ตอนที่ 617
สังหารคน ไร้ความผิด
บนเวทีประลองแสงเพลิงโหมขึ้นสู่ท้องฟ้า
พลังกฎบัญญัติสายไฟรุนแรงกระทั่งทำให้อวี้ลี่ว์กับหลีเฉาที่กำลังต่อสู้กันหนักหน่วงอีกด้านหนึ่งต่างพากันหยุดลงแล้วหันกลับไปมองทางด้านมู่ชิงเกอกับเยี่ยนเฉวียน
“หือ”
บนบัวน้ำแข็ง ราชาเทวะจงซานราวกับได้กลิ่นแปลกประหลาด ร่างกายของเขาเอนไปด้านหน้าเล็กน้อย
แต่เพียงพริบตาเดียว เขาก็ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ ร่างกายกลับคืนสู่อิริยาบถเดิมอีกครั้ง
มุมปากของเขาโค้งเป็นรอยยิ้มคล้ายมีคล้ายไม่มี
รอยยิ้มนั้นแฝงด้วยความรู้สึกที่ชวนให้คนงุนงง
“นี่…นี่เป็นอานุภาพของขั้นถํ้าวิญญาณชั้นสามหรือ”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว พลังกฎบัญญัติที่ถูกรียกมานี้ทำไมจึงรุนแรงเช่นนี้”
“ไม่เพียงเท่านี้ข้ารู้สึกว่าเปลวไฟเองก็ไม่ธรรมดา”
“สวรรค์ เพลิงบรรลัยกัลป์เป็นคาถาอาคมของแดนจั๋วอวี่ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยถ่ายทอดออกสู่ภายนอก ทำไมสามน้อยฮ่วนเยวี่ยคนนี้ดูเพียงครั้งเดียวก็สามารถจับเคล็ดของคาถานี้ได้แล้ว”
“หากเป็นเช่นนี้จริง พรสวรรค์ระดับนี้ขอเพียงแค่ไม่ด่วนอายุสั้นอนาคตจะต้องระบือนามไปทั่วแผ่นดินเทพตะวันออกแน่นอน”
“อะไรคือแค่แผ่นดินเทพตะวันออก เกรงว่าต่อแต่นี้ไปชื่อสามน้อยฮ่วนเยวี่ยจะระบือไปทั่วแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรแล้ว”
เสียงที่เคยดูถูกดูแคลนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นตกใจ
สีหน้าพวกผู้อาวุโสแดนจั๋วอวี่ยิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้น พวกเขามองไปยังเวทีประลองมองเยี่ยนเฉวียนที่ถูกเพลิงปกคลุมเอาไว้ อยากให้เขารีบกระโดดออกมาสั่งสอนมู่ชิงเกอให้หนัก
แน่นอนว่า พวกเขาไม่คิดว่าเยี่ยนเฉวียนซึ่งมีรากวิญญาณไฟจะถูกกระบวนท่านี้ทำให้บาดเจ็บได้สักเท่าไร
หนึ่งคือ เยี่ยนเฉวียนมีรากวิญญาณไฟ อาคมไฟทำร้ายเขาไม่ได้มาก
สองคือ เขาเป็นขั้นถํ้าวิญญาณชั้นหก เพลิงบรรลัยกัลป์จากคนชั้นถํ้าวิญญาณชั้นสาม ทั้งยังเป็นเพลิงบรรลัยกัลป์ที่ลอกเลียนมาจะมาทำให้เขาบาดเจ็บได้อย่างไร
แต่น่าเสียดายในขณะที่พวกเขาต่างมีความเชื่อมั่นเต็มเปียมต่อเยี่ยนเฉวียนกลับลืมไปว่าเพลิง บรรลัยกัลป์ต้องการความแข็งแกร่งของขั้นถ้ำวิญญาณขั้นหกจึงสามารถใช้โจมตีได้
ยิ่งลืมไปว่า โดยอุปนิสัยเยิ่ยนเฉวียนแล้ว ถึงแม้จะถูกเพลิงลุกโหมทั่วร่างก็จะไม่นั่งรอความตายยืนนิ่งไม่ขยับ จะต้องโจมตีกลับอย่างแน่นอน
แต่เวลานี้กลับเงียบเชียบ…เงียบเชียบมากเกินไปแล้ว
พวกเขาเฝ้ารอการโจมตีกลับของเยี่ยนเฉวียน เฝ้ารอความพ่ายแพ้ของมู่ชิงเกอ
ซือมั่วแฝงเร้นอยู่ภายในฝูงชน แววตาที่มองไปทางกองเพลิงเปลี่ยนเป็นสนุกสนาน สายตาสอดส่ายไปที่เหล่าผู้อาวโสแดนจั๋วอวี่
จับจ้องพวกเขาแล้วซือมั่วก็ขมวดคิ้วคิดว่า ‘ข้าจะยอมให้กลุ่มตาแก่อย่างพวกเจ้าสร้างความเดือดร้อนให้เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของข้าได้อย่างไร’
สองตาหรี่ลง รอยยิ้มเยาะที่มุมปากแวบผ่านไป
ขณะที่ไม่มีใครทันสังเกต ขณะที่ทุกคนถูกดึงดูดโดยแสงเพลิงบนเวทีประลอง ปลายนิ้วของเขาก็ผุดเส้นด้ายเส้นเล็กวนเวียนราวกับงูพุ่งจากนิ้วของเขาไปตกอยู่บนตัวกลุ่มผู้อาวุโสแดนจั๋วอวี่แล้วมุดเข้าไปใต้ผิวหนัง
พริบตานั้นร่างกายของคนทั้งหมดก็แน่นิ่งไป นัยน์ตาเหม่อลอย แต่พริบตาเดียวก็กลับคืนสู่สภาพ
พรึบ!
บนเวทีประลอง พลังกฎบัญญัติสายไฟ กระจายออกไปในที่สุด
ขณะที่ทุกคนเฝ้ารอที่จะเห็นเยี่ยนเฉวียนยืนอยู่ด้วยสภาพไม่บุบสลายเช่นเดียวกับมู่ชิงเกอนั้นก็กลับปรากฎว่าหลังจากที่แสงเพลิงจางหายไปจุดที่เยี่ยนเฉวียนยืนอยู่นั้นมีเงาคนยืนอยู่ แต่เงาร่างนั้นกลับกลายเป็นเถ้าถ่านของคนที่ถูกเผาจนสิ้นซาก
พอลมพัดผ่านก็เป่าเขาจนกระจัดกระจายไปทั่ว หายไปจนไม่เหลือร่องรอย
อะไรกัน!
เยี่ยนเฉวียนตายแล้วหรือ!
เยี่ยนเฉวียนถึงขนาดตายไปเช่นนี้หรือ!
ทุกคนต่างตกตะลึง
รอบเวทีประลองพลันตกอยู่ในความเงียบกริบ
การตายของเยี่ยนเฉวียนนั้นไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึง นอกจากซือมั่วกับราชาเทวะจงซาน พวกเขาราวกับรู้ว่าเยี่ยนเฉวียนตายแล้ว ผลลัพธ์เช่นนี้จึงไม่ได้ทำให้พวกเขาตกใจเลยแม้แต่นิด
“ใหญ่น้อย!”
“ศิษย์พี่เยี่ยนเฉวียน!”
“ศิษย์พี่เยี่ยนเฉวียนตายแล้ว!”
เหล่าลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่ที่ยืนอยู่บนบริเวณเวทีประลองเห็นภาพนี้เข้าต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เห็นด้วยตาตัวเอง ต่างอดไม่ได้ที่จะขยี้ตา เพียงแต่พอลืมตามาใหม่ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เยี่ยนเฉวียนตายแล้ว!
หลีเฉาขมวดคิ้วแน่น สองริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรงใบหน้าเคร่งเครียด เขามองมู่ชิงเกอที่ยืนอยู่จุดเดิมอย่างทองไม่รู้ร้อน แววตาเครียดหนัก
“เยี่ยนเฉวียนถึงขนาดตายแล้ว คราวนี้คงมีอะไรดีๆ ให้ดูแน่ พี่หลีเฉา ดูแล้ว พวกเราคงไม่ต้องประลองกันแล้ว” คำพูดเฉยชาของอวี้ลี่ว์ทำให้หลีเฉาหนักใจมากขึ้นไปอีก
เยี่ยนเฉวียนตายแล้ว แล้วมู่ชิงเกอจะทำอย่างไร
การถกวิถีห้ามไม่ให้ทำร้ายกันจนถึงตาย มิฉะนั้นจะถูกขับไล่ห้ามไม่ให้เข้าร่วมการถกวิถีอีกตลอดชีวิต
‘เฮ้อ คราวนี้เจ้าสามทำรุนแรงไปแล้ว’ เวลานี้ภายในจิตใจของหลีเฉาไม่ได้ดีใจต่อชัยชนะของมู่ชิงเกอกลับห่วง กังวลไปต่างๆ นานา
ข้างๆ เวทีประลอง กลุ่มจวงซานต่างก็ห่วงกังวลถึงชะตากรรมของมู่ชิงเกอเช่นกัน
“เจ้าถึงขนาดฆ่าศิษย์พี่เยี่ยนเฉวียนของพวกเรา!’
“เขาฆ่าคนแล้ว!”
“เจ้าฆ่าหัวหน้าสิบลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้า แดนจั๋วอวี่ของพวกเรา!”
“ไล่เขาออกไป!”
เหล่าลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่ได้สติจากอาการตกตะลึง และเริ่มไล่เบี้ยเอากับมู่ชิงเกอ
เหล่าลูกศิษย์อีกสามแดนเทพต่างนิ่งสงบ ไม่มีใครออกความคิดเห็น
คนของแดนฮ่วนเยวี่ยเวลานี้ก็ไม่รู้จะหาทางรอดให้กับมู่ชิงเกออย่างไรในใจต่างห่วงกังวลแทนเขา
“ทำอย่างไรดี เจ้าสามฆ่าเจ้านั่นไปแล้ว ใจข้ารู้สึกยินดีอยู่ก็จริง แต่ถ้าหากถูกขับออกจากการถกวิถี…” ห้าน้อยฮ่วนเยวี่ยคิ้วขมวดแน่น
สี่น้อยสั่นศีรษะช้าๆ “เวลานี้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราเหล่าลูกศิษย์จะพูดได้แล้ว น่าเสียดาย ราชาเทวะไม่อยู่ หากราชาเทวะอยู่ เจ้าสามยังพอมีความหวังบ้าง”
บริเวณรอบๆ เวทีประลอง มีคนเป็นห่วงชะตากรรมมู่ชิงเกอ มีคนสมนํ้าหน้า มีคนไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย ทั้งมีคนชมดูอย่างสนุกสนาน
ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างแสดงออกต่างกันไป
บนบัวน้ำแข็ง ราชาเทวะจงซานมองไปทางกลุ่มผู้อาวุโสแดนจั๋วอวี่อย่างไม่ตั้งใจราวกับแปลกใจในความเงียบสงบของพวกเขาในเวลานี้
โดยปกติในเวลาเช่นนี้ คนรุ่นหลังที่เป็นแกนกลางแดนจั๋อวี่ถูกสังหาร กลุ่มของพวกเขาจะต้องกระโดดออกมาสาบานจะสังหารคนที่ฆ่าคนบนเวทีประลองไปแล้ว
ขณะที่ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กัน มู่ชิงเกอกลับพูด นิ่มๆ ว่า “อะไรกัน เพลิงบรรลัยกัลป์สามารถฆ่าคนได้หรือ ข้าไม่รู้จริงๆนะ”
เขาพูดว่าอะไรนะ
เขาบอกว่า เขาไม่รู้ว่าเพลิงบรรลัยกัลป์ฆ่าคนได้หรือ
เหอะๆ
นี่มันเป็นคำตอบบ้าบออะไรกัน
คำพูดมู่ชิงเกอทำให้ทั่วบริเวณเงียบกริบ มองเขาราวกับมองเห็นภูตผีวิญญาณ
เหล่าลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่อดโมโหไม่ได้ แต่ละคนเอ่ยตำหนิออกมาอย่างต่อเนื่อง…
“ฮึ! เพลิงบรรลัยกัลป์เป็นคาถาอาคมสายไฟที่รุนแรงที่สุดของแดนจั๋วอวี่ พลังทำลายล้างย่อมรุนแรงอย่างที่สุด ทำไมจะฆ่าคนไม่ได้”
“ถูกต้อง แทบจะไม่มีใครสามารถรอดจากเพลิงบรรลัยกัลป์ไปได้”
ลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่ที่เพิ่งพูดจบ พลันนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้มู่ชิงเกอก็เพิ่งโดนเพลิง บรรลัยกัลป์คลอกไปแต่ไม่มีอะไรบุบสลายแม้แต่นิดจึง นิ่งเงียบไป
“เพลิงบรรลัยกัลป์ร้ายกาจขนาดนี้ทำไมจะฆ่าคนไม่ได้”
“เจ้าฆ่าคนไปแล้ว อย่าได้แก้ตัวอีกเลย”
มุมปากมู่ชิงเกอยกขึ้น พูดนิ่มๆ ว่า “ที่แท้เพลิงบรรลัยกัลป์สามารถฆ่าคนได้ ข้าเห็นพี่เยี่ยนเฉวียนพอมาถึงก็ใช้กระบวนท่านี้กับข้า ยังนึกว่าเป็นคาถาอาคมที่ไม่ได้ร้ายกาจอะไร ทำไมข้าไม่ตาย พี่เยี่ยนเฉวียนกลับตายไปเสียได้เล่า”
คำพูดนี้ของนางทำให้ทุกคนต่างชะงักไป
คนในที่นั้นไม่มีใครเป็นคนโง่ ทำไมจะฟังการเยาะเย้ยในคำพูดของมู่ชิงเกอไม่ออก
พวกเจ้าลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่เชื่อมั่นว่าเพลิงบรรลัยกัลป์เป็นกระบวนท่าฆ่าคน ถ้าเช่นนั้นคนที่ใช้ก่อนก็คือศิษย์พี่เยี่ยนเฉวียนของพวกเจ้า ส่วนมู่เชิงเกอเล่าก็แค่มีพรสวรรค์สูงส่งจนสามารถจับเคล็ดของอาคมจากกระบวนท่าที่เยี่ยนเฉวียนใช้ได้และเลียนแบบตาม ใช้กระบวนท่าที่เหมือนกันออกมา
เวลานี้เยี่ยนเฉวียนโชคร้ายตายไปแล้ว มู่ชิงเกอไม่ตาย แล้วทำไมต้องโดนข้อหาฆ่าคนตายด้วยเล่า
หากไล่เรียงขึ้นไป ความคิดจะสังหารคนนั้นเริ่มต้นมาจากเยียนเฉวียนจึงจะถูก
ความหมายที่แฝงอยู่ของมู่ชิงเกอทำให้สถานการณ์กลายเป็นลึกลํ้า แววตานึกสนุกของราชาเทวะจงซานยิ่งเพิ่มมากขึ้น ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นสะท้อนภาพร่างของมู่ชิงเกอ
ความสุขุมต่อสถานการณ์คับขันของมู่ชิงเกอ ความสงบ เยือกเย็น คำพูดที่ชัดเจนทำให้ทั่วบริเวณนิ่งเงียบไป
ด้านแดนฮ่วนเยวี่ย สี่น้อยกับจวงซานดวงตาเปล่งประกายผุดรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมา
บนเวทีประลอง อวี้ลี่ว์ขมวดคิ้วน้อยๆ
คิ้วที่ขมวดแน่นของหลีเฉากลับคลายออกจนหมด
“พวกเจ้าหาว่าข้าฆ่าคน ข้าเพียงใช้กระบวนท่าที่เหมือนกันตอบโต้จะนับเป็นการฆ่าคนได้อย่างไร” มู่ชิงเกอถามอย่างผู้บริสุทธิ์
“เจ้า…เจ้าไม่ตาย แต่ศิษย์พี่เยี่ยนเฉวียนของพวกเราตายแล้ว” คำพูดยังคงกล่าวโทษ แต่ไม่ได้เสียงแข็งเหมือนครั้งแรกๆ
มุมปากมู่ชิงเกอยกขึ้นหัวเราะออกมา “ที่ข้าไม่ตายนั้นเพราะดวงข้าแข็งไม่ใช่เพราะเยี่ยนเฉวียนไม่คิดฆ่าข้า แต่ที่เขาตายเป็นเพราะเขาโชคร้ายไม่ใช่ว่าข้าอยากจะฆ่าเขา เวลานี้ข้าเองก็ตกใจอย่างยิ่งทำไมพี่เยี่ยนเฉวียนจึงได้ตายไปในมือของเด็กหัดใหม่อย่างข้าได้ เห็น อยู่ชัดๆ ว่าข้าไม่ได้เป็นอะไรเลย ตรรกะของพวกเจ้าก็นี่แปลกนะ มาบอกว่าเพลิงบรรลัยกัลป์เป็นกระบวนท่าสังหาร เวลานี้ข้าไม่ตายนั่นก็หมายความว่าไม่นับแล้วสิ”
นางแค่นหัวเราะสะบัดแขนเสื้อถามว่า “ขอถามสักคำ คนฆ่าข้า ข้าฆ่าคน เดิมนี่ก็เป็นเรื่องถูกต้องตามครรลอง คนจะฆ่าข้าก่อนข้าจึงตอบโต้ เวลานี้ข้าไม่ตายทำไมถึงกลายเป็นฆาตกรไปได้ ข้าสุดแสนจะบริสุทธิ์ เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย หรือว่าในใจของพวกเจ้า มีคนมาฆ่าพวกเจ้า ก็ต้องนั่งรอความตายจึงจะถูกต้องหรือ อีกอย่างหนึ่งข้ากับเยี่ยนเฉวียนต่อสู้กันอย่างยุติธรรมที่สุด เขาออกกระบวนท่าเพลิงบรรลัยกัลป์ ข้าก็ออกกระบวนท่าเพลิง บรรลัยกัลป์ พอเขาตายก็มาโทษข้าหรือ”
การเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำนั้นแก้ต่างให้ตัวเองได้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง
“เยี่ยมมาก” สี่น้อยกล่าวชมเชยอย่างตื่นเต้น
ห้าน้อยมองเขาอย่างไม่เข้าใจนัก
สี่น้อยมองเขาแล้วสั่นศีรษะช้าๆ ขี้เกียจอธิบาย
ในเวลานี้ ลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่ที่ขอบเวทีประลองกับคนอื่นที่อยู่ไกลออกไปต่างถูกคำพูดมู่ชิงเกออุดปากไว้ในเวลานั้นต่างหาคำพูดตอบโต้ไม่ได้เลย
มู่ชิงเกอแหงนหน้าแอ่นอก อกผายไหล่ผึ่งยืนอยู่บนเวทีประลอง สีหน้าไม่มีแววยอมจำนน นางมองไปที่ราชาเทวะจงซานพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ราชาเทวะจงซาน มู่ชิงเกอไร้ซึ่งความผิด ขอราชาเทวะโปรดให้ความยุติธรรม การถกวิถีฆ่าคนไม่ได้ข้าเองก็รักษากฎตลอดเวลา ในเมื่อเพลิงบรรลัยกัลป์เป็นกระบวนท่าสังหาร ทำไมเยี่ยนเฉวียนจึงใช้มันกับข้า”
ราชาเทวะจงซานตวงตาหลุบลงมองไปที่มู่ชิงเกอ มุมปากยกยิ้มด้วยความสนุกสนาน
ครู่หนึ่งเขาจึงมองไปทางกลุ่มผู้อาวุโสแดนจั๋วอวี่แล้วพูดข้าๆ ว่า “ทุกท่าน เยี่ยนเฉวียนเป็นคนแดนจั๋วอวี่ของพวกท่าน เรื่องครั้งนี้พวกท่านเห็นเป็นอย่างไร”