Skip to content

พลิกปฐพี 621

ตอนที่ 621

ข่าวของมู่เทียนอิน

“ที่แท้ นี่ก็คือต้นกำเนิด”

มู่ชิงเกอถอยออกจากสภาพที่มหัศจรรย์นั้น ฟื้นคืนสติจากอาการเข้าสมาธิ เมื่อลืมตาดูนางยังคงนั่งอยู่บนขั้นบันได ส่วนที่อาบอยู่รอบร่างกายนั้นล้วนเป็นแสงแห่งวิถีสีเงินทอง

นางก้มหน้ามองไปพบว่าหลีเฉากับอวี้ลี่ว์ก็ค่อยๆ ฟื้นตื่นจากการเข้าสมาธิแล้วเช่นกัน

มองต่อไปข้างล่างอีก นอกจากพวกเขาสามคนแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีก

‘ดูแล้ว คงครบกำหนดสิบวันแล้ว’ มู่ชิงเกอคิดอยู่ในใจ

จริงดังนั้น นางเพิ่งคิดจบก็ได้ยินเสียงเตือนดังขึ้นมาว่า ‘หมดเวลา รีบออกจากที่นี่โดยเร็ว’

นอกแสงแห่งวิถี ผู้ดูแลแดนจงซานก็แหงนหน้าบอกพวกเขาว่า “ถึงเวลาแล้ว ออกมาได้”

ทั้งสามคนขานรับ หลังจากเคลื่อนย้ายในพริบตาแล้วต่างก็ออกจากแสงแห่งวิถีมายืนอยู่ด้านนอก

“พวกเจ้าสามคนออกไปได้” ผู้ดูแลแดนจงซานพูดจบก็หันกายจากไป

คงเหลือเพียงพวกเขาสามคน พวกเขาต่างสบตากันแล้วมองไปยังแสงแห่งวิถีด้านหลัง แสงแห่งวิถียังคงเหมือนตอนมาถึง ไม่ได้แตกต่างไปแต่อย่างใด

แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับ กลับเกินกว่าที่จะคาดคะเนนัก

ละสายตากลับมา อวี้ลี่ว์มองที่มู่ชิงเกอและผงกศีรษะยิ้มว่า “ครั้งนี้อาศัยบารมีสามน้อยจึงได้ใกล้ชิดกับแสงแห่งวิถีมากขนาดนี้ อวี้ลี่ว์ติดหนี้บุญคุณสามน้อย ขอทดแทนให้ในวันหลัง”

“พี่อวี้ลี่ว์เกรงใจมากไปแล้ว” มู่ชิงเกอผงกศีรษะยิ้ม

อวี้ลี่ว์สั่นศีรษะช้าๆ พูดอย่างจริงจังว่า “ขณะที่เข้าไปในแสงแห่งวิถี ข้ายังบอกพี่หลีเฉาอยู่เลย ว่าการยอมถอยกลับไปเป็นอันดับที่สามนั้นเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดของข้า ถึงแม้เป็นที่สามแต่ข้าก็ได้รับสิ่งที่แม้แต่เป่ยเหยียนก็ยังไม่ได้”

พูดจบ เขาก็ประสานมือโค้งให้มู่ชิงเกอแล้วจึงจากไป

มองเงาร่างเขาที่จากไปแล้วมู่ชิงเกอก็มองหลีเฉาอย่างงุนงง “เป่ยเหยียนคือใครหรือ”

หลีเฉายิ้มว่า “เป่ยเหยียนถูกยกย่องเป็นราชาเทวะน้อยแดนจงซาน เป็นคนที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์สืบทอดตำแหน่งจากราชาเทวะจงซาน”

มู่ชิงเกอจึงได้เข้าใจ ที่เรียกว่าราชาเทวะน้อย ก็เท่ากับเป็นรัชทายาทนั่นเอง

เห็นมู่ชิงเกอไม่เข้าใจนัก หลีเฉาจึงอธิบายไป พลางเดินไปพลางอย่างอารมณ์ดี “ขั้นศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าถึงได้ ต่อให้เข้าไปได้แล้วก็ไม่ใช่ว่าคนขั้นศักดิ์สิทธิ์จะได้เป็นราชาเทวะทุกคน ลูกศิษย์สี่แดนเทพ…ควรพูดว่า ทุกแดนเทพในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรจะคัดลูกศิษย์ยอดเยี่ยมที่ผู้คนยอมรับมาเป็นราชาเทวะน้อย ราชาเทวะน้อยไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ดี ตบะ บำเพ็ญสูง ยังมีเรื่องอุปนิสัย บุคลิกภาพต่างๆ เป็นต้น สำหรับบุคคลในโลกภายนอกแล้ว ราชาเทวะน้อยก็คือคนที่มีโอกาสและใกล้เคียงที่สุดที่จะได้เป็นราชาเทวะ”

“เช่นนี้แล้ว แดนเทพอื่นก็มีราชาเทวะน้อยหรือ” มู่ชิงเกอถามด้วยความอยากรู้ ในใจสงสัยอย่างยิ่ง ในเมื่อฐานะราชาเทวะน้อยสูงส่งเช่นนี้ ทำไมนางอยู่ในแดนฮ่วนเยวี่ยนานเพียงนี้กลับไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับราชาเทวะน้อยแม้เพียงนิดเดียว

หลีเฉาผงกศีรษะ “เป่ยเหยียนที่อวี้ลี่ว์พูดถึง คือราชาเทวะน้อยของแดนจงซาน ส่วนราชาเทวะน้อยของแดนจั๋วอวี่คือเหยียนเสี่ย ราชาเทวะน้อยของแดนเหว่ยอี้คือชิวเยวี่ย”

“หืม” มู่ชิงเกอมองหลีเฉาแล้วถามว่า “แล้วแดนฮ่วนเยวี่ยของพวกเราเล่า”

ถึงแม้ก่อนเอ่ยออกมาหลีเฉาจะเดาออกว่ามู่ชิงเกอจะถามอะไรก็ตาม แต่พอนางถามออกมาจริงๆ แล้วเขาก็ยังชะงักและมีสีหน้าลำบากใจอยู่ดี

ปฏิกิริยาแปลกประหลาดนั้นทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว

“พวกเราแดนฮ่วนเยวี่ย…” ผ่านไปพักหนึ่ง หลีเฉาจึงถอนใจพูดว่า “เรื่องนี้เป็นข้อห้ามพวกเราแดนฮ่วนเยวี่ย ผ่านมาแล้วหลายพันปีแต่ไม่มีวี่แววว่าจะถูกลืมเลือน”

‘หลายพันปี!’

มู่ชิงเกอสะท้านในใจ

‘ราชาเทวะน้อยเหล่านี้…มีอายุเท่าไรกัน’ คิดดู ดีๆ แล้วนางยังเป็นแค่ต้นกล้าเล็กๆ อยู่เลยเพราะนางยังอายุไม่ถึงร้อยปีด้วยซํ้า

“พวกเราแดนฮ่วนเยวี่ยเมื่อสามพันปีก่อนก็มีราชาเทวะน้อยเหมือนกัน ชื่อของเขาคืออวี๋หยา ศิษย์พี่อวี๋หยาเป็นตัวอย่างที่ดีของพวกเราทุกคน ไม่ว่าพรสวรรค์หรืออุปนิสัยต่างเป็นที่ยอมรับนับถือ ราชาเทวะให้ความสำคัญกับเขามาก กระทั่งในแผ่นดินเทพตะวันออกครั้งนั้น ศิษย์พี่อวี๋หยายังถูกยกย่องให้เป็นผู้นำสี่ราชาเทวะน้อย” หลีเฉาบอกมู่ชิงเกอถึงความลับใน ครั้งนั้น

“…ต่อมา ศิษย์พี่อวี๋หยาได้ทรยศต่อแดนฮ่วนเยวี่ย ทรยศแผ่นดินเทพตะวันออก ทรยศเผ่าเทพเพื่อผู้หญิงเผ่ามาร สามพันปีมานี้ไม่มีข่าวคราวแว่วมาอีก เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อราชาเทวะ ต่อแดนฮ่วนเยวี่ยทั้งหมดอย่างมาก เพราะเหตุนี้พวกเราแดนฮ่วนเยวี่ยจึงเก็บตัวนับพันปี” หลีเฉาพูดอย่างสะท้อนใจ

มู่ชิงเกอฟังจบแล้วออกอาการงุนงง

นางนึกไม่ถึงว่า เรื่องที่เกิดจากตัวอวี๋หยาคนนี้จะเลอะเทอะเพียงนี้

แต่แม้จะเลอะเทอะนางก็อดไม่ได้ที่นับถือความกล้าของอวี๋หยา ฐานะของเขาในเวลานั้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความกล้าทอดทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความรักได้

“ในเมื่ออวี๋หยาทรยศเผ่าเทพ เวลานี้ยังคงอยู่ในแดนมารหรือไม่” มู่ชิงเกอออกจะสนใจเรื่องราวของอวี๋หยา กระทั่งจะคิดหาโอกาสถามซือมั่วดู

อวี๋หยารักกับหญิงสาวเผ่ามารได้อย่างไร ทรยศเผ่าเทพอย่างไร เรื่องราวเหล่านี้หลีเฉาไม่ได้บอกละเอียด เชื่อว่าคงรู้ไม่มากเช่นกัน

“แต่เก็บตัวมาแล้วสามพันปี พวกเราแดนฮ่วนเยวี่ยก็ถึงเวลาเชิดหน้าได้แล้ว” เล่าเรื่องอวี๋หยาจบ หลีเฉาก็ยิ้มให้มู่ชิงเกออย่างลึกลับ

รอยยิ้มนั้นทำให้มู่ชิงเกอค่อนข้างงุนงง แต่ก็ไม่รู้จะถามอย่างไร

เดินออกจากโลกใบเล็กแล้ว มู่ชิงเกอกับหลีเฉาก็ปรากฎตัวขึ้นในเมืองหิมะ

ทั้งคู่เพิ่งออกมาหลีเฉาก็ได้รับข่าวจากสี่น้อย ยันต์ส่งสารนั้นไม่สามารถเข้าไปในโลกใบเล็กได้จึงทำได้เพียงวนเวียนอยู่ที่ทางเข้าด้านนอกของโลกใบเล็ก รอจนกระทั้งหลีเฉาปรากฎตัวมันจึงบินเข้ามาบนฝ่ามือของเขา

หลีเฉารับยันต์ส่งสารมา หลังได้รับรู้ข่าวสารภายในก็ขมวดคิ้วทันที

เขามองมู่ชิงเกอแล้วบอกเขาว่า “พวกเรารีบกลับไปเมืองใบไม้ผลิ พักผ่อนคืนหนึ่ง แล้วกลับแดนฮ่วนเยวี่ย”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ” มู่ชิงเกอเลิกคิ้วถาม

หลีเฉาบอกมู่ชิงเกอว่า “แดนจั๋วอวี่เกิดเรื่องบริเวณที่พักในเมืองใบไม้ผลิ คนตายไปไม่น้อย เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก พวกเราต้องรีบกลับไปก่อน”

คนตายไปไม่น้อยหรือ

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วสูงขึ้น พลังเทพในตัวจี้หลุนเกิดจากพลังที่นางฝังเอาไว้ ส่วนจะเกิดผลอะไรนั้นนางย่อมเข้าใจดี

เพียงแต่ นางคิดไม่ถึงว่าคนตายจะไม่ใช่จี้หลุนเพียงคนเดียว

“เจ้าสาม” หลีเฉาเห็นมู่ชิงเกอใจลอยจึงเรียกให้รู้สึกตัว มู่ชิงเกอหันกลับมา เขาจึงเอ่ยว่า “พวกเรา เคยมีปัญหากับแดนจั๋วอวี่ ต้องรีบกลับไปรายงานราชาเทวะ จะได้เตรียมตัวไว้ก่อน”

“ราชาเทวะจั๋วอวี่จะมาหาเรื่องหรือ” มู่ชิงเกอถาม

หลีเฉาสั่นศีรษะ “พูดยาก แต่ว่าราชาเทวะพวกเราจัดการได้แน่ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ไม่ได้ผิดที่พวกเรา อีกทั้งพวกเขาเกิดเรื่องในเมืองใบไม้ผลิ ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเรา”

มู่ชิงเกอพยักหน้านิดๆ กลับเข้าเมืองใบไม้ผลิพร้อมกับหลีเฉา

ยังดีที่คนของแดนฮ่วนเยวี่ยพักผ่อนก่อนหนึ่งคืนแล้วค่อยจากไป จึงทำให้มู่ชิงเกอมีเวลาและโอกาสไปพบหน้าซือมั่วหลังจากกลับเข้าเมืองใบไม้ผลิแล้ว

เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครติดตามมา มู่ชิงเกอก็เข้าไปในเรือนเปลี่ยวที่ซือมั่วเคยนำทางนางไป

พอเข้าประตูมาก็เห็นชายที่อยู่ที่นี่คอยนางอยู่

“เหล่าผู้อาวุโสแดนจั๋วอวี่มั่นเป็นฝีมือเจ้าสินะ” มู่ชิงเกอเข้าประตูมาก็ถามทันที

ซือมั่วก็ไม่ปิดบัง พยักหน้ายิ้มแล้วกวักมือให้นาง “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ ข้าเพียงทำให้พวกเขาไม่สร้างความยุ่งยากเท่านั้น”

“ข้ารู้แล้ว” มู่ชิงเกอเดินไปเบื้องหน้าเขา แอบอิงที่อกเขา สองมือคล้องเอวเขาไว้

การที่นางเป็นฝ่ายรุกทำให้ซือมั่วถามอย่างประหลาดใจ “เสี่ยวเกอเอ๋อร์?”

“ไม่ต้องพูด ให้ข้ากอด” มู่ชิงเกอแอบอิงที่อกของซือมั่วแล้วค่อยๆ หลับตาลง สูดกลิ่นอายของเขาลึกๆ นางซาบซึ้งมากที่ซือมั่วคอยเฝ้าคุ้มครองนางอย่างเงียบๆ ตลอดเวลา มีเขาอยู่ต่อให้ตัวเองประสบภัยอันตรายนางก็ยังคงรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ซือมั่วไม่ยอมให้นางพูด ‘ขอบคุณ’ ดังนั้น นางจึงต้องซ่อนความซาบซึ้งนี้เอาไว้ภายในจิตใจ

นางเป็นคนที่ซือมั่วทุ่มเททุกสิ่งเพื่อปกป้อง คุ้มครอง แล้วซือมั่วจะไม่ใช่คนที่นางทุ่มเททุกสิ่งเพื่อจะได้เข้าใกล้ ได้ปกป้องคุ้มครองเหมือนกันหรือ

หญิงสาวที่ตนรักอิงแอบอยู่ในอ้อมอกของตัวเองทำให้มุมปากซือมั่วเชิดขึ้นแล้วกอดนางแน่น แขนเสื้อที่กว้างใหญ่ห่อหุ้มมู่ชิงเกอจนมิด โอบล้อมสีแดงเพลิงทั้งหมดของนางเอาไว้ ให้เขาเห็นได้แค่คนเดียว

สักครู่มู่ชิงเกอจึงเงยศีรษะขึ้นในอ้อมอกของเขา ดวงตาคู่ใสมองจ้องเขาแล้วถามว่า “เจ้าเคยได้ยินชื่ออวี๋หยาหรือไม่”

“อวี๋หยาหรือ” ซือมั่วทวนชื่อนี้อีกครั้ง

มู่ชิงเกอผงกศีรษะเอ่ยเสริมว่า “ราชาเทวะน้อยแดนฮ่วนเยวี่ยที่หลงรักหญิงสาวเผ่ามารและทรยศเผ่าเทพเมื่อสามพันปีก่อนน่ะ” นางไม่ทันสังเกตเห็นแววสนุกสนานแวบหนึ่งในดวงตาของซือมั่ว

“ข้ารู้” หลังจากนางพูดจบ ซือมั่วก็พยักหน้า ยิ้ม

ดวงตามู่ชิงเกอเปล่งประกาย ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “เช่นนั้นเจ้าเล่าเรื่องเขาให้ข้าฟังหน่อย คู่รักเผ่ามารนั้นเป็นใคร เวลานี้ทั้งคู่เป็นอย่างไรแล้ว”

ท่าทีอยากรู้อยากเห็นของนางนั้นหาได้ยากนัก ซือมั่วอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปแตะที่ปลายจมูกนาง แล้วเอ่ยอย่างแสนรักว่า “เจ้าก็มีช่วงเวลาอยากรู้อยากเห็นเหมือนกันสินะ อย่างนั้นข้าจะเล่าให้เจ้าฟังแล้วกัน”

มู่ชิงเกอพยักหน้า

ซือมั่วพานางไปที่เก้าอี้ พอตัวเองนั่งแล้วก็อุ้มมู่ชิงเกอขึ้นบนตัก เขาชอบความรู้สึกที่มู่ชิงเกอขดตัวอยู่ในอ้อมกอดเขาแบบนี้ที่สุด

“อวี๋หยาไม่ได้อยู่ที่แดนมาร” พอซือมั่วเปิดปากก็ทำให้มู่ชิงเกอประหลาดใจ

“ไม่ได้อยู่แดนมาร แต่คนแดนเทพเล่าลือว่าเขาเข้าไปอยู่ในแดนมารนะ” มู่ชิงเกอถาม

ซือมั่วพยักหน้า “เขาออกจากเผ่าเทพจริง แต่ไม่ได้เข้าร่วมกับเผ่ามาร ส่วนหญิงสาวเผ่ามารที่เขารักก็ทอดทิ้งฐานะเผ่ามาร ทั้งคู่ออกจากแผ่นดินเทพมาร เวลานี้ไม่รู้อาศัยอยู่ในโลกไหนแล้ว”

“เป็นเช่นนี้เอง แล้ว… ผู้หญิงเผ่ามารคนนั้น…,” มู่ชิงเกอถามอีก

“นางเป็นรองหัวหน้าทหารลับของข้า ฐานะในแดนมารเป็นที่รู้จัก อนาคตไกล มีครั้งหนึ่งหลังจากภารกิจลอบเข้าแผ่นดินเทพและได้รับบาดเจ็บก็ได้พบกับอวี๋หยา ทั้งคู่ถูกกักอยู่ในป่าอสูรอาจจะผ่านความเป็นความตายด้วยกันจนเกิดความรัก เวลานั้นข้าไม่เข้าใจ สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ฟันฝ่าอุปสรรค จากไปยังดินแดนแสนไกล” ซือมั่วเล่าอย่างนิ่งสงบ

“เป็นเช่นนี้เอง” มู่ชิงเกอออกจะสะท้อนใจ ทัน ใดนาง นางก็ถสืงตามองซือมั่วแล้วหรี่ตาลง ยิ้มพูดว่า “ครั้งนั้น ทำไมเจ้าจึงยอมให้ลูกน้องทรยศได้”

ซือมั่วพยักหน้า “ข้าไม่ยินยอมจริงๆ แต่ชิงจื้อมีป้ายเว้นตายทำให้ข้าต้องปล่อยนางไป”

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วรู้สึกว่าหญิงสาวเผ่ามารที่ชื่อชิงจื้อคนนี้มีเอกลักษณ์ มีความกล้าและมีมันสมอง “หากมีโอกาส ข้าอยากพบชิงจื้อคนนี้สักครั้ง”

ซือมั่วกอดนางแน่น “หากเจ้าอยากพบนาง ข้าก็สามารถเรียกนางมาได้ ถึงแม้นางจากไปแล้ว แต่นางเคยเป็นทหารลับของข้า บนตัวนางมีตราที่ไม่อาจทรยศข้าได้ตลอดไปประทับอยู่ เพียงแค่ข้าคิด ก็จะสามารถข้ามผ่านเขตแดนต่างๆ เรียกนางกลับมาได้”

“อย่าเลย เจ้าอย่าได้ไปรบกวนคนอื่น” มู่ชิงเกอรีบห้ามไว้ ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยซือมั่วแล้ว เป็นไปได้ที่จับชิงจื้อคนนี้กลับมาให้นาง

“พรุ่งนี้ ข้าจะกลับแดนฮ่วนเยวี่ยแล้ว” มู่ชิงเกอบอกวัตถุประสงค์การมาที่นี่ให้ซือมั่วรู้

นางเสียดาย ซือมั่วเสี่ยงภัยเช่นนี้มาพบนาง นางกลับไม่มีเวลามากนักที่จะอยู่เป็นเพื่อนเขา เวลานี้ การถกวิถีก็จบลงแล้ว นางก็ต้องกลับแดนฮ่วนเยวี่ยทันที

“ไม่เป็นไร อีกไม่นานพวกเราจะได้พบหน้ากันอีก” ใครจะรู้ว่าซือมั่วจะพูดเช่นนี้

มู่ชิงเกอตาเป็นประกาย ถามว่า “มีข่าวมู่เทียนอินใช่ไหม”

ซือมั่วยิ้ม “รู้แล้วว่าอะไรก็ปิดเจ้าไม่อยู่”

“เป็นข่าวอะไร” เสียงมู่ชิงเกอเครียดขรึมโดยไม่รู้ตัว

มีข่าวมู่เทียนอินแล้วจนได้ นางรอวันนี้มานานมากแล้ว นิ้วของมู่ชิงเกอลูบไล้ปลอกนิ้วที่นิ้วชี้โดยไม่รู้ตัว นางต้องแก้แค้นให้หยวนหยวนกับเจียงหลี นางหวังว่าขณะที่นางสังหารมู่เทียนอิน หยวนหยวนจะสามารถตื่นขึ้นมาทันได้เห็นภาพนั้น

“เขาไม่ได้ปรากฎตัว แต่ผู้เฝ้ามองคนนั้นกลับปรากฎตัวแล้ว” ซือมั่วบอกข่าวล่าสุดที่ได้รับให้มู่ชิงเกอ

“ผู้เฝ้ามองหรือ” ตามู่ชิงเกอหรี่ลงเกิดประกายในแววตา

ซือมั่วว่า “เขาปรากฎตัวเหมือนจะเพราะเรื่องสิทธิ์แห่งเทพ สิทธิ์แห่งเทพที่มีในตลาดมืดเขาล้วนไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงออกใบสั่งให้คนในตลาดมืดไปหาสิทธิ์แห่งเทพที่เขาต้องการมา”

“เป็นของใครหรือ” ลมหายใจมู่ชิงเกอเย็นเฉียบขึ้นมา

“แผ่นดินเทพใต้ ราชาเทวะน้อยแดนเฝินไห่ เซิ่งจิ่ง” ซือมั่วพูด

ตาดำมู่ชิงเกอหรี่ลง “ถึงขนาดจะเอาสิทธิ์แห่งเทพของราชาเทวะน้อยทีเดียว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version