ตอนที่ 706
อาศัยพวกเจ้าไม่กี่คนนี้?
“คนพวกนี้เป็นใครกัน” ในตู้รถ หลีเฉายืนขึ้น มองดูพวกมือสังหารที่วิ่งตามมาด้วยสีหน้าน่าเกลียด
คนเหล่านี้ล้วนใส่ชุดดำอำพรางกาย เวลานี้คํ่าแล้วยิ่งทำให้คนมองไม่ออกว่าพวกเขาเป็นใคร เพียงแต่รู้สึกได้ถึงจิตสังหารในตัวแต่ละคน ทั้งยังความรู้สึกโหดเหี้ยมนั่น
“เป้าหมายพวกเขาคือพวกเรา? หรือว่าผิดคน” เหยาชิงไห่เองก็ลุกขึ้นมามองพวกมือสังหารที่ไล่ตามมาข้างหลัง
สัตว์เครายาวเองก็กลัวจนวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ตู้รถที่ผูกอยู่บนหลังมันสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลา แต่เพราะความตกใจทำให้มันใช้พลังที่ซ่อนเร้นออกมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เวลานั้นจึงทำให้คนข้างหลังโดนทิ้งห่างไปไกล ตามมาไม่ทันไปครู่หนึ่งจึงพอมีเวลาให้พวกมู่ชิงเกอปรึกษากันในตู้รถ
“คนพวกนี้เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”เหยาชิงไห่พูดอีก
เพราะว่า พวกเขายังไม่ทันเห็นคนฝั่งนั้นชัดเจนเลย เหตุใดพุ่งเข้ามาก็จะฆ่าฟันกันเลยเล่า
อีกทั้งที่พบว่ามีการดักซุ่มก่อนใครนั้นก็คือเจ้าสัตว์เครายาวนี่ด้วย
“หรือว่าคนที่สัตว์เครายาวเคยพาโดยสารนั้นเป็นศัตรูกับพวกเขา สัตว์เครายาวเคยเห็นพวกเขา คุ้นเคยกับกลิ่นอายของพวกเขา ตอนแรกพอรู้ตัวจึงหลบหนีทันที” เซียนสุ่ยวิเคราะห์เช่นนี้
“หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเราก็กลายเป็นต้องรับเคราะห์น่ะสิ” จวงซานกล่าว
“หากผิดตัว พวกเราแค่ไปพูดให้เข้าใจก็พอแล้ว” หลังจากซวนเฉียงกลับคืนสู่สภาพปกติแล้วก็เปิดปากพูด เพียงแต่ขณะที่พูด สายตาก็กวาดไปที่มู่ชิงเกออย่างไม่ตั้งใจครั้งหนึ่ง
แต่มู่ชิงเกอที่กำลังครุ่นคิดถึงที่มาของเหล่ามือสังหารไม่ทันได้สังเกต
ต่อให้สังเกตเห็น นางก็ไม่คิดมาก
‘ผิดคนจริงหรือ’ มู่ชิงเกอถามตัวเองในใจ
แต่เวลานี้เอง เสียงโหดเหี้ยมตอนแรกนั้น ก็พูดขึ้นอีกว่า “มู่ชิงเกอ เจ้ายังจะคิดหนีอีกหรือ วันนี้ข้าจะชำระบัญชีเก่ากับเจ้า!”
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว
สีหน้าคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปทันที บรรยากาศในตู้รถตึงเครียดขึ้นมาฉับพลัน
เพิ่งคิดว่าอีกฝ่ายตามผิดคนหรือไม่ แต่เวลานี้คนก็เรียกชื่อออกมาแล้วย่อมไม่ผิดตัวแน่นอน
คนข้างหลังยิ่งตะโกนดุดันมากเท่าไร สัตว์เครายาวที่ขี้ขลาดก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้นอย่างไม่คิดชีวิตเท่านั้น
ปัญญาเทวะของมันยังไม่เปิด อาศัยเพียงความรู้สึก ทั้งไม่รู้ว่ามู่ชิงเกอเป็นใคร รู้เพียงมีคนไล่ตามมาข้างหลัง มีแต่จิตสังหาร มันไม่อยากตายจึงต้องหนีสุดแรงเกิด
โดยทันทีรอบตัวมันพลันเปล่งแสงเหลืองนวล ความเร็วเพิ่มสูงขึ้นไปอีก
คนในตู้รถโยกไปมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง แต่ยังไม่อเนจอนาถเท่าครั้งก่อน การเพิ่มพลังของสัตว์เครายาวครั้งนี้ทำให้ระยะห่างจากเหล่ามือสังหารไกลออกไปอีก
หลีเฉามองเหล่ามือสังหารที่ตามมาแล้วพูดกับมู่ชิงเกอที่ขมวดคิ้วอยู่ว่า “เป็นใครต้องการสังหารเจ้า พูดกันตามจริงแล้วเจ้าก็เอาของนั่นให้ราชาเทวะจื่อกวงไปแล้ว พวกที่แผ่นดินเทพตะวันตกก็เบนความสนใจจากเจ้าไปแล้ว หรือว่า…,” ทันใดนั้น ดวงตาหลีเฉาก็เปล่งประกาย “หรือเป็นพวกตระกูลมู่ตามมาจากแผ่น ดินเทพตะวันตกจนมาถึงแผ่นดินเทพตะวันออก”
คนตระกูลมู่หรือ
‘เป็นไปไม่ได้’ มู่ชิงเกอปฏิเสธในใจ ละครก็เล่นพอแล้ว ถ้ามีมากกว่านี้ก็เกินไปแล้ว ดังนั้นซวีซิวคงไม่โง่ถึงขนาดส่งคนมาฆ่านางที่แผ่นดินเทพตะวันออกอีก
นางสั่นศีรษะช้าๆ บอกหลีเฉากับคนอื่นๆ ว่า “ไม่มีทางเป็นคนตระกูลมู่หรอก พวกเขาอยู่แผ่นดินเทพตะวันตกก็มีอันตรายรอบทิศอยู่แล้ว จะมาซุ่มโจมตีที่ แผ่นดินเทพตะวันออกเร็วกว่าเราได้อย่างไร”
“ไม่ใช่คนตระกูลมู่แล้วจะเป็นใคร” จวงซานถามอย่างประหลาดใจ
มู่ชิงเกอหรี่ตาลงแค่นยิ้มออกมาทันใด สายตากวาดผ่านใบหน้าหลีเฉา จวงซาน รวมทั้งซวนเฉียง ถามว่า “พวกเจ้าลืมแล้วหรือ ข้าอยู่ที่แผ่นดินเทพตะวันออกเคยผูกแค้นกับใครไว้”
ทั้งสามคนชะงัก คิดตามคำของมู่ชิงเกอ
เขาเคยผูกแค้นกับใครในแผ่นดินเทพตะวันออก?
อ้อ…
นัยน์ตาดำทั้งสามหดลง จวงซานพูดเสียงหลง “ดินแดนจั๋วอวี่!”
ในงานสี่ดินแดนเทพถกวิถีแผ่นดินเทพตะวันออก มู่ชิงเกอได้สังหารลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้าของดินแดนจั๋วอวี่ไป
สีหน้าหลีเฉาดูน่าเกลียดขึ้นมาทันที ที่เขากังวลไม่ใช่กลุ่มคนข้างหลังแต่เป็นดินแดนจั๋วอวี่ เขามองมู่ชิงเกอแล้วพูดว่า “ถึงแม้ครั้งนั้นไม่รู้ทำไมพวกผู้อาวุโส ดินแดนจั๋วอวี่จึงไม่ได้เอาเรื่อง แต่หลังจากกลับถึงดินแดนฮ่วนเยวี่ย ขณะอยู่ในวังราชาเทวะ ข้าเคยได้ยินราชาเทวะพูดเหมือนกับว่าราชาเทวะจั๋วอวี่จะโกรธจัด จะให้ราชาเทวะมอบตัวชิงเกอออกไป แต่ราชาเทวะไม่ได้สนใจเท่านั้น”
มู่ชิงเกอไม่เอ่ยคำใด
ดินแดนจั๋วอวี่ไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ นางเตรียมใจไว้บ้างแล้ว เพียงแต่การคุ้มครองจากราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยออกจะเกินความคาดหมายของนางไปบ้าง
สัตว์เครายาวยิ่งวิ่งยิ่งไม่คิดชีวิต แต่มันเป็นประเภทใช้งานระยะยาว ไม่ใช่ประเภทใช้ความเร็วสูง ที่วิ่งเร็วได้เช่นนี้นั้นก็ถือว่าหายากมากแล้ว
ตอนนี้เมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงนานๆ เข้า มันก็เริ่มหมดแรง ริมฝีปากใหญ่ที่ดูน่าเกลียดนั้นเริ่มมีฟองสีขาวผุดออกมา
เสียงหอบนั้นคนในตู้รถทั้งหมดล้วนได้ยิน
สัตว์เครายาวค่อยๆ หมดแรง กลุ่มคนต้องสงสัยว่าเป็นคนดินแดนจั๋วอวี่ก็ยังคงตามมาติดๆ
จวงซานคอยสังเกตพวกคนที่ตามมาหันไปบอกมู่ชิงเกอว่า “เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้การ”
เซียนสุ่ยก็ผงกศีรษะเพิ่มเติมว่า “สัตว์เครายาววิ่งอีกเพียงร้อยลี้ก็จะหมดสิ้นกำลังจนตาย”
มู่ชิงเกอฟังคนทั้งสองแล้วค่อยๆ เงยหน้ามอง
ในตู้รถขณะนี้ หลีเฉาขมวดคิ้วแน่นราวกับ กำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่
ใบหน้าซวนเฉียงเหมือนน้ำแข็ง ไม่แสดงอาการใดๆ
หยินเฉินย่อมแล้วแต่สั่งการ
เหยาชิงไห่กับซีเซียนเสวี่ยสองคนแสดงออกถึงความตึงเครียด ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านี้พวกเขาอ่อนแอที่สุด
กวาดมองไปรอบหนึ่ง มุมปากมู่ชิงเกอเชิดขึ้นค่อยๆ เอ่ยว่า “ในเมื่อหลบไม่พ้นก็สู้เถอะ”
ในเมื่อหลบไม่พันก็สู้เถอะ?
คำพูดไม่กี่คำนี้ช่างฟังดูสบายอกสบายใจ เทียบกับสัตว์เครายาวที่วิ่งหนีไม่คิดชีวิตแล้วช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน
เมื่อได้ฟังคำพูดนางแล้ว ไหล่ของคนที่เหลือทั้งหมดก็ไหวสะท้านขึ้นมา แม้แต่เหยาชิงไห่กับซีเซียนเสวี่ยเองยังรู้สึกว่าความกังวลใจเมื่อครู่นี้มลายหายไปจนหมดสิ้น
มู่ชิงเกอมองไปที่หลีเฉาแล้วบอกเขาว่า “ให้สัตว์เครายาวหยุดได้”
หลีเฉาผงกศีรษะออกคำสั่งให้สัตว์เครายาวหยุดลง เดิมทีสัตว์เครายาวยังไม่ยอมหยุด แต่เมื่อฟังหลีเฉาบอกว่าคนพวกนั้นไม่ได้มาฆ่ามัน มันก็พุ่งลงไปบนพื้นดินทันที เสียงร้องยาวนั้นแฝงด้วยอารมณ์อัดอั้นราวกับต่อว่าพวกเขาที่ทำให้มันต้องเดือดร้อนจนแทบเอาชีวิตไม่รอด
สัตว์เครายาวร่อนลงบนพื้นอย่างนิ่มนวล ที่นี่เป็นบริเวณที่รกร้างทั้งแถบ มีหญ้าขึ้นหร็อมแหร็มราวกับศีรษะโล้นเลี่ยน ไม่สวยงามเลยสักนิด
เพียงแต่ นี่ไม่ใช่เวลาชื่นชมทิวทัศน์จึงไม่มีใครใส่ใจ
พอปล่อยพวกเขาลงแล้ว สัตว์เครายาวก็ใช้พลังเฮือกสุดท้ายเผ่นหนีเต็มที่ พอมันจากไป พวกมือสังหารที่ติดตามมาก็พากันพุ่งมายังเบื้องหน้าพวกมู่ชิงเกอ
“ฮึ! ทำไมไม่หนีแล้วเล่า” คนที่เป็นหัวหน้าหัวเราะ เหน็บแนมเสียงเย็น
มู่ชิงเกอหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “อาศัยพวกเจ้าไม่กี่คนก็ต้องหนีหรือ”