเกอแล้วเขาก็โชคร้ายมาตลอด เริ่มจากความกดดันจากหลีเฉาทำให้จำต้องให้จี้หลุนก้มศีรษะรับผิดไป
หลังจากนั้นบนแท่นวิถี แผนการที่จัดเตรียมไว้อย่างละเอียดลออ แผนการใหญ่ที่จะยกระดับลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่ทั้งหมดก็พังลงเนื่องจากมู่ชิงเกอ กระทั่งถูกตำหนิติเตียนจากผู้อาวุโสในแดน
การแข่งขันรอบนี้อยูใต้หนังตาของเขาแท้ๆ มู่ชิงเกอก็สามารถเอาชนะเป็นที่หนึ่งได้ ความน่าอับอายขายหน้าที่ยิ่งใหญ่นี้ทำให้เขาอยากสังหารมู่ชิงเกอขึ้นมาทันที
ส่วนตอนนี้หรือ
เวลานี้ทั้งคู่ยืนอยู่บนเวทีประลอง มีโอกาสที่จะพิสูจน์ความเป็นหนึ่งกันได้แล้ว
แต่คนที่สมควรจะกลัวเขา เกรงเขา กลับสู้หน้าเขาอย่างสบายอกสบายใจ ไม่ได้มีความตกใจและกลัวเกรงดังที่เขาคาดคิดเลยแม้แต่น้อย
ลองดูหรือ
เยี่ยนเฉวียนยิ้มออกมา
รอยยิ้มของเขา ทั้งบิดเบี้ยว ทั้งเลือดเย็น เขาชักกระบี่ยาวออกมาบอกมู่ชิงเกอว่า “ในเมื่อเจ้ารีบร้อนอยากให้ข้าบดขยี้ให้ย่อยยับ ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ”
ระหว่างที่พูด พลังอาคมรอบตัวก็เคลื่อนไหวอย่างหนัก ความร้อนแรงของพลังอาคมไฟเริ่มรวมตัวกันที่รอบตัวเขาราวกับคลื่นเปลวไฟร้อนแรงจนเวทีประลองแทบจะหลอมละลาย
เยี่ยนเฉวียนมือกำด้ามกระบี่ ปลายกระบี่ชี้ไปที่มู่ชิงเกอ คมกระบี่ที่เดิมคมกริบเงาวับ ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงราวกับมีเปลวเพลิงไหลเวียนอยู่ภายใน
สีหน้าของหลีเฉาน่าเกลียดมาก เขาเข้าใจความน่าหวาดหวั่นของเยี่ยนเฉวียนมากกว่ามู่ชิงเกอ
หากเขาต่อสู้เต็มกำลังแล้วก็คือคนบ้าดีๆ นี่เอง
ส่วนอวี้ลี่ว์กลับมีสีหน้าปกติ หลังจากมองเยี่ยนเฉวียนกับมู่ชิงเกอแล้ว เขาก็มองไปทางหลีเฉา ยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า “พี่หลีเฉา พวกเราก็เริ่มเถอะ”
หลีเฉขมวดคิ้ว ทำอะไรไม่ได้ ได้เพียงอธิษฐานให้มู่ชิงเกอช่วยตัวเองให้มีวาสนาต่อ หวังให้ เขายังจำที่เขาเตือนไว้ว่าหากไม่สามารถสู้ได้ก็ให้ยอมแพ้
หลีเฉาถอยหลังไปสองก้าวเบนสายตากลับมาที่อวี้ลี่ว์
เวทีประลองใหญ่มาก คนสองร้อยคนต่อสู้กันข้างบนก็ยังไม่รู้สึกเบียดเสียด ไม่ต้องพูดว่าเวลานี้มีคนต่อสู้กันเพียงสี่คนเท่านั้น
หลีเฉากับอวี้ลี่ว์ถอยไปอยู่อีกด้านหนึ่ง สองฝ่ายต่างประลองโดยไม่รบกวนกัน
เยี่ยนเฉวียนพอเริ่มต้นก็ใช้พลังกฎบัญญัติ ใช้คาถาอาคมทันที
อวี้ลี่ว์ก็ไม่น้อยหน้า บนพื้นที่เขายืนอยู่ รอบๆ ตัวเขาปรากฎลมหมุนวนเป็นวง พลังกฎ บัญญัติลมถูกเขาเรียกมาอย่างง่ายดาย
ท่าทีหลีเฉาสุขุม แววตาเคร่งขรึม
ผิวนอกร่างของเขาปรากฎภาพมายากลายเป็นเกราะสีทองชั้นหนึ่งขึ้นมา พลังกฎบัญญัติทองปรากฎอยู่รอบตัวเขา
“ข้าจำได้ว่า เจ้าเป็นรากวิญญาณไม้ใช่ไหม” เยี่ยนเฉวียนแสยะยิ้มมองมู่ชิงเกออย่างสะใจ
ที่เขาเห็นบนเวทีประลอง เขาเห็นมู่ชิงเกอใช้พลังกฎบัญญัติไม้ คาถาอาคมก็ล้วนเป็นสายไม้ แสดงว่าเขามีรากวิญญาณไม้
ส่วนรากวิญญาณไฟของเขานั้นก็คือคู่ปรับของรากวิญญาณไม้ไม่ใช่หรือ
ไม่ว่าเขาจะทำให้มีเถาวัลย์ขึ้นมาเท่าไร เขาใช้เพียงไฟก็จะสามารถเผาได้จนสิ้นซาก
ท่าทางของเยี่ยนเฉวียนทำให้มุมปากมู่ชิงเกอเชิดขึ้น ไม่ได้ตอบคำ
ท่าทางนางทำให้เยี่ยนเฉวียนเข้าใจผิด คิดว่าเป็นการยอมรับ
อารมณ์เขาดีขึ้นอย่างมากในพริบตา ชูกระบี่ในมือขึ้นสูง แววตามีความบ้าคลั่ง ทั้งสองมือฟันกระบี่ลงไป ตวาดขึ้นมาว่า “เพลิงบรรลัยกัลป์…”
พลังกฎบัญญัติไฟรอบตัวเขานำพาความรู้สึกร้อนแรงหาใดเทียบพุ่งเข้าหามู่ชิงเกอราวคลื่นทะเลที่บ้าคลั่งในทันที
ความรุนแรงที่ระลอกหนุนเนื่องเข้าไป น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก
พลังกฎบัญญัติไฟมีองคประกอบที่รุนแรงบ้าคลั่ง ถล่มทลายเวทีประลองจนเวทีประลองถูกเผาจนละลาย
“เป็นพลังกฎบัญญัติไฟที่รุนแรงยิ่งนัก”
“เพลิงบรรลัยกัลป์นี้เป็นคาถาอาคมขั้นถํ้าวิญญาณขั้นหกที่มีความยาก พลังทำลายล้างและ อานุภาพสูงสุดของแดนจั๋วอวี่ ไม่นึกว่าเยี่ยนเฉวียนได้ฝึกฝนจนสำเร็จแล้ว อีกทั้งการใช้งานยังคล่องแคล่วมากถึงเพียงนี้ ดูแล้วสามน้อยแดนฮ่วนเยวี่ยครั้งนี้คงเสียเปรียบครั้งใหญ่แล้ว”
“ก็ใช่น่ะสิ สามน้อยฮ่วนเยวี่ยมีรากวิญญาณไม้ เมื่อเจอกับไฟจะทำอะไรได้ อีกทั้งพอเยี่ยนเฉวียนเริ่มลงมือก็ใช้กระบวนท่ายิ่งใหญ่ปานนี้ คงจะคิดเผด็จศึกในกระบวนท่าเดียวเท่านั้น”
“ด้วยกระบวนท่าใหญ่เช่นนี้ต่อให้เป็นเจ้าหรือข้าก็ต้านทานได้ยาก ไม่ต้องพูดถึงสามน้อยฮ่วนเยวี่ยที่ตํ่ากว่าเยี่ยนเฉวียนถึงสามชั้นเลย”
พวกผู้ชมทั้งหลายต่างวิพากษวิจารณ์กัน
ที่พวกเขาเห็นว่าเหนือกว่าล้วนเป็นเยี่ยนเฉวียน ที่เห็นว่าด้อยกว่าล้วนเป็นมู่ชิงเกอ
น้ำเสียงของการวิพากษ์วิจารณ์ไม่ใช่เป็นห่วงมู่ชิงเกอ แต่เป็นการเยาะเย้ยถากถางอย่างสนุกสนาน
แต่ด้านข้างเวทีประลอง คนแดนฮ่วนเยวี่ยกลับไม่มีอาการห่วงกังวลมากนัก คนอื่นไม่รู้แต่พวกเขารู้ มู่ชิงเกอไม่ใช่มีรากวิญญาณไม้สักหน่อย…ไม่ ควรพูดว่า เขาไม่ได้มีเพียงรากวิญญาณไม้
ที่คิดเช่นเดียวกับคนแดนฮ่วนเยวี่ยย่อมเป็น ซือมั่ว
เยี่ยนเฉวียนบนเวทีประลอง ใช้กระบวนท่ายิ่งใหญ่เช่นนี้มาจัดการคนที่เขาเฝ้าทะนุถนอม นั่นทำให้แววตาของเขาเย็นเฉียบ หากไม่ใช่รู้ว่ามู่ชิงเกอไม่ชอบให้เขาเข้าไปยุ่งด้วย มีหรือจะเหลือที่ให้เยี่ยนเฉวียนเหิมเกริมได้
อีกทั้ง ความเชื่อมั่นของเขายังเกิดจากกฎบัญญัติไฟด้วยแล้ว
เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขา…
มุมปากซือมั่วเม้มลง แววตาค่อยๆ ผุดการรอคอย
เขาชอบดูเสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาปลอมตัวเป็น หมูกินเสือ ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ น่ารักที่สุดเลย
บึ้ม!
ความร้อนที่เกิดจากอาคมไฟระเบิดออกอย่างรุนแรงราวกับพายุหมุนสีแดง ราวกับว่า กระแสคลื่นของเปลวเพลิงกลืนกินร่างของมู่ชิงเกอไปจนหมด
มู่ชิงเกอคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน ราวกับตกใจจนมึนงงและจางหายไปจากสายตาของคนทั้งหมด
เสียงอุทานดังขึ้นจากทุกคน การต่อสู้ไม่ได้รุนแรงดุเดือดอย่างที่พวกเขาคาดคิด
เหล่าลูกศิษย์ แดนจั๋วอวี่กลับร้องขึ้นด้วยความยินดี ต่างยกย่องเยี่ยนเฉวียนของพวกเขา
“ใหญ่น้อยร้ายกาจ ใหญ่น้อยองอาจ”
“ใหญ่น้อยเพียงแค่ขยับนิ้วมือก็บี้เจ้าตัวจำอวดให้แหลกคามือได้ร้ายกาจจริงๆ ”
“เป็นแบบอย่างให้พวกเราจริงๆ เลย”
“ดูสิว่าเจ้ามดปลวกอย่างเขายังจะกล้ากำแหงอีกไหม”
‘ตายแล้วหรือ’ บนบัวน้ำแข็ง ราชาเทวะจงซานจ้องมองแสงเพลิงที่โหมจนมืดฟ้ามัวดินแล้วยิ้มอย่างสนุกสนาน
ด้านล่างเวทีประลอง เหล่าลูกศิษย์แดนฮ่วนเยวี่ย ทั้งพวกจวงซาน ซวงเฉียง ต่างเครียดกันขึ้นมา ไม่ผิดที่มู่ชิงเกอมีรากวิญญาณไฟ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคาถาอาคมไฟที่รุนแรงเช่นนี้ เขาจะสามารถเอาตัวรอดได้หรือไม่นั้นเรื่องนี้ก็ยังไม่แน่
เปลวเพลิงยังคงเผาไหม้ไม่หยุด
เพลิงนี้ไร้รากเหง้าไร้ขอบเขต จำแลงจากพลังอาคม ไม่ใช่เพลิงธรรมดาจะเทียบได้
ใบหน้าเยี่ยนเฉวียน เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างจากการส่องกระทบของแสงไฟทำให้ดูเหี้ยมเกรียมน่า หวาดหวั่น แววตาที่บ้าคลั่งมองเปลวไฟที่ลุกท่วม เขามั่นใจว่ามู่ชิงเกอได้ถูกพลังกฎบัญญัติไฟที่เขาเรียกมา เผาจนเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
ส่วนที่ว่างานถกวิถีสังหารคนไม่ได้นั้น…
ชิ!
เยี่ยนเฉวียนยิ้มหยันในใจ ‘ก็เพียงบอกราชาเทวะจงซานว่า ข้าไม่ทันรู้ว่าฝีมือเขาอ่อนด้อยปานนั้น นึกว่าเขาจะสามารถต้านทานได้ ดังนั้นจึงพลาดไป ราชาเทวะจงซานจะมามีปัญหากับเขาเพราะคนตายคนเดียวหรือ’
เขาคิดคำนวณอย่างดีเยี่ยม ได้พิจารณาทั้งหมดไว้แล้ว
แต่เมื่อพลังกฎบัญญัติไฟถอนกลับไปแล้ว เขากลับตกตะลึง แววตาเปล่งความหวาดหวั่นชนิดที่ บรรยายไม่ถูกออกมา
ไม่ นี่เป็นไปไม่ได้
มองเห็นมู่ชิงเกอยืนอยู่ที่เดิม ไม่มีอาการบาดเจ็บแม้เพียงนิดเดียว เยี่ยนเฉวียนถลึงตาทั้งสอง ข้างอย่างเหลือเชื่อ
ไม่เพียงแต่เขา ควรพูดว่า นอกจากซือมั่วแล้ว คนทุกคนต่างตกตะลึง
ดวงตาหรี่ลงน้อยๆ ของราชาเทวะจงซานเองก็เบิกขึ้นช้าๆ ตาสีฟ้านั้นผุดแววประหลาดใจและตกใจออกมา
ส่วนซือมั่วขณะเห็นมู่ชิงเกอยืนอยู่ในสภาพเดิมโดยไม่มีอะไรบุบสลาย มุมปากที่โค้งนั้นก็ยิ่ง ชื่นมื่นมากขึ้น เขารู้ว่าเสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขากำลังจะเริ่มแล้ว
“เป็นไปไม่ได้! ทำไมเจ้าจึงไม่เป็นอะไรเลย” เยี่ยนเฉวียนพูดอย่างตกใจยิ่งนัก
ราวกับว่าการที่มู่ชิงเกอดูปกติดีทุกอย่างนั้น ส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมาก ทำให้เขายอมรับไม่ได้
ใช่แล้ว เป็นไปไม่ได้ มนุษย์เทพรากวิญญาณไม้ทำไมจึงไม่สะทกสะท้านในกระบวนท่านี้ ของเยิ่ยนเฉวียนเล่า
นี่ไม่เพียงแค่เยี่ยนเฉวียนเท่านั้นประหลาดใจ แต่เป็นความประหลาดใจของทุกคนที่ไม่รู้จักมู่ชิงเกอดีพอ
มู่ชิงเกอพยักหน้านิดๆ พูดอย่างเฉยเมยว่า “กระบวนท่าพี่เยี่ยนเฉวียนเมื่อครู่นี้ร้ายกาจมากจริงๆ เอาชีวีตคนได้ในพริบตาเลยทีเดียว”
คำพูดของมู่ชิงเกอทำให้ดวงตาของเยี่ยนเฉวียนมืดลง ‘เขากำลังเยาะเย้ยอะไรข้ากัน’
แววตามู่ชิงเกอมองเขาอย่างเยาะเย้ย พูดต่อว่า “ท่วงท่าเพลิงบรรลัยกัลป์นี่ทำให้ข้ารู้สึกอัศจรรย์ใจนัก เลยเลียนแบบมาได้นิดหน่อย ขอให้พี่เยี่ยนเฉวียนอย่าได้ตระหนี่โปรดชี้แนะด้วย”
พูดจบแววตานางก็เข้มขึ้น ดวงตาที่ใสกระจ่างผุดสีแดงขึ้นมา พลังกฎบัญญัติไฟหอบม้วนเข้ามาอีกครั้ง ต่างกันตรงที่ครั้งนี้คนที่พวกมันห้อมล้อมคือมู่ชิงเกอ ไม่ใช่เยี่ยนเฉวียน
“สายไฟ! เขาเป็นสายไฟ นี้ยังเป็นสายไม้ด้วย เขามีสองรากวิญญาณ”
เสียงตื่นตกใจดังขึ้นไม่ขาดสาย
พูดได้ว่า พวกที่ยิ่งเห็นมู่ชิงเกอด้อยกว่าเท่าไร เวลานี้ก็ยิ่งตื่นตกใจมากขึ้นเท่านั้น
ก่อนหน้านี้บนเวทีประลอง มู่ชิงเกอเคยแอบลงมือใช้สายฟ้าในการต่อสู้แบบตะลุมบอนจึงไม่มีใครสังเกตเห็น มิฉะนั้น ที่พวกเขาจะต้องตกใจยิ่งกว่าสองรากวิญญาณ ก็คือมู่ชิงเกอมีถึงสามรากวิญญาณ
“เพลิง…บรรลัย…กัลป์” มุมปากมู่ชิงเกอยิ้มเยาะ มองเยี่ยนเฉวียนด้วยสายตาเย็นเฉียบ ค่อยๆ เอ่ยชื่อคาถาออกมาอย่างช้าๆ’
เพลิงบรรลัยกัลป์! ถึงขนาดเป็นเพลิงบรรลัยกัลป์เหมือนกันนี่ไม่ใช่อาคมของแดนจั๋วอวี่หรอกหรือ”
ทุกคนต่างตื่นเต้นตกใจกันอีกครั้งหนึ่ง
ดวงตาสองข้างของเยี่ยนเฉวียนเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นในแววตา เปลวเพลิงที่ลุกโหมพุ่งไปยังเขาทันที
ทันใดนั้น เปลวเพลิงก็กลืนกินเขาจนหมดสิ้น เหมือนครั้งที่กลืนกินมู่ชิงเกอ เปลวเพลิงที่ส่องสว่างไปจนถึงชั้นฟ้านั้น สว่างจ้าครอบคลุมไปทุกแห่งหน…