ตอนที่ 696
นี่เป็นกับดัก
“ดึกแล้ว พวกเราพักผ่อนกันเถอะ” มู่ชิงเกอพูดจบก็ใช้แววตาลึกซึ้งมองซีเซียนเสวี่ย
ซีเซียนเสวี่ยเข้าใจทันทีพลางผงกศีรษะ ทั้งคู่ดับไฟในห้องจนหมด ในห้องมืดลงในทันที
ซีเซียนเสวี่ยกับมู่ชิงเกอนอนราบบนเตียง นางหันศีรษะมาถามว่า “มีคนแอบฟังหรือ”
‘หยินเฉิน จัดการตัดหูคนข้างนอกทิ้งให้หมด’ มู่ชิงเกอสั่งหยินเฉินผ่านพันธสัญญาแล้วจึงตอบคำถามซีเซียนเสวี่ย “ใช่ แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาแค่อยากรู้อยากเห็นจึงมาแอบฟัง หรือว่าถูกราชาเทวะจื่อกวงสั่งมาคอยดูว่าเจ้ากับข้าเป็นสามีภรรยากันจริงไหม ไม่ต้องกังวล ข้าสั่งให้หยินเฉินไปจัดการแล้ว”
หยินเฉินบำเพ็ญอยู่ในห้อง เมื่อได้ยินคำสั่งมู่ชิงเกอแล้วก็ลืมนัยน์ตาสีเลือดขึ้นแล้วเดินออกจากห้องมาที่ด้านนอกห้องมู่ชิงเกอทันที เห็นว่าในห้องดับไฟแล้ว แต่ข้างนอกกลับมีกลุ่มคนทำตัวลับๆ ล่อๆ พร้อมใบหน้ากรุ้มกริ่มหมอบอยู่ใต้หน้าต่าง
หยินเฉินนัยน์ตาเย็นเฉียบ ยกมือฟาดออกไป โยนพวกนี้ออกไปนอกประตูใหญ่ จากนั้นก็กั้นเขตแดนนอกประตูห้องมู่ชิงเกอแล้วจึงจากไป
“เรื่องของพวกเจ้า เหยาชิงไห่ได้เล่าให้ข้าฟังแล้ว ในเมื่อมาแล้วก็ต้องบำเพ็ญให้ดีๆ คงมีสักวันที่สหายของพวกเราจะมายังแผ่นดินนี้” มู่ชิงเกอบอกซีเซียนเสวี่ย
ทั้งคู่นอนราบบนเตียง พูดคุยกันเสียงเบา ตรงกลางยังเหลือที่ให้พอนอนได้อีกคน
ซีเซียนเสวี่ยร้อง “อืม ข้าจะพยายาม”
ขณะที่พูด แววตานางก็ปรากฎความแน่วแน่มั่นคง ในโลกแห่งยุคกลาง นางเป็นหญิงสูงศักดิ์มีฐานะสูงส่งมาตั้งแต่เล็ก พูดได้ว่าไม่เคยรู้จักความยากลำบากของชีวิตมาก่อน แต่เมื่อมาถึงที่นี่ คราวเคราะห์สั้นๆ เพียงสองปีกลับทำให้นางเข้าใจความหมายของคำว่า ‘ผู้แข็งแกร่งเป็นเจ้า’
วันนี้ หากไม่ใช่มู่ชิงเกอ นางคงถูกราชาเทวะจื่อกวงใช้กำลังครอบครองไปแล้ว ดังนั้นนางจะต้องพยายามสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองโดยเร็วที่สุด จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น และไม่ทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตรายอีก
“ออกจากดินแดนจื่อกวงแล้ว ข้าจะกลับดินแดนฮ่วนเยวี่ยแผ่นดินเทพตะวันออก พวกเจ้าตามข้ากลับไปที่นั่น อยู่บำเพ็ญในดินแดนฮ่วนเยวี่ย” มู่ชิงเกอพูดอีก
“ได้ ล้วนฟังเจ้า” ซีเซียนเสวี่ยว่าง่ายมาก
“ชิงเกอ เจ้าเล่าเรื่องหลังจากที่เข้ามาแผ่นดินเทพได้ไหม” จนมู่ชิงเกอพูดจบซีเซียนเสวี่ยจึงถามขึ้น
มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ “เรื่องของข้าไม่มีอะไรเท่าไร”
“ข้าอยากฟัง” ซีเซียนเสวี่ยพูดอีก
เห็นแววตาตั้งอกตั้งใจของนาง มู่ชิงเกอยิ้มว่า “เอาละ ในเมื่อเจ้าอยากฟัง ข้าก็จะบอกให้ ความจริงก็ ไม่มีอะไรพิสดาร ข้าบินขึ้นมาแล้วก็นั่งเรืออากาศ ทะลุ มหาสมุทรดวงดาง ถูกนำมาแผ่นดินเทพตะวันออก อยู่ที่เสี่ยวเทียนอี้ก่อน…”
มู่ชิงเกอเริ่มเล่าเรื่องของนาง สิ่งที่นางรู้สึกธรรมดาเมื่อซีเซียนเสวี่ยได้ฟังแล้วกลับชวนตื่นเต้นตลอดเวลา ทั้งคู่คุยกันทั้งคืนจนฟ้าสางก็ยังหยุดไม่ได้
หลังจากปรับลมปราณแล้ว มู่ชิงเกอกับซีเซียนเสวี่ยที่เปลี่ยนชุดเจ้าสาวออกแล้วจึงเดินออกไปนอกห้อง เตรียมตัวจากไป
มองดูซีเซียนเสวี่ยที่เปลี่ยนกลับเป็นชุดสีเงินแล้ว มู่ชิงเกอก็อมยิ้มผงกศีรษะ “ยังคงเป็นสีนี้ที่เหมาะกับเจ้า”
พวกมู่ชิงเกอออกไปกันแต่เช้า พวกเขาไม่ได้ไปลาราชาเทวะจื่อกวง เนื่องจากสิ่งที่ต้องพูดนั้นนางได้พูดไปหมดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ขณะที่พวกเขาจากไป ราชาเทวะจื่อกวงที่กลับมาจากห้องภรรยาคนงามในที่สุดก็มีเวลาที่จะลบปัญญาเทวะบนกระเป๋าจัดเก็บของมู่เทียนอินออก
“ไม่มีจริงๆ รึเนี่ย” หลังจากค้นหาอย่างละเอียดแล้ว สองตาของราชาเทวะจื่อกวงก็หรี่ลงอย่างอันตราย ออกแรงบีบกระเป๋าจัดเก็บจนระเบิดออก
ข้าวของที่เก็บอยู่ในนั้นล้วนกระจัดกระจาย กองอยู่เต็มพื้นเบื้องหน้าเขา
ของเหล่านี้ ในสายตาคนทั่วไปนับว่ามีค่าสูงยิ่ง แต่ในสายตาราชาเทวะช่างไร้ค่าโดยแท้
สายตาราชาเทวะจื่อกวงกวาดผ่านด้วยความเคร่งเครียดอีกครั้งก็ยังไม่พบสิ่งที่เขาต้องการในกอง ‘ขยะ’ นั้น หาอยู่หลายครั้งอย่างไม่เลิกรา จนยอมแพ้ไปในที่สุด
“ไม่มีได้อย่างไร ปัญญาเทวะบนนั้นยังอยู่ครบถ้วนบริบูรณ์ไม่ได้ทำปลอมขึ้นมา มู่ชิงเกอคงไม่ได้หลอกลวงข้า แต่เหตุใดจึงไม่มีเคล็ดวิชาเทวะ” ราชาเทวะจื่อกวงพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
ทันใดนั้น แววตาก็พลันเปล่งประกายพูดว่า “หรือว่าคนที่ถูกมู่ชิงเกอสังหารนั้นจะไม่ใช่นายน้อยตระกูลม่”
พูดแล้ว เขาก็ส่ายหน้าช้าๆ ปฏิเสธว่า “หากไม่ใช่ คนตระกูลมู่เหตุใดจะต้องลอบสังหารมู่ชิงเกอเพื่อแก้แค้นด้วย หรือว่า…เคล็ดวิชาเทวะไม่ได้อยู่ที่ตัวเขา แต่เก็บไว้ในที่ที่ลึกลับ”
แววตาราชาเทวะแปรเปลี่ยนไป ความเหี้ยมโหดผุดขึ้นมาจากภายในนั้น
เขาร้องฮึแล้วขยี้ของทั้งกองนั้นจนเป็นผุยผง เอ่ยออกมาเย็นเยียบว่า “เสียเวลาเปล่า”
เขาไม่ได้สงสัยว่ามู่ชิงเกอทำของปลอมขึ้นมา เนื่องจากปัญญาเทวะบนกระเป๋าจัดเก็บนั้นตรงกันกับเศษปัญญาเทวะบนกะโหลกที่มู่ชิงเกอเอามาทุกอย่างจริงๆ
แต่เขาโมโหที่ตัวเองต้องมาเสียทั้งเวลา เสียทั้งผู้หญิงที่ตัวเองพึงพอใจ แต่สุดท้ายแล้วกลับไม่ได้อะไรเลย
ความอัดอั้นนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาก รู้สึกเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“น่าแค้นใจนัก!” ราชาเทวะจื่อกวงทนไม่ไหว อาละวาดในวังราชาเทวะทันที
เวลานี้พวกมู่ชิงเกอได้ออกจากดินแดนจื่อกวงแล้ว ทั้งออกจากเกาะจื่อหลินแล้วด้วย พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังแผ่นดินเทพตะวันออกอย่างรวดเร็ว
เมื่อห่างออกไปไกลแล้ว มู่ชิงเกอจึงปล่อยเหยาชิงไห่ออกจากช่องว่าง
ราชครูเองก็จากไปแล้วเพื่อไปหาเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างที่เหลืออีกสองส่วน
เมื่อนับรวมหยินเฉิน เหยาชิงไห่กับซีเซียนเสวี่ย อีกสามคน กลุ่มมู่ชิงเกอทั้งหมดแปดคน หลังจากออกจากดินแดนจื่อกวงห้าวันแล้วก็ได้มาถึงเมืองมนุษย์ ธรรมดาแห่งหนึ่ง
“เหตุใดที่นี่จึงเงียบสงบเช่นนี้” ซีเซียนเสวี่ยเดินอยู่ข้างกายมู่ชิงเกอ พิจารณาดูสภาพภายในเมือง และถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
ไม่เพียงแค่นางที่รู้สึกผิดปกติ คนอื่นต่างก็พากันระวังตัวขึ้นมา
“เจ้าสาม ที่นี่เหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เหมือนมีคนอยู่แต่กลับหลบซ่อนตัว” จวงซานรับรู้สักครู่แล้วบอกมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอผงกศีรษะนิดๆ
เมืองนี้ขณะที่พวกเขายังไม่ได้เข้ามาก็ยังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ แต่พอเข้ามาแล้วก็พลันรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติขึ้นมา
เมืองมนุษย์ธรรมดาควรจะครึกครื้น
แต่ที่นี่กลับไร้ผู้คนราวกับเป็นเมืองร้าง คนที่นี่หายไปไหนกันหมด อีกทั้งกลิ่นอายที่หลบซ่อนอยู่นั้นเป็นพวกไหนกัน
มู่ชิงเกอนำพวกเขาเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ อย่างเงียบเชียบ จนกระทั้งไปถึงที่กว้างแห่งหนึ่งจึงได้หยุดลง
“ดูแล้ว มีคนลงทุนทำหลุมพรางไว้ดักพวกเรา” มู่ชิงเกอพูดเรียบๆ
ที่นี่กว้างขวางมาก ทัศนะวิสัยดีเยี่ยม ไม่มีที่หลบ ถอยกลับก็ไม่ได้ หากนางหันหลังเดินกลับไปละก็ รับรองได้เลยว่าจะต้องมีธนูลับจำนวนนับไม่ถ้วนยิงออกมา พร้อมกันแน่นอน
การที่นางเดินมาถึงที่นี่ด้วยท่าทีเงียบสงบนั้น ทำให้พวกที่ซ่อนตัวอยู่ต่างรู้สึกผิดคาด
“ออกมาเถอะ” มู่ชิงเกอช้อนสายตาขึ้นแล้วพูดเสียงเย็น