ตอนที่ 756
ข้าจะไปกับเจ้าด้วย
แววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของชูเนี่ยนทำให้มู่ชิงเกอใจคอไม่ค่อยดี
เผ่าเฟิ่งหวงหลังจากนิพพานแล้วอาจจะจดจำได้ทุกอย่าง แต่ก็อาจลืมได้ทุกอย่างเช่นกัน
แต่มู่ชิงเกอลืมไปว่า เผ่าเฟิ่งหวงหลังจากฟื้นตื่นจากนิพพานแล้วจะมีความผูกพันมากเป็นพิเศษต่อคนคนแรกที่เห็น ดังนั้นนางจึงไม่ต้องกังวลเลยแม้แต่นิดว่า ชูเนี่ยนจะลืมนาง อีกทั้งสองคนยังมีพันธสัญญากันแล้วด้วย
‘เจ้า เป็นคนแรกที่ข้าเห็น’
นัยน์ตาที่บริสุทธิ์ใสกระจ่างของชูเนี่ยนกะพริบ แล้วยิ้มบางๆ ให้มู่ชิงเกอที่ใจตุ้มๆ ต่อมๆ อยู่ ริมฝีปากแดงเปิดออก เสียงที่ไพเราะเพราะพริ้งดังออกมาจากปาก “ชิงเกอ”
เสียงเรียกชื่อชิงเกอทำให้จิตใจของมู่ชิงเกอเบาโล่งในทันที
สามารถเรียกชื่อนางได้ แสดงว่าชูเนี่ยนไม่ได้สูญเสียความทรงจำไป
ในเมื่อไม่ได้สูญเสียความทรงจำ อย่างนั้นก็หมายความว่า…
มู่ชิงเกอสายตาเครียดลงแล้วถามว่า “เจ้านึกออกทุกอย่างแล้วหรือ”
ชูเนี่ยนหุบยิ้มลงแล้วผงกศีรษะให้มู่ชิงเกอช้าๆ “อืม นึกออกแล้ว”
ความอบอุ่นในแววตานางค่อยๆจางหายไปคล้ายเคลือบด้วยนํ้าแข็งเย็นเฉียบ
ถัดจากความเย็นชา ใบหน้านางก็ผุดสีหน้าวุ่นวายสับสน
“ชิงเกอ ข้าควรแค้นเขาถูกไหม” ชูเนี่ยนมองทางมู่ชิงเกอราวกับหวังจะได้คำตอบจากมู่ชิงเกอ
ก่อนหน้านี้มู่ชิงเกอรู้เรื่องมากกว่านางเล็กน้อย คำพูดชูเนี่ยนเวลานี้ทำให้นางถอนใจยาว
มนุษย์เราสิ่งลำบากใจมากที่สุดก็คือความผูกพันระหว่างกัน
ชูเนี่ยนจะเรียกว่าเป็นคนโลเลไม่กล้าตัดสินใจได้ไหม
บุญคุณที่เลี้ยงดูมาห้าพันปี สุดท้ายแล้วจึงพบว่าตัวเองเห็นโจรเป็นพ่อ เชื่อว่าแม้แต่มู่ชิงเกอหากเป็นผู้ประสบกับตัวเอง การแสดงออกเวลานี้ก็คงไม่ดีไปกว่านี้ มากมายนัก
ชูเนี่ยนไม่ได้ตีโพยตีพายจะเป็นจะตายทำร้ายตัวเองหลังจากฟื้นคืนความจำได้ก็นับว่าดีมากแล้ว
“พวกเราออกไปคุยกันเถอะ” ชูเนี่ยนหลุบตาลง พูดเรียบๆ
มู่ชิงเกอพยักหน้า
เกี่ยวกับมู่ชิงเกอเป็นผู้หญิงนั้นทั้งคู่ราวกับรู้อยู่แก่ใจจึงไม่มีใครพูดถึงเพราะต่างรู้กันอยู่ ราวกับว่าบางเรื่องไม่ต้องพูดอะไรขอให้เข้าใจกันก็พอแล้ว
หลังจากมู่ชิงเกอกับชูเนี่ยนทุบทำลายกำแพงขี้เถ้าหนาที่เกิดขึ้นหลังจากไฟนิพพานดับลงก็ได้พบแสงเดือนแสงตะวันอีกครั้ง
เวลาสิบปีถึงแม้สำหรับคนทั้งคู่ในนิพพานแล้วจะเป็นเพียงแค่หนึ่งวันหนึ่งคืน
แต่ชั่วขณะที่กลับมาสู่โลกภายนอก จิตใจของพวกนางก็ยังเกิดความรู้สึกราวกับได้กลับชาติมาเกิดใหม่
“ลูกรัก!”
พอพวกนางปรากฎตัว ก็ได้ยินเสียงตื่นเต้นของราชาเฟิ่ง
มู่ชิงเกอกับชูเนี่ยนมองไปพร้อมกัน พบว่าตัวเองอยู่ในถํ้าที่มีผนังถํ้าสีแดงดั่งเปลวเพลิง ส่วนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกนางก็คือบิดาบังเกิดเกล้าของชูเนี่ยน ราชาเฟิ่งนั่นเอง
ที่ประตูถํ้ามีทหารนกหลวนเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
เมื่อได้ยินเสียงเรียก ‘ลูกรัก’ จากราชาเฟิ่ง นัยน์ตาชูเนี่ยนก็ผุดแววซับซ้อนเข้าใจยาก นางจำทุกอย่างได้หมด ย่อมรู้ว่าใครเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของนาง
“ความทรงจำของเผ่าเฟิ่งหวง เริ่มจากยังไม่ถูกฟักจากไข่” ชูเนี่ยนพูดเบาๆ นางหลุบตาเดินไปทางราชาเฟิ่ง เรียกอย่างสะดวกใจว่า “เสด็จพ่อ”
ราชาเฟิ่งตื่นเต้นจนร่างกายสะท้าน สองมือจับไหล่ชูเนี่ยนแน่นนํ้าตาไหลพราก “ลูกรักของข้า ลูกสาวของข้า เจ้านึกออกจนได้”
ชูเนี่ยนพยักหน้านิดๆ ครั้งนี้นางไม่ได้ขัดขืนการใกล้ชิดของราชาเฟิ่ง
จนอารมณ์ราชาเฟิ่งสงบลง ชูเนี่ยนจึงพูดว่า “ข้าจำได้หมดแล้ว ขณะที่ยังไม่ได้ฟักเป็นตัว มารดาเรียกชื่อข้า ข้าจำได้ทุกคำพูดที่มารดาบอกข้า เผ่าเฟิ่งหวงหลัง นิพพานจะมีความรู้สึกพิเศษต่อคนที่พบครั้งแรก ทั้งยังมีความทรงจำบางส่วนที่หายไป ทำให้มารดาตามอู๋หวาไป แต่หลายปีมานี้ในใจนางยังเต็มไปด้วยข้อสงสัย ต่างๆ จึงไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดต่อเสด็จพ่อ”
“อู๋หวา! อู๋หวา! โจรชั่วผู้นี้! เผ่ามนุษย์ที่สมควรตายผู้นี้!” ราชาเฟิ่งพูดด้วยความเกรี้ยวกราด
เขาถามอย่างตื่นเต้นว่า “ลูกรัก มารดาเจ้าเล่า”
ชูเนี่ยนกลับขมวดคิ้วสั่นศีรษะ “ข้าไม่รู้หลังจาก ข้าฟักออกมาแล้วนางก็หายไป”
“หายไป?” ราชาเฟิ่งชะงัก
มู่ชิงเกอหรี่ตาสองข้าง คิดแล้วเอ่ยปากพูดว่า “บางที ข้าอาจจะรู้ว่านางอยู่ที่ไหน”
คำพูดของนางทำให้ราชาเฟิ่งกับชูเนี่ยนมองไปยังนางพร้อมกัน
มู่ชิงเกอเดินมาทางพวกเขาแล้วพูดว่า “ข้าคิดว่า ราชาเทวะอู๋หวาต้องการปกปิดที่มาของชูเนี่ยน จึงปิดกั้นพวกนางสองคนแม่ลูกตั้งแต่แรก เพราะราชินีหวงถึงแม้ ความทรงจำสูญหาย แต่ก็ยังรู้ความจริงที่ว่าตนเองไม่ใช่เผ่ามนุษย์ แต่เป็นเผ่าเฟิ่งหวง”
พูดแล้วนางมองไปที่ชูเนี่ยนแล้วบอกนางว่า “ข้าเคยพบมารดาของเจ้าในเขตหวงห้ามภายในวังราชาเทวะดินแดนอู๋หวา”
ตาดำชูเนี่ยนหดลงทันที ร้องเสียงหลงว่า “ศาลาอีเยี่ย!”
นางเข้าใจในทันที “ดังนั้น ผู้ที่บุกรุกเข้าศาลาอีเยี่ยครั้งนั้นยังมีเจ้าอีกคน?”
มู่ชิงเกอพยักหน้า
นางมีพันธสัญญากับชูเนี่ยนแล้ว เป็นคู่หูที่ใกล้ชิดกันที่สุด ย่อมไม่ต้องปิดบังอะไรอีกแล้ว
“เจ้าบอกว่าได้พบภรรยาข้า!” ราชาเฟิ่งกลับสนใจอีกเรื่องหนึ่ง
มู่ชิงเกอมองเขาแล้วพยักหน้าเช่นเดียวกัน “ข้าพบหญิงเผ่าเฟิ่งหวงคนหนึ่งถูกตราผนึกโดยวิธีพิเศษ อยู่ในห้วงแห่งการตายเทียม ใบหน้านางคล้ายชูเนี่ยนอย่างยิ่ง ขณะนั้นข้าคิดว่า บางทีอาจเป็นเพราะอู๋หวาเกรงว่าพอนางนิพพานอีกครั้งแล้วจะลืมตนเองจึงตราผนึกนางไว้ ส่วนตราผนึกไปนานเท่าไรแล้วนั้น ข้าไม่อาจรู้ได้”
“เหตุใดเขาจึง…” ชูเนี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไป แววตา ทั้งเจ็บปวดทั้งคับแค้น
ราวกับนางยากที่จะยอมรับได้ว่า คนที่นางเคยให้ความเคารพเช่นนั้นจะเป็นคนเห็นแก่ตัวตํ่าช้าเช่นนี้
“เลวมาก! ข้าจะไปเผาดินแดนอู๋หวาของเขา! จับเขามาลอกหนังถอดกระดูก!” ราชาเฟิ่งพูดด้วยความโกรธแค้น
“ราชาเฟิ่งต้องการจะก่อสงครามสองเผ่าหรือ” มู่ชิงเกอสาดนํ้าเย็นเข้าใส่ทันที
ราชาเฟิ่งสีหน้าเปลี่ยนไปทันที หากเกิดสงครามจริง ต่อให้เผ่าเฟิ่งหวงแข็งแกร่งเพียงใด ย่อมต้องมีการสูญเสีย เฟิ่งหวงกำเนิดทายาทได้ยากเย็น แม้ตายเพียงคนเดียวก็ถือว่าเสียหายหนักหนา
“ก่อสงครามไม่ได้!” ชูเนี่ยนพูด นางมองราชาเฟิ่งด้วยสีหน้าที่จริงจังยิ่งนัก รับประกันกับเขาว่า “เสด็จพ่อ ข้าจะพามารดากลับมาเอง”
“ลูกรัก เจ้า!” ราชาเฟิ่งเสียงสั่น
ชูเนี่ยนว่า “เวลานี้เขายังไม่รู้ว่าข้ารู้เรื่องทั้งหมด แล้วข้ายังเป็นราชาเทวะน้อยของดินแดนอู๋หวา ข้าจะกลับไปแล้วเข้าไปในศาลาอีเยี่ยเพื่อพามารดาออกมา แต่…” นางเม้มปากบอกราชาเฟิ่งว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็ดูแลข้าเหมือนลูกแท้ๆ ของเขามาถึงห้าพันกว่าปี ข้าสังหารเขาไม่ได้”
หมายความว่า หากราชาเฟิ่งต้องการชีวิตราชาเทวะอู๋หวาก็จะต้องอาศัยกำลังตัวเองหรือใช้วิธีอื่น นางจะลงมือไม่ได้
ราชาเฟิ่งพูดอย่างสะท้อนใจ “หากเจ้าสามารถนำมารดาเจ้ากลับมาได้ก็ดีมากแล้ว”
แต่เขาก็เอ่ยอย่างไม่วางใจทันทีว่า “หากเจ้าไปจะต้องระมัดระวังตัวให้มาก”
“ข้าจะไปกับนางด้วย” มู่ชิงเกอแสดงท่าที
ชูเนี่ยนกับราชาเฟิ่งมองมาทางนาง มู่ชิงเกอเลิกคิ้วพูดว่า “เป็นตายร่วมกันลืมแล้วหรือ”