ตอนที่ 810
ได้ประโยชน์ ย่อมต้องไป!
ในภัตตาคารเมืองล่างแดนฮ่วนเยวี่ย หลังจากมู่ชิงเกอจากไปแล้วคนในห้องจึงได้สติกัน เพียงแต่ถึงแม้พวกเขาจะฟื้นคืนจากสภาพการกลายร่างเป็นหิน แต่ความสั่นสะท้านในใจยังคงสั่นกระเพื่อมไม่หยุด
ถงเถิงทำตาปริบๆ กลืนนํ้าลายด้วยความยากลำบาก มองดูคนรอบๆ ถามอย่างระมัดระวัง “เมื่อครู่นี้ ลูกพี่บอกว่าเขาเป็นชั้นที่เท่าไหร่นะ”
เหยาชิงไห่สูดลมหายใจเข้าลึก พูดเสียงเครียดว่า “ขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่หก!”
ซี้ด!
ถึงแม้ไม่ใช่ได้ยินเป็นครั้งแรก แต่ขณะที่เขาบอกคำตอบ ในห้องก็ยังคงมีเสียงสูดลมหายใจดังขึ้นอยู่ดี
ครู่หนึ่ง เซียนสุ่ยจึงพูดด้วยสีหน้าประหลาดว่า “ปีศาจ!”
พูดจบ ท่าทางเขาก็ดูหงอยเหงาสุดประมาณ ขณะที่เขาคิดว่าจะต้องต่อสู้กับมู่ชิงเกออย่างไรอีกฝ่ายก็ไปถึงอีกระดับหนึ่งแล้ว คู่ต่อสู้ที่ต้องเผชิญหน้า ไม่ใช่พวกเขาในขั้นนี้อีกแล้ว
ความรู้สึกซับซ้อนไม่ชัดเจนไม่สามารถพูดออก มาได้ทำให้เขาหยิบสุราไหหนึ่งขึ้นมาเปิดผนึกออกแล้วดื่มอยู่คนเดียว
“’ฝืนฟ้า” จวงซานพูดวิจารณ์มู่ชิงเกอ
ส่วนถงเถิงก็นิ่งไปนานจึงคิดคำออกมาได้ ‘วิปริต!’
ซีเซียนเสวี่ยกลับยิ้มว่า “ชิงเกอประสบความสำเร็จขนาดนี้จะต้องผ่านอะไรมามากมายแน่”
เหยาชิงไห่พยักหน้าว่า “ถูกต้อง ดูแล้วพวกเราคงบำเพ็ญอยู่แต่ในดินแดนไม่ได้แล้ว ต้องออกไปท่องในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร เสาะหาโอกาสของพวกเราเอง รับรู้หลักวิถีของตัวเอง”
“ถูกต้อง ถูกต้อง ความคิดนี้ถูกต้อง ถึงเวลาแล้วพวกเราไปด้วยกันนะ” ถงเถิงรีบตอบรับทันที
ในห้องพลันเฮฮาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
การจากไปของมู่ชิงเกอ ถึงแม้จะกะทันหัน แต่พวกเขาราวกับเคยชินกับการมีธุระยุ่งเหยิงของนางแล้ว จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
แต่ขณะที่มู่ชิงเกอจากไปนั้นไม่ได้นำขวดยาที่เป็นของรางวัลไปด้วย
สายตาของถงเถิงเล็งขวดนี้อยู่หลายรอบ สุดท้ายแล้วก็หัวเราะแหะๆ และถามว่า “ลูกพี่รู้อยู่ว่าพวกเราต่างทายผิด แต่ก็ไม่ได้เก็บขวดยานี้ไป ใช่ว่าให้พวกเราแล้วหรือไม่”
พูดจบ เขาก็คว้าขวดยามาเปิดออก เทยาข้างในออกมา ทันใดนั้น ในมือเขาก็ปรากฎยาที่เหมือนกันห้าเม็ด พอสำหรับพวกเขาห้าคนพอดี
ถงเถิงจุ๊ปากครวญว่า “ลูกพี่ก็คือลูกพี่ ใจกว้างหาใครเทียบได้!”
ในวังราชาเทวะ มู่ชิงเกอมองราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย แล้วถามว่า “งานชุมนุมราชาเทวะน้อย?”
มันคืออะไรกัน
บนบัลลังก์ราชาเทวะ ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยนั่งพิงพนักอย่างเกียจคร้าน มือหนึ่งยันศีรษะไว้ปล่อยให้ปอยผมร่วงตกลงมา ท่าทางปล่อยตัวตามสบายเช่นนี้ ยิ่งเพิ่ม ความสง่างามของเขา โดยเฉพาะตาหงส์คู่นั้น ราวกับแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่ล่อลวงจิตวิญญาณคน
“อืม เจ้าดูกำหนดวันที่แล้วก็ไปร่วมเถอะ” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยพูดอย่างสบายอารมณ์
มุมปากมู่ชิงเกอกระตุกขึ้น นางเคาะก้อนหยกในมือ นี่คงเป็นเทียบเชิญให้ไปร่วมงานชุมนุมราชาเทวะน้อยอะไรนั่น แต่นางไม่ได้เตรียมจะไปร่วมงานชุมนุม อะไรนั่นสักหน่อย นี่ ท่านราชาเทวะ ท่านสบายอารมณ์มากเกินไปแล้วกระมัง เรื่องที่เพิ่งคุยไป ไพ่ที่แบออกให้ดู ล้วนเป็นของปลอมหรือไร
มู่ชิงเกอบ่นอยู่ในใจพักใหญ่
กำลังคิดจะปฏิเสธ ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกลับเอ่ยเสริมให้อย่างเมตตาเป็นพิเศษ “ครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะได้อาบแสงแห่งวิถีอีกครั้งหนึ่ง และเป็นครั้งที่เจ้าจะมี โอกาสเข้าใจถึงพลังความสามารถของราชาเทวะน้อยในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรอย่างดีที่สุด เหยียนเสี่ยกับหมิงถงล้วนไปด้วย”
แสงแห่งวิถี!
นัยน์ตามู่ชิงเกอเปล่งประกาย คำพูดปฏิเสธกลืนกลับลงไป
นางเม้มปากหรี่ตา คิดใคร่ครวญ
ครั้งที่แล้ว นางอาบแสงแห่งวิถี บันได 99 ขั้นนางขึ้นไปได้เพียง 52 ขั้น ชูเนี่ยนเองก็เคยเอ่ยถึงเช่นกันว่าแสงแห่งวิถีไม่ใช่อาบได้เพียงครั้งเดียว
เช่นนั้นแล้ว โอกาสครั้งนี้นางจะสามารถเดินไปถึงขั้นสูงสุด ขั้นที่ 99 ได้หรือไม่นะ
ยังมีเหยียนเสี่ย หมิงถง ที่ล้วนเพิ่งขึ้นถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ นางเองก็อยากดูฝีมือพวกเขา โดยเฉพาะเหยียนเสี่ย การต่อสู้ครั้งที่แล้วยังไม่สิ้นสุดเลย
คิดเช่นนี้แล้วมู่ชิงเกอจึงเก็บก้อนหยกไปเงียบๆ
เพียงแต่นางยังไม่เข้าใจว่า นางบอกราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยไปทุกอย่างแล้ว เหตุใดเขาจึงยังให้ตัวเองไปร่วมงานชุมนุมเช่นนี้อีก
“เพราะอะไรหรือ” มู่ชิงเกอถาม
ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกลับทำสีหน้านิ่งเฉย พูดอย่างเกียจคร้านว่า “เจ้ายังเป็นราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยของข้า ก็ต้องทำเรื่องที่ราชาเทวะน้อยสมควรทำ”
เหตุผลนี้..
มู่ชิงเกอเบ้ปากเงียบๆ ขี้เกียจจะเถียงด้วย
“ระยะนี้แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรดูไม่สงบเลย” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
มู่ชิงเกอมองเขา ยิ้มจางๆ “ย่อมไม่สงบอยู่แล้ว จะฟื้นฟูเก้าชั้นฟ้า ไม่ให้มีเสียงอะไรบ้างได้อย่างไร”
คำพูดนางทำให้นัยน์ตาที่เกียจคร้านของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยค่อยๆ เบิกขึ้น มองมาที่มู่ชิงเกอ สายตาคนทั้งคู่สบกัน กลางอากาศ ไม่ได้เกิดประกายไฟ คงมีแต่ความสงบนิ่งอย่างยิ่ง
“แล้วที่ทัพใหญ่เผ่ามารชุมนุมอยู่นอกแผ่นดินเทพตะวันตกนั่นเป็นเพราะอะไรหรือ’’ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเอ่ยขึ้นกะทันหัน
ทัพใหญ่เผ่ามารชุมนุมอยู่นอกแผ่นดินเทพตะวันตก!
มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว เรื่องนี้นางไม่รู้เลยจริงๆ แน่นอนว่า การเคลื่อนพลใหญ่ครั้งนี้ของเผ่ามารย่อมต้องเป็นการตัดสินของซือมั่ว
“ทัพใหญ่เผ่ามารชุมนุม?” มู่ชิงเกอหัวเราะขบขัน “เรื่องนี้เกินความคาดหมายมาก แต่ในเมื่อราชาเทวะถามแล้ว ข้าก็คงพูดได้แค่ว่าตามที่ราชาเทวะเอ่ยถึงการลอบ สังหารราชามาร เกรงว่าการเคลื่อนไหวของกองทัพมารคงเพราะต้องการแก้แค้นกระมัง”
“พูดได้ดี” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยสีหน้านิ่งเฉยมองมู่ชิงเกอ “เพียงแต่ เห็นเจ้าโวยวายเรื่องจะฟื้นฟูเก้าชั้นฟ้า ส่วนทางกองทัพมารก็จะเริ่มเปิดสงคราม เจ้าไม่รู้สึกว่ามัน ช่างบังเอิญไปหน่อยหรือ”
“ใครใช้ให้พวกเขาไปลอบสังหารราชามารเวลานี้เล่า” มู่ชิงเกอยิ้มอย่างเยือกเย็น
ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยพูดเรียบๆ ว่า “ระหว่างเทพมารสองเผ่า มีสิ่งกีดขวางกั้นอยู่ กองทัพมารคิดจะบุกเข้ามาครั้งใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องเพียงชั่วครู่ชั่วยามจะทำได้”
แววตามู่ชิงเกอมืดลง เม้มปากไม่พูด นี่นับเป็นปัญหาจริงๆ แต่ปัญหานี้ไม่ใช่ว่าซือมั่วไม่รู้ เขาจะต้องมีแผนการของเขาเองแน่
“เจ้าออกไปเถอะ” ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยสะบัดแขนเสื้อ โบกมือ ครั้งนี้ เขาไม่ได้พัดมู่ชิงเกอออกจากวังราชาเทวะโดยตรง
“ราชาเทวะ เรื่องนั้น…” มู่ชิงเกอถาม
ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยพูดอย่างเรื่อยเฉื่อยว่า “รอให้เจ้านำชื่อผู้นำกลับมาพบข้า ข้าย่อมจะให้คำตอบเอง”
มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ ผงกศีรษะและถอยออกจากวังราชาเทวะ
หลังจากนางจากไปแล้วก็ไม่ได้กลับไปยังเมืองล่างร่วมงานสังสรรค์แต่ไปหาเฟิ่งซิ่งก่อน
เมื่อเฟิ่งซิ่งเห็นนางก็ค้อมตัวคารวะด้วยท่าทางเคารพนบนอบ
เมื่อได้พบเฟิ่งซิ่งอีกครั้ง มู่ชิงเกอยังรู้สึกว่าเกินคาด ศิษย์พี่เฟิ่งซิ่งผู้นี้คือสายลับเผ่ามาร ถ้าเช่นนั้น ครั้งที่นางถูกจวงซานนำขึ้นเรืออากาศดินแดนฮ่วนเยวี่ยก็เป็นความตั้งใจของเขางั้นหรึอ
“กองทัพมารบุกมาประชิดแดน ชุมนุมอยู่นอกแผ่นดินเทพตะวันตกนั้นมันเรื่องอะไรกันแน่” หลังจากมู่ชิงเกอวางสิ่งป้องกันการแอบฟังแล้วก็ถามขึ้นทันที
‘พระชายา นี่เป็นแผนการขององค์ราชา’ ท่าทีของเฟิ่งซิ่งยังคงเป็นเช่นแต่ก่อน แต่ถ่ายทอดเสียงให้มู่ชิงเกอแทน