Skip to content

พลิกปฐพี 642

ตอนที่ 642

เขาเป็นอัจฉริยะ แล้วข้าเป็นอะไร

ชายหนุ่มชุดแดงท่วงท่าสง่างาม ใบหน้างามเสียจนแยกชายหญิงไม่ออก รัศมีแกร่งกล้าที่หว่างคิ้ว จนไม่มีใครกล้าหมิ่น กิริยาท่าทางล้วนเต็มไปด้วยจิต วิญญาณของชายหนุ่มผู้นี้ก็คือราชาเทวะน้อยของดินแดนฮ่วนเยวี่ย

คำพูดของลู่เยี่ยทำให้ทุกคนตกใจ สายตาไม่รู้กี่คู่ต่างมองไปที่มู่ชิงเกอ

แม้จะเผชิญหน้ากับสายตามากมายเช่นนี้แต่ มู่ชิงเกอก็เพียงยิ้มเรียบๆ มองลู่เยี่ย รอคำพูดถัดไปของเขาราวกับไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย

ท่าทางสุขุมเยือกเย็นของผู้สูงส่งเช่นนั้นชวนให้รู้สึกว่านี่ต่างหากจึงจะเป็นลักษณะที่ราชาเทวะน้อยพึงมี

ตั้งแต่วันที่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยประกาศแก่แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรนั้น พวกเขาต่างก็รู้แล้วว่าแผ่นดินเทพตะวันออกมีราชาเทวะน้อยครบทั้งสี่คนแล้ว และรู้ว่าดินแดนฮ่วนเยวี่ยซึ่งเป็นผู้นำดินแดนในแผ่นดินเทพตะวันออกได้แต่งตั้งราชาเทวะน้อยขึ้นอีกครั้งหลังจากสามพันปีให้หลัง

ราชาเทวะน้อยเป็นตัวแทนอะไรน่ะหรือ

ก็คือราชาเทวะในอนาคต ไม่เพียงแค่มีโอกาสที่จะเข้าสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ไวที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สืบทอดที่ราชาเทวะคัดเลือกเองอีกด้วย

ฐานะเช่นนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องเป็นที่สนใจ

“นายน้อย เขาก็คือมู่ชิงเกอคนนั้นหรือ” ท่ามกลางความตกใจ มู่หลินอดไม่ได้ที่จะขอคำยืนยันจากมู่เทียนอิน

เวลานี้ สีหน้ามู่เทียนอินนั้นบึ้งตึงเสียจนดูไม่ได้ หากแววตาฆ่าคนได้ มู่ชิงเกอคงตายไปหลายรอบแล้ว

คนที่เขาแค้นที่สุด ทนไม่ได้ที่สุด นึกถึงมากที่สุดกลับมาปรากฎตัวอยู่เบื้องหน้าเขาในเวลานี้

ก่อนนั้นขณะอยู่ในหานชุ่น ตัวเขาสูงส่งถึงเพียงนั้น แต่เวลานี้เล่าตัวเขาทำได้เพียงขโมยฐานะของคนอื่น ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางพวกหัวขี้เลื่อยปัญญาทึบ ส่วนคนที่ตนดูถูกดูแคลนถูกเขาไล่ล่าเสียจนต้องให้คนอื่นสละชีพจึงจะสามารถหนีเอาตัวรอดไปได้ มดปลวกที่ต้องอาศัยการเผาผลาญอายุขัยเพื่อฝืนเพิ่มระดับบำเพ็ญมาต้านทานตน สายเลือดที่ต่ำช้าของตระกูลมู่ เวลานี้กลับมีฐานะที่โดดเด่นสดใสเช่นนี้ ปรากฎตัวอย่างสูงส่งอยู่ที่แห่งนี่

เหตุใดมู่ชิงเกอจึงมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ได้

มู่เทียนอินไม่ต้องคิดก็รู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายทันที นั่นคือมาตามเบาะแสเพื่อค้นหาเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างที่เหลืออยู่

แต่สิ่งที่เขาคิดอยู่ในเวลานี้ไม่ใช่ทำอย่างไรจึงจะหาเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างได้เร็วขึ้น ที่เขาคิดก็คือทำอย่างไรจึงจะเปิดโปงฐานะของมู่ชิงเกอได้ ให้เขาเปลี่ยน ฐานะจากราชาเทวะน้อยที่ทุกคนอิจฉากลายเป็นตระกูลมู่เหลือเดนที่ถูกแผ่นดินเทพทั้งหมดตามล้างตามฆ่าไม่สิ้นสุด

ใบหน้ามู่เทียนอินเหี้ยมเกรียมขึ้นมา มุมปากผุดรอยยิ้มเยาะที่หนาวเย็นจนถึงกระดูก

เขาคิดในใจว่า ‘มู่ชิงเกอ ที่หานชุ่นเจ้าแย่งโชควาสนาของข้า ถึงขนาดเกือบทำลายรากฐานทั้งหมดของข้า เวลานี้เจ้ามาถึงแผ่นดินเทพ มีสิทธิ์อะไรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าข้า ครอบครองฐานะที่ผู้คนล้วนอิจฉาและใฝ่ฝันถึง สามารถเดินทางอย่างสง่าผ่าเผยในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรได้ ทั้งยังมี…ผู้หญิง’

“นายน้อย..มู่หลินไม่ได้รับคำตอบก็อดไม่ได้เรียกออกมาอีกคำ

แต่เขาเพิ่งจะอ้าปากก็ถูกสายตาของมู่ซานห้ามเอาไว้ มู่ซานส่ายหน้าให้เขาเงียบ บุ้ยใบ้ให้เขาสังเกตสีหน้ามู่เทียนอินที่ผิดปกติไปอย่างมาก

เวลานี้ หลังจากที่นิ่งไปพักหนึ่ง เสียงซุบซิบจากทุกทิศทางก็แพร่สะพัดไปทั่ว

ที่พวกเขาวิจารณ์กันล้วนแต่เป็นมู่ชิงเกอที่ยืนอยู่ข้างองค์หญิงชูเนี่ยน

“เป็นถึงราชาเทวะน้อยของดินแดนฮ่วนเยวี่ยเชียวรึ”

“ครั้งนี้พวกเราได้กำไรแล้ว ขนาดดาวรุ่งดวงใหม่ของแผ่นดินทั้งสี่สมุทรยังมาให้เราได้เห็นจากที่ไกลๆ”

“ราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยคนนี้ ได้ยินว่าเพิ่งมาจากโลกข้างล่าง เข้ามาในแผ่นดินเทพไม่นานนี้เอง” คนที่รู้ข่าววงในมาบ้างเริ่มบรรยาย

“เป็นไปได้อย่างไร” แต่ก็ยังมีคนไม่เชื่อ

ใช่แล้ว ยากจะเชื่อได้ว่าคนที่เพิ่งบินขึ้นมาจากข้างล่างจะขึ้นมาถึงจุดสูงสุดที่ทุกคนอิจฉาได้รวดเร็วเช่นนี้

“เจ้าเชื่อเถอะ บังเอิญว่าครั้งนั้นข้าเพิ่งกลับจากแผ่นดินเทพตะวันออกเลยได้ยินข่าวที่เล่าลือต่อกันมา หากพวกเจ้าอยากฟัง ข้าก็จะเล่าให้ฟัง” คนที่รู้ข่าววงในเอ่ยขึ้นทันที

“รีบเล่าเร็ว”

“เล่าเลย”

“รีบเลย ไม่ต้องวกวน”

ทุกคนต่างเร่งกัน

แม้แต่มู่หลินกับมู่ซานที่คอยสังเกตสีหน้ามู่เทียนอินอยู่ก็ยังเงี่ยหูฟังด้วยเช่นกัน

“ข้าได้ยินมาว่า ราชาเทวะน้อยฮ่วนเยวี่ยคนนี้เป็นผู้มีหลายรากวิญญาณ”

“หลายรากวิญญาณหรือ ก็คงเป็นพวกรากวิญญาณที่ใช้การไม่ได้กระมัง ใครๆ ก็รู้ว่ารากวิญญาณยิ่งมากก็ยิ่งบำเพ็ญได้ยาก การทะลวงขอบเขตก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก”

“ใช่แล้วเป็นเหตุผลที่คงอยู่มานับหมื่นปี แต่ไม่ใช่กับตัวราชาเทวะน้อยคนนี้” คนคนนั้นจงใจเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน “พวกเจ้าเคยได้ยินข่าวของราชาเทวะ

น้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยคนนี้ไหม”

“ข้าเคยได้ยินว่า เขาทำความชอบยิ่งใหญ่ให้ดินแดนฮ่วนเยวี่ย”

“ที่ข้ารู้คือในงานสี่ดินแดนเทพถกวิถีแห่งแผ่นดินเทพตะวันออกเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งรอบหนึ่งรอบสองเขาได้ที่หนึ่งหมด ทั้งยังสังหารลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้าดินแดนจั๋วอวี่แล้วไม่เป็นไรอีกด้วย”

“อะไรกัน สี่ดินแดนเทพถกวิถีห้ามฆ่าคน ทำไมเขาฆ่าคนแล้วจึงไม่เกิดเรื่องได้เล่า”

“เหอะ ได้ยินว่ากระบวนท่าที่ใช้สังหารเยี่ยนเฉวียนนั้น เป็นกระบวนท่าที่เยี่ยนเฉวียนใช้กับเขาก่อน หากว่าเขาตั้งใจฆ่าคน เช่นนั้นที่เยี่ยนเฉวียนทำไปก่อนแล้วเล่าจะนับอย่างไร สรุปก็คือเยี่ยนเฉวียนตายแล้ว แต่เขายังปลอดภัยดี”

“ใช่ ข้าก็ได้ยินว่าเขาเข้าไปในแสงแห่งวิถี ขึ้นบันไดไปถึงชั้นที่ 52 ทำสถิติใหม่ของแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร น่าอิจฉาพวกที่ได้อาบแสงแห่งวิถีพร้อมเขา ทุกคนต่างได้อาศัยบารมีเขาทั้งนั้น”

“ชันที่ 52! เจ้าคงไม่ได้ฟังผิดหรอกนะ”

“ไม่เลย ตอนข้าได้ยินครั้งแรกก็ตกใจเหมือนเจ้านั้นแหละ”

“พรสวรรค์ปีศาจอะไรเช่นนี้”

“มิน่า ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยจึงได้เลือกแต่งตั้งให้เขาเป็นราชาเทวะน้อย ช่างเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะจริงๆ”

“ไม่เพียงแค่อัจฉริยะธรรมดาเท่านั้น เป็นปีศาจที่ฝ่าฝืนกฎแห่งสวรรค์เสียด้วยซํ้า”

“ฮะฮ่า เรื่องที่พวกเจ้าได้ยินมานี้ เป็นแค่เรื่องของเขาที่โด่งดังในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร เรื่องก่อนหน้านั้นพวกเจ้าคงยังไม่รู้กัน” คนที่เปลี่ยนเรื่องผู้นั้นจงใจ

แสดงท่าทีลึกลับขึ้นมาอีก

“เล่าเร็วเล่าเร็ว”

ทุกคนต่างพากันเร่ง

มู่หลินแอบมองมู่เทียนอิน การสนทนาที่เขาได้ยินแล้วยังตกใจอย่างยิ่ง นายน้อยตนจะไม่ได้ยินได้อย่างไร

มู่เทียนอินโกรธแค้นมู่ชิงเกอเท่าไรนั้น พวกเขาทุกคนต่างรู้กันดี

เพียงแต่ไม่คิดว่า มู่ชิงเกอที่บินมาจากข้างล่าง ผู้แย่งชิงตำแหน่งนายน้อยของพวกเขาจะร้ายกาจขนาดนี้ ข่าวที่พวกเขาเคยได้รับก่อนหน้านั้น ถึงจะทำให้พวกเขาพอรู้เรื่องราวมาบ้าง แต่ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ไม่รู้ เวลานี้ได้ยินคนอื่นพูดกันแล้ว มู่หลินจึงตกใจอย่างยิ่ง

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แววตาของมู่ซานก็ปรากฎประกายสั่นสะท้าน

ส่วนมู่เทียนอิน…

สีหน้าของเขายิ่งน่าเกลียดมากขึ้น รังสีอำมหิตในตัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คนอื่นกำลังคุยเรื่องมู่ชิงเกอ เขากลับจับจ้องอยู่แค่มู่ชิงเกอเท่านั้น

ความแค้นนั้นราวกับเปลี่ยนเป็นจับต้องได้ แปลงเป็นคมดาบพุ่งไปเชือดเฉือนร่างของมู่ชิงเกอ

ประสาทสัมผัสของมู่ชิงเกอไวกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ถึงแม้คนจำนวนมากต่างจับจ้องนางในเวลานี้ แต่นางก็ยังรู้สึกถึงจิตอีกสองสายที่ปะปนกันอยู่ จิตสังหารที่รุนแรงชนิดไม่คิดปกปิด กระทั่ง…ความคลั่งแค้น

ขณะที่พูดคุยกับลู่เยี่ย นางก็กวาดตามองไปอย่างแนบเนียนเพื่อค้นหาสายตาที่เปี่ยมจิตสังหารนั้น

ฉับพลันนางก็เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นคู่นั้นของมู่เทียนอินได้อย่างง่ายดาย

‘มู่เทียนอิน!’

ตาดำใสกระจ่างของมู่ชิงเกอหดลงเล็กน้อย ในใจเกิดคลื่นระลอกใหญ่อย่างรุนแรง

นางกำลังกลุ้มที่หามู่เทียนอินไม่พบ แต่ไม่นึกว่าจะได้พบเขาที่นี่ พิจารณาจากแววตาของเขาแล้ว คิดว่าเขาก็คงไม่นึกว่าจะได้มาพบนางที่นี่กระมัง

แค้นของหยวนหยวน!

แค้นของเจียงหลี!

แค้นของทวนหลิงหลง!

แค้นของนางเอง!

วันนี้ นางได้เห็นผู้ก่อกรรมครั้งนั้นอีกครั้งหนึ่ง ทำให้นางเห็นถึงความหวังที่จะแก้แค้นทั้งหมดได้

มุมปากมู่ชิงเกอยังคงมีรอยยิ้มบางๆ แต่แววตากลับเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบด้วยจิตสังหาร เพียงแต่นางซ่อนอารมณ์ความรู้สึกได้ลึกลํ้ากว่ามู่เทียนอินนัก

อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของนางจึงไม่ได้ทำให้ชูเนี่ยนกับลู่เยี่ยที่อยู่ข้างๆ รู้ตัว

มีเพียงหยินเฉินที่มีพันธสัญญากับนางเท่านั้นจึงรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของนาง

‘หยินเฉิน เห็นคนที่จ้องข้าอยู่ไหม ช่วยจับตาดูเขาแทนข้าให้ดีๆ’ มู่ชิงเกอสั่งหยินเฉินแล้วก็ละลายตาไป ด้วยท่าทีปกติ

นางอยากสังหารมู่เทียนอินในทันที

แต่นางเข้าใจชัดเจนดีว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม

แค้นต้องชำระ เคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างก็ยังต้องหา มู่ชิงเกอรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันโชคดีของนาง หากโชคดีขึ้นอีกนิด ทั้งปมในใจและความแค้นในใจที่ค้างคามานานปีคงได้ขจัดออกไปพร้อมกันทั้งหมด

ท่าทีมองเมินของมู่ชิงเกอทำให้สีหน้ามู่เทียนอินยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้น

ไฟโทสะในใจของเขาโหมซัด ‘ถือสิทธิ์อะไร คนสายเลือดตํ่าช้าจากโลกข้างล่างถึงขนาดไม่สนใจข้าเชียวรึ!’

เวลานี้ เสียงวิจารณ์ที่น่าเบื่อก็ดังขึ้นมาอีก

คนที่เหมือนรู้ข่าววงในพูดอย่างภาคภูมิใจต่อว่า “ข้าได้ยินว่าราชาเทวะน้อยฮ่วนเยวี่ยคนนี้ตอนออกมาจากบ่อบิน เนื่องจากมีหลายรากวิญญาณจึงถูกรังเกียจจากแผ่นดินเทพตะวันตกกับแผ่นดินเทพเหนือเพราะมองว่าเขาเป็นเศษสวะไร้ค่า สุดท้ายแล้วดินแดนฮ่วนเยวี่ยแผ่นดินเทพตะวันออกก็รับไว้และใช้เรืออากาศส่งเขาไปยังเสี่ยวเทียนอี้”

“อ้อ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ”

“ฮ่าๆๆๆ…คราวนี้แผ่นดินเทพตะวันตกกับแผ่นดินเทพเหนือไม่โดนตบหน้าหรือ อัจฉริยะราวกับปีศาจเช่นนี้ อยู่ดีๆ ก็ให้กับแผ่นดินเทพตะวันออกฉกตัวไปต่อหน้าต่อตา”

“ก็ใช่น่ะสิ ได้ยินว่าหลังจากราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยประกาศให้รู้กันทั่วทั้งใต้หล้าแล้ว สองดินแดนเทพที่ปฏิเสธไม่รับราชาเทวะน้อยแต่แรกต่างเสียใจจนหน้าดำหน้าเขียว แต่ว่านี่ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือ ราชาเทวะน้อยฮ่วนเยวี่ยคนนี้ใช้เวลาปีครึ่งจึงออกจากเสี่ยวเทียนอี้ พอออกมาก็มีตบะบำเพ็ญขั้นจิตวิญญาณชั้นเจ็ดเลยทีเดียว”

“อะไรกัน! เป็นไปได้อย่างไร”

ทุกคนต่างตกใจ

มู่หลินกับมู่ซานยิ่งตกใจ รายละเอียดที่ผ่านมาของมู่ชิงเกอพวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน

หากมู่ชิงเกอได้ยินเวลานี้ เกรงว่าตัวนางเอง ก็คงตกใจด้วยเช่นกัน นางคงแปลกใจว่าทำไมคนคนนี้จึงรู้ละเอียดถึงเพียงนี้

แต่หากนางรู้ว่าคนที่คุยจ้ออยู่นั้น เป็นใครนางก็คงไม่รู้สึกประหลาดใจอะไรแล้ว

เพราะคนคนนั้นก็คือถงเถิงที่ออกไปหาประสบการณ์ด้วยตัวเองนั้นเอง

“หนึ่งปีครึ่ง ออกจากเสี่ยวเทียนอี้ก็เป็นถึงขั้นจิตวิญญาณขั้นเจ็ด!” มู่หลินอุทานด้วยความตกใจ อดไม่ได้ที่จะมองไปทางนายน้อยข้างกายตัวเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version