ตอนที่ 744
ใช้ลมปราณบุรุษปรุงกำยาน
“เจ้ากล้าปฏิเสธข้า” พลังบารมีหลียวนสูงขึ้นทันควัน
ภายใต้แรงกดดันสูงมู่ชิงเกอเค้นคำพูดลอดไรฟันออกมาว่า “เหตุใดจะไม่กล้า”
“เจ้า! เจ้าไม่กลัวข้าจะฆ่าเจ้าหรือ” หลียวนพูดขึ้นด้วยความโหดเหี้ยม
มู่ชิงเกอแค่นยิ้มว่า “แม้ฆ่าไปแล้ว เกรงว่าราชาเทวะเองก็คงไม่สงบสุขแน่ ดินแดนฮ่วนเยวี่ยของข้าไม่ใช่ว่าจะรังแกกันได้ง่ายๆ”
“…” หลียวนเม้มปากนิ่ง ใบหน้าที่งดงามแข็งเกร็งเป็นเส้น สักครู่หนึ่ง นางจึงกัดฟันพูดว่า “เจ้า คิดจะใช้ดินแดนฮ่วนเยวี่ยมาข่มขู่ข้าหรือ”
“ข้าเพียงพูดเรื่องจริงเท่านั้น” มู่ชิงเกอพูดเรียบๆ
ถึงแม้จะถูกกดดันจากพลังบารมีขั้นศักดิ์สิทธิ์แต่นางก็ไม่ได้แสดงออกถึงความขลาดกลัวแม้แต่นิด
สีหน้าหลียวนเปลี่ยนแปลงไปมาไม่หยุด สุดท้ายแล้วภายใต้สองตาใสกระจ่างของมู่ชิงเกอที่จับจ้องอยู่ นางก็ยกมือใช้พลังฟาดออกไป พัดมู่ชิงเกอลอยออกไปทันที
“ไสหัวไป! พรุ่งนี้ออกจากดินแดนเฟิ่งเทียนทันที คำพูดคืนนี้หากมีบุคคลที่สามล่วงรู้ ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นราชาเทวะน้อย ไม่สนใจว่าราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเห็นเจ้าสำคัญแค่ไหน จะต้องสังหารเจ้าให้จงได้” เสียงหลียวนดังแว่วมาจากในห้อง
มู่ชิงเกอยืนนิ่งบนพื้น พลังของหลียวนขนาดนั้นหากเป็นคนอื่นอย่างน้อยก็ต้องอาเจียนเป็นโลหิต แต่สำหรับนางแล้วไม่มีผลกระทบมากนัก
ยกมือปัดปกเสื้อตัวเองแล้ว มู่ชิงเกอยืนอกผายไหล่ผึ่ง อยู่นอกประตูบอกหลียวนว่า “พรุ่งนี้ ข้าคงจะไม่มาลาราชาเทวะแล้ว”
พูดจบนางก็หันกายอย่างสง่างาม เพียงแต่ขณะหันกาย ได้ใช้หางตากวาดไปรอบหนึ่ง กล่องกำยานยังคงวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง มุมปากนางผุดรอยยิ้มออกมา
‘หลียวน คนของเจ้าไปเชิญข้าเข้ามายังดินแดนเฟิ่งเทียนเองนะ เจ้าไม่มีเรื่องอะไรก็เรียกข้ามาที่ห้องนอนเจ้ากลางดึกทำให้ข้ามีโอกาสลงมือได้ รอจนภายหน้า เมื่อเจ้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว อย่าได้มาโทษข้าเล่า ใครใช้ ให้เจ้าไปก่อความวุ่นวายให้เขากัน’ มู่ชิงเกอพูดเงียบๆในใจ
เมื่อเดินออกจากวังราชาเทวะแล้วมู่ชิงเกอรู้สึกรื่นรมย์มาก ราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องเมื่อครู่นี้เลย เวลานี้เองเสียงของไป๋สี่ก็ดังขึ้นในสมองนาง ‘ชิงเกอ เจ้าไม่เป็นไรนะ’
เสียงเนือยๆ ของนางฟังแล้วคล้ายอ่อนแรง คงเป็นเพราะขณะอยู่ระหว่างบำเพ็ญเพื่อทะลวงขอบเขตถูกทำให้ตื่นขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้ามู่ชิงเกอลดลง ถามอย่างใส่ ใจว่า ‘รบกวนเจ้าเข้าหรือ’
ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจ้ากับข้ามีพันธสัญญาต่อกัน เมื่อเจ้าถูกพลังกดดันจากขั้นศักดิ์สิทธิ์ย่อมมีผลถึงข้าด้วย ข้าไม่เป็นไรหรอก เจ้าเป็นอะไรไหม’ ไป๋สี่พูด
‘ข้าก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง เพียงแค่ผู้หญิงเสียสติคนหนึ่งเท่านั้น’ มู่ชิงเกอพูดอย่างดูแคลน
‘ผู้หญิงเสียสติ?’ ไป๋สี่ชะงัก รับรู้ได้ทันควัน ‘ผู้หญิงเสียสติขั้นศักดิ์สิทธิ์ ราชาเทวะหญิงที่กล้าคิดยุ่งกับผู้ชายของเจ้าคนนั้นหรือ’
มู่ชิงเกอพยักหน้า ‘อืม เป็นนาง’
‘พวกเจ้าเจอกันแล้วหรือ นางรู้ไหมว่าเจ้าเป็นใคร เหตุใดเจ้าจึงบุ่มบ่ามนัก จะเจอคู่แค้นทั้งทีไม่ยอมปล่อยข้าออกมา’ ไป๋สี่ถามอย่างเร่งร้อน
ความห่วงใยของนางทำให้มู่ชิงเกออุ่นใจ นางเอ่ยว่า ‘ไม่เป็นไร ข้ามีฐานะเป็นราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ย ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรคนที่กล้าตอแยกับข้ามีไม่มากหรอก’
‘เจ้าพบนางแล้วได้สั่งสอนอะไรไหม นิสัยอย่างเจ้า คงไม่ใช่ว่าแม้แต่ดอกเบี้ยก็ไม่เก็บหรอกนะ’ ไป๋สี่พูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก
มุมปากมู่ชิงเกอเชิดขึ้นมา ‘จุดนี้เจ้าพูดถูกแล้ว ข้าได้ทิ้งของขวัญให้นางไว้จริงๆ’
‘ของขวัญ? ลองเล่ามาให้ฟังหน่อยสิ’ ไป๋สี่ชักสนใจขึ้นมา
มู่ชิงเกอว่า ‘ข้าไปล่วงรู้เข้าโดยบังเอิญว่านางใช้ลมปราณบุรุษปรุงกำยานชนิดพิเศษ นี่เป็นวิชามารที่ชั่วร้ายมาก ใช้อายุขัยของบุรุษมาหล่อเลี้ยงความสาวของตัว เอง นางอยู่ขั้นในศักดิ์สิทธิ์ เดิมสมควรอ่อนเยาว์ตลอดกาล แต่เวลานี้ต้องใช้วิชามารชั่วร้ายเช่นนี้มารักษาใบหน้าตัวเองไว้ นั่นมีความเป็นไปได้อย่างเดียวคือนาง บาดเจ็บสาหัส ได้รับผลสะท้อนกลับที่รุนแรงอย่างแสนสาหัส’
‘แรงสะท้อนกลับ?’ ไป๋สี่พูดอย่างประหลาดใจ
‘อืม’ มู่ชิงเกอพยักหน้า ‘ข้าเดาว่า ขณะที่อามั่วทำลายการสาปแช่งของนางก็ทำให้นางถูกแรงสะท้อนกลับเข้า นี่คงอธิบายได้ชัดเจนแล้วว่าเหตุใดนางจึงได้รับสมัครลู ศิษย์บุรุษมากมายเช่นนี้ ที่แท้ลูกศิษย์บุรุษเหล่านี้ล้วนเอามาใช้ปรุงกำยาน วิชามารชั่วร้ายเช่นนี้ บุรุษหน้าตายิ่งดีกำยานที่ปรุงออกมาก็ยิ่งมีคุณภาพดีไปด้วย’
‘นังปีศาจเฒ่า วิปริตถึงเพียงนี้เชียว เจ้าถือโอกาสลงมือแล้วหรือ’ ไป๋สี่อดไม่ได้จึงพูดขึ้น
มู่ชิงเกอแค่นหัวเราะ ‘ข้าไม่ได้ทำอะไรมาก เพียงแค่เติมอะไรในแป้งนํ้ากับชาดที่นางใช้เป็นประจำเท่านั้น ของสิ่งนี้ไร้กลิ่นไร้สี ปกติจะดูไม่ออกแม้แต่น้อย เพียงแต่จะทำให้ประสิทธิ์ภาพของกำยานนั้นสั้นลง หากใช้พร้อมกับกำยานนั้นด้วยกันนานๆ จะทำให้ภายในร่างกายนางเกิดเป็นพิษรุนแรง ต่อไปเพียงข้ากระตุ้นเล็กน้อยก็สามารถทำให้พิษที่สะสมในร่างกายนางกำเริบขึ้นมาได้ ทั้งหมด’
‘เจ้าเล่ห์นัก’ ไป๋สี่ฟังจบก็อดไม่ได้พูดขึ้น
มู่ชิงเกอแค่นยิ้ม
ไป๋สี่ว่า ‘ไม่นึกว่านางปีศาจชั่วร้ายจะวิปริตถึงเพียงนี้ เจ้าบุกเข้าไปตัวคนเดียวไม่กลัวนางจับเจ้าไปปรุงเป็นกำยานหรือ’
กับการล้อเล่นของนางนั้น มู่ชิงเกอไม่ได้ถือสา ‘ไม่กลัว นางไม่มีความกล้าขนาดนั้นหรอก นางลงมือกับอามั่วได้ เพราะพวกเขาอยู่คนละฝ่าย หากโชคดีสังหารเขาได้นางยังสามารถกลายเป็นวีรสตรีของเผ่าเทพได้อีก แต่หากนางสังหารข้าแล้วจะก่อให้เกิดสงครามใหญ่ของสองดินแดนเทพ ต่อให้เป็นยุคที่แข็งแกร่งที่สุดของนางก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย”
‘เฮ้อ นางปีศาจชั่วร้ายโดนเจ้าเล่นงานเสียย่อยยับ’ ไป๋สี่พูดอย่างสมนํ้าหน้า
มู่ชิงเกอยิ้มอย่างเย้ยหยัน ‘เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อครู่นี้นางคิดจะทำอะไร นางคิดถึงขนาดว่าจะใช้ข้ามาเยาะเย้ยอามั่ว’
‘อะไรนะ’ ไป๋สี่ชะงักแล้วหัวเราะลั่นในสมองมู่ชิงเกอ
จนนางหัวเราะจบมู่ชิงเกอจึงเล่าเรื่องเมื่อครู่นี้อีกรอบหนึ่ง ไป๋สี่จึงเอ่ยหยอกว่า ‘เหตุใดเจ้าจึงไม่ทำไม่รู้ไม่ชี้ เล่นไปตามนํ้ากับนางด้วยเล่า ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่า เวลานางรู้ความจริงแล้วจะเป็นอย่างไร’
มู่ชิงเกอเบะปากว่า ‘ธุระของข้านั้นมีมากมาย จะเอาเวลาที่ไหนเล่นละครกับนางเล่า’
‘เฮ้อ ข้าล่ะอยากถามนางจริงๆ ว่า นางมีความจริงใจให้เจ้าแห่งมารผู้นั้นของเจ้าสักนิดไหม’ ไป๋สี่พูด
นัยน์ตามู่ชิงเกอเปล่งประกาย ‘คงมีความจริงใจอยู่บ้าง แต่สิ่งที่นางทำให้ข้ารู้สึกถึงคือความปรารถนาจะครอบครอง ความจอมปลอมมากกว่า’
‘อืม แล้วเจ้าคิดทำอย่างไรต่อไป’ ไป๋สี่ถาม
มู่ชิงเกอสูดลมหายใจลึกๆ แล้วบอกนางว่า ‘อามั่วกำลังปิดประตูบำเพ็ญ เคราะห์เป็นตายของเขาติดค้างอยู่ในใจข้า ข้าจะต้องไปป่าอสูรเพื่อหาโอกาสยกระดับความแข็งแกร่งของตัวเองจึงจะสามารถช่วยเขาได้ในเวลาสำคัญ’
‘ชิงเกอ ข้าว่าจะบอกเจ้าพอดี’ ไป๋สี่พูดจริงจังขึ้นมา
แววตามู่ชิงเกอนิ่งสงบ บอกนางว่า ‘เจ้าพูดเลย’
‘การปิดประตูบำเพ็ญของข้าครั้งนี้เป็นการทะลวงขอบเขตครั้งสุดท้าย หากทะลวงสำเร็จ ข้าจะสามารถตระหนักได้ถึงความสามารถทั้งเก้าชนิด ดังนั้นต่อมาจะตกอยู่ในสภาวะหลับลึกอยู่ช่วงหนึ่งจึงไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าได้’ ไป๋สี่บอก
‘อันตรายไหม’ มู่ชิงเกอถาม
ไป๋สี่หัวเราะ ‘ต้องการทะลวงขอบเขตย่อมต้องเสี่ยงอันตราย แต่ข้ารับไหว’