ตอนที่ 674
ข้าเป็นลูกศิษย์ฮ่วนเยวี่ย
หลังจากหยวนหยวนฟื้นขึ้นมาแล้ว ทวนหลิงหลงก็ดูเหมือนจะต่างไปจากเดิม
เวลามู่ชิงเกอถืออยู่ในมือ พลังที่รับรู้ได้ก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่า
ราวกับว่านี่จึงจะเป็นสิ่งที่ยุทธภัณฑ์มหาเทพพึงมี
มู่ชิงเกอยิ้มพยักหน้านิดๆ พูดอย่างจริงจังว่า “ดี พวกเราเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้กัน”
พอนางพูดจบ ทวนหลิงหลงก็เกิดประกายคมวาบ
สองตามู่เทียนอินปูดออกมา นัยน์ตาแดงฉานจับจ้องมู่ชิงเกอ เขายังไม่อยากตาย
ไม่อยากตาย! ไม่อยากตาย
“อา!”
มู่เทียนอินแหงนหน้าขึ้นฟ้าโห่ร้องยาว แขนซ้ายที่เหลือกางออกเป็นกรงเล็บ ที่ฝ่ามือ พลังแผ่นดินกำลังรวมตัว เขาใช้พลังเทพที่มีทั้งหมดอย่างบ้าคลั่ง คิดจะสู้ตาย
“มู่ชิงเกอ เจ้าบังคับข้าเองนะ ต่อให้ข้าตายก็จะลากเจ้าลงดินไปพร้อมกับข้า!” มู่เทียนอินตะคอกเสียงดัง ผิวของเขากลายเป็นสีม่วงเข้มข้น ผมของเขาเองก็กำลังเปลี่ยนสีจากสีดำกลายเป็นสีเทา จากสีเทากลายเป็นสีขาว กระทั่งผมเริ่มร่วง
ผมของเขาร่วงลงไปเรื่อยๆ จนเริ่มล้านเป็นหย่อมๆ
แต่พลังของเขายังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะนั้นแสงที่มาจากทางไกลหลายพันสายก็เริ่มมาถึงก้อนหินลอย บริเวณไกลที่สุดแล้ว พวกเขาคิดจะเข้าใกล้ แต่ก็รับรู้ถึง พลังน่าหวาดกลัวจากใจกลางก้อนหินลอย ทำให้พวกเขาจำต้องหยุดลงเพื่อตรวจสอบให้ละเอียดเสียก่อน
ผู้เฝ้ามองกับราชครูยืนอยู่บนพื้น พวกเขาเห็นเหล่าลูกศิษย์ดินแดนเทพเข้ามาใกล้ แต่เหล่าลูกศิษย์ดินแดนเทพไม่เห็นพวกเขา
เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ ผู้เฝ้ามองได้ตั้งค่ายกลหลบซ่อนทำให้ทั้งคู่หายไปจากสายตาของผู้คน
“พวกเขามาถึงแล้ว” ราชครูที่ถูกเชือกสกัดเทพมัดไว้เห็นเหล่าลูกศิษย์ดินแดนเทพพลิ้วกายลงบนก้อนหินลอยไม่ขาดสายก็อดกังวลใจไม่ได้
เขายากที่จะเห็นด้วยกับการกระทำของศิษย์พี่ตัวเองวิธีทดสอบมีอยู่มากมาย เหตุใดจะต้องลากเหล่ามนุษย์เทพเข้ามาด้วย ยังมีอีกฐานะมู่ชิงเกอที่ได้มาไม่ใช่ง่ายเลย จะต้องถูกบังคับให้ทอดทิ้งไปเฉยๆหรือ
คิดถึงเรื่องนี้แล้วเขาก็ร้อนใจนัก
ที่เขากังวลมากก็คือมู่ชิงเกอจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับเหล่ามนุษย์เทพหลายพันคนนั้นได้
ราชครูกำลังกังวล ผู้เฝ้ามองกลับเยือกเย็นอย่างยิ่ง
กระทั้งไม่ได้ชำเลืองดูเหล่าลูกศิษย์ดินแดนเทพแม้เพียงนิดเดียว เพียงตั้งอกตั้งใจจ้องดูกระจกในมือ ในกระจกนั้น ทู่เทียนอินได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทั้งเหี้ยมเกรียมน่าเกลียด นึกภาพนายน้อยตระกูลมู่แต่ก่อนนี้ไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
ราชครูมองไปที่กระจก พอเห็นชัดถึงหน้าตามู่เทียนอิน ตาดำก็หดลงโดยไม่รู้ตัวพูดเสียงหลงว่า “เขากำลังทำการเซ่นสังเวย อาคมลับชนิดนี้ท่านถึงกับมอบให้เขาด้วยรึ!”
เซ่นสังเวย
สังเวยสิ่งที่มีค่าเพื่อแลกเปลี่ยนกับพลังที่มีค่าพอกัน นี่เป็นวิธีการเพิ่มพลังบำเพ็ญตัวเองชั่วคราว ค่อนข้างคล้ายคลึงกับครั้งหานชุ่นที่มู่ชิงเกอเผาผลาญอายุขัยเพื่อ แลกเปลี่ยนพลังบำเพ็ญ ต่างกันที่วิธีลับนี้สามารถเลือกสิ่งที่จะสังเวยได้ สามารถเลือกสังเวยทุกสิ่งที่เป็นของตัวเองหรือสังเวยของคนอื่นก็ได้
แต่ในสถานที่นี้บนเก้าชั้นฟ้านี้ ต่อหน้าความเป็นความตาย มู่เทียนอินไม่มีทางเลือกอื่นใด เขาจึงทำได้เพียงเลือกสังเวยสิ่งที่เป็นของตัวเอง
ที่เขาเซ่นสังเวย คือใบหน้าและรูปลักษณ์ของตัวเอง
ที่แลกมาได้นั้นคือการโจมตีครั้งสุดท้าย
การโจมตีครั้งนี้หากโจมตีให้มู่ชิงเกอล่าถอยไปได้เขาก็จะหนีรอดได้หลบซ่อนอยู่สักระยะหนึ่ง แล้วเขาก็จะกลับมาใหม่เพื่อสังหารมู่ชิงเกอ หากไม่สามารถโจมตีให้ ล่าถอยไปได้ แม้เขาตายก็จะต้องลากมู่ชิงเกอให้ตายไปด้วยกัน
สิ่งที่เขาไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะได้
เพียงชั่วแวบเดียว มู่เทียนอินก็ครุ่นคิดอะไรไปมากมาย
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่า ของบางอย่างนั้นไม่ได้เป็นของเขามาตั้งแต่ต้น
คนเรา เมื่อไม่รู้จักสถานะตัวเองก็จะเดินเข้าสู่หนทางผิดพลาด ทำให้ต้องพบจุดจบที่น่าอเนจอนาถ
‘ลูกพี่ พลังบำเพ็ญเขากำลังเพิ่มสูงขึ้น’ หยวนหยวนเตือนมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอกลับขมวดคิ้วสั่นศีรษะ ‘ไม่ใช่พลังบำเพ็ญสูงขึ้น แต่เขากำลังเรียกพลังกฎบัญญัติที่สูงกว่าขั้นพลังของเขา’
‘เช่นนั้นยังจะรออะไร พวกเรารีบๆ ฆ่าเขาเสีย, หยวนหยวนเร่ง
มู่เทียนอินเคยเกือบฆ่ามู่ชิงเกอ ทั้งฆ่าเขาไปแล้วด้วย นิสัยที่มีแค้นต้องชำระของเขาจะไม่โกรธแค้นได้อย่างไร พอฟื้นขึ้นมาก็ได้เจอคู่แค้นตัวฉกาจ ใจเขานั้นจัดการ สังหารอีกฝ่ายไปแล้วหลายร้อยหลายพันรอบ
มู่ชิงเกอผงกศีรษะเงียบๆ มือกำทวนหลิงหลงให้พลังกฎบัญญัติอยู่ที่คมทวน แล้วพุ่งไปที่มู่เทียนอินด้วยแรงมหาศาล มู่เทียนอินเหลือเพียงครึ่งชีวิต เวลานี้ทำได้เพียงทุ่มทั้งชีวิตเข้าต่อต้าน
เขากำลังเซ่นสังเวย พอมู่ชิงเกอบุกเข้ามา แววตาเขาก็ร้อนรนยิ่งนัก หากระหว่างพิธีเซ่นสังเวยถูกขัดจังหวะ เพียงแค่ผลสะท้อนกลับก็เพียงพอที่ทำให้เขาสิ้นชีพได้ แล้ว
เดิมที เขานึกว่ามู่ชิงเกอจะไม่โจมตีเวลานี้แต่ไม่นึกว่ามู่ชิงเกอจะไม่สนใจกฎกติกา
“มู่ชิงเกอ เจ้าแน่จริงก็รอข้าก่อน ถือโอกาสลอบกัดใช้ได้หรือ!” มู่เทียนอินร้อนรนอย่างหนัก ร้องลั่น
แต่มู่ชิงเกอได้ยินคำพูดเขาแล้ว มุมปากก็ผุดรอยยิ้มประหลาด ไม่มีท่าทีจะหยุดแม้แต่นิด
‘ลูกพี่ เขาแกล้งโง่หรือ’ หยวนหยวนพูดด้วยความดูถูก
มู่ชิงเกอยิ้มเยาะ ‘เขานึกว่าข้าโง่’
พูดจบ พลังกฎบัญญัติก็พุ่งไปถึงหน้ามู่เทียนอินแล้ว พลังกฎบัญญัติที่เขาเรียกมาไม่สามารถต้านทานการโจมตีสายฟ้าฟาดของมู่ชิงเกอได้เลยแม้แต่นิด
“อ๊าก!”
ปัง!
พลังกฎบัญญัติกระแทกเข้าใส่กันจนเกิดระเบิดขึ้น ร่างกายมู่เทียนอินถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป พิธีเซ่นสังเวยก็ล้มเหลว
อ๊าก
แต่พิธีเซ่นสังเวยล้มเหลวไม่ได้หมายความว่าจบสิ้น
มู่เทียนอินที่ล้มลงกับพื้นกลิ้งเกลือกด้วยความเจ็บปวด เขาร้องโหยหวนไม่หยุด “ใบหน้าข้า! ผิวหนังข้า!”
มู่ชิงเกอกระโดดขึ้นแล้วลงมาอยู่ข้างกายมู่เทียนอิน เห็นเขาใช้แขนซ้ายที่เหลืออยู่ พยายามรองรับผิวหนังเป็นชิ้นๆ ที่ร่วงหล่นจากใบหน้าและร่างกายของเขา
เมื่อพิธีเซ่นสังเวยล้มเหลว เขาก็ถูกผลสะท้อนกลับอย่างรุนแรง
ความเจ็บปวดของมู่เทียนอินในเวลานี้เกินกว่าที่จะคาดคิดได้อดีตผู้สูงศักดิ์ที่ฟ้าเลือกสรรเวลานี้นั้นยิ่งกว่าสุนัขนอนดิ้นกลิ้งเกลือกร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด มู่ชิงเกอใบหน้าเฉยเมย ไม่ได้รีบร้อนลงมือจบชีวิตมู่เทียนอิน
นางอยากดูเขาถูกทรมานจนสิ้นชีวิต
แต่ในเวลานี้เอง แสงที่มาจากทางไกลมากมายก็ทำให้นางสังเกตเห็น นัยน์ตานางเกิดประกายแวบหนึ่ง ขว้างทวนหลิงหลงออกไปอย่างรวดเร็ว ปลายทวนที่คมกริบ พุ่งเข้าที่หว่างคิ้วมู่เทียนอินจนเขาสิ้นใจในทันที เขาตายแล้ว การสะท้อนกลับสิ้นสุด แต่สภาพการตายนั้นสุดแสนจะทนดูได้ ดวงตาคู่นั้นยังคงถลึงกว้างไม่ยอม ปิดลง
มู่เทียนอินเพิ่งตายแสงเป็นสายๆ ก็ลงมาอยู่บนก้อนหินลอย ประจันหน้ามู่ชิงเกอ พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นมู่เทียนอินที่นอนตายอยู่บนพื้นแต่มองมู่ชิงเกอที่สวมชุด นักรบเสื้อคลุมสีแดงเพลิง
“เจ้าเป็นใคร”
“แจ้งชื่อมา”
“ไม่แน่ว่าเขาจะเป็นพวกเหลือเดนตระกูลมู่”
“เอาตัวเขากลับไป สอบให้ได้เรื่อง”
คนที่มาก่อนเริ่มไล่ถามมู่ชิงเกอ ด้านหลังก็ยังมีแสงวาบตามลงมาเรื่อยๆ สายตามู่ชิงเกอกวาดดูแล้วคะเนว่าคงมีราวสามสี่พันคน
ฮึ!
มู่ชิงเกอแค่นยิ้มในใจ ก้อนหินลอยที่เดิมว่างเปล่าอยู่ดีๆ ก็มีคนมากมาย
“ข้าเป็นคนดินแดนฮ่วนเยวี่ยแผ่นดินเทพตะวันออก” มู่ชิงเกอเปิดปากอย่างเยือกเย็น