Skip to content

พลิกปฐพี 807

ตอนที่ 807

หนึ่งดินแดนขั้นศักดิ์สิทธิ์สามคน!

พอเรืออากาศมาถึงแผ่นดินเทพตะวันออก หลังจากพวกมู่ชิงเกอลงจากเรือแล้ว เจ้าสำนักวิถีโอสถก็นั่งเรืออากาศจากไป

มู่ชิงเกออยู่กับโห่วและส่งจีเหยาฮั่ว อิ๋งเจ๋อกับเว่ยมั่วลี่สามคนไปยังเสี่ยวเทียนอี้

ระหว่างทางมู่ชิงเกอบอกทั้งสามคนว่า “จากกันมานานเพิ่งพบกันใหม่ จริงๆ ควรฉลองกินดื่มร้องเพลงด้วยกัน แต่เวลานี้มีเรื่องราวมากมายจริงๆ พวกเจ้าเองก็ต้องบำเพ็ญ ดังนั้นรอให้พวกเจ้าออกจากเสี่ยวเทียนอี้แล้ว พวกเราค่อยมาสังสรรค์กัน ถึงเวลานั้นเหยาชิงไห่กับเซียนเสวี่ยก็จะมาด้วย”

“จริงด้วย ชิงเกอ พวกศิษย์พี่หญิงชายของเจ้าน่ะ” จีเหยาฮั่วนึกขึ้นได้ก็บอกมู่ชิงเกอ “ตอนอยู่ที่เรืออากาศที่เจ้าถามถึง ข้าเล่าไปเพียงเล็กน้อย เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาสี่คนเคยบอกว่า พวกเขาคงตามเจ้าไม่ทันแล้ว เวลานี้ขออยู่ในโลกแห่งยุคกลางก่อน รอไว้สักวันพวกเขาขึ้นมาได้แล้วค่อยมาหาเจ้า”

มู่ชิงเกอยิ้มพยักหน้า “ทุกคนต่างมีเส้นทางของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องฝืนใจตัวเองเพื่อทำสิ่งใดให้ใคร พวกเขาคิดเช่นนี้ได้ข้ายินดีมาก”

คุยกันง่ายๆ เพียงไม่กี่คำแล้วมู่ชิงเกอก็ใช้สายตาส่งคนทั้งสามเข้าไปในเสี่ยวเทียนอี้

“พวกศิษย์พี่หญิงชายของเจ้าเป็นคนที่เข้าใจอะไรได้ดี” โห่วมองมู่ชิงเกอแล้วยิ้มว่า “รู้ว่าเจ้าเป็นตัวประหลาด ไม่มีทางไล่ตามทันได้ ดังนั้นค่อยๆ รอดูดีกว่า”

มู่ชิงเกอยิ้มส่ายหน้า “ตอนพวกเราออกจากหลินชวนเคยสัญญากันว่าจะท่องโลกแห่งยุคกลางด้วยกัน สุดท้ายแล้วข้าก็ยังออกมาก่อนพวกเขาไปก้าวหนึ่ง พวกเขาเองก็พยายามเต็มที่ที่จะไล่ตามมา เพียงแต่ข้าเองก็มีเส้นทางของข้า ข้ามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ไม่สามารถรอพวกเขาหลายปีได้”

“ถือว่าดีมากแล้ว” โห่วพูด

มู่ชิงเกอมองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้คิดอะไรกับความหมายในคำพูดของเขา นางสะบัดแขนเสื้อ ปล่อยเสี่ยวไฉ่ออกมา บอกโห่วว่า “ไปเถอะ พวกเรากลับดินแดน ฮ่วนเยวี่ยกัน”

“เหตุใดเจ้าไม่ฉีกช่องว่างไปโดยตรงเล่า” โห่วถาม

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วมองเขาแวบหนึ่ง แล้วหันไปมองเสี่ยวไฉ่เงียบๆ สบตาที่หงอยเหงาของมัน พูดปลอบว่า “เสี่ยวไฉ่ไม่ได้ออกมารับลมนานแล้ว ขี่มันไปสักระยะหนึ่งก่อนเถอะ”

พอนางพูดจบ เสี่ยวไฉ่ก็ดีใจจนกู่ร้องเสียงดัง

โห่วกับมู่ชิงเกอขึ้นไปบนหลังเสี่ยวไฉ่ด้วยกัน เสี่ยวไฉ่กระพือปีกพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที

“ผู้ชายของเจ้าคนนั้นนับว่าร้ายกาจมาก ถึงขนาดเอาโชคออกมาจากเผ่าเฟิ่งหวงได้” โห่วพูดค่อนขอด

“หือ” มู่ชิงเกอมองเขาราวกับฟังออกว่ามีอะไรซ่อนอยู่ใน

โห่วอธิบายว่า “โชคเป็นสายเลือดที่พิเศษมากของเฟิ่งหวง หลายปีจึงจะมีสักคู่หนึ่ง สายเลือดลํ้าค่าสูงยิ่ง เพียงแต่มีข้อเสียเรื่องเดียวคือไม่สามารถแปลงกายได้”

“ไม่สามารถแปลงกายหรือ” มู่ชิงเกอประหลาดใจ

โห่วพยักหน้า “ดังนั้นโชคจึงอยู่ในเผ่าเฟิ่งหวงและถูกบูชาในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์”

“เผ่าเฟิ่งหวงบูชาโชคหรือ” มู่ชิงเกอยิ่งประหลาดใจมากขึ้น

โห่วขมวดคิ้วคิด เกาศีรษะแล้วว่า “ก็ไม่นับว่าบูชากระมัง โชคเกิดมาเป็นคู่ พวกมันจะห่วงหาแต่คู่ตัวเอง เผ่าเฟิ่งหวงรักเดียวใจเดียว พวกเขาคงเห็นความพิเศษของโชคนี้ถือว่าเป็นความรักในอุดมคติ โอ๊ย จริงๆ ข้าก็ไม่เข้าใจ”

ท่าทางยุ่งยากใจของโห่วทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกขบขัน นางมองไปที่เสี่ยวไฉ่ แววตาผุดความรู้สึกโหมขึ้น

ความรักที่เคียงคู่กันไปตลอดชีวิต คงจะเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างใฝ่หากระมัง

เสี่ยวไฉ่บินในอากาศมาแล้วทั้งวัน มู่ชิงเกอจึงเก็บมันกลับเข้าช่องว่าง ความจริงนางคิดอยู่แล้วว่า เวลานี้นางก็ไม่ค่อยจำเป็นที่จะต้องใช้พาหนะแล้ว

ซือมั่วเองก็เช่นเดียวกัน โชคนั้นสำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ได้มีประโยชน์มากนักแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ไม่สู้ไว้สักวัน ให้ซือมั่วนำอีกตัวมา ให้พวกมันสามารถอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในช่องว่างจะดีกว่า

“ชิงเกอ ข้าไม่สะดวกที่จะตามเจ้าไปดินแดนฮ่วนเยวี่ย ข้ากลับเข้าช่องว่างเจ้าก่อนดีกว่า” โห่วบอกมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอคิดแล้วพยักหน้าพลางเก็บโห่วไว้ในช่องว่างตัวเอง

จากนั้นนางจึงฉีกขาดช่องว่าง ทะลุกลับไปดินแดนฮ่วนเยวี่ยโดยตรง

ขณะที่นางปรากฎตัวที่วังราชาเทวะดินแดนฮ่วนเยวี่ย ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยพลันหยุดดื่มชาและมองการกระเพื่อมไหวของช่องว่างบนท้องฟ้า

ไม่เพียงแต่เขา ราชาเทวะเฒ่าก็เช่นเดียวกัน

เดิมทั้งคู่กำลังดื่มชาอยู่ในวังราชาเทวะ เวลานี้กลับมองไปที่ท้องฟ้าพร้อมกัน

ภายในสายตาของพวกเขา บริเวณที่ช่องว่างกระเพื่อมไหวพลันปรากฎรอยแยกขึ้น ดูราวกับเป็นประตูที่ถูกคนผลักออก ภายในปรากฎชายเสื้อสีแดงสดใสแลบออกมา

เมื่อเห็นชายเสื้อปรากฎ ดวงตาหงส์ของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็สั่นไหวและเบิกกว้าง

ราชาเทวะเฒ่ายิ่งตกตะลึงจนถ้วยชาที่ถืออยู่ในมือหล่น ตกลงไปบนโต๊ะ นํ้าชาหกเต็มพื้นโดยไม่รู้ตัว

มู่ชิงเกอโดดออกมาจากรอยแยกของช่องว่าง ยืนอยู่เบื้องหน้าคนทั้งสอง

ตามด้วย รอยแยกของช่องว่างที่ถูกนางฉีกขาดกลับคืนสู่สภาพปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มู่ชิงเกอยืนอยู่ในวังราชาเทวะ เบื้องหน้าราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยและราชาเทวะเฒ่า นางยิ้มน้อยๆ สะบัดแขนเสื้อทั้งสองข้าง ทำความเคารพทั้งคู่ “คารวะราชาเทวะ อดีตราชาเทวะ มู่ชิงเกอกลับมาแล้ว”

“เจ้า…เจ้าๆๆๆ…” ราชาเทวะเฒ่าตกใจจนพูดไม่เป็นคำ มองมู่ชิงเกออย่างไม่อยากจะเชื่อ

ดวงตาหงส์ที่เกียจคร้านของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยคู่นั้นเปล่งแสงแวววับ ใบหน้าที่งามแสนราวกับรูปปั้น ดูไม่ออกสักนิดว่ามีอารมณ์กระเพื่อมไหว ชุดเสื้อคลุมสีม่วงบนร่างยังคงดูสง่างามสูงศักดิ์เกียจคร้าน

“ดี ดี ดี” เมื่อราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเอ่ยปากก็เอ่ยคำว่าดีติดกันสามคำ

นี่หมายความว่าอะไร

มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว นึกตรึกตรองในใจ

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยวางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างมั่นคง สะบัดแขนเสื้อ ดวงตามองมาที่มู่ชิงเกอ แต่กลับเอ่ยกับราชาเทวะเฒ่าว่า “เจ้าสามดินแดนฮ่วนเยวี่ยของพวกเรามีพรสวรรค์เลิศลํ้าจริงๆ ออกไปสิบกว่าปี กลับมาก็กลายเป็นยอดฝีมือขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นหก อย่าว่าแต่ราชาเทวะน้อยนี่เลย ต่อให้เป็นราชาเทวะก็มีคุณสมบัติเพียงพอแล้ว”

“แน่นอนอยู่แล้ว!สองตาข้าดูคนได้แม่นมากที่สุดแล้ว” ราชาเทวะเฒ่าเก็บงำอาการตื่นตกใจและพูดอย่างปลาบปลื้ม

มุมปากมู่ชิงเกอเชิดขึ้นนิดๆ ไม่ได้เอ่ยตอบ ปล่อยให้ทั้งคู่เอ่ยยกยอกัน

“อย่ามัวแต่ยืนบื้อรีบนั่งเร็ว” ราชาเทวะเฒ่าเรียกมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอกลับมองไปที่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเองก็มองไปที่ร่างมู่ชิงเกอ พูดอย่างเกียจคร้านว่า “นั่งเถอะ”

ได้รับคำอนุญาตจากเขาแล้ว มู่ชิงเกอจึงนั่งลงตรงข้ามคนทั้งสอง โต๊ะเตี้ยสี่เหลี่ยมจัตุรัส สามคนนั่งกันคนละมุม ไม่รู้สึกเบียดแม้เพียงนิดเดียว

“หลายปีก่อน แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรปรากฎภาพจำแลงบุคคลขั้นศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ ทุกคนต่างคาดเดากันว่าเป็นใครกันแน่ที่เลื่อนขึ้นมาเป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ เวลานี้ เห็นแล้วว่าเป็นเจ้าเอง” ราชาเทวะเฒ่าพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และเอ่ยเสริมอย่างฮึกเหิมว่า “หนึ่งดินแดนขั้นศักดิ์สิทธิ์สามคน ข่าวนี้หากแพร่ออกไป จะต้องโกลาหลไปทั่วแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรเป็นแน่”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version