ตอนที่ 715
เพลิง เพลิงที่ร้อนแรง
“ที่ตรงนี้หรือ” มู่ชิงเกอมองไปยังพื้นที่รกร้าง เบื้องหน้าออกจะผิดคาดไปบ้าง
เซียนสุ่ยพยักหน้า
เขายกมือชี้ไปบนเขาที่อยู่ไกลออกไปแล้วบอกมู่ชิงเกอว่า “พูดให้ชัด ควรเป็นที่หลังเขานั้น”
มู่ชิงเกอกับถงเถิง ทั้งหยินเฉินต่างมองไปทางที่เขาชี้ ที่นั่นนอกจากยอดเขาที่ยาวทอดต่อกันแล้วก็ดูไม่ออกเลยว่ามีอะไรพิเศษ
“ไปถึงก็จะรู้เอง” เซียนสุ่ยว่า
มู่ชิงเกอพยักหน้า ทั้งสี่คนเดินมุ่งหน้าต่อไป
“ความจริง ที่นี่มองดูแล้วธรรมดามาก แต่ที่แปลกก็คือ ที่นี่มักมีของวิเศษปรากฎ บางทีก็เป็นดอกไม้ประหลาด บางทีเป็นสิ่งของจิตวิญญาณ บางทีเป็นยุทธภัณฑ์ชั้นอาคมที่สูญหายไปนาน” เซียนสุ่ยแนะนำให้พวกมู่ชิงเกอได้รู้
“เหตุใดจึงประหลาดนัก” ถงเถิงพูดด้วยความแปลกใจ
เซียนสุ่ยพยักหน้า “เป็นเพราะอะไรก็ไม่มีใครรู้ แต่ก็เป็นเช่นนี้มาตลอด”
“มีอันตรายอะไรไหม” ถงเถิงถามอีก
“อันตราย?” เซียนสุ่ยคิดแล้วยิ้มขึ้นมา พอเขายิ้มลักยิ้มที่แก้มก็ยิ่งกดลึกเข้าไปอีกทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขายิ่งดูสดใสน่ารัก เพียงแต่รอยยิ้มของเขาไม่เหมือนยามปกติ เพราะครั้งนี้มันเจือความเย้ยหยันเข้ามาด้วย “อันตรายนั้นมาจากใจคน”
“อันตรายมาจากใจคน?” ถงเถิงงุนงง
หยินเฉินมองไปที่เซียนสุ่ยแล้วค่อยๆ ละสายตาเอ่ยว่า “ใจคนแต่เดิมก็โหดร้ายอยู่แล้ว เมื่ออยู่ภายใต้ผลประโยชน์ เรื่องอะไรก็สามารถทำออกมาได้ เทียบกับสถานที่ กับดัก ไม่รู้อันตรายมากกว่าตั้งกี่เท่า”
เซียนสุ่ยมองหยินเฉิน มุมปากเผยรอยยิ้ม
ถงเถิงเก็บรอยยิ้มพิจารณาคำพูดของเซียนสุ่ยกับหยินเฉินแล้วก็ผงกศีรษะ ถอนใจพูดว่า “เป็นเช่นนั้นจริงๆ ที่อันตรายที่สุดต่างมาจากคนทั้งนั้น”
ทั้งสี่คนเดินไปพลางพูดคุยไปพลาง ทันใดนั้น ถงเถิงก็สังเกตเห็นว่ามู่ชิงเกอนิ่งเงียบมาตลอดทาง
เขาถามอย่างประหลาดใจว่า “ลูกพี่ ท่านคิดอะไรอยู่”
มู่ชิงเกอพูดว่า “ข้ากำลังคิดว่า เหตุใดที่นี่จึงมีของวิเศษปรากฎขึ้นมากมาย”
ถงเถิงเกาศีรษะ “ปัญหานี้ หลายปีนี้ก็ไม่มีใครรู้คำตอบ ลูกพี่จะสนใจไปไย เอาเป็นว่าหากมีของวิเศษที่ดี พวกเราเอาไปหมดก็แล้วกัน”
“เจ้านี่ใจกล้านักนะ จะเอาไปทั้งหมดเชียว” มู่ชิงเกอยิ้มด่า
ของวิเศษขอแค่ได้มาสักชิ้นก็นับว่ามีโชคมหาศาลแล้ว ถงเถิงยังคิดจะเอาไปทั้งหมด คิดว่าพื้นที่ไร้ชื่อนั้นมีของวิเศษเต็มพื้นสามารถเอาไปได้ตามใจชอบหรือไร
ถงเถิงหัวเราะแหะๆ “ก็ย่อมต้องมีความฝันกันบ้าง เผื่อว่าสำเร็จเล่า?”
ทั้งสี่คนพูดเล่นหัวไปเรื่อยๆ จนเข้าใกล้พื้นที่ไร้ชื่อเรื่อยๆ ระหว่างทาง มีคนไม่น้อยเดินทางมาจากด้านนอกอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นพวกเขาแล้วเพียงแวบเดียวก็เพิ่มความ
เร็วขึ้นกว่าเดิม
ท่าทางนั้นราวกับเห็นคู่แข่ง อยากรีบไปเพื่อชิงโอกาสก่อน
“เดินกันเร็วถึงเพียงนี้เชียว?” ถงเถิงที่เริ่มมองสถานการณ์ออกก็ชักใจร้อน เขาบ่นเล็กน้อย มองพวกที่แซงผ่านด้วยความรีบร้อนแล้วบอกมู่ชิงเกอว่า “ลูกพี่ พวกเราก็เร่งเดินกันเถอะ”
มู่ชิงเกอกลับใจเย็นกับการเร่งเร้าของถงเถิง “รีบไปทำไม หากเป็นของของเจ้าอย่างไรก็หนีไม่พ้น ถ้าไม่ใช่ แม้เจ้าจะเฝ้าแต่เช้ามันก็ยังจะหลุดรอดจากร่องนิ้วเจ้าไปได้”
เอ่อ…
ถงเถิงฟังจบแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมากจึงผงกศีรษะไม่หยุด
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าคนข้างๆ หายไปคนหนึ่ง เมื่อมองหาทั่วแล้วก็พูดอย่างประหลาดใจว่า “ลูกพี่ หยินเฉินล่ะ ทำไมหายไปแล้ว”
ที่สำคัญที่สุดคือ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าหยินเฉินหายไปตั้งแต่เมื่อไร
“อืม เขาไปสำรวจทางข้างหน้าดูสถานการณ์นะ” มู่ชิงเกอพูดอย่างสบายอารมณ์
ถงเถิงได้ยินแล้วก็แทบล้มทั้งยืน เงยหน้ามองมู่ชิงเกอที่มีท่าทางสุขุมอย่างพูดอะไรไม่ออก
แต่ในใจบ่นกระปอดกระแปด ‘ลูกพี่ บอกว่าถ้าเป็นของท่านก็หนีไม่พ้นแล้วหยินเฉินไปสืบหาอะไรเล่า’
เขายังว่าเหตุใดลูกพี่ตัวเองจึงเดินอย่างไม่รีบเร่ง ที่แท้ก็ส่งหยินเฉินไปแต่แรกแล้วนี่เอง
ขณะที่ถงเถิงกำลังคิด แสงสีเงินก็ตกลงที่เบื้องหน้าพวกเขากลายเป็นหยินเฉิน
ดวงตามู่ชิงเกอเปล่งประกาย มองไปที่เขารอเขารายงาน นัยน์ตาสีเลือดของหยินเฉินนิ่งสนิท ขณะที่มู่ชิงเกอมองมาจึงค่อยแสดงความรู้สึก “ข้าสำรวจทางข้างหน้าไป ระยะหนึ่งยังไม่พบอะไร เพียงแต่ด้านนั้นร้อนมาก”
ร้อน?
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว เวลานี้เอง เสียงของหยวนหยวนดังขึ้นในสมองมู่ชิงเกอ ‘ลูกพี่ ข้าได้กลิ่นพญาเพลิง!’
พญาเพลิง!
ดวงตาดำมู่ชิงเกอหดลงเปลี่ยนเป็นร้อนแรง
ถึงแม้หยวนหยวนจะไม่ใช่จิตวิญญาณอัคคีอีก แต่เขาก็ยังมีการตอบสนองที่ว่องไวต่อพญาเพลิงโดยกำเนิด ดังนั้น คำพูดของเขา มู่ชิงเกอจึงไม่ได้สงสัยเลยสักนิด
ครืน!
ทันใดนั้น พื้นดินก็สะเทือนอย่างรุนแรง
กลิ่นอายที่รุนแรงและเหี้ยมโหดพุ่งออกมาจากใจกลางแผ่ออกไปรอบทิศทางราวกับวงคลื่นนํ้า
กลิ่นอายนั้นร้อนแรงอย่างยิ่ง ทุกที่ที่มันเคลื่อนผ่านทำลายล้างต้นไม้ไปไม่น้อย ต้นไม้ที่ยังเขียวชอุ่ม เกิดเพลิงไหม้ในพริบตาจนกลายเป็นตอตะโกและขี้เถ้ากระจายตกลงบนพื้น
แสงไฟจากใจกลางพุ่งเข้ามาที่ตรงหน้าราวกับระลอกคลื่นที่ซ้อนต่อกันเป็นชั้นๆ ขยายวงกว้างออกไปไม่หยุดหย่อน
อุณหภูมิรอบบริเวณสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ร้อนเสียจนแทบทนไม่ได้
“หนีเร็ว!”
อ๊าก!”
“ร้อน ร้อน!”
“รีบหนีเร็ว!”
พวกมนุษย์เทพที่แซงพวกมู่ชิงเกอสี่คนไปนั้น เวลานี้ต่างพากันวิ่งไปด้านหลังอย่างชุลมุน ด้านหลังพวกเขา คลื่นเพลิงยังคงทะลักเข้ามาไม่หยุดราวกับว่าจะต้องกลืนกินพวกเขาให้หมดจึงจะพอใจ
พวกมู่ชิงเกอสี่คนแววตานิ่งสงบ พวกเขาไม่ได้หนีด้วยความหวาดหวั่น เพียงแต่ให้เซียนสุ่ยออกมาอยู่ด้านหน้า สร้างกำแพงนํ้าขึ้นต้านการโจมตีของเพลิงที่โหมเข้ามา
แต่เมื่อเพลิงมาถึงเบื้องหน้าพวกเขา เมื่อเปลวไฟที่น่ากลัวจำนวนนับไม่ถ้วนแตะโดนกำแพงนํ้าก็กลายเป็นหมอกควันสีขาว พวกเปลวไฟเหล่านั้นต่างถอยกลับไปอย่างรวดเร็วราวกับมีจิตวิญญาณ
พอเพลิงเหล่านี้ถอยไป อากาศรอบๆ พลัน เปลี่ยนเป็นเย็นสบาย
เซียนสุ่ยเก็บกำแพงนํ้าคืนแล้วพูดอย่างประหลาดใจว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน เหตุใดจึงถอยกลับไปเอง”
“เหมือนจะไม่ร้อนเท่าเมื่อครู่นี้แล้ว” ถงเถิงดึงคอเสื้อแล้วบอกมู่ชิงเกอ
“เป็นพญาเพลิง” มู่ชิงเกอพูดเสียงเครียด
“พญาเพลิง!”
“พญาเพลิง!
ถงเถิงกับเซียนสุ่ยพูดอย่างประหลาดใจพร้อมกัน
มู่ชิงเกอเม้มปากไม่พูด ความจริงนางกำลังติดต่อกับหยวนหยวนในสมองอยู่
‘หยวนหยวน เจ้ารู้ว่าเป็นพญาเพลิงอะไรไหม’ นางถาม
‘ไกลเกินไป ต้องใกล้กว่านี้จึงรับรู้ได้’ หยวนหยวนตอบ
สองตามู่ชิงเกอหรี่ลงแล้วถามอีกว่า ‘ข้ากลืนพญาเพลิงได้หรือไม่’ เดิมทีการกลืนพญาเพลิงเพื่อเอาไว้ใช้นั้นเป็นความสามารถของหยวนหยวน
แต่ปัจจุบัน หยวนหยวนกลายเป็นจิตวิญญาณแห่งอาวุธ เขาไม่จำเป็นต้องกลืนพญาเพลิงเพื่อสร้างความแข็งแกร่งอีก แต่เขาใช้พญาเพลิงมากระตุ้นรากวิญญาณไฟของมู่ชิงเกอ แต่ก็ไม่รู้ว่ารากวิญญาณไฟนี้จะมีความสามารถของพญาเพลิงระดับเทพฮุ้นหยวนหรือไม่
‘สามารถลองได้’ หยวนหยวนให้คำตอบที่ไม่แน่นอนนักออกมา
แต่คำตอบที่ไม่แน่นอนนี้กลับทำให้มู่ชิงเกอเกิดอยากจะทดลองขึ้นมา…