ตอนที่ 722
หลักธรรมเป็นตาย
เป็นตายพึ่งพา เวียนว่ายลอยจม
เปลวเพลิงสองขั้วนั้น เปลี่ยนแปลงอยู่ในร่างกายมู่ชิงเกอไม่หยุดหย่อนพักหนึ่งก็ย่อยสลายเป็นจุณ พักหนึ่งก็ฟื้นคืนชีพ ความจริงทั้งสองต่างแบ่งแยกชัดเจน แต่ร่างกายมู่ชิงเกอกลับค่อยๆ หลอมรวมขึ้นมา หลักธรรมทั้งสองนั้นต่างร่วมแลกเปลี่ยนการรับรู้เป็นตาย แสดงออกที่ร่างกายของมู่ชิงเกอ
ครู่หนึ่งกลายเป็นโครงกระดูก อีกครู่หนึ่งกลายเป็นมีชีวิตชีวา
ภาพที่แปลกประหลาดนี้ดีที่ไม่มีใครเห็น หยินเฉินกับหยวนหยวนราวกับถูกตราผนึกไว้แล้วไม่รับรู้ใดๆ มิฉะนั้นหากได้เห็นมู่ชิงเกอเป็นเช่นนั้นคงจะต้องกังวลและหวาดกลัวสุดขีดแน่
ภาพสลับไปมาระหว่างเป็นและตาย ไม่ได้สวยงามนักหนา
แต่มู่ชิงเกอกลับไม่มีความรู้สึกใดๆ ยังคงดื่มดํ่าอยู่การรับรู้ของนาง เป็นหรือตาย สำหรับนางแล้ว ล้วนไม่ได้แปลกใหม่ นางเคยผ่านมา เคยรับมาแล้วทั้งนั้น
เพียงแต่เวลานั้นเป็นการข้ามผ่านโดยไม่ได้รับรู้ ไม่ได้พิจารณาอย่างละเอียดถึงความเกี่ยวข้องระหว่างกัน
ครั้งนี้อาศัยพลังจากเปลวเพลิงพิสดารนี้ทั้งยังการรับรู้จากนิ้วหนึ่งจิต นางราวกับรับรู้ถึงความแตกต่างภายในได้แล้ว
‘เป็นคู่ตาย ตายคู่เป็น สุดทางของเป็นก็คือตาย ตายแล้วเวียนกลับก็คือเป็น เป็นตายพึ่งพากัน พวกมันไม่ได้ตรงข้ามกัน แต่เป็นร่างเดียวกัน ดอกไม้บานคือเป็น ดอกไม้ร่วงคือตาย อาทิตย์ขึ้นคือกลางวัน อาทิตย์ตกคือกลางคืน หยินหยาง เป็นตาย ขาดหนึ่งไม่ได้ หนึ่งจิต คำนึงอยู่ชายขอบของเป็นหรือตาย หยินหรือหยาง ก้าวขึ้นหน้าคือเป็น คือหยาง ก้าวถอยหลังคือตาย คือหยิน…ที่แท้นี่คือแก่นแท้ของนิ้วหนึ่งจิต ที่แท้นี่คือหลักธรรมเป็นตาย!’
ค่อยๆ รับรู้ คำนึงให้ละเอียด ทบทวนหลายครั้ง มู่ชิงเกอจึงได้ผลสรุปรวมไว้ในใจ
เป็นตายหยินหยาง ไม่ได้เข้าใจยาก แต่การทำใจนั้นต่างหากที่ยาก
มนุษย์เรา หากคนที่รัก คนที่ใกล้ชิดต้องจากไปก็จะต้องร้องไห้เสียใจ ไม่สามารถทำใจยอมรับได้
มนุษย์เรา หากมีลูกหลานเกิดใหม่ ได้สืบสายเลือดก็จะร้องไห้ดีใจ ตื่นเต้นยินดี
เวลาอยู่เบื้องหน้าความเป็น ใจคนจะยินดี เวลาอยู่เบื้องหน้าความตาย ใจคนจะเศร้โศก ทั้งๆที่เป็นทางผ่าน เหตุใดเป็นเช่นนี้ทั้งๆ ที่เช่นนี้จึงเป็นความสมบูรณ์ เหตุใดจึงทำใจไม่ได้
มู่ชิงเกอถามใจตัวเอง ทุกครั้งที่ถาม สมองนางก็จะปรากฎสิ่งที่ตัวเองเคยผ่านมา
ชาติก่อนของนาง การรับรู้ขณะอยู่ระหว่างความเป็น ความตาย ไม่ว่าในสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด นางก็ดิ้นรนหาทางรอด ไม่เคยคิดอยากตาย
ชาติก่อน การสละชีพของเพื่อนร่วมรบทำให้นางเจ็บปวดสุดแสน เนื่องจากยอมรับไม่ได้ ยอมรับไม่ได้ที่คนที่เคยอยู่ด้วยกันทุกเช้าคํ่าต้องจากไปเช่นนั้น
ชาตินี้ นางราวกับแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ก็ต้องพบการล้มหายตายจาก
ความทรงจำที่เก็บไว้มิดชิดช่วงหนึ่งกำลังค่อยๆ เปิดออก…
ภาพในสมองของมู่ชิงเกอในชาติก่อนเริ่มเลือนรางลงเรื่อยๆ สิ่งที่นางเห็นคือชาตินี้ของตัวเอง วิญญาณเดิมที่หายไป การรบในหานชุ่น การสละชีพของหยวนหยวน การสาบสูญของเจียงหลี ทั้งยังภาพที่ทำให้หัวใจนางแตกสลายแต่ก็ต้องทน
ยังมี…
ความทรงจำของนางราวกับไปยังช่องว่างแห่งการทดสอบของอาณาจักรเซิ่งหยวน การรบที่สุดแสนสิ้นหวังนั้น
‘หากข้าตายก็จะให้พวกเจ้าตายไปพร้อมกันกับข้า!’
นางในเวลานั้น เห็นองครักษ์เขี้ยวมังกรล้มลงต่อหน้าตัวเองทีละคน เห็นการตายของเจียงหลี เห็นใบหน้าที่โหดร้ายนับไม่ถ้วน ช่องว่างที่ถล่มทลาย
น้ำตานางกลายเป็นสายเลือด หัวใจนางแหลกสลาย
ครั้งนี้นางมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยสายตาตัวเอง ในฐานะบุคคลภายนอกกลับมีการรับรู้ที่ต่างกัน
ปัง!
นางเห็นภาพที่ถูกลบไปจากกาลเวลา การแตกสลายของช่องว่างแห่งการทดสอบ นางสังหารคนที่คิดสังหารนาง แต่ก็ใกล้พบกับความตาย
นางเห็นตัวเองดึงทุกคนกลับมาข้างตัว เห็นความหวั่นไหวของตัวเอง ขณะที่ซือมั่วฉีกช่องว่างมาปรากฎตัวต่อหน้านาง
และได้ยินคำพูดของเขาที่เอ่ยว่า ‘ไม่ ที่ข้าตองการคือความมั่นใจร้อยส่วน การเดิมพันนี้ข้าไม่กล้ารับ’
‘คนนอก’ เช่นมู่ชิงเกอรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว ความร้อนทะลักเข้าถึงหัวอก อึดอัดชนิดที่ไม่อาจระบายออกได้ ความทรงจำช่วงนี้ขณะที่ซือมั่วได้หมุนทวนเวลานั้นก็ได้สลายหายไป
แต่เวลานี้ขณะที่นางรับรู้หลักธรรมเป็นตายมันกลับปรากฎอยู่ในความทรงจำของนางอีกครั้ง เวลานั้นนาง ยังไม่ได้ตกลงปลงใจเอ่ยคำมั่นกับซือมั่วอย่างชัดเจน แต่เขาก็ยังคงมีใจดูแลนางโดยไม่แปรเปลี่ยน เป็นคู่ตาย ตายคู่เป็น…
‘สำหรับข้านางสำคัญกว่าทุกสิ่ง!’
การที่ซือมั่วเอ่ยคำที่มั่นคงเช่นนี้ออกมาทำให้มู่ชิงเกอที่นั่งขัดสมาธิและกำลังดื่มดํ่าต่อการรับรู้น้ำตาเอ่อล้น ถึงแม้ว่านางจะหลับตาสนิท แต่ความรู้สึกก็ยังได้รับผลกระทบมากมายอยู่ดี
เปลวเพลิงดำขาวเผาไหม้ขยายใหญ่มากขึ้นในเมฆดำ บนท้องฟ้าสิ่งลึกลับที่หลบซ่อนอยู่เบื้องหลังนั้นราวกับใช้สายตาที่สงบนิ่งไร้ความรู้สึกจ้องมองทุกสิ่ง
ที่มันจ้องดูนั้นก็คือมู่ชิงเกอ
‘หวน คืน!’
ขณะที่ ‘เห็นกับตา’ ถึงช่วงที่ซือมั่วท่องคาถาศาสตร์ต้องห้ามหวนคืน แม้มู่ชิงเกอจะรู้ทุกอย่างอยู่แล้วก็ยังสั่นสะท้านจนไม่สามารถใช้คำพูดมาบรรยายความรู้สึกในเวลานั้นได้อยู่ดี
เวลานั้น มู่ชิงเกอแยกแยะไม่ออกว่า จิตใจนางซาบซึ้งหรือปวดร้าว
การหวนคืนคือการใช้หลักวิถีของช่องว่างทำให้เหตุการณ์ทั้งหมดย้อนกลับไปยังจุดที่ต้องการ กลับไปขณะที่เรื่องยังไม่เกิดขึ้น เพื่อให้คนมีโอกาสได้ทำการเปลี่ยนแปลง
นี่ไม่เท่ากับพิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วหรือว่า อีกด้านของความตายคือก็คือความเป็น
เป็นหรือตายก็คือกระดาษแผ่นหนึ่ง แม้อยู่คนละหน้าก็ไม่สามารถตัดขาดได้!
‘เข้าใจแล้ว! ข้าเข้าใจแล้ว!’ ความทรงจำในสมองมู่ชิงเกอหายไป นางรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของการเป็นตายได้แล้ว แต่ว่ายังไม่สามารถยอมรับความตายได้โดยสงบ
ไม่ ควรพูดว่า นางสามารถยอมรับการตายของตัวเองได้ แต่ยากที่จะยอมรับการตายของผู้ใกล้ชิดได้
นางเข้าใจ เป็นเพราะพวกเขาต่างมีความผูกพันซึ่งกันและกันจึงไม่สามารถปล่อยวางได้
‘ที่ข้าบำเพ็ญนั้นคือวิถีฝืนชะตาฟ้า ไม่ใช่วิถีไร้รัก ไม่ใช่วิถีคล้อยตาม! ในเมื่อไม่อยากปล่อย แล้วเหตุใดจึงต้องปล่อย เป็นตายล้วนเป็นหนึ่ง เช่นนั้นข้าจะควบคุมความเป็นตาย ควบคุมหยินหยาง!’
ปัง!
มู่ชิงเกอลืมตาสองข้างขึ้นทันใด นัยน์ตาที่ใสกระจ่างสาดแสงเจิดจ้าออกมา
เปลวเพลิงดำขาวเผาผลาญอย่างรุนแรงบนตัวนาง ราวกับจะเผาผลาญความคิดฝืนชะตาฟ้าที่แหกกฎเกณฑ์ของนางให้หมดสิ้น
การเป็นตายจะควบคุมไว้ง่ายๆ ได้อย่างไร ต้องการตายนั้นง่าย ต้องการเป็นนั้นยาก! แต่นางต้องการเป็น! นางไม่ต้องการตาย
คนข้างกายนาง นางก็ไม่ยอมให้พวกเขาตายง่ายๆ!
ดังนั้น นางต้องฟื้นชะตาฟ้า!
นางต้องรับรู้หลักธรรม ยึดกุมหลักธรรม ทำได้ดังใจ เหนือทุกสรรพสิ่ง!
‘นิ้วหนึ่งจิต หนึ่งจิตเป็น หนึ่งจิตตาย หนึ่งนิ้ว ช่วยคน หนึ่งนิ้วฆ่าคน!’ มู่ชิงเกอไม่สนใจเปลวเพลิงที่ลุกโหมบนร่างกาย ไม่สนใจการสลับเป็นตายบนร่างกาย นางค่อยๆ ยืนนิ้วชี้ขวาออกไปแตะเบาๆ ที่เปลวเพลิงสีดำ
ปัง ปัง ปัง!
เมื่อปลายนิ้วชี้นางสัมผัสโดนเปลวเพลิง นอกจากเกิดเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว เปลวเพลิงสีดำยังดิ้นรนราวกับจะขัดขวางการกระทำของมู่ชิงเกอ…