ตอนที่ 655
มู่เทียนอินที่หนีหัวชุกหัวซุน
“จะบอกพวกเขาไหม” หยินเฉินถาม
พวกเขาที่หมายถึงย่อมเป็นราชาเทวะอู๋หวากับชูเนี่ยน
มู่ชิงเกอสั่นศีรษะช้าๆ เก็บกระจกส่องเทพเงียบๆ “ชูเนี่ยนส่งคนไปเฝ้าอยู่แล้ว แค่รอให้พวกเขาเคลื่อนไหว เวลานี้พวกเราไม่ต้องเข้าไปร่วมด้วย”
หยินเฉินผงกศีรษะ
แต่มู่ชิงเกอกลับมองเขาและบอกเขาว่า “แต่ว่า เจ้าต้องช่วยข้าจัดการเรื่องเรื่องหนึ่ง”
“เจ้าว่ามาเลย” หยินเฉินถาม
มู่ชิงเกอหยิบขวดจากอกเสื้อแล้วยื่นให้หยินเฉิน “ในนี้เป็นยาชนิดหนึ่ง เพียงอังไว้ที่ปลายจมูกดมครั้งเดียวก็จะสามารถทำให้คนที่สลบไสลฟื้นขึ้นมาได้”
พอนางพูดเช่นนี้หยินเฉินก็เข้าใจแล้ว เขารับขวดไป เงาร่างหายวับไปในทันที
แต่อีกพริบตาเดียวเขาก็ปรากฎตัวขึ้นมาใหม่ เพียงแต่ท่าทีราวกับจะแข็งทื่อไปเล็กน้อย เพียงยืนอยู่ตรงนั้นนิ่ง ไม่กระดุกกระดิก
มู่ชิงเกอมองเขาแล้วก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ
นางรู้ว่านี่เป็นอาคมพรางตาของหยินเฉิน เพียงแค่เอาไว้หลอกพวกที่มาเฝ้าสังเกตการณ์เท่านั้น
มู่ชิงเกอสะบัดแขนเสื้อ เดินไปยังเตียงนอนด้วยท่าทางปกติ นางนั่งขัดสมาธิ คนภายนอกเห็นแล้ว ก็ราวกับนางกำลังพักผ่อนอยู่
หนึ่งก้านธูปผ่านไป ‘หยินเฉิน’ ที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงก็กลับมาเคลื่อนไหวตามปกติ
มู่ชิงเกอค่อยๆ มองไปที่เขา
หยินเฉินเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “ให้พวกเขาดมแล้ว คงจะฟื้นเร็วๆนี้”
มู่ชิงเกอผงกศีรษะนิดๆ “อืม หวังว่าพวกเขาจะมาทันฉากสำคัญ”
เงียบไปครู่หนึ่ง มู่ชิงเกอก็มองหยินเฉินแล้วว่า “เจ้าสามารถตามกลิ่นมู่เทียนอินในระยะพันลี้ได้ใช่ไหม”
หยินเฉินผงกศีรษะ
เขาเข้าใจความหมายมู่ชิงเกอว่าไม่อยากให้มู่เทียนอินหนีไปได้อีก
ในดินแดนอู๋หวา พวกเขาไม่สะดวกที่จะชำระบัญชีแค้นส่วนตัว แต่เมื่อห่างออกจากดินแดนอู๋หวาไปแล้วก็จะเป็นโอกาสอันดี
“แต่พวกเราไม่อาจรีบร้อนจากไปได้” หยินเฉินเตือน
หากมู่เทียนอินหนีไปแล้วพวกเขาก็รีบร้อนลาจากคงจะทำให้ราชาเทวะอู๋หวาเกิดสงสัยขึ้นมาอีก แต่หากยังมัวแต่เสียเวลาอยู่ในดินแดนอู๋หวา เกรงว่ามู่เทียนอินจะไปไกลเกินกว่าพันลี้
หากเกินพันลี้แล้ว แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรกว้างใหญ่เวิ้งว้าง พวกเขาจะไปหามู่เทียนอินที่ไหนได้อีก
“ข้าไปไม่ได้ แต่เจ้าไปได้” มู่ชิงเกอมองเขา
หยินเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย นัยน์ตาสีเลือดผุดแววสงสัย “ชิงเกอจะให้ข้าออกไปแอบติดตามมู่เทียนอินก่อนหรือ” ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจความหมายของมู่ชิงเกอ
“ไม่ว่าเขาจะมีฝีมือแค่ไหนก็ไม่สามารถหลบออกจากดินแดนอู๋หวาได้ในครั้งเดียวแน่ ดังนั้น ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือหนีเข้าไปในเมืองอู๋หวาก่อนแล้วค่อยหนีออกจากเมืองอู๋หวา ดินแดนอู๋หวาอยู่ติดมหาสมุทรดวงดาว เมื่อเขาออกจากดินแดนอู๋หวาแล้วก็จะต้องเข้าสู่มหาสมุทรดวงดาว” มู่ชิงเกอหยุดลงกะทันหัน สองตาหรี่ลงมา
หยินเฉินเห็นนางกำลังครุ่นคิดก็ไม่ได้ส่งเสียงรบกวน
“ฮึ” ตาที่หรี่ลงของมู่ชิงเกอเปล่งประกายวูบหนึ่ง มุมปากผุดรอยยิ้มเยาะ “พบอุปสรรคเช่นนี้หนีหัวซุกหัวซุน มีที่ไปได้เพียงที่เดียวเท่านั้น”
แววตาหยินเฉินมืดลง พูดด้วยท่าทีประหลาดใจว่า “แผ่นดินเทพตะวันตกหรือ”
มู่ชิงเกอผงกศีรษะช้าๆ“ตระกูลมู่เดิมอยู่ที่แผ่นดินเทพตะวันตกอยู่แล้ว อีกทั้งจากการติดตามของเผ่ามาร ตระกูลมู่ที่เหลือในหลายปีมานี้เคลื่อนไหวถี่มากบนแผ่นดินเทพตะวันตก ซึ่งก็หมายความว่า รังของพวกเขาอยู่ที่แผ่นดินเทพตะวันตก มู่เทียนอินที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อหลบการไล่สังหารจากเผ่าเทพ จึงเหลือเพียงหนีกลับไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดเท่านั้นพอข้าเสร็จธุระทางนี้แล้วจะรีบไปสมทบกับเจ้าโดยเร็วที่สุด”
ท่ามกลางมหาสมุทรดวงดาว ไม่เหมาะที่จะสะกดรอยตาม
แต่ขอเพียงมู่เทียนอินเหยียบย่างเข้าไปในแผ่นดินเทพตะวันตกก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือของหยินเฉินทันที
มีหยินเฉินด้วยตัวเอง ครั้งนี้นางจะต้องพบรังของมู่เทียนอินได้แน่นอน แค้นเก่าแค้นใหม่จะได้ชำระเสียพร้อมกัน
แววตามู่ชิงเกอเย็นเฉียบ รอยยิ้มที่มุมปากหนาวเหน็บสุดแสน ‘ข้ารอจนแทบทนไม่ไหวแล้ว’
หลังเที่ยงคืน ชูเนี่ยนนำคนไปยังตำหนักที่กักกันเหล่าแขกเหรื่ออย่างรีบเร่ง
กลุ่มคนที่สลบไสลเหล่านั้นฟื้นขึ้นมาแล้ว นางไปดูและได้ข้อมูลสำคัญจากปากพวกเขาแล้ว เมื่อรวมกับข้อมูลในมือตัวเอง ‘คนร้ายที่แท้จริง’ เป็นใครนั้นก็เป็นที่ชัดเจนอย่างยิ่งแล้วในใจนาง
แต่เมื่อนางไปถึงสถานที่นั้นแล้วกลับพบว่าคนจากไปหมดแล้ว
ตาหงส์ดังบ่อนํ้าผุดของชูเนี่ยนดูเคร่งเครียดขึ้นมา ใบหน้าแสนงามเองก็เย็นเฉียบลงด้วยเช่นกัน “สั่งให้ค้นหาทันที หาให้หมดทุกซอกทุกมุม เฝ้าทางเข้าออกให้แน่นหนา”
“ขอรับ”
ลูกศิษย์ดินแดนอู๋หวาต่างรับคำสั่ง แล้วรีบไปปฏิบัติทันที
ชูเนี่ยนหันไปทางวังราชาเทวะ นางจะไปพบบิดาตัวเองแล้วเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เขาฟัง ล้างมลทินให้มู่ชิงเกอ จากนั้นนางจะขอร้องบิดาให้มู่ชิงเกอช่วยนางจับโจร
วังอู๋หวาคืนนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องวุ่นวาย ยากที่จะเงียบสงบลงได้
เสียงฝีเท้ารีบร้อนดังแว่วไปมาด้านนอก แสงไฟระยิบระยับ ทั้งยังเสียงออกคำสั่งที่เคร่งเครียดกระจายกันออกไป ทำให้บรรยากาศวังอู๋หวาเปลี่ยนเป็นตึงเครียดมาก
มู่ชิงเกอยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในห้องมองดูแสงไฟที่วับแวมไปมานิ่ง ไม่พูดไม่จา
สักครู่ก็แว่วเสียงชุดเกราะดังเข้ามา มู่ชิงเกอหันมองไปตามเสียงก็เห็นชูเนี่ยนสวมชุดออกศึกเดินเข้ามา ลักษณะเช่นนี้ของชูเนี่ยนลดความรู้สึกนุ่มนวลน่าใกล้ชิดลง แต่เพิ่มความองอาจสง่างามขึ้นมาแทน
“ชิงเกอ เจ้าตามข้ามา” ชูเนี่ยนพูด
มู่ชิงเกอผงกศีรษะนิดๆ บอกนางว่า “ดูแล้วฝ่ายตรงข้ามคงจะเคลื่อนไหวแล้ว เจ้ามาได้เวลาพอดี ขอป้ายเข้าออกให้หยินเฉินสักแผ่น ให้เขาเดินทางออกไปก่อนได้ไหม”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ” ชูเนี่ยนชะงักแล้วถาม ด้วยความสงสัย
มู่ชิงเกอผงกศีรษะนิดๆ “หยินเฉินต้องไปจัดการเรื่องสำคัญอย่างยิ่งจะไม่ทันกาลแล้ว เวลาที่อยู่ที่ดินแดนอู๋หวานั้นนานกว่าที่คิดเอาไว้มาก แต่เจ้าวางใจได้ ข้ายังอยู่ต่อ รอให้เรื่องจบก่อน”
ชูเนี่ยนยิ้ม “เจ้าอยู่เพื่อช่วยเหลือ ไม่ใช่ตัวประกันอะไร”
พูดจบนางก็หยิบป้ายออกมาแล้วโยนให้หยินเฉินพลางบอกเขาว่า “มีป้ายนี้แล้ว เจ้าจะสามารถเข้าออกดินแดนอู๋หวาได้ตลอดเวลา”
หยินเฉินเม้มปากผงกศีรษะ เก็บป้ายไว้
จากนั้น ชูเนี่ยนก็มองมาที่มู่ชิงเกอ บอกเขาว่า “ชิงเกอ เจ้าตามข้าไปจับคนได้ไหม”
“เคลื่อนไหวแล้วหรือ” แม้จะรู้อยู่แล้ว เวลานี้มู่ชิงเกอก็ยังแสดงอาการยินดีออกมา
ชูเนี่ยนอมยิ้มพยักหน้า “ข้าส่งคนไปค้นหาอย่างเต็มที่ เจ้าไปกับข้าที่ทางออก ไม่ว่าเขาจะหลบอยู่ที่ไหน ทางออกก็เป็นทางที่ต้องผ่าน”
“หากตัวเขามีเครื่องมือที่ใช้หลบหนีได้เล่า” มู่ชิงเกอคิดแล้วเอ่ยเตือนขึ้นมา
ชูเนี่ยนยิ้มน้อยๆ พูดอย่างสบายอารมณ์ว่า “ก่อนมานี่ข้าได้ไปหาท่านพ่อมา ท่านเปิดใช้อาคมแล้ว เวลานี้ในวังอู๋หวาไม่ว่าเครื่องมืออาคมใดๆ ล้วนไม่อาจใช้การได้หากเขาคิดจะหนีโดยใช้อาคมค่ายกลก็จะต้องไปยังทางเข้าออกเท่านั้น”
มู่ชิงเกอยิ้มมุมปาก แววตาเจือรอยยิ้มสนุกสนาน “เช่นนั้นพวกเราก็ไปรอจับปลาในข้องแล้วกัน”