ตอนที่ 815
อะไรที่เรียกว่ามือเดียวแขวนตี
“ถูกต้อง ถูกต้อง พวกเราต้องจัดการเรื่องสำคัญกันก่อน”
“ใช่แล้ว จะทำสงครามนํ้าลายไปไย ใครแข็งใครอ่อน ประลองไปเลยก็รู้แล้ว”
“อืม เวลามีค่า จุดประสงค์สุดท้ายของพวกเรานั้นมาเพื่ออาบแสงแห่งวิถีกันนะ”
ราชาเทวะน้อยดินแดนจินกวง ดินแดนสือฟาง ดินแดนเชียนเหนียว ต่างสนับสนุนคำพูดเป่ยเหยียน
มู่ชิงเกอก็ดูออกว่าแม้ปากเป่ยเหยียนจะเปราะไปหน่อย แต่ไม่ใช่ประเภทวางแผนยุแยงตะแคงรั่ว เขาเพียงไม่ชอบใจใครก็ทิ่มแทงออกไปตรงๆ ไม่ได้จริงจังอะไร
อาจเพราะเป็นเช่นนี้ ราชาเทวะน้อยอื่นๆ จึงยังยอมอดทนกับเขาได้ แน่นอนว่า ป้ายราชาเทวะจงซานนั้นก็มีผลอย่างมากด้วยเช่นกัน
ตามข่าวสารข้อมูลที่มู่ชิงเกอรวบรวมมาได้ ราชาเทวะจงซานเป็นยอดฝีมือขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นที่เจ็ดทีเดียว
“ได้ เช่นนั้นก็เริ่มกันเลย” เหยียนเสี่ยบิดคอนิด หนึ่งก้าวขึ้นหน้าไปก้าวหนึ่ง
พอเขาขยับ เสียงโต้แย้งก็เงียบสนิทลงทันที
เหยียนเสี่ยมองมู่ชิงเกอ ชี้ไปที่มู่ชิงเกอและพูดอย่างโอหังว่า “เจ้า เข้ามา”
มู่ชิงเกอแหงนหน้ามองฟ้าเงียบๆ ส่ายหน้าช้าๆ บอกเหยียนเสี่ยว่า “ไม่เจอกันสิบกว่าปี ตอนนั้นเจ้าเคยทิ้งคำพูดไว้ว่าเราจะกลับมาเจอกันอีก ข้ายังเข้าใจว่าเจ้า จะก้าวหน้ามากขึ้นกว่านี้ ไม่นึกว่าสิบกว่าปีให้หลัง ถึงแม้เจ้าจะเข้าขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่กลับทำให้ข้าดูถูกเจ้ามากยิ่งขึ้น”
พอนางพูดจบ เป่ยเหยียนก็ถอยหลังเงียบๆ ไปก้าวหนึ่ง
พอเขาถอยหมิงถงก็ถอยตาม ตั้งแต่ต้นจนจบ เขายังคงรักษาระยะห่างจากเป่ยเหยียนครึ่งก้าวตลอดเวลา
จื้อลู่แค่นยิ้มส่งสายตาให้คนทางซ้ายขวาแล้วถอยไปเงียบๆ
พวกดินแดนจินกวง ดินแดนเซียนเหนี่ยว ดินแดนสือฟางสามคน เดิมทีก็อยู่ห่างอยู่แล้ว แต่เวลานี้ก็ยังถอยออกไปอีก
ชูเนี่ยนเชื่อมั่นในตัวมู่ชิงเกอยิ่งนัก เพียงส่งแววตาให้กำลังใจแล้วถอยหลังไป การถอยออกไปของคนทั้งเก้าทำให้มีที่ว่างตรงกลางเหลืออยู่เพื่อให้มู่ชิงเกอกับเหยี ยนเสี่ยประลองกันได้
“เจ้ารนหาที่ตาย!” เหยียนเสี่ยขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
นัยน์ตาเขาพ่นไฟแค้นออกมาแล้ว
พรึ่บ!
เปลวไฟลุกโชนอยู่ในฝ่ามือของเขา พลังเกรี้ยวกราดรุนแรง พลังบารมีขั้นศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมา กดดันจนอีกเจ็ดคนที่ไม่ใช่ขั้นศักดิ์สิทธิ์สีหน้าเปลี่ยนไปและถอยหลังไปอีกหลายก้าวทันที
จื้อลู่มองเหยียนเสี่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สายตาเต็มไปด้วยความริษยารุนแรง เขาริษยาที่เหยียนเสี่ยได้ชื่อว่าเป็นที่หนึ่งในหมู่ราชาเทวะน้อย อีกทั้งเวลานี้ก็ยังเข้าขั้นศักดิ์สิทธิ์ก่อนเขา
คนที่ตนมองว่าเป็นศัตรูกลับกดตนเองทุกทางเช่นนี้ นั่นเป็นความรู้สึกที่แย่เหลือเกิน แย่เสียจนอยากฆ่าคนให้หายอึดอัด
เหยียนเสี่ยขยับเท้า พลังแห่งกฎบัญญัติรอบบริเวณเริ่มถูกเรียกมา
บนเนินทรายสีแดง เกิดพายุรุนแรงเป็นลูกๆ ราว กับฝืนกฎฟ้าจนทำให้สวรรค์พิโรธ
เปลวเพลิงในมือเขาดับไป แต่พลังแห่งกฎบัญญัติกลับรุนแรงมากขึ้นทุกที
เหยียนเสี่ยยิ้มอย่างเหี้ยมโหด “หลังเข้าถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้ว กฎบัญญัติรากวิญญาณก็ไม่ถูกจำกัดอีก เพียงอาศัยความเข้าใจหลักวิถีของแต่ละบุคคล เจ้าเป็น เพียงพวกคนข้างล่างที่บินขึ้นมา ถึงแม้โชคดีเข้าถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่นึกหรือว่าจะสามารถเทียบขั้นกับข้าได้ การรับรู้หลักวิถีเพียงสั้นๆ ไม่กี่สิบปีของเจ้าจะเทียบได้กับการรับรู้นับพันปีของข้าหรือ”
อะไรนะ!
มู่ชิงเกอก็เข้าขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือ
ข่าวของเหยียนเสี่ยนี้ คนที่ตระหนกมากที่สุดคือจื้อลู่ที่ดูถูกมู่ชิงเกอเช่นเดียวกัน
ตาดำของเขาหดลง สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน ความสั่นสะท้านยากจะปิดบังได้
แต่ในเวลาเดียวกัน ความไม่ยอมรับ ความโกรธ ความริษยาในแววตาก็พลันรุนแรงมากยิ่งขึ้น เหยียนเสี่ยแกร่งกว่าเขา เขายังพอทนกลํ้ากลืนได้ แต่มู่ชิงเกออาศัยอะไรกัน
มดปลวกที่บินขึ้นมาจากข้างล่าง ถึงขั้นก้าวขึ้นมานำอยู่ตรงหน้าเขาได้
ไม่ยอม!
อย่างไรก็ไม่ยอม!
จิตใจจื้อลู่พลันเกิดเพลิงโทสะโหมรุนแรง เป็นไฟริษยา อีกทั้งยังเป็นไฟแห่งความแค้นเคือง
‘เหตุใดเขาจึงก้าวหน้าไปได้รวดเร็วเช่นนั้น! จะต้องมีตัวช่วยแน่นอน!’ จื้อลู่บอกตัวเองในใจ ทันใดนั้นนัยน์ตาเขาก็เปล่งประกายแวววับ คิดในใจว่า ‘ถูกเขาปั่น หัวเข้าแล้วสิ! เขาจะต้องได้เคล็ดวิชาเทวะจากนายน้อยตระกูลมู่ในครั้งนั้น แต่กลับมาหลอกตบตาพวกเราแน่! หาไม่แล้วจะอธิบายตบะบำเพ็ญของเขาที่รุดหน้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร’
รู้สึกว่า ทั้งหมดนี้เดิมทีควรจะต้องเป็นของเขา หากมู่ชิงเกอไม่ได้หลอกเขาในครั้งนั้น เวลานี้จื้อลู่มั่นใจความคิดตัวเองมากยิ่งขึ้น กระทั่งเขาก็จะต้องเข้าถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้ว! จะถูกเหยียนเสี่ยหัวเราะเยาะอย่างเมื่อครู่นี้ได้อย่างไร
“มู่ชิงเกอ เจ้ามารับความตายเถอะ! ตายในนํ้ามือข้า ก็ไม่ถือว่าอยุติธรรมสำหรับเจ้า” เขาราวกับลืมไปแล้วว่าครั้งนั้นเขาเคยพ่ายแพ้ต่อมู่ชิงเกอ
การเข้าสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ทำให้เขายโสขึ้นมาก การสิ้นชีพของราชาเทวะจั๋วอวี่ ทำให้คำว่า ‘น้อย’ ด้านหลังคำว่าราชาเทวะของเขาพร้อมที่จะถูกตัดทิ้งไปได้ทุกเมื่อ
สิ่งนี้ยิ่งทำให้เขาลืมสิ้นทุกสิ่ง
เหยียนเสี่ยพุ่งไปที่มู่ชิงเกอ
พอเขาขยับพลังแห่งกฎบัญญัติก็เทลงมาราวกับนํ้าไหลบ่าจากฟากฟ้า บีบบังคับให้คนทั้งหมดต้องถอยหลังออกไป เพื่อไม่ให้ตัวเองโดนลูกหลงไปด้วย
ส่วนมู่ชิงเกอยังคงยืนอยู่ใจกลางพายุโหมคลั่ง แต่กลับนิ่งเฉยไม่ขยับ
นางยืนเอามือไพล่หลัง มุมปากโค้งขึ้นนิดๆ รอเหยียนเสี่ยเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
กลิ่นอายพายุแห่งกฎบัญญัติอันบ้าคลั่งนั้นราวกับทำอะไรนางไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เหยียนเสี่ยมาถึงเบื้องหน้ามู่ชิงเกอในพริบตาเดียว เมื่อเห็นความสงบนิ่งของเขาแล้วจิตใจก็สั่นสะท้านไปวูบหนึ่ง
แต่ในเวลานี้เอง มู่ชิงเกอก็เอ่ยปากขึ้น นางยิ้มบางๆ พูดช้าๆ ว่า “วันนี้ ข้าจะสอนเจ้าว่าอะไรที่เรียกว่า มือเดียวแขวนตี”
พูดจบนางยกมือขวาขึ้นกำนิ้วทั้งห้า
แกรก แกรก!
เสียงดังก้องแว่วมา พลังแห่งกฎบัญญัติที่เหยียนเลี่ยเรียกมาสลายหายไปสิ้นเพียงนางบีบเบาๆ ลมเมฆล้วนกระจายไปสิ้น
พลังเกรี้ยวกราดโหดเหี้ยมจางหายไปเพียงพริบตาเดียว
เนินทรายสีแดงกลับคืนสู่ความสงบ
เหยียนเสี่ยจ้องมู่ชิงเกอนิ่งราวกับถูกมนต์สะกด ราวกับไม่สามารถตอบสนองกับเหตุการณ์นี้ได้ทัน ในเวลานี้เองมู่ชิงเกอก็ลงมือแล้ว
มือขวาที่กำแน่นเป็นหมัดชกเข้าที่ใบหน้าเหยียนเสี่ยโดยไม่ลังเลแม้แต่นิด
ปัง!
พลังรุนแรงมหาศาลปะทะใบหน้าด้านซ้ายของเหยียนเสี่ย เห็นชัดว่าเป็นหมัดเพียงหมัดเดียวแท้ๆ แต่พลังในกายทั้งหมดกลับทำให้เขาไม่มีโอกาสต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย ถูกชกอย่างแรงจนลอยออกไป
ร่างกายเหยียนเสี่ยลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า กระอักโลหิตสดๆ ออกจากปาก
สุดท้ายแล้วก็ตกลงบนพื้นอย่างรุนแรง ฝังร่างกายครึ่งหนึ่งไว้ในเนินทรายสีแดง
ขั้นศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง ถูกมู่ชิงเกอตีจนพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเช่นนี้น่ะหรือ
ภาพนี้ทำให้ผู้คนที่ล้อมดูอยู่ตะลึงงัน
แต่ขณะที่เหยียนเสี่ยตกลงมานั้น เงาร่างมู่ชิงเกอก็วูบไหวมาปรากฎตัวอยู่เบื้องหน้าเขาและยกเท้าขึ้นเตะอย่างไร้ความปรานีไปหนึ่งที ส่งเหยียนเสี่ยกลับขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง
การเตะครั้งนี้ทุกคนได้ยินชัดเจนถึงเสียงกระดูกแตกหัก
ความหนาวเย็นผุดขึ้นในจิตใจของทุกคนในทันที แม้แต่เป่ยเหยียนเวลานี้ยังเก็บงำสีหน้าที่ไม่ควรมี แววตาเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง
สภาพร่างกายของขั้นศักดิ์สิทธิ์ แม้กระทั่งการระเบิดตัวเองของขั้นถํ้าวิญญาณชั้นเก้ายังไม่สามารถทำอันตรายได้แม้เพียงนิด แต่มู่ชิงเกอเตะเพียงทีเดียวก็ถึงขั้นกระดูกแตกหัก!
มู่ชิงเกอคนนี้ใช้พลังแบบไหนกันแน่!
ขั้นศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง ถูกเขาตีจนไม่สามารถต้านทานได้แม้เพียงแต่นิด เขาแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่