Skip to content

พลิกปฐพี 639

ตอนที่ 639

องค์หญิงท่านชุกซนแล้ว

“เขาวงกตเก้าคดเคี้ยว” มู่ชิงเกอทวนคำพูดอีกครั้งแล้วยิ้มกับชูเนี่ยน ผงกศีรษะว่า “ข้ารู้แล้ว ขอบคุณมาก”

ชูเนี่ยนยิ้มบางๆ สั่นศีรษะช้าๆ

“เจ้าพักผ่อนก่อน ข้าไม่รบกวนแล้ว หากมีเรื่องอะไรก็เรียกให้ผู้รับใช้ไปหาข้าได้ งานเลี้ยงวันเกิด จะจัดขึ้นในอีกสามวัน สามวันนี้หากเจ้าชอบก็สามารถเที่ยวเล่นในวังอู๋หวาได้ตามสบาย” ชูเนี่ยนบอกมู่ชิงเกอไว้ก่อนไป

“ได้” มู่ชิงเกอผงกศีรษะนิดๆ มองชูเนี่ยนจากไป

เมื่อนางเดินไปไกลจนลับตาแล้ว หยินเฉินจึงเดินออกมายืนอยู่ด้านหลังมู่ชิงเกอ

“ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์หรือไม่” หยินเฉินถาม

มู่ชิงเกอพยักหน้าแล้วยิ้ม “มีสถานที่ที่เป็นไปได้มากอยู่แห่งหนึ่ง แต่การจะเข้าไปเกรงว่าจะต้องลงทุนกันหน่อย”

“ที่ใดหรือ” หยินเฉินถาม

มู่ชิงเกอหันกลับมามองเขาแล้วว่า “เมื่อครู่ นางบอกว่าในวังราชาเทวะมีสถานที่อยู่แห่งหนึ่งที่แม้แต่นางก็ยังเข้าไปไม่ได้ เป็นที่ที่ราชาเทวะอู๋หวาใช้บำเพ็ญ เรียกว่าศาลาอีเยี่ย รอบบริเวณมีเขาวงกตเก้าคดเคี้ยวป้องกันไว้”

“ศาลาอีเยี่ย เขาวงกตเก้าคดเคี้ยว” หยินเฉินขมวดคิ้วมุ่น

มู่ชิงเกอพยักหน้า “เคล็ดวิชาเทวะส่วนล่าง เป็นของวิเศษที่ทุกคนล้วนอยากได้ สะดุดตาเกินไป หากราชาเทวะอู๋หวาไม่ได้พกติดตัวไว้ สถานที่ซ่อนดีที่สุดก็คงเป็นศาลาอีเยี่ย ในทางกลับกันหากศาลาอีเยี่ยไม่มีก็ต้องอยู่ที่ตัวราชาเทวะอู๋หวา หากไม่มีทั้งสองแห่งก็คงบอกได้ว่าข่าวนี้เป็นเท็จ”

“เช่นนั้นข้าจะลอบเข้าไปดู” หยินเฉินว่า

“เจ้าหรือ” มู่ชิงเกอมองเขา

หยินเฉินผงกศีรษะแล้วพูดจริงจังว่า “ข้ารู้จักอาคมภาพลวงตา เพียงแค่หลบพ้นราชาเทวะอู๋หวาได้ ข้าก็จะสามารถหลบเข้าวังราชาเทวะและหาข้อมูลศาลาอีเยี่ยกับเขาวงกตเก้าคดเคี้ยวมาได้ หากเข้าไปยังศาลาอีเยี่ยได้จะดีที่สุด จะได้ไม่ต้องให้เจ้าไปเสี่ยง แต่หากเข้าไปไม่ได้อย่างน้อยก็หาข้อมูลอะไรที่มีประโยชน์ได้”

“อืม เช่นนี้ก็ได้ แต่เจ้าต้องระวังให้มากๆ” มู่ชิงเกอนิ่งคิดสักครู่ก็พยักหน้าตกลงตามที่หยินเฉินเสนอ

หยินเฉินผงกศีรษะแล้วพูดอย่างลำบากใจว่า “ศาลาอีเยี่ยถึงแม้เข้าไปยาก แต่ก็เป็นเพียงสถานที่ ยังคงอยู่ที่นั่น แต่ราชาเทวะอู๋หวา เขาเป็นราชาเทวะอย่างแท้จริง เป็นผู้แกร่งกล้าขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง พวกเราจะสืบหาอย่างไรว่าเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างอยู่กับตัวเขาหรือไม่”

นี่จึงเป็นปัญหาที่น่าปวดหัวมากที่สุด

ราชาเทวะสามารถเปิดช่องว่างที่ใช้เก็บของได้เอง ที่นั่นจึงเป็นที่ปลอดภัยที่สุด

“เป็นปัญหาที่ยากจริงๆ เสียด้วย” มู่ชิงเกอเม้มปากพูด

นางใช้สองมือไพล่หลังเดินไปยังตำหนักข้าง ครุ่นคิดว่าจะหาวิธีอย่างไรถึงจะสามารถตรวจค้นบนตัวราชาเทวะอู๋หวาได้บ้าง

เข้ามายังวังอู๋หวาวันแรก มู่ชิงเกอสงบนิ่งมาก

หลังจากชูเนี่ยนพานางเข้าไปยังตำหนักข้างแล้วนางก็ปิดประตูไม่ออกไปไหน เมื่อข่าวไปถึงหูราชาเทวะอู๋หวาแล้ว เขาเพียงรับคำอย่างคลุมเครือแล้วก็ยกเลิกการเฝ้าดูมู่ชิงเกอ

ส่วนมู่ชิงเกอที่อยู่อย่างเงียบสงบในตำหนักข้างนั้นก็กำลังดํ่าดิ่งลงไปในความคิดของตัวเอง

นางคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้แน่ใจว่าเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างไม่ได้อยู่ในตัวราชาเทวะอู๋หวา ทั้งวันทั้งคืนนางคิดสารพัดวิธี แต่ก็ใช้ไม่ได้ทั้งหมด

จนวันรุ่งขึ้นขณะที่ดวงอาทิตย์ขึ้น นางก็ค่อยๆ ลืมตา แววตาที่สงบนิ่งแฝงด้วยความเหี้ยมหาญ

“ดูแล้ว คงต้องลองเสี่ยงดูแล้ว” มู่ชิงเกอพึมพำ หนึ่งวันหนึ่งคืน นางได้ตัดสินใจเลือกวิธีที่เสี่ยงมากๆ แต่เป็นวิธีเดียวที่จะใช้ได้

เพียงแต่การเสี่ยงภัยนี้จะต้องรอให้นางไปตรวจสอบที่ศาลาอีเยี่ยก่อนจึงจะทำได้

เมื่อมู่ชิงเกอตกลงใจแล้ว ทั้งร่างก็เบาโล่งขึ้นมา

นางคิดแล้วก็เรียกผู้รับใช้ให้ไปเชิญชูเนี่ยนมา ไม่นานนักชูเนี่ยนก็มาถึงนอกประตูตำหนักข้างของนาง มู่ชิงเกอเดินออกนอกตำหนักแล้วบอกนางว่า “วันนี้ไม่มีธุระ หากเจ้าไม่ได้ติดงานอื่น พาข้าไปเดินเล่นในวังอู๋หวาได้หรือไม่ ข้าเพิ่งมาถึง ไม่รู้ว่าวังอู๋หวามีทิวทัศน์อะไรที่หาชมได้ยาก ต้องดูให้ได้หรือไม่”

“ยินดีอย่างยิ่ง” ชูเนี่ยนอมยิ้มพยักหน้า นางไม่ได้ปฏิเสธกลับตกลงอย่างง่ายดาย

มู่ชิงเกอยิ้ม ทิ้งทั้งหุ่นเทพมารทั้งหยินเฉินแล้วออกไปตามลำพังกับชูเนี่ยน ก่อนไปนางได้ส่งสายตาให้หยินเฉิน ฝ่ายหลังพยักหน้าอย่างเข้าใจ

การนัดชูเนี่ยนออกไปนั้นไม่ใช่ว่าเพราะมู่ชิงเกอว่างจนไม่มีอะไรทำ

เนื่องจากนางรู้สึกได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่ามีคนติดตามดูตัวเอง ถึงแม้วันนี้จะไม่มีแล้ว แต่ก็บ่งบอกได้ชัดเจนว่า ราชาเทวะอู๋หวาไม่ได้วางใจในตัวนางนัก

ดังนั้น นางจึงแกล้งนัดชูเนี่ยนอย่างเปิดเผยและออกไปเดินเล่นด้วยกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ราชาเทวะอู๋หวาจะได้เบนความสนใจมาที่ตัวนาง หยินเฉินจะได้หาโอกาสใช้คาถาพรางตัวเข้าไปหาข่าวในวังราชาเทวะได้

พูดไปแล้ว วันนี้นางเป็นเหยื่อล่อ หยินเฉินต่างหากจึงจะเป็นตัวหมากจริงๆ

“เจ้าอยากจะดูอะไรหรือ” พอเดินออกจากบริเวณตำหนักข้างแล้ว ชูเนี่ยนก็ถามมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอค่อยๆ สั่นศีรษะ มุมปากผุดรอยยิ้ม “ไม่ได้กำหนดตายตัว ในดินแดนฮ่วนเยวี่ยมีผู้อาวุโสเคยบอกข้าว่า สรรพสิ่งล้วนมีวิถีของมัน ดูมาก คิดมาก ถามมาก วังอู๋หวาเป็นถิ่นเจ้าจะไปไหนย่อมแล้วแต่เจ้า”

“ผู้อาวุโสเจ้าท่านนี้พูดไม่ผิด เมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ข้าก็คิดออกแล้ว ตามข้ามา” แววตาชูเนี่ยนนิ่มนวล ไม่มีความเย็นชาแม้แต่นิด

มู่ชิงเกอตามชูเนี่ยนมุ่งหน้าไปยังด้านหนึ่งของวังอู๋หวา

นางกับหยินเฉินต่างมีพันธสัญญาต่อกัน ทั้งคู่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ หากประสบอันตราย นางก็สามารถเก็บเขาเข้าไปในช่องว่างได้อย่างไร้ร่องรอย

แน่นอนว่าการทำเช่นนี้ได้หยินเฉินจะต้องอยู่ในบริเวณวังอู๋หวา

หากไปไกลกว่านี้พลังของนางเวลานี้ก็ไม่สามารถควบคุมช่องว่างได้

‘ช่องว่าง พลังแห่งช่องว่าง’ มู่ชิงเกอสะท้อนใจ

เมื่อก่อนนี้ ช่องว่างของนางใช้สำหรับเก็บของ แต่เวลานี้หลังจากนางรับรู้หลักวิถีลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็สามารถค้นพบความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด

ชูเนี่ยนพามู่ชิงเกอไปยังที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง ค่อยๆ ห่างไกลออกจากตำหนักสิ่งปลูกสร้างต่างๆ

ถึงแม้มู่ชิงเกอจะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถาม เพียง เดินตามนางเงียบๆ ไปยังทางเล็กที่มีหญ้าขึ้นรก

ถึงแม้หญ้าขึ้นรก แต่ถ้าหากพิจารณาดูให้ดีๆ ก็จะสามารถพบได้ว่าในบริเวณที่หญ้าขึ้นรกนี้ มีร่องรอยคนเดินผ่านอยู่

มู่ชิงเกอจึงเข้าใจแล้วว่าถึงแม้บริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนมา แต่ก็ยังมีคนเดินผ่านอยู่เรื่อยๆ

นางเพิ่งคิดจบ ชูเนี่ยนก็มองนางแล้วยิ้ม อธิบายว่า “วังอู๋หวานี้ นอกจากสถานที่บำเพ็ญของลูกศิษย์แล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นตำหนักหอสูง คิดว่าทิวทัศน์พวกนี้เจ้าคงดูเบื่อแล้ว สิ่งที่ขึ้นชื่อมากที่สุดของวังอู๋หวา และไม่ควรพลาดก็คือทิวทัศน์ยามพลบคํ่า เวลานี้ยังกลางวันอยู่ ยังดูไม่ได้ ดังนั้นข้าจะพาเจ้าไปยังที่ที่มีคนรู้จักน้อยมากๆ และมีคนน้อยมากที่จะไป เชื่อว่าเจ้าคงจะชอบ”

“คงไม่ใช่สถานที่ลับขององค์หญิงชูเนี่ยนกระมัง” มู่ชิงเกอพูดทีเล่นทีจริง

ใครจะรู้ว่าชูเนี่ยนจะชะงักไป แก้มผุดสีแดงที่ดูไม่ปกติขึ้นมา นางยื่นมือใช้นิ้วก้อยเกี่ยวผมที่อยู่ข้างแก้มทัดไปไว้ที่ด้านหลังแล้วบอกมู่ชิงเกอว่า “เจ้าพูดเช่นนี้ ข้าชักไม่กล้าพาเจ้าไปแล้ว มิฉะนั้นเจ้าจะนึกว่าข้าคิดไม่ซื่อกับเจ้า เจ้าหนูน้อย”

‘เจ้าหนูน้อย…” มู่ชิงเกออึ้งไป

ชูเนี่ยนในความรู้สึกนางนั้นสง่างามสูงส่ง นิ่งสงบตลอดมา เวลานี้พอคุยเล่นขึ้นมาแล้วกลับดูซุกซนอย่างพบเห็นได้ยาก

“ทำไม ข้าอายุมากกว่าเจ้าขนาดนี้ เจ้าจะไม่ใช่เจ้าหนูน้อยหรือ” ท่าทางของมู่ชิงเกอทำให้ชูเนี่ยนนึกสนุก นางอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเอ่ย

มู่ชิงเกอหัวเราะส่ายหน้าพลางประสานมือให้นาง “ใช่ ใช่ใช่ ผู้อาวุโสพูดถูก ข้ายังเด็ก ข้าวที่กินย่อมน้อยกว่าเกลือที่ผู้อาวุโสกินเสียอีก”

แววตาชูเนี่ยนดุดันขึ้นมาแล้วพูดอย่างโกรธขึ้งว่า “เจ้าว่าข้าแก่หรือ”

เอ่อ

มู่ชิงเกอเงยหน้าอย่างงุนงงพลางบ่นในใจ ‘ก็ไม่ใช่เจ้าอยากทำตัวเป็นผู้อาวุโสหรือ’

เห็นท่าทางเขาใสชื่อบริสุทธิ์เช่นนั้น ชูเนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา “ไปเถอะไปเถอะ ไม่แหย่เจ้าแล้ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าก็เป็นคนน่าสนใจดีเหมือนกัน” มู่ชิงเกอยังคงเดินตามอยู่ข้างหลังนาง พูดว่า “ข้าก็ไม่คิดว่าองค์หญิงชูเนี่ยนก็มีช่วงเวลาที่ซุกซนเหมือนกัน’’

ถูกเขาหาว่าซุกซนทำให้ติ่งหูชูเนี่ยนแดงเรื่อขึ้นมา นางเม้มปากแล้วเร่งฝีเท้า

เดินทะลุทางเล็กและหญ้ารก มู่ชิงเกอถูกนำมายังสถานที่ที่มีทิวทัศน์งามเลิศ มองออกไปได้กว้างขวางไกลโพ้น

“ที่นี่สามารถมองเห็นดินแดนอู๋หวาทั้งหมดได้” ชูเนี่ยนบอกมู่ชิงเกอ

ใต้เท้าพวกเขา หญ้าเขียวถึงเข่าพลิ้วไปตามลม เขาไกลโพ้นปุยเมฆล่องลอย นํ้าตกถํ้าฟ้า เขาเขียวดอกไม้สะพรั่งทอดยาวต่อติดกันไป ท่ามกลางทิวทัศน์สวยงาม นี้ปรากฎสิ่งปลูกสร้างวับๆ แวมๆ แทรกปนอยู่ด้วย

“พวกเราอยู่ที่นี่รอจนตะวันตกได้ ความจริงดูตะวันตกดินที่วังอู๋หวาจากตรงนี้จะสวยงามที่สุด” ชูเนี่ยนนั่งลงกลางพงหญ้า หญ้าสูงเหล่านั้นกลายเป็นฉากกั้น ระหว่างนางกับมู่ชิงเกอทันที

มู่ชิงเกอก็นั่งลงตาม เช่นนี้แล้ว ทั้งคู่จึงต้องมองทะลุหญ้าที่อยู่ตรงกลางจึงจะมองเห็นกันได้

หญ้าเหล่านี้ทั้งเขียวทั้งนุ่ม แกว่งไกวไปตามสายลม พลิ้วไหวตลอดเวลา

มู่ชิงเกอมองไปทางชูเนี่ยน เห็นนางดื่มด่ำกับความงามของทิวทัศน์ราวกับลืมตัวเองที่อยู่ข้างนางไปจนหมดสิ้นแล้ว

มู่ชิงเกอไม่ได้รบกวนความสงบของนางเพียงหยิบสุราฤทธิ์แรงออกจากช่องว่างและติดต่อกับหยินเฉินทางจิต

‘หยินเฉิน เป็นอย่างไรแล้ว’

หยินเฉินตอบโดยเร็วว่า ‘ข้าเข้ามาในวังราชาเทวะแล้วกำลังหาเขาวงกต ทุกอย่างปกติดี’

‘ดี ระวังตัวด้วย’

มู่ชิงเกอกำชับแล้วก็ตัดการติดต่อไป

นางดึงจุกที่ปิดถุงสุราออกแล้วยกถุงสุราขึ้นสูง ให้สุรารสร้อนแรงไหลจากปากถุงใส่ปากตน

กลิ่นสุราอบอวล ชูเนี่ยนสูดจมูก ถูกความหอมของสุรายั่วยวน นางหันมามองแล้วเอ่ย “หอมจริง”

นางพึมพำ ตอนที่หันมองมู่ชิงเกออีกครั้งก็ตกตะลึงจนเหม่อลอยไป

มู่ชิงเกอสวมชุดแดง นั่งอยู่ในพงหญ้าเขียว ยกถุงสุราแหงนหน้าดื่มด้วยท่าทางสง่างาม ร่างกายแผ่ความสง่างาม เย่อหยิ่ง และผยองชนิดไม่เกรงดินฟ้าออกมา ทำ ให้จิตใจนางเกิดความเคลิบเคลิ้ม

ราวกับว่าสิ่งที่อยู่บนร่างของมู่ชิงเกอนี้เป็นสิ่งที่นางใฝ่หา

สุรารสแรงไหลเข้าปากมู่ชิงเกอ ความรู้สึกเผ็ดร้อนซาบซ่านอยู่ภายในร่างกาย ทำให้นางรู้สึกมีความสุขเหลือแสน หลังจากใช้หลังมือเช็ดสุราที่มุมปากแล้ว นางก็ มองมาเห็นท่าทีของชูเนี่ยนที่กำลังมองตนอยู่

เพราะถูกชูเนี่ยนจับจ้อง นางจึงยื่นถุงสุราในมือไปให้อย่างไม่รู้ตัวพลางถามว่า “ดื่มไหม”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version