ตอนที่ 805
ธรรมเนียมของแผ่นดินเทพมาร
“เจ้ามาคุยเรื่องธรรมเนียมกับข้าหรือ” มุมปากมู่ชิงเกอยกขึ้น แววตาเหมือนเริ่มสนุก
ทั้งหกคนผวา รู้สึกว่ารอยยิ้มของเขานั้นแผ่กระไออันตรายแสนเย็นเฉียบออกมา ความรู้สึกถึงอันตรายเช่นนี้ทำให้ท่าทีประจบประแจงบนใบหน้าทั้งหกคนเพิ่มมากขึ้น
“ราชาเทวะน้อย ท่านมาเองแล้วจะนำคนใหม่ไปสักคนสองคน พวกเราย่อมไม่กล้าพูดมาก แต่ท่านจะเอาไปทั้งหมด นี่…” ลูกศิษย์ดินแดนสือฟางยิ้มเขินๆ
เขาหวังว่ามู่ชิงเกอจะไม่ดึงดันต่อไป
ถึงอย่างไร พวกเขาทั้งหมดเมื่ออยู่ต่อหน้าราชาเทวะน้อย ก็ไม่มีความหมายอะไรอยู่แล้ว
“แต่ข้าต้องการนำไปทั้งหมด” มู่ชิงเกอมองเขาอย่างเย้ยหยัน
เวลานี้ มู่ชิงเกอที่เผด็จการราวกับกลับไปเป็นคุณชายจอมเสเพลที่เหิมเกริมโอหังเมื่อครั้งอยู่ที่ลั่วตูในหลินชวนอีกครั้ง
จะมาคุยเรื่องธรรมเนียมกับนางหรือ ขอโทษที นางไม่ฟัง
คุยกับนางเรื่องธรรมเนียมหรือ
อย่างนั้นก็ต้องขอโทษด้วยเพราะนางนี่แหละคือธรรมเนียม!
เสื้อแดงปลิวไสว ท่าทางโอหังเหิมเกริม ท่วงท่าสง่างาม มู่ชิงเกอในลักษณะนี้ เปล่งประกายรัศมีเจิดจ้าเสียจนเหล่าเพื่อนเก่าต่างตะลึงงัน ลูกศิษย์ดินแดนเทพทั้งหกล้วนหวาดผวา
ราชาเทวะน้อยมู่คนนี้เหตุใดไม่มีเหตุผลเลยเล่า เชื่อว่าเวลานี้ทั้งหกคนก็คงคิดเหมือนกัน
แต่พวกเขาได้ฉุกคิดหรือไม่ว่า ก่อนหน้านี้ขณะที่พวกเขาปฏิบัติต่อจีเหยาฮั่ว อิ๋งเจ๋อ เว่ยมั่วลี่รวมทั้งเจ้าสำนักวิถีโอสถนั้นได้ใช้เหตุผลหรือไม่
“ราชาเทวะน้อย ท่านทำเช่นนี้เป็นการผิดธรรมเนียมนะ” ลูกศิษย์ดินแดนกู่เฟิ่งรวบรวมความกล้าเปิดปากขึ้น
มู่ชิงเกอหัวเราะอย่างหยิ่งผยอง นางเล่นพัดของจีเหยาฮั่วในมือ “ธรรมเนียมหรือ เจ้าบอกข้ามาซิว่าธรรมเนียมของแผ่นดินเทพมารคืออะไร”
ทั้งหกคนชะงัก พลันพูดไม่ออกในทันที
ธรรมเนียมของแผ่นดินเทพมารคืออะไร
“ไม่รู้รึ เมื่อสักครู่นี้พวกเจ้าไม่ใช่ทำได้ดีนักหรือ” มู่ชิงเกอแค่นหัวเราะ นัยน์ตาสาดประกายเย้ยหยัน
สักครู่นี้ อะไรคือสักครู่นี้
ทั้งหกคนถูกมู่ชิงเกอเอ่ยเตือนจึงนึกขึ้นได้นึกขึ้นได้ว่าเหตุใดพอราชาเทวะน้อยมู่ปรากฎตัวขึ้นก็ชี้ตัวจะเอาทั้งสี่คนนี้ไป ส่วนสี่คนนั้น พอราชาเทวะน้อยมู่ปรากฎตัวก็เงียบลงไม่ได้ร้องโวยวายอีก ที่แท้พวกเขาเป็นคนรู้จักกัน!
พอตระหนักได้ถึงจุดนี้สีหน้าคนทั้งหกก็ตกใจจนซีดเผือดไปหมด ต่างคุกเข่าลงพื้นเสียงดัง ตุบ! ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าทันที
“ราชาเทวะน้อยไว้ชีวิตด้วย พวกเราไม่รู้ว่าพวกเขารู้จักท่าน” ลูกศิษย์ดินแดนกู่เฟิ่งรีบขอชีวิตมู่ชิงเกอทันที
ลูกศิษย์ดินแดนสือฟางก็รีบพูดว่า “ใช่แล้ว ราชาเทวะน้อย พวกเราไม่รู้จริงๆ! ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ท่านมีนํ้าใจกว้างขวาง โปรดให้อภัยพวกเราด้วย!”
ดินแดนจั๋วอวี่กับมู่ชิงเกอนั้นเดิมทีก็มีข้อบาดหมางกันอยู่แล้ว
เวลานี้ดันไปล่วงเกินเพื่อนมู่ชิงเกอเข้าอีก พวกเขาสองคนไม่กล้าพูดมาก ทำได้เพียงก้มหน้างุดพยายามลดตัวตนการมีอยู่ของตนเองลง
ท่าทีที่เปลี่ยนเปลงไปของคนทั้งหกทำให้แววตาของสี่คนด้านหลังดูสับสน แน่นอน พวกเขาไม่ได้รู้สึกว่าการที่มู่ชิงเกอใช้บารมีกดขี่คนอื่นจะผิดตรงไหน แต่รู้สึกว่าแผ่นดินเทพมารนี้ต่างจากที่พวกเขาคิดไว้มาก
ความจริงที่ตรงข้ามกับสิ่งที่คิดทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
เพียงแต่ความผิดหวังนี้ เมื่อเทียบกับความยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบกับมู่ชิงเกออีกแล้วก็กลายเป็นเรื่องเพียงเล็กน้อย ทั้งสี่ยังคงนิ่งสงบดูละครอยู่เงียบๆ
พวกเขาต่างรู้ซึ้งถึงนิสัยมู่ชิงเกอดี ย่อมไม่ห่วงว่านางจะจัดการเรื่องนี้ไม่ได้
ท่าทีที่ทั้งหกคนร้องขออภัยนั้น มู่ชิงเกอไม่ได้สนใจแม้แต่นิด สายตานางมองเพียงพัดที่นางถือเล่นอยู่ในมือ โทสะอันหยิ่งผยองไม่ได้ต่างอะไรกับพวกคุณชายตระกูลใหญ่เลย
“ธรรมเนียมของแผ่นดินเทพไม่ใช่อาศัยกำลังรังแกคนอ่อนแอ อาศัยบารมีกดขี่คนอื่น อาศัยหมัดแทนคำพูด ปลาใหญ่กินปลาเล็กหรือ” มู่ชิงเกอพูดช้าๆ นํ้าเสียงเย้ยหยันนิดๆ นางพูดหนึ่งคำ ร่างทั้งหกก็สั่นทีหนึ่ง เลือดในกายเย็นจนแทบจะเป็นนํ้าแข็ง
มู่ชิงเกอเป็นราชาเทวะน้อย ต่อให้สังหารพวกเขาทั้งหมดที่นี่ก็ไม่มีใครไปเค้นคอให้เขารับผิดชอบ ใครใช้ให้พวกเขาเหล่านี้เป็นเพียงลูกศิษย์ที่เล็กเสียจนไม่มีความหมายในดินแดนตัวเองเล่า
พวกเขาทำไค้เพียงอวดศักดาต่อหน้าพวกคนใหม่เท่านั้นเอง
นัยน์ตาใสกระจ่างเหี้ยมโหดของมู่ชิงเกอกลอกไปมา มองไปที่คนทั้งหก เลิกคิ้วถามเสียงเย็นเฉียบว่า “ข้าพูดได้ถูกต้องไหม”
“ถูกต้อง! ถูกต้องๆๆๆ! ราชาเทวะน้อยพูดถูกต้องหมด!” ลูกศิษย์สือฟางรีบรับคำมู่ชิงเกอทันทีที่เขาพูดจบ
เขาตั้งใจจะคล้อยตามมู่ชิงเกอเพื่อประจบเขาโดยไม่ทันสังเกตถึงหลุมพรางที่เขาวางดักไว้ในคำพูดนั้น
เพียงแต่ เขาไม่ทันฟังให้ชัดเจนแต่คนอื่นฟังออกแล้ว พวกเขาคิดจะห้ามปรามแต่ก็ช้าไปแล้ว ต่างคิดในใจว่า ‘แย่แล้ว!’
จริงดังนั้น พอเขาพูดเช่นนี้ มุมปากมู่ชิงเกอที่ยกขึ้นอยู่แล้วก็ยิ่งเย็นเฉียบและแฝงความชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น “ในเมื่อเจ้าบอกว่าพูดถูกต้อง อย่างนั้นข้าก็ไม่ต้องเกรงใจ แล้ว”
พูดจบพัดที่นางถือเล่นในมือก็บินออกไปทันที
พัดนี้เมื่ออยู่ในมือนางอานุภาพย่อมต่างกันโดยสิ้นเชิงกับจีเหยาฮั่ว
พัดแหวกอากาศออกไปราวกับหายไปในช่องว่าง และมาปรากฎอีกครั้งที่เบื้องหน้าลูกศิษย์สือฟางคนนั้น เขาเบิกตากว้างคิดจะหลบภัยจากฟ้านี้ แต่พบว่าลำคอตัวเองเจ็บแปลบ เลือดร้อนๆ ไหลทะลักออกมา วิญญาณเทพของเขาคิดหนีออกจากร่าง ขอเพียงแค่หนีทันเขาก็ยังมีโอกาสแย่งร่างเกิดใหม่ แต่มู่ชิงเกอจะมอบ โอกาสนี้แก่เขาได้อย่างไร
นัยน์ตานางเปล่งประกายสีทองวูบหนึ่ง วิญญาณเทพของลูกศิษย์ดินแดนสือฟางคนนั้นก็สลายไปในพริบตา
พัดบินกลับมาที่มือมู่ชิงเกอ เพียงแค่พริบตาเดียว นางเพียงขยับมือก็สังหารลูกศิษย์ดินแดนเทพไปหนึ่งคนอย่างง่ายดาย
ที่เหลือห้าคนสีหน้าพลันเปลี่ยนไป ไม่ทันพูดอะไรก็หนีทันที
ความคิดของพวกเขาไม่เลวเลย แยกกันหนี ใครที่หนีขึ้นเรืออากาศได้ก็ไม่แน่ว่าอาจได้ชีวิตคืนมา
เพียงแต่พวกเขาเพิ่งขยับ พัดในมือมู่ชิงเกอก็บินออกมาอีกครั้ง พริบตาเดียวก็ตัดศีรษะพวกเขาออกจนหมด
ในเวลาเดียวกัน ด้านหลังมู่ชิงเกอพลันปรากฎเงาดำโดดออกมาร่างหนึ่ง โผขึ้นไปใช้ฝ่ามือฟาดวิญญาณเทพที่คิดหลบหนีจนแหลกละเอียดไม่เหลือหลอ
ศพทั้งหกล้มลงบนแท่นบ่อบิน
สำหรับพวกจีเหยาฮั่วทั้งสามคนนี่เป็นเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น
โห่วเตะศพลงในบ่อบินให้พวกเขาตกลงสู่มหาสมุทรดวงดาว ความเวิ้งว้างของมหาสุทรดวงดาว จะสามารถกลบเกลื่อนร่องรอยทั้งหมดได้
เมื่อจัดการเสร็จทุกอย่างแล้ว โห่วก็ตบมือ ยิ้มแยกเขี้ยวให้มู่ชิงเกอว่า “เรียบร้อยแล้ว”
ใบหน้ามู่ชิงเกอเวลานี้ไหนเลยจะยังมีความหยิ่งผยองหลงเหลืออยู่อีก นางอมยิ้มพยักหน้า นัยน์ตาใสแจ๋วมองไปที่คนทั้งสี่ “ขึ้นเรือ พวกเราไป”
คำพูดนี้ทำให้ท่าทีตกตะลึงของทั้งสามคนหายวับไปในพริบตา
จีเหยาฮั่ว เดินมาเป็นคนแรกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหน้าชื่นตาบาน “ชิงเกอ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะบินขึ้นมาในวันนี้”
“ความรู้สึกน่ะ” มู่ชิงเกอพูดและโยนพัดในมือไปให้จีเหยาฮั่ว
เมื่อเรียกให้ทั้งสามคนขึ้นเรือแล้ว มู่ชิงเกอก็มองไปที่เจ้าสำนักวิถีโอสถพร้อมผงกศีรษะยิ้มให้ “ศิษย์พี่ สบายดีนะ”
นึกไม่ถึงว่า คำเรียกนี้กลับทำให้จีเหยาฮั่ว อิ๋งเจ๋อ เว่ยมั่วลี่ต่างตื่นตกใจ