Skip to content

พลิกปฐพี 809

ตอนที่ 809

การประลองของราชาเทวะน้อย

เมื่อพบเหยาชิงไห่กับซีเซียนเสวี่ยอีกครั้ง ทั้งคู่ต่างบำเพ็ญจนถึงขั้นถํ้าวิญญาณแล้ว

เกี่ยวกับพรสวรรค์พวกเขา มู่ชิงเกอไม่เคยนึกสงสัยเลย และเชื่อว่าพวกเขาจะต้องแสดงออกมาให้เห็นในสักวันหนึ่ง

ในดินแดนฮ่วนเยวี่ย มู่ชิงเกอก็ยังมีเพื่อนฝูงหลายคน

พวกเขาจึงชวนกันลงไปยังเมืองข้างล่าง เข้าไปดื่มสุราสังสรรค์กันที่ภัตตาคารในเมือง

“จีเหยาฮั่ว อิ๋งเจ๋อ เว่ยมั่วลี่ ต่างขึ้นมากันแล้ว เวลานี้อยู่ในเสี่ยวเทียนอี้ของแผ่นดินเทพตะวันออก” มู่ชิงเกอบอกเหยาชิงไห่กับซีเซียนเสวี่ย

พอได้ยินว่าสหายในโลกแห่งยุคกลางมาถึงแผ่นดินเทพมารแล้ว ใบหน้าของเหยาชิงไห่กับซีเซียนเสวี่ยต่างเผยรอยยิ้มออกมา

ถงเถิงกะพริบตาอย่างแปลกใจ ถามว่า “จีเหยาฮั่ว อิ๋งเจ๋อ เว่ยมั่วลี่? พวกเขาต่างเป็นเพื่อนของลูกพี่หรือ พวกท่านต่างมาจากโลกเดียวกัน?”

มู่ชิงเกออมยิ้มพลางพยักหน้า

“โอ้โฮ!” ถงเถิงพูดอย่างตกตะลึง “ลูกพี่ โลกของพวกท่านเป็นแบบไหนกันแน่ เหตุใดจึงร้ายกาจกันเช่นนี้ เพียงแค่ไม่กี่สิบปีก็พากันขึ้นมามากมายเพียงนี้ อีกทั้ง เป็นคนคุ้นเคยลูกพี่ทั้งนั้นด้วย!”

พูดแล้ว เขาก็บ่นเงียบๆ “ข้ามานานจนป่านนี้ยังไม่เคยพบคนรู้จักเก่าๆ เลย”

เหยาชิงไห่ยิ้มว่า “เจ้าไม่ต้องกลุ้มไปหรอก พวกเขาอาจขึ้นมาแล้ว เพียงแต่แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรใหญ่โตเกินไป เจ้าเลยยังไม่รู้เท่านั้น”

“ก็คงคิดได้เท่านี้แล้ว” ถงเถิงถอนใจ

จวงซานมองมู่ชิงเกอ พูดต่อจากถงเถิง “เจ้าสาม ตบะบำเพ็ญของเจ้าในเวลานี้เข้าขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือยัง”

พอเขาถามคำนี้ออกมาก็ทำให้ทุกคนต่างอยากรู้จนเงียบลงไปทันที

ไม่ว่าเป็นเหยาชิงไห่ ซีเซียนเสวี่ย ถงเถิงหรือเซียนสุ่ยต่างก็มองไปที่มู่ชิงเกอ รอให้นางตอบ

เกี่ยวกับความสามารถ พรสวรรค์ของมู่ชิงเกอนั้น ทั้งเหยาชิงไห่และซีเซียนเสวี่ยล้วนเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ ที่พวกเขาอยากรู้คือ ปัจจุบันมู่ชิงเกอเป็นขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้น ไหนแล้วต่างหาก

ภายใต้การจับจ้องของทุกคน มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างขำๆ

สำหรับเพื่อนฝูง นางไม่มีอะไรต้องปิดบัง

“รอก่อน ลูกพี่อย่าเพิ่งบอก” ถงเถิงเรียกให้หยุดกะทันหัน ทำให้มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว

นางมองถงเถิงอย่างสนอกสนใจถามว่า “เจ้า อยากเล่นอะไรอีก”

ถงเถิงหัวเราะแหะๆ บอกคนอื่นว่า “ลูกพี่แสดงทีท่าแล้ว เขาเป็นยอดฝีมือขั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังไม่ได้บอกว่าเป็นชั้นไหน พวกเราลองมาพนันกันดูว่าใครจะทายถูก”

คำพูดของเขาทำให้ทุกคนต่างหัวเราะอย่างรู้กัน ลูกเล่นที่สร้างความครึกครื้นเช่นนี้ถงเถิงถนัดที่สุด มู่ชิงเกอจึงปล่อยเขาไปตามสบาย

“ดี ข้อเสนอนี้ไม่เลว พวกเรามาลองทายกันดูว่า ใครจะทายถูก แต่ความตื่นเต้นน่ะมีแล้ว แล้วรางวัลเล่า” เหยาชิงไห่ถาม

ถงเถิงกลอกตาพูดทันทีว่า “ทายผิดย่อมแพ้ คนแพ้ไม่ต้องเสียอะไร ให้ดื่มหนึ่งไห!”

พูดจบ เขาก็นำสุราหลายไหจากกระเป๋าจัดเก็บมาวางไว้บนโต๊ะ

“ถ้าทายถูกเล่า” เซียนสุ่ยยิ้มถาม

“ทายถูกหรือ” ถงเถิงคิดแล้วมองไปที่มู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอเข้าใจความหมายเขา ยิ้มน้อยๆ หยิบขวดยาออกมาวางไว้บนโต๊ะ ยิ้มพูดว่า “ใครทายถูกก็เอาไปได้เลย”

ถงเถิงตาเป็นประกาย ยิ้มว่า “รางวัลนี้ดีมาก!”

จวงซานเองก็ยิ้ม บอกมู่ชิงเกอว่า “ข้าถามเพราะอยากรู้กลับไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่”

มู่ชิงเกอส่ายหน้า ยิ้มว่า “ไม่เป็นไร ทุกคนเล่นสนุกกัน”

ขณะพูด นางคิดแล้วก็ถ่ายทอดเสียงให้จวงซาน ‘ศิษย์พี่จวงซาน หากท่านว่างก็เอาสมุนไพรที่รวบรวมไว้ มาให้ข้า ข้าจะช่วยท่านปรุงยา ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กลับคืนเป็นปกติ’

สีหน้าจวงซานผุดอาการตื่นเต้นยินดี เขามองมู่ชิงเกอด้วยความซาบซึ้งใจแล้วพยักหน้า เขารอวันนี้มานานมากแล้ว โรคที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิด ในที่สุดก็จะ ไปจากเขาแล้วใช่ไหม

การติดต่อของทั้งคู่นั้นเป็นเพียงแค่พริบตาเดียว ไม่ได้ทำให้คนอื่นที่กำลังตื่นเต้นผิดสังเกต

“ลูกพี่ข้าร้ายกาจเช่นนี้ เข้าขั้นศักดิ์สิทธิ์ เป็นไปไม่ได้ที่อยู่เพียงชั้นที่หนึ่ง ดังนั้นข้าทายว่า…”

ถงเถิงเหยียบเท้าข้างหนึ่งบนเก้าอี้ มองนิ้วตัวเองอย่างลังเลเล็กน้อย แล้วจึงตัดสินใจยื่นออกมาสามนิ้ว “ชั้นสาม! ลูกพี่ข้าจะ ต้องอยู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นสาม”

พูดจบ เขายังมองมู่ชิงเกออย่างประจบและยิ้มว่า “ลูกพี่ ท่านว่าข้าพูดถูกหรือไม่”

“ห้ามขี้โกง” ซีเซียนเสวี่ยยิ้มพูด จากนั้นนางคิดแล้วก็พูดว่า “ขณะชิงเกอจากไปก็เป็นถํ้าวิญญาณชั้นแปด ขั้นศักดิ์สิทธิ์เองก็ไม่ใช่เข้าถึงได้ง่ายๆ ทั้งยังเลื่อนชั้นยากมาก ข้าขอทายว่าเป็นชั้นสอง”

เหยาชิงไห่เองก็เอ่ยอย่างเห็นด้วย “ข้าเองก็ทายว่าชั้นสอง เพียงแต่ข้ามีเหตุผลต่างออกไป ข้าเพียงได้ยินว่า สองปีกว่าที่ผ่านมามีชั้นศักดิ์สิทธิ์กำเนิดใหม่ ชิงเกอต้องเป็นขั้นสิทธิ์สิทธิ์คนใหม่คนนั้น เวลาสองปีชิงเกอสามารถขึ้นถึงชั้นสองได้คนนับไม่ถ้วนก็ถือว่ามองไม่เห็นฝุ่นแล้ว”

ซีเซียนเสวี่ยกับเหยาชิงไห่วิเคราะห์ได้อย่างเป็นหลักเป็นฐาน ถงเถิงชักหวั่นใจนึกอยากแก้ใหม่

แต่เซียนสุ่ยกลับแย่งพูดก่อนว่า “แต่ราชาเทวะน้อยเทียบกับคนธรรมดาไม่ได้ เรื่องที่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ก็ยิ่งเป็นไปได้ ดังนั้นข้าก็ทายว่าชั้นสาม”

คำพูดของเขาทำให้ถงเถิงไม่เอ่ยแก้อีก เมื่อพูดจบแล้วก็เหลือเพียงจวงซานเท่านั้น

ส่วนมู่ชิงเกอยังคงอมยิ้มอยู่ในแววตา ฟังพวกเขาวิเคราะห์คาดเดาอย่างเงียบๆ ว่าทายถูกหรือไม่ จากท่าทีของนางนั้นมองอะไรไม่ออกเลยแม้แต่น้อย

“ถึงตาข้าแล้ว” จวงซานยิ้มพูดว่า “พวกเจ้าต่างทายชั้นสอง ยังมีชั้นสามด้วย เช่นนั้นข้าทายชั้นสี่แล้วกัน”

“ชั้นสี่!” ถงเถิงร้องอย่างตกอกตกใจ เขากะพริบตา หัวเราะพูดว่า “ศิษย์พี่จวงซาน ท่านต้องการแกล้งแพ้จะได้ดื่มสุราข้ากระมัง”

ทุกคนต่างหัวเราะออกมา

จวงซานพยักหน้ายิ้ม “วันนี้อารมณ์ดี อยากดื่มมากหน่อย”

“ถึงแม้พวกเราล้วนมีความเชื่อมั่นในตัวชิงเกอ อย่างมาก แต่ชั้นสี่ยังไม่น่าเป็นไปได้” เหยาชิงไห่ยิ้มและส่ายหน้า

ทุกคนพูดจบแล้วจึงมองไปที่มู่ชิงเกอ

ความหมายชัดเจนมากคือจะให้นางประกาศคำตอบ

มู่ชิงเกอถูกทุกคนจับจ้อง รอยยิ้มในดวงตายิ่งชัดเจน ท่ามกลางการเฝ้ารอนางก็ค่อยๆ เปิดปาก “ข้าเป็น…ขั้นศักดิ์สิทธิ์…ชั้นที่…หก’’

ให้ตายเถอะ!

ทันใดนั้น บรรยากาศเงียบสงัดอย่างหนึ่งพลันปรากฎขึ้นในหมู่พวกเขาทันที

พวกเขาต่างมองนางนิ่ง ตกตะลึงจนราวกับกลายเป็นหิน วิญญาณออกจากร่างไปแล้ว

‘เจ้าสามรีบมาที่วังราชาเทวะ’ในเวลานี้เอง สมองมู่ชิงเกอก็มีเสียงราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยดังขึ้น เสียงนั้นแฝงพลังบารมีที่ไม่อาจต่อต้านได้

มู่ชิงเกอคิดแล้วก็เข้าใจว่าคงได้คำตอบเรื่องนั้นแล้ว เงาร่างจึงหายวับไปจากห้องนั้นและทิ้งคำพูดไว้ว่า “ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมา”

เมื่อปรากฎตัวอีกครั้ง มู่ชิงเกอก็มายืนอยู่ในวังราชาเทวะแล้ว

นางเพิ่งยืนนิ่งก็มีแสงสีทองพุ่งมาที่นาง นางยื่นมือไปคว้าไว้ก็จับหยกได้ก้อนหนึ่ง มู่ชิงเกอพิจารณาอย่างประหลาดใจ

เสียงของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยดังขึ้นมาอีก “แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร มีงานชุมนุมราชาเทวะน้อย กำลังจะเริ่มต้นแล้ว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version